พระวิมลธรรมภาณ (วิเวียร ฐิตปุญฺโญ)
พระวิมลธรรมภาณ (วิเวียร ฐิตปุญโญ) | |
---|---|
ชื่ออื่น | หลวงปู่วิเวียร |
ส่วนบุคคล | |
เกิด | 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2464 (73 ปี ปี) |
มรณภาพ | 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2537 |
นิกาย | ธรรมยุติกนิกาย |
การศึกษา | นักธรรมเอก |
ตำแหน่งชั้นสูง | |
ที่อยู่ | วัดดวงแข กรุงเทพมหานคร |
บรรพชา | 9 กรกฎาคม 2482 |
อุปสมบท | ธรรมยุติ พ.ศ. 2484 |
พรรษา | ธรรมยุติ 53 พรรษา |
ตำแหน่ง | อดีตเจ้าอาวาสวัดดวงแข และพระวินยาธิการ |
ประวัติพระวิมลธรรมภาณ (หลวงปู่วิเวียร ฐิตปุญญเถร บุญมาก) วัดดวงแข กทม
แก้พระวิมลธรรมภาณ (หลวงปู่วิเวียร ฐิตปุญญเถร บุญมาก) กรุงเทพมหานคร หลวงปู่วิเวียร เกิดวันที่ 9 พฤศจิกายน 2464 บรรพชาเป็นสามเณร วันที่ 9 กรกฎาคม 2482 อุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์ พ.ศ. 2484 เป็นพระที่มีความเชี่ยวชาญด้านสมถะและวิปัสสนาอย่างมาก ท่านเป็นพระอาจารย์สอนกัมมัฏฐานต่อผู้ใคร่ศึกษา อาจารย์ของท่านประกอบด้วย พระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม วัดป่าสาลวัน (ลูกศิษย์องค์สำคัญของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต) หลวงพ่อโด่ วัดนามะตูม จังหวัดชลบุรี หลวงพ่ออยู่ วัดบ้านแก่ง จังหวัดนครสวรรค์ (ศิษย์ของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จังหวัดชัยนาท,หลวงปู่เฮง คงฺคสุวณฺโณ วัดเขาดิน จังหวัดนครสวรรค์ และหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ จังหวัดนครสวรรค์) วัตถุมงคลที่ท่านอธิฏฐานจิตมีพุทธานุภาพและกฤดาภินิหารอย่างน่าอัศจรรย์ เป็นที่ต้องการของบรรดาลูกศิษย์และผู้นิยมพระเครื่อง หลวงปู่วิเวียร ฐิตปุญญเถร (บุญมาก) ละสังขาร เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2537 เวลา 4 ทุ่มตรง รวมสิริอายุได้ 73 ปี พรรษา 53[1]
การเข้าสู่เส้นทางวิปัสสนากัมมัฎฐานและพระเวทย์วิทยาคม
แก้พระวิมลธรรมภาณ มีนามเดิมว่า สังเวียน บุญมาก กำเนิด ณ บ้านหมู่ที่ 8 ตำบลบ้านแก่ง อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2464 ตรงกับวันพุธ ขึ้น 10 ค่ำ เดือน 12 ปีระกา โยมบิดาชื่อ กริ่ม บุญมาก โยมมารดาชื่อ พริ้ง บุญมาก มีพี่น้องรวมด้วยกัน 6 คน คือ 1. นางขาว เหมพิจิตร 2. นางสาวละออง บุญมาก 3. นางน้ำค้าง บุญมาก 4. นางน้ำผึ้ง บุญมาก 5. พระพรหมมุนี (ปุญญารามเถร หลวงปู่วิชมัย บุญมาก) วัดบวรนิเวศวิหาร 6. พระวิมลธรรมภาณ (ฐิตปุญญเถร หลวงปู่วิเวียร บุญมาก) วัดดวงแข เมื่อเยาว์วัยได้รับการศึกษา ณ โรงเรียนประชาบาลวัดบ้านแก่ง จังหวัดนครสวรรค์ จบชั้นประถมปีที่ 4 แล้วได้ทำการศึกษาต่อจนจบวิชาครูเกษตรกรรม พ.