ผลต่างระหว่างรุ่นของ "มาช่า วัฒนพานิช"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
มังกรคาบแก้ว (คุย | ส่วนร่วม)
มีอยู่ในบทความผลงานแล้ว
บรรทัด 50:
 
ในปี พ.ศ. 2556 มาช่าและอำพลอดีตสามี ได้ถ่ายแบบนิตยสารและขึ้นคอนเสิร์ตด้วยกัน<ref>{{cite web |url=http://www.praew.com/People/53/บทสรุปความรักของมาช่าและอำพล#.VHch79KUeqg|title= มาช่า วัฒนพานิช & อำพล ลำพูน บทสรุปความรักของมาช่าและอำพล |author=|date=8 ตุลาคม 2556|work= |publisher=แพรว|accessdate=27 พฤศจิกายน 2557}}</ref> ทั้งยังโพสต์รูปเก่า ๆ เมื่อครั้งสมรสกับอดีตสามีลงอินสตราแกรมส่วนตัวของเธอ<ref>{{cite web |url=http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9560000105479|title=มีสิทธิ์? ลุ้นสุด ๆ ลมหวนคู่ “มาช่า-อำพล” หลังฝ่ายหญิงโพสต์ภาพหวานในอดีต|author=|date=23 สิงหาคม 2556|work= |publisher=ASTV ผู้จัดการออนไลน์|accessdate=27 พฤศจิกายน 2557}}</ref>
 
== ชีวิตในวงการบันเทิง ==
{{ปรับภาษา}}
"มาช่า วัฒนพานิช" นักร้องสาวที่ได้รับการยกย่องว่าสวยที่สุด คนหนึ่งในวงการ บันเทิงเมืองไทย ด้วยประสบการณ์ที่โชกโชน ทั้งด้านการแสดง ถ่ายแบบ จนถึงงานเพลง ที่เธอรักและตั้งใจ ผลงานที่ผ่านมา เป็นเครื่องยืนยันความสำเร็จของเธอได้ เป็นอย่างดี เธอเริ่มเข้าสู่วงการบันเทิง ครั้งแรก เมื่อปี 2528 ด้วยอายุเพียง 14 ปี กับผลงานการถ่ายภาพยนตร์โฆษณา ลูกอมยี่ห้อหนึ่ง จากนั้น ก็เริ่มถ่ายแบบ ขึ้นปกนิตยสาร และเข้าสู่วงการภาพยนตร์ ในปี 2529 จากการชักชวนของ คมน์ อรรคเดช ผลงานภาพยนตร์ เรื่องแรกคือ "ตำรวจเหล็ก" เธอแสดงภาพยนตร์มาเรื่อยๆ ก่อนที่จะประสบ ความสำเร็จ อย่างมากมายจน ได้รับรางวัลตุ๊กตาทอง ในปี 2530 จากบทนักแสดงนำ และร้องเพลงประกอบ ในภาพยนตร์ เรื่อง "จงรัก" ของ[[หม่อมเจ้าทิพยฉัตร ฉัตรชัย]]
 
ปี 2529 '''มาช่า วัฒนพานิช''' เริ่มเข้าวงการภาพยนตร์แรกเริ่มในชื่อ "พิม วัฒนพานิช" แสดงภาพยนตร์ครั้งแรก ในบทบู๊เรื่อง "ตำรวจเหล็ก" และอีกหลายเรื่องต่อมา
 
ปี 2530 เธอแจ้งเกิดแบบสุดๆ กลับการกล้าฉีกบทบาทของนางเอกดาวรุ่งในภาพยนตร์เรื่อง "กว่าจะรู้เดียงสา"
 
ปี 2531 จากภาพยนตร์เรื่อง "จงรัก" ทำให้เธอคว้ารางวัล [[นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม]] รางวัลพระราชทานพระสุรัสวดี รางวัลตุ๊กตาทอง
 
ปี 2532 ในยุคที่วงการภาพยนตร์ซบเซา ทำให้มาช่าเข้ามามีบทบาทในวงการละครโทรทัศน์ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
 
