ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ชาลส์ ดาร์วิน"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 41:
ดาร์วินได้รับยกย่องในฐานะนักวิทยาศาสตร์โดยมีการจัดพิธีศพอย่างเป็นทางการใน[[มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์]] และฝังร่างของเขาไว้เคียงข้างกับ[[จอห์น เฮอร์เชล]] และ [[ไอแซก นิวตัน]]<ref name=DarwinsBurial>{{Harvnb|Leff|2000|loc=[http://www.aboutdarwin.com/darwin/burial.html Darwin's Burial]}}</ref> เขาได้รับยกย่องว่าเป็นหนึ่งในบุคคลผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ<ref>{{cite news|url=http://www.newscientist.com/special/darwin-200|title=Special feature: Darwin 200|accessdate=2 April 2011 | work=New Scientist}}</ref><ref>{{cite book| last = Hart| first = Michael H.| author-link = Michael H. Hart| year = 2000| title = The 100: A Ranking of the Most Influential Persons in History| publication-place = New York| publisher = Citadel|ref=harv| isbn = 0-89104-175-3}}</ref>
 
หเพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพ
== ประวัติ ==
 
=== วัยเด็กและวัยเรียน ===
[[ไฟล์:Charles Darwin 1816.jpg|thumb|left|upright|ชาลส์ ดาร์วิน วัยเจ็ดขวบ เมื่อปี ค.ศ. 1816]]
 
ชาลส์ โรเบิร์ต ดาร์วิน เกิดที่เมือง[[ชรูซบรี]] [[ชรอพเชอร์]] [[ประเทศอังกฤษ]] เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1809 ที่บ้านของตระกูล คือเดอะเมานท์<ref>{{cite web|url=http://darwin.baruch.cuny.edu/biography/shrewsbury/mount/|title=The Mount House, Shrewsbury, England (Charles Darwin)|author=John H. Wahlert|date=11 June 2001|work=Darwin and Darwinism|publisher=[[Baruch College]]|accessdate=2008-11-26}}</ref> เขาเป็นบุตรคนที่ห้าในจำนวนทั้งหมด 6 คนของครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวยและมีชื่อเสียงครอบครัวหนึ่งของอังกฤษ บิดาของดาร์วินเป็นนายแพทย์ชื่อว่า [[โรเบิร์ต วอริง ดาร์วิน]] มารดาชื่อ ซูซานนา ดาร์วิน (สกุลเดิม เวดจ์วูด) เขาเป็นหลานของ[[เอรัสมัส ดาร์วิน]] กับ [[โจสิอาห์ เวดจ์วูด]] ทั้งสองตระกูลนี้เป็นคริสตชนยูนิทาเรียน (Unitarian) ผู้เคร่งครัดที่เชื่อว่ามีพระเจ้าเพียงองค์เดียว แต่ตัวโรเบิร์ต ดาร์วิน นั้นเป็นคนหัวเสรี และให้ชาลส์บุตรชายไปรับศีลในโบสถ์ของนิกายแองกลิกัน แต่ชาลส์กับพี่น้องก็ไปเข้าโบสถ์ของยูนิทาริสต์กับมารดา เมื่อชาลส์อายุ 8 ขวบ ได้หลงใหลในประวัติศาสตร์ธรรมชาติและเริ่มสะสมสิ่งต่างๆ เมื่อเขาเข้าโรงเรียนเมื่อปี ค.ศ. 1817 มารดาของเขาเสียชีวิตเมื่อเดือนกรกฎาคมปีนั้น นับจากเดือนกันยายน ค.ศ. 1818 เขาก็ไปอยู่ประจำที่โรงเรียนซรูซบรีอันเป็นโรงเรียนนิกายแองกลิกัน กับพี่ชายของตนคือ เอรัสมัส อัลวีย์ ดาร์วิน<ref name=skool>{{Harvnb|Desmond|Moore|1991|pp= 12–15}}<br />{{harvnb|Darwin|1958|pp=[http://darwin-online.org.uk/content/frameset?viewtype=text&itemID=F1497&pageseq=21 21–25]}}</ref>
 