ศ. 2482 ได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯ เมื่ออายุได้ 18 ปี และได้ทำการบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดดวงแข วันที่ 9 กรกฎาคม 2482 โดยมีเจ้าพระคุณสมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ (ต่อมาได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์) วัดบวรนิเวศวิหารเป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อบรรพชาเป็นสามเณรสอบไล่ได้นักธรรมโท เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2484 ได้อุปสมบทที่วัดดวงแข โดยเจ้าพระคุณสมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ วัดบวรนิเวศ ทรงเป็นพระอุปฌาย์ พระสุพจนมุนี (ต่อมาได้รับสถาปนาขึ้นเป็นพระพรหมมุนี สุวจเถรผิน ธรรมประทีป) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระปลัดรัตน์ (ต่อมาได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระญาณวิสุทธิเถร) วัดดวงแขเป็นพระอนุสาวนาจารย์ หลังจากอุปสมบทแล้วได้ทำการสอบบาลีประโยค 3 แต่ปรากฏว่าสอบตกจึงได้เดินทางกลับบ้านเกิดที่จังหวัดนครสวรรค์ โดยเข้าพักอาศัยอยู่กับท่านพระครูนิวุตถ์พรหมจรรย์ (หลวงพ่ออยู่) เจ้าอาวาสวัดบ้านแก่งหรือบิดาบุญธรรม และนี่คือวิถีชีวิตของหลวงปู่ที่ได้เปลี่ยนแปลงใหม่เมื่อเสียใจกับการสอบตกในการสอบบาลี หลวงพ่ออยู่ก็เลยให้หันเหชีวิตมาในแนวทางปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฎฐานและศึกษาพระเวทย์วิทยาคมจากหลวงพ่ออยู่แทนจนสำเร็จ (หลวงพ่ออยู่ วัดบ้านแก่งเป็นศิษย์เอกของ 3 พระอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในสมัยก่อนคือศิษย์ของท่านพระครูวิมลคุณากรหรือหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จังหวัดชัยนาท พระครูพิสิสถสมถคุณหรือหลวงปู่เฮง วัดเขาดิน จังหวัดนครสวรรค์ และพระครูนิวาสธรรมขันธ์หรือหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ จังหวัดนครสวรรค์) วิชาของ 3 พระอาจารย์นี้หลวงพ่อได้ถ่ายทอดให้หลวงปู่วิเวียรจนหมดสิ้น ตำราพระเวทย์เหล่านี้หลวงปู่วิเวียรได้เคยเล่าให้ฟังว่าปัจจุบันนี้ยังอยู่ที่วัดบ้านแก่ง จังหวัดนครสวรรค์ หลวงปู่ได้เดินทางขึ้น-ลงระหว่างวัดดวงแขกับวัดบ้านแก่ง เวลาเข้าพรรษาจะอยู่ที่วัดดวงแข พอออกพรรษาจะมาอยู่ที่วัดบ้านแก่งเพื่อศึกษาพระเวทย์ต่างๆ กับหลวงพ่อตั้งแต่ พ.ศ. 2485 ถึง พ.ศ. 2491 หลวงพ่ออยู่ มรณภาพ พ.ศ. 2491 (อายุ 72 ปี) เมื่อจัดการงานศพของหลวงพ่ออยู่เสร็จแล้วหลวงปู่ก็ได้เดินทางกลับวัดดวงแขเพื่อทบทวนพระเวทย์วิทยาต่างๆ จนถึงประมาณปี พ.