ปี 2534 ทางแกรมมี่ได้ชักนำ มาช่าเข้าสู่วงการเพลง เธอทุ่มเท ฝึกฝน และเตรียมตัวอย่างหนัก ก่อนก้าวขึ้นเป็น นักร้องเต็มตัว ด้วยการออกอัลบั้มแรกที่ชื่อว่า "ถามดาว" ในปี 2534 งาน เพลงป็อบ ผสมกลิ่นคันทรี่ร็อค หลายๆบทเพลง สื่อถึงความเป็น ตัวตน ของมาช่า ทำให้คนรู้จักเธอมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเพลง เหนื่อยไหมดาว, ขอเวลาตั้งตัว และเพลงแตกหัก ได้รับการตอบรับ อย่างท่วมท้น จากผู้ฟังและนักวิจารณ์ ทำให้เธอประสบความสำเร็จ ในฐานะนักร้องหน้าใหม่
 
ปี 2535 ถึงจะเป็นนักร้องเต็มตัวแต่ภาพความเป็นนักแสดงของมาช่าก็ยังเต็มเปี่ยม จึงทำให้เธอมีโอกาสกลับมาแสดงละครอีกครั้งในเรื่อง "วังน้ำวน" ประชันกับ [[ใหม่ เจริญปุระ]] และเรื่อง "ไฟโชนแสง" ที่ทำให้เธอได้รับรางวัลโทรทัศน์ทองคำ จากละครเรื่องนี้
 
ปี 2536 สตูดิโออัลบั้มชุดที่ 2 ของมาช่าก็คลอดออกมาในชุด "รสชาติความเป็นคน" ซึ่งกลายเป็นอัลบั้มที่จัดจ้านกว่าเดิม และกลมกล่อมไปด้วยแนวเพลงบวกกับเนื้อหาที่ลงตัว ความสำเร็จที่ต่อยอดจากงานชุดแรก ผลักดันให้ชื่อของมาช่ากลายเป็นซุปเปอร์สตาร์หญิงในช่วงนั้น มีเพลงที่ติดหูคนฟังได้แก่ "ความดัน (ทุรัง) สูง" กับ "ผิดไปแล้ว"
 
ปี 2537 ในโอกาสครบรอบ 10 ปีแกรมมี่ มาช่าเลยได้ขึ้นโชว์บนเวทีคอนเสิร์ตกับศิลปินร่วมค่ายอีกมากมาย อาทิ เบิร์ด-ธงไชย, ใหม่ เจริญปุระ, คริสติน่า, แอม-เสาวลักษณ์, เจ-เจตริน, อัสนี & วสันต์ ฯลฯ ใน "คอนเสิร์ต 10 ปี แกรมมี่"
 
ปี 2538 เธอเป็นแขกรับเชิญพิเศษในอัลบั้ม "ขนนกกับดอกไม้" ของ [[ธงไชย แมคอินไตย์]] โดยร่วมกัน Feathuring เพลง "ฝากฟ้าทะเลฝัน"
 
ปี 2539 มาช่ามีอัลบั้มชุดที่ 3 ชื่อ "Room No.3" ในภาพที่ดูห้าว แกร่ง และซ่าส์กว่าเดิม มีเพลงฮิตติดหูอย่างเพลง "รอ" มาเอาใจคนฟัง และเพลงเร็วอย่าง "อย่ายอมฉัน"
 
ปี 2540 เธอมีโอกาสกลับมาเล่นละครอีกครั้ง กับบทคอมเมดี้สุดน่ารักในเรื่อง "นางสาวไม่จำกัดนามสกุล" พร้อมด้วยผลงานเพลงชุดพิเศษ "Re-Entry" ซึ่งเพลงที่ได้รับการตอบรับที่ดีคือเพลง "ใครสักคน" และเพลงที่มาช่าเขียนเอง ชื่อเพลง "ไม่เป็นไรคนดี" นอกจากนี้ในอัลบั้มเรายังได้ยินเสียงของมาช่านำหลายบทเพลงของศิลปินชายมาขับร้องใหม่
 