ช่วงฤดูร้อนปี ค.ศ. 1825 ดาร์วินใช้เวลาเป็นผู้ช่วยแพทย์ฝึกหัด โดยช่วยบิดาของตนในการรักษาคนยากจนในชรอพเชอร์ ก่อนจะเข้าเรียนวิทยาลัยแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเอดินเบอระ พร้อมกับเอรัสมัสพี่ชาย ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1825 แต่ดาร์วินกลับเห็นชั่วโมงบรรยายเป็นสิ่งน่าเบื่อ ทั้งไม่ชอบการผ่าตัด จึงไม่เอาใจใส่การเรียน เขาเรียนวิธีสตาร์ฟสัตว์ตายจาก [[จอห์น เอ็ดมอนสโตน]] ทาสผิวดำที่ได้เป็นไทซึ่งร่วมงานอยู่กับ[[ชาลส์ วอเทอร์ทัน]]ในป่าดงดิบตอนใต้ของอเมริกา และมักจะนั่งคุยกับ "ชายผู้เฉลียวฉลาดและน่าคบหา" คนนี้อยู่เป็นประจำ<ref name=eddy>{{harvnb|Darwin|1958|pp=[http://darwin-online.org.uk/content/frameset?viewtype=text&itemID=F1497&pageseq=48 47–51]}}</ref>
 
เมื่อขึ้นปีสอง ดาร์วินเข้าร่วมสมาคมพลิเนียน (Plinian Society) ซึ่งเป็นกลุ่มศึกษาด้านประวัติศาสตร์ธรรมชาติในมหาวิทยาลัยเอดินเบอระ เขาช่วยเหลือโรเบิร์ต เอ็ดมอนด์ แกรนท์ ในการสำรวจศึกษาลักษณะทางกายภาพและวงจรชีวิตของสัตว์ทะเลที่ไม่มีกระดูกสันหลังใน[[เฟิร์ธออฟฟอร์ธ]] วันที่ 27 มีนาคม ค.ศ. 1827 เขานำเสนอการค้นพบของตนต่อสมาคมพลิเนียนว่า จุดสีดำที่พบในเปลือกหอยนางรมนั้นเป็นไข่ของปลิง วันหนึ่ง แกรนท์ยกย่องแนวคิดเรื่องวิวัฒนาการของ [[ชอง-แบบติสต์ ลามาร์ค]] (Jean-Baptiste Lamarck) ดาร์วินถึงกับตะลึง แต่ก่อนหน้านั้นเขาเคยอ่านแนวคิดคล้ายคลึงกันนี้จากเอรัสมัสผู้เป็นปู่ และเห็นว่ามันไม่ต่างกัน<ref>{{Harvnb|Browne|1995|pp=72–88}}</ref> ดาร์วินค่อนข้างเบื่อหน่ายกับวิชาประวัติศาสตร์ธรรมชาติของ[[โรเบิร์ต เจมสัน]] ซึ่งวุ่นวายกับ[[ธรณีวิทยา]] รวมถึงการโต้แย้งกันระหว่าง[[ทฤษฎีการเกิดของน้ำ]] (Neptunism) กับ[[ทฤษฎีการเกิดพลูตอน]] (Plutonism) เขาได้เรียนรู้การจัดอันดับของพืช และได้ช่วยงานด้านการเก็บรักษาใน[[รอยัลมิวเซียม]] ซึ่งเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปในเวลานั้น<ref>{{Harvnb|Desmond|Moore|1991|pp=42–43}}</ref>
 
การไม่เอาใจใส่การเรียนแพทย์เช่นนี้ทำให้บิดาของเขาไม่พอใจ ภายหลังจึงส่งเขาไปยังวิทยาลัยไครสต์ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เพื่อศึกษาในคณะอักษรศาสตร์สำหรับการเตรียมตัวเข้าบวชในนิกายแองกลิกัน ดาร์วินสอบ''[[ไทรพอส]]'' ไม่ผ่าน จึงสำเร็จการศึกษามาด้วยปริญญาระดับ''ปกติ'' เมื่อเดือนมกราคม ค.ศ. 1828<ref>{{Harvnb|Browne|1995|pp=47–48, 89–91}}</ref> ดาร์วินชอบท่องเที่ยวและกีฬายิงปืนมากกว่าการเล่าเรียน ญาติคนหนึ่งของเขาคือ วิลเลียม ดาร์วิน ฟ็อกซ์ จึงแนะนำให้เขาไปเข้าร่วมชมรมสะสมแมลงเต่าทอง ซึ่งดาร์วินตั้งหน้าตั้งตาร่วมกิจกรรมอย่างกระตือรือร้น จนงานค้นพบของเขาได้รับการตีพิมพ์ใน ''Illustrations of British entomology'' ของ[[เจมส์ ฟรังซิส สตีเฟน]] ดาร์วินกลายเป็นเพื่อนสนิทและผู้ติดตามของศาสตราจารย์ด้านพฤกษศาสตร์ [[จอห์น สตีเฟน เฮนสโลว์]] และได้พบปะกับนักธรรมชาติวิทยาชั้นแนวหน้าหลายคน จนกระทั่งใกล้ถึงการสอบปลายภาค ดาร์วินจึงหันมาสนใจการเรียนแล้วมาชื่นชอบงานเขียนของ[[วิลเลียม พาลีย์]] ''Evidences of Christianity''<ref name=dar57>{{Harvnb|Darwin|1958|pp=[http://darwin-online.org.uk/content/frameset?viewtype=text&itemID=F1497&pageseq=59 57–67]}}</ref> ดาร์วินทำคะแนนได้ดีในการสอบไล่ครั้งสุดท้ายในเดือนมกราคม ค.ศ. 1831 โดยได้ลำดับที่ 10 จาก 178 คนที่อยู่ในหลักสูตรปริญญา''ปกติ''<ref>{{Harvnb|Browne|1995|p=97}}</ref>
 
