ไมดาส เป็นชื่อของกษัตริย์ที่ปกครองนครไฟร์เกีย พระองค์เป็นพระโอรสของพระเจ้ากลอดิอุส โดยไมดาสสืบทอดพระราชสมบัติต่อจากพระบิดา ซึ่งในเวลานั้นนครไฟร์เกียเป็นหนึ่งในนครที่มั่งคั่งและรุ่งเรืองที่สุดนครหนึ่งด้วยพระปรีชาสามารถในการบริหารปกครองของพระเจ้ากลอดิอุส

คิงไมดาส ที่ได้รับพรวิเศษจากเทพไดโอนีซุส โอบกอดพระธิดาของพระองค์จนพระธิดากลายเป็นทองคำ

ตำนานที่เกี่ยวข้อง

แก้

ผู้สัมผัสเป็นทองคำ

แก้

วันหนี่ง คิงไมดาสเสด็จประพาสยังริมฝั่งแม่น้ำซานการิอัสและได้พบ ไซเลนนัส พระอาจารย์ของเทพไดโอนีซุส เทพเจ้าแห่งไวน์และการเฉลิมฉลอง ผู้ซึ่งปลอมตัวเป็นชายชราขี้เมาผู้หนึ่งถูกมัดนอนกลิ้งอยู่กับพื้น พระองค์จึงเข้าไปช่วยแก้มัดให้แก้ท่านโดยในวันนั้น ไซเลนนัสที่กำลังเมาไวน์ได้ที่ เกิดพลัดกับขบวนของเทพไดโอนีซุสและได้ไปพบกับพวกชาวนาเข้า พวกชาวนามีความเชื่อว่า หากเจอไซเลนนัสตอนกำลังเมาให้จับตัวเขามัดไว้ โดยในขณะที่ถูกมัดนั้น จะสามารถถามเรื่องในอนาคตจากไซเลนนัสได้

หลังจากคิงไมดาสทรงช่วยไซเลนนัสเอาไว้ เทพไดโอนีซุสก็เสด็จมาถึง พระองค์ทรงโปรดปรานไมดาสเป็นอันมากที่ช่วยพระอาจารย์ของพระองค์ จึงทรงออกปากว่าจะให้พรแก่ไมดาสหนึ่งข้อตามแต่จะขอ ซึ่งเมื่อได้ยินดังนั้น คิงไมดาสก็ลืมองค์ปล่อยให้ความโลภเข้าครอบงำ จึงทรงขอพรแก่เทพไดโอนีซุสว่า ขอให้ทุกสิ่งที่ตนสัมผัสนั้นกลายเป็นทองคำทั้งหมด

แม้เทพไดโอนีซุสจะทรงแปลกพระทัย แต่ก็ได้ประทานพรให้ตามที่คิงไมดาสได้ขอพรไว้ จากนั้นพระองค์และไซเลนนัสก็เสด็จจากไป ส่วนคิงไมดาสนั้นเมื่อได้พรแล้วก็ทรงทดลองด้วยการแตะของต่าง ๆ ในวังของพระองค์จนกลายเป็นทองคำไปหมด ยังความปรีดาให้แก่พระองค์เป็นอันมาก ทว่า เมื่อถึงเวลาที่จะเสวย คิงไมดาสก็ทรงพบว่า ทั้งอาหารและน้ำที่พระองค์สัมผัสกลายเป็นทองคำจนหมดสิ้น ทำให้พระองค์ไม่สามารถเสวยสิ่งใดได้เลย และที่เลวร้ายกว่านั้นก็คือ พระองค์เผลอไปโอบกอดพระธิดาของพระองค์ ทำให้พระธิดากลายเป็นรูปปั้นทองคำไป พระองค์ทรงเสียพระทัยเป็นอันมาก และได้สวดอ้อนวอนขอให้เทพไดโอนีซุสทรงเมตตาลบล้างพรที่ทรงประทานให้ ในที่สุด เทพเจ้าไดโอนีซุสทรงเกิดความสงสารจึงทรงให้บอกให้คิงไมดาสไปชำระล้างพรที่แม่น้ำแพคโตลัส พระองค์ทรงทำตามที่เทพเจ้าตรัสบอก และพรวิเศษก็หายไป พร้อมกับทุกสิ่งกลับคืนดังเดิม อย่างไรก็ตาม พรของไดโอนีซุสที่ถูกชำระล้าง ก็ได้ทำให้แม่น้ำทั้งสายกลายเป็นผงทองคำ

ผู้มีหูเป็นลา

แก้

คิงไมดาส ได้ตัดสินให้เพื่อนตนเองคือมาร์มาสเป็นฝ่ายชนะเทพอพอลโลในการบรรเลงดนตรีแข่งกัน ประมาณว่าเพื่อนของตนเล่นเพราะกว่า เทพอพอลโลจึงได้ทรงจับพิณกลับหัวลงและบรรเลงเป็นเสียงดนตรีให้คิงไมดาสฟังว่าขนาดพระองค์เอาพิณกลับหัวเล่นยังเพราะกว่ามาร์มาส และมาร์มาสก็ไม่สามารถทำอย่างเทพอพอลโลได้ นั่นทำให้เทพอพอลลโลกริ้ว และได้สาปให้คิงไมดาสที่ตัดสินไม่ได้พระทัย โดยให้คิงไมดาสมีหูเป็นลาซะเลย ซึ่งทำให้คิงไมดาสอับอายมากจึงได้สวมหมวกทรงสูงตลอดเวลา มีเพียงช่างตัดผมส่วนพระองค์ของคิงไมดาสเองเท่านั้นที่รู้ว่าหูของคิงไมดาสเป็นหูลา แต่เขาเก็บความลับไม่ได้ จึงได้ไปตะโกนว่า “พระราชาไมดาสมีหูเป็นลา” ต้นอ้อบริเวณนั้นได้ยินจึงโอนเอนกระซิบบอกต่อกันไปเรื่อย ๆ จนข่าวกระจายทุกคนรู้กันไปทั่ว คิงไมดาสนั้นอับอายเป็นอันมากจึงได้สละบัลลังก์แล้วหนีไปซ่อนตัวในป่าไม่ให้ใครเห็นอีกเลย