ปี 2542 มาถึงอัลบั้มเดี่ยวชุดที่ 4 (นับเฉพาะงานที่เป็นเพลงแต่งใหม่) ชื่อชุด "Maya" โดยมาช่าปล่อยเพลง "อดใจไม่ไหว" มากล่อมคนฟัง ก่อนจะส่งเพลงโชว์จังหวะอย่าง "มายา" และเพลงในสไตล์ที่เธอถนัดอย่างเพลง "คนใจแตก" ตามออกมาเรียกคะแนนโหวตจากคลื่นวิทยุ และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีมาก ปิดท้ายอัลบั้มด้วยเพลง "เวลากับคนสองคน" เพลงช้าที่มาช่าร้องได้เศร้าสุดอารมณ์คนฟัง
 
ปี 2543 มาช่ารวมตัวกับเพื่อนศิลปินสาวออกอัลบั้มพิเศษชุด "Seven" อาธิ [[แอม เสาวลักษณ์]], [[ใหม่ เจริญปุระ]], [[นิโคล เทริโอ]], [[หฤทัย ม่วงบุญศรี]], [[นัท มีเรีย]] และ [[ภัครมัย โปตระนันท์]] และมีเพลง "เหตุการณ์ไม่เคยเปลี่ยน" กับ "ห้องนี้" เป็นเพลงเดี่ยวที่มาช่าร้อง นอกจากนี้มาช่ายังมีงานละครเรื่อง "หงส์เหนือมังกร" ที่เธอฝากผลงานไว้อีกด้วย
 
ปี 2544 และมาช่าก็กลับมามีผลงานเพลงชุดต่อมา คือ "Fine Days" ในภาพลักษณ์ที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น ทั้งเนื้อเสียง การร้อง และสไตล์การแต่งตัว แบบที่ไม่ต้องปรุงแต่งใดๆ เธอก็สามารถสื่อสารออกมาได้อย่างชัดเจน และเป็นธรรมชาติ ผลงานเพลงที่ได้รับการยอมรับในชุดนี้ได้แก่ "จากคนอื่นคนไกล, ไม่อยากนอนคนเดียว, มืออาชีพยังยอม, อีกคนที่รักเธอ ฯลฯ"
 
ปี 2545 เป็นช่วงเวลาพักจากงานเพลงกลับมาเล่นละครถึง 2 เรื่องด้วยกัน คือ "สายลมกับแสงดาว" และ "บ่วงบรรจถรณ์"
 
ปี 2546 อัลบั้มชุดที่ 6 "The River of Life" ตามออกมา เริ่มต้นด้วยการปล่อยเพลงเพราะอย่าง "สายน้ำไม่ไหลกลับ" มากล่อมคนฟังอีกเช่นเดิม ในงานชุดนี้ มาช่ายังยึดภาพที่ดูเป็นธรรมชาติ เรียบง่าย แต่แฝงมุมเซ็กซี่ในแบบมาช่าเอาไว้เช่นเดิม นอกจากนี้มาช่ายังมีเพลงสนุกอย่าง "จะไม่เกรงใจ" และ "โลกนี้ต้องมีผู้ชายอย่างเธอ"
 
ปี 2547 เธอกลับมารับงานละครอีกครั้งในเรื่อง "ขอพลิกฟ้าตามล่าเธอ" ประกบพระเอกสุดฮอต [[วิลลี่ แมคอินทอช]] ออกอากาศทางช่อง 3 และมาช่ายังหวนคืนเวทีคอนเสิร์ตอีกครั้งใน "คอนเสิร์ต Marsha My Reflection" ที่สะท้อนเรื่องราวในรอบ 13 ปีในการเป็นศิลปินของเธอ โดยจัดขึ้น ณ อิมแพคอารีน่าฯ ได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีมาก
 