ดาร์วินยังต้องอยู่เคมบริดจ์จนกระทั่งเดือนมิถุนายน เขาศึกษางานของพาลีย์ เรื่อง ''[[:en:Natural Theology (Paley)|Natural Theology]]'' ซึ่งทำให้เกิดข้อโต้แย้งเรื่องการออกแบบธรรมชาติจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยอธิบายถึงการปรับตัวของธรรมชาติว่าเป็นการกระทำของพระผู้เป็นเจ้าโดยผ่านกฎของธรรมชาติ<ref name=syd5-7>{{Harvnb|von Sydow|2005|pp=5–7}}</ref> เขาอ่านหนังสือใหม่ของ[[จอห์น เฮอร์เชล]] ซึ่งอธิบายจุดประสงค์สูงสุดของปรัชญาทางธรรมชาติด้วยการทำความเข้าใจกับกฎเกณฑ์เหล่านั้นผ่าน[[การให้เหตุผลโดยอุปนัย]]โดยมีพื้นฐานจากการสังเกต และงานเขียนของ[[อเล็กซานเดอร์ ฟอน ฮัมโบลท์]] เรื่อง ''Personal Narrative'' เกี่ยวกับการเดินทางของวิทยาศาสตร์ ด้วยแรงบันดาลใจจากภายใน ดาร์วินวางแผนจะไปเยือน[[เตเนรีเฟ]]กับเพื่อนร่วมชั้นหลังจากจบการศึกษา เพื่อไปศึกษาประวัติศาสตร์ธรรมชาติในบริเวณภูมิภาคนั้น ระหว่างเตรียมการ เขาเข้าเรียนหลักสูตรธรณีวิทยาของ[[อดัม เซดจ์วิค]] จากนั้นใช้เวลาครึ่งเดือนในช่วงฤดูร้อนเพื่อทำแผนที่ใน[[เวลส์]]<ref name=db>{{Harvnb|Darwin|1958|pp=[http://darwin-online.org.uk/content/frameset?viewtype=text&itemID=F1497&pageseq=69 67–68]}}<br />{{Harvnb|Browne|1995|pp=128–129, 133–141}}</ref> และอีก 1 สัปดาห์กับเพื่อนนักเรียนใน[[บาร์มอธ]] หลังจากนั้นเมื่อเขากลับมาบ้าน จึงได้รับจดหมายฉบับหนึ่งจากเฮนสโลว์เสนอให้ดาร์วินเป็นนักธรรมชาติวิทยา (แม้ยังเรียนไม่จบ) โดยใช้ทุนวิจัยของตนเอง ร่วมกับกัปตัน[[โรเบิร์ต ฟิตซ์รอย]] ในการเดินทางร่วมกับ[[เรือหลวงบีเกิล]]ที่กำลังจะออกเดินทางไปยังชายฝั่งอเมริกาใต้ภายในเวลา 4 สัปดาห์<ref>{{cite web|url=http://www.darwinproject.ac.uk/darwinletters/calendar/entry-105.html|title=Darwin Correspondence Project – Letter 105 — Henslow, J. S. to Darwin, C. R., 24 Aug 1831|accessdate=2008-12-29}}</ref> บิดาของเขาไม่เห็นด้วยกับการต้องออกเดินทางไปถึง 2 ปี ด้วยเห็นว่าเป็นการเสียเวลาเปล่า แต่จากการเกลี้ยกล่อมของ [[โจซิอาห์ เวดจ์วูดที่ 2|โจซิอาห์ เวดจ์วูด]] ผู้เป็นน้องเขย จึงได้ยินยอมให้ดาร์วินร่วมเดินทางได้<ref>{{Harvnb|Desmond|Moore|1991|pp= 94–97}}</ref>
 
=== การเดินทางกับเรือบีเกิล ===
 
[[ไฟล์:Voyage of the Beagle.jpg|thumb|300px|เส้นทางการเดินทางสำรวจของเรือหลวงบีเกิล]]
 
การเดินทางเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม ค.ศ. 1831 และใช้เวลาเดินทางรวมทั้งสิ้น 5 ปี ขณะที่เรือหลวงบีเกิลทำการสำรวจและทำแผนที่ชายฝั่งอเมริกาใต้นั้น ดาร์วินใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่บนฝั่งเพื่อสำรวจด้านธรณีวิทยาและเก็บสะสมตัวอย่างสำหรับการศึกษาประวัติศาสตร์ สมดังที่ที่ฟิตซ์รอยตั้งใจไว้<ref name=JvW/><ref name=kix>{{harvnb|Keynes|2000|pp=[http://darwin-online.org.uk/content/frameset?viewtype=text&itemID=F1840&pageseq=12 ix–xi]}}</ref> เขาเขียนบันทึกผลการสังเกตการณ์และการคาดเดาทางทฤษฎีอย่างละเอียด ระหว่างช่วงหยุดพัก ดาร์วินส่งของตัวอย่างกลับไปยังเคมบริดจ์ พร้อมกับจดหมายซึ่งมีสำเนาบันทึกงานเขียน ''การเดินทางของบีเกิล'' ([[The Voyage of the Beagle]]) ไปให้ครอบครัวด้วย<ref>{{Harvnb|van Wyhe|2008b|pp=18–21}}</ref> ดาร์วินค่อนข้างเชี่ยวชาญด้านธรณีวิทยา รวมถึงการสะสมเต่าทอง และการผ่าตัดศึกษาสัตว์ทะเล แต่ในสาขาอื่นๆ แล้วเขาแทบไม่รู้อะไรเลย และเก็บตัวอย่างเอาไว้เพื่อส่งต่อไปให้ผู้เชี่ยวชาญอื่นตรวจสอบ<ref name=fnGal>{{cite web|url=http://darwin-online.org.uk/EditorialIntroductions/Chancellor_Keynes_Galapagos.html|title=Darwin's field notes on the Galapagos: 'A little world within itself'|author=Gordon Chancellor|coauthors=Randal Keynes|month=October| year=2006|publisher=Darwin Online|accessdate=2009-09-16}}</ref> ดาร์วินเมาคลื่นมาก แต่กระนั้นก็ยังเขียนหนังสือมากมายขณะอยู่ในเรือ งานเขียนเชิงสัตววิทยาส่วนใหญ่เกี่ยวกับสัตว์ทะเลที่ไม่มีกระดูกสันหลัง เริ่มจาก[[แพลงตอน]]ซึ่งเก็บได้ระหว่างช่วงทะเลสงบ<ref name=kix/><ref name=plankton>{{Harvnb|Keynes|2001|pp=[http://darwin-online.org.uk/content/frameset?itemID=F1925&viewtype=text&pageseq=53 21–22]}}</ref>
 
เมื่อเรือหยุดพักครั้งแรกที่ [[:en:Santiago, Cape Verde|St. Jago]] ดาร์วินพบว่าแถบสีขาวที่อยู่ด้านบน[[หินภูเขาไฟ]]นั้นมีเปลือกหอยอยู่ด้วย ฟิตซ์รอยมอบหนังสือเล่มแรกในชุด ''Principles of Geology'' ของ [[Charles Lyell]] ให้เขาเพื่อศึกษาแนวคิด[[หลักความเป็นเอกภาพ]] (Uniformitarianism) ของผืนดินที่ค่อยๆ ดันตัวขึ้นหรือถล่มลงหลังจากเวลาผ่านไปนานๆ{{Ref_label|B|II|none}} ดาร์วินเห็นเช่นเดียวกับ Lyell และได้เริ่มทฤษฎีและคิดจะเขียนหนังสือเกี่ยวกับธรณีวิทยา<ref>{{Harvnb|Browne|1995|pp=183–190}}</ref> ดาร์วินดีใจมากที่พบ[[ป่าเขตร้อน]]ที่[[บราซิล]]<ref>{{harvnb|Keynes|2001|pp=[http://darwin-online.org.uk/content/frameset?viewtype=text&itemID=F1925&pageseq=73 41–42]}}</ref> แต่ก็ไม่ชอบใจที่พบเห็นการใช้งาน[[ทาส]]ที่นั่น<ref>{{harvnb|Darwin|1958|pp=[http://darwin-online.org.uk/content/frameset?viewtype=text&itemID=F1497&pageseq=75 73–74]}}</ref>
 