ปี 2548 อัลบั้มชุดที่ 7 "In Love" ที่ปล่อยเพลงเอาใจสาวกชาวสีม่วงอย่างเพลง "Music Lover" ถือเป็นเพลงจังหวะเต้นรำที่เป็นไม้ตายของมาช่า และสามารถปลุกกระแสให้กับแฟนเพลงชาวสีม่วงเป็นอย่างมาก จนกลายเป็นเพลงคลาสสิกสุดอมตะอีกเพลงของเธอ นอกจากนี้เธอยังมีเพลงฟังอย่าง "ไม่อยากให้เธอไว้ใจ" ในสไตล์ที่แตกต่างไปจากเดิม แต่โดนใจคนฟังเป็นอย่างมาก กับเพลงเพราะๆ ชื่อเดียวกับชื่ออัลบั้มคือเพลง "In Love" ที่ได้รับการตอบรับที่ดีมากเช่นกัน
 
ปี 2549 งานเพลงพิเศษชุด "Selection" ที่รวบรวมพลงเพราะๆ ในอดีตมาขับร้องใหม่ โดยเอาเพลง "เชื่อฉัน" เปิดตัวในจังหวะสนุกๆ และในช่วงปลายปี มาช่าก็มีคอนเสิร์ตใหญ่อีกครั้งกับ "Marsha Open Heart Concert" จัดแสดงในออิมแพคอารีน่าที่เดิม
 
ปี 2550 ในที่สุดมาช่าก็กลับมารับงานแสดงภาพยนตร์อีกครั้ง ในเรื่อง "แฝด" ผลงานที่ทำให้มาช่าได้รับรางวัลมากมาย อาธิ รางวัล[[นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม]] [[รางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ สุพรรณหงส์]] , รางวัล[[นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม]] จากเทศกาลหนัง Fantastic Fest และรางวัล[[นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม]] จากเทศกาลหนัง The New York city horror film festival สหรัฐอเมริกา ส่วนงานเพลงก็ยังมีต่อเนื่องในชุด "Let's have fun tonight" ในสไตล์ที่หวือหวาก่าเดิม เพลงเปิดตัวอย่าง "รักยังไม่ต้องการ" ไปสะดุดต่อมชาวสีม่วงทั่วประเทศจนยกตำแหน่งให้มาช่าเป็นตัวแม่กันเลยทีเดียว
 
ปี 2551 มาช่ามีผลงานภาพยนตร์โฆษณา "Lay Selection"
 
ปี 2552 เธอกลับมากับภาพยนตร์สยองขวัญ เรื่อง [[ห้าแพร่ง]] ของ ค่าย [[จีทีเอช]] ในเครือ [[จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่]] รับบทแสดงนำในตอน "คนกอง" หนังสยองขวัญติดตลก ที่ทำสถิติรายได้เปิดตัวสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของวงการหนังไทย
 
ปี 2553 เธอร่วมแจมในคอนเสิร์ต "This is It" ที่ไว้อาลัยการจากไปของราชาเพลงป๊อบอย่าง "ไมเคิ่ล แจ๊คสัน"
 
ปี 2555 เธอกลับมารับงานภาพยนตร์อีกครั้งในเรื่อง "407 เที่ยวบินผี" และกลับมารวมตัวกับเพื่อนสาวในกลุ่ม Seven ขึ้นคอนเสิร์ต "I am What I Amp" ของ [[เสาวลักษณ์ ลีละบุตร]] ในฐานะแขกรับเชิญ ร่วมกับ [[ใหม่ เจริญปุระ]], [[นิโคล เทริโอ]], [[นัท มีเรีย]], [[หฤทัย ม่วงบุญศรี]] และ[[ภัครมัย โปตระนันท์]] และเนื่องจากโปรเจกต์อัลบั้มชุดใหม่ที่ยังค้างคาก็ถึงเวลาเปิดตัวภายใต้ชื่อใหม่ว่า “Come to Me” ทั้งเปลี่ยนปกยกเซ็ท รวมถึงปล่อยซิงเกิ้ลจังหวะน่ารักๆ อย่าง “App Story” มาชิมลางก่อนอัลบั้มเต็มวางแผงในวันที่ 26 กรกฎาคม
 
== ผลงาน ==