ที่ [[Punta Alta]] ใน [[Patagonia]] เขาได้ค้นพบครั้งใหญ่คือกระดูกฟอสซิลของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ที่สูญพันธุ์ไปแล้วในหุบเขา ข้างกันกับเปลือกหอยใหม่ๆ ซึ่งบ่งชี้ว่าเป็นการสูญพันธุ์เมื่อไม่นานมานี้โดยที่ไม่มีร่องรอยการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศหรือหายนะภัยใดๆ เลย เขาแยกแยะว่าซากนั้นคือ ''[[Megatherium]]'' โดยดูจากฟันและความสัมพันธ์ของโครงกระดูกซึ่งในตอนแรกเขาคิดว่าดูเหมือน [[armadillo]] ในท้องถิ่นที่มีขนาดยักษ์ การค้นพบนี้กลายเป็นจุดสนใจอย่างมากเมื่อพวกเขากลับไปยังอังกฤษ<ref>{{Harvnb|Browne|1995|pp= 223–235}}<br />{{Harvnb|Darwin|1835|p=[http://darwin-online.org.uk/content/frameset?itemID=F1&viewtype=text&pageseq=7 7]}}<br />{{Harvnb|Desmond|Moore|1991|p= 210}}</ref><ref name=k206>{{harvnb|Keynes|2001|pp=[http://darwin-online.org.uk/content/frameset?viewtype=text&itemID=F1925&pageseq=138 206–209]}}</ref> ขณะขี่ม้าไปกับพวก[[กอโช]] (gaucho) สู่ด้านในแผ่นดินเพื่อสำรวจทางธรณีวิทยาและเก็บรวบรวมฟอสซิลเพิ่มขึ้น เขาได้รับมุมมองด้านสังคม การเมือง และ[[มานุษยวิทยา]] ในหมู่ชนพื้นเมืองกับชาวอาณานิคมในยุคของการปฏิวัติ และได้เรียนรู้ว่านก rhea สองชนิดนั้นอยู่แยกกันแต่มีอาณาเขตที่คาบเกี่ยวกัน<ref>{{Harvnb|Desmond|Moore|1991|pp= 189–192, 198}}</ref><ref>{{Harvnb|Eldredge|2006}}</ref> ยิ่งสำรวจไกลลงไปทางใต้ เขาแลเห็นที่ราบลดหลั่นกันเป็นชั้น เต็มไปด้วยกรวดและเปลือกหอยเหมือนกับชายหาดที่ยกตัวขึ้นมา เขาอ่านหนังสือเล่มที่ 2 ของ Lyell และยอมรับมุมมองว่าด้วย "ศูนย์กลางการสร้างสรรค์" ของสปีชีส์ แต่การค้นพบของเขากับทฤษฎีที่คิดขึ้นมานั้นท้าทายต่อแนวคิดของ Lyell ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องราบรื่น กับการสูญพันธุ์ของบางสปีชีส์<ref>{{Harvnb|Desmond|Moore|1991|pp= 131, 159}}<br />{{harvnb|Herbert|1991|pp=[http://darwin-online.org.uk/content/frameset?viewtype=text&itemID=A342&pageseq=16 174–179]}}</ref><ref name=HurrahChiloe>{{cite web|url= http://darwin-online.org.uk/EditorialIntroductions/Chancellor_fieldNotebooks1.8.html|title=Darwin Online: 'Hurrah Chiloe': an introduction to the Port Desire Notebook|accessdate=2008-10-24}}</ref>
 
=== การริเริ่มทฤษฎีวิวัฒนาการ ===
{{โครงส่วน}}
 
=== ชีวิตสมรสและช่วงเจ็บป่วย ===
{{โครงส่วน}}
 
=== ช่วงสุดท้ายของชีวิต ===
หนังสือเล่มสุดท้ายก่อนที่ดาร์วินจะเสียชีวิตในวันที่ [[19 เมษายน]] [[ค.ศ. 1882]] ศพของเขาถูกฝังอยู่ที่[[แอบบีเวสต์มินสเตอร์|วิหารเวสต์มินสเตอร์]] ผลงานหนังสือที่ตีพิมพ์ของดาร์วินเป็นผลงานที่มีประโยชน์อย่างมากทั้งทาง[[ชีววิทยา]] และ[[มานุษยวิทยา]] โดยเฉพาะ[[ทฤษฎีวิวัฒนาการ]]ถือได้ว่าเป็นก้าวสำคัญในวงการชีววิทยา
 
== ผลงาน ==