ศ. 2495 หลวงปู่เล่าให้ฟังว่าในวันหนึ่งมีพระภิกษุชรารูปหนึ่งได้เดินเข้ามาในวัดดวงแข และขออนุญาตพัก 1 คืน หลวงปู่ก็จัดที่พักให้ที่ศาลาสูง (ปัจจุบันรื้อไปแล้ว) หลวงปู่ก็จัดการกวาดวัดต่อไปจนเวลาประมาณเกือบ 2 ทุ่ม หลวงปู่กวาดวัดเสร็จก็สรงน้ำเพื่อที่จะสวดมนต์ทำวัตร พระภิกษุชรารูปนั้นก็ได้กวักมือเรียกหลวงปู่ไปพบบอกว่าเดี๋ยวสวดมนต์ทำวัตรด้วยกัน เมื่อทั้งสองรูปพร้อมแล้วพระภิกษุชรารูปนั้นก็บอกว่าปลงอาบัติก่อนผมก็เป็นพระธรรมยุติเหมือนกับท่านบวชมาตั้งแต่เป็นเณร เมื่อปลงอาบัติเสร็จแล้วก็เริ่มสวดมนต์กันจนจบ หลวงปู่บอกว่าพระภิกษุชรารูปนี้สวดมนต์ได้เพราะมากอักขระชัดเจนสวดเก่งมาก เมื่อสวดมนต์เสร็จแล้วก็ให้นั่งกัมมัฏฐานประมาณครึ่งชั่วโมง พระภิกษุรูปนั้นก็สั่งให้หยุดนั่ง และสอบถามประวัติหลวงปู่ว่าใครอบรมสั่งสอนวิชาวิปัสสนากัมมัฏฐาน หลวงปู่บอกว่าท่านพระครูนิวุตถ์พรหมจรรย์ (หลวงพ่ออยู่) วัดบ้านแก่ง จังหวัดนครสวรรค์ พระภิกษุชรารูปรูปนั้นก็ยกมือขึ้นไหว้แล้วพูดว่าท่านหลวงพ่ออยู่นี้เก่งมากอบรมศิษย์ได้ถึงขนาดนี้ พระภิกษุชรารูปนั้นก็บอกว่าตัวของท่านคือพระอาจารย์สิงห์แห่งโคราช เมื่อหลวงปู่ทราบก็ก้มลงกราบเท้าพระอาจารย์สิงห์ พระอาจารย์สิงห์เลยบอกให้หลวงปู่ไปจัดดอกไม้ธูปเทียนผ้าขาวน้ำเปล่าอีก 1 แก้ว พระอาจารย์สิงห์ก็ให้หลวงปู่ถวายท่านเพื่อทำการศึกษาวิชาพระเวทย์วิทยาต่าง ๆ และได้อบรมสั่งสอนวิปัสสนากัมมัฏฐานต่อจนสำเร็จในวิชาของท่าน ในครั้งนั้นพระอาจารย์สิงห์ได้อยู่พักที่วัดดวงแข 10 วัน ได้สอนให้หลวงปู่เขียนอักขระเลขยันต์ต่าง ๆ มากมาย หลวงปู่บอกว่าวิชากัมมัฏฐานของพระอาจารย์สิงห์นั้นเป็นวิชาที่ลึกซึ้งมากต้องใช้เวลานานกว่า 5 ปี ถึงเข้าใจในสิ่งต่าง ๆ ที่ท่านแนะนำมา ในระหว่างที่ศึกษาอยู่กับพระอาจารย์สิงห์นั้นพระอาจารย์สิงห์ได้เล่าให้ฟังถึงเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับพระอาจารย์มั่น และพระอาจารย์ต่าง ๆ ถ้าหากว่าหลวงปู่เดินทางผ่านไปก็ให้ไปกราบพบครูบาอาจารย์เหล่านั้นได้ เมื่อพระอาจารย์สิงห์เดินทางกลับไปจังหวัดนครราชสีมาแล้ว หลวงปู่ก็ได้พบกับพระอาจารย์สิงห์อีกหลายครั้งด้วยกัน อาทิ วัดบรมนิวาส วัดปทุมวนาราม จ. กทม. และที่ต่างจังหวัดอีกหลายครั้งรวมทั้งเคยร่วมธุดงค์ไปกับพระอาจารย์สิงห์ถึงประเทศลาว ต่อมาในปี พ.ศ. 2500 หลวงปู่ได้ไปศึกษาวิชาการลบผงจากหลวงพ่อโด่ หลวงปู่เล่าไปให้ฟังว่าหลวงพ่อโด่เก่งมาก ปลุกเสกพระหรือปลัดถึงกับลอยได้วิ่งได้เลยทีเดียวนับได้ว่าพระอาจารย์ของหลวงปู่อีกรูปหนึ่ง ส่วนสหธรรมิกที่สนิทมีด้วยกันหลายรูป เช่น หลวงปู่อยู่ วัดใหม่หนองพระอง จ.สมุทรสาคร หลวงพ่อสนิท วัดศีลขันธาราม จ.อ่างทอง หลวงปู่บุญญฤทธิ์ ที่พักสงฆ์สวนทิพย์ ฯลฯ [2]
การสร้างวัตถุมงคลวัดดวงแขในแต่ละยุค
แก้การสร้างวัตถุมงคลวัดดวงแข มีด้วยกัน 5 ยุค คือ ยุคแรก ปี 2470 และ ปี2475 พระครูเล้งเป็นเจ้าอาวาส รูปที่ 3 ท่านได้สร้างเหรียญพระประธานในโบสถ์ วัดดวงแข ออกมา 2 รุ่น คือ รุ่นที่หนึ่งปี 2470 รุ่นที่สอง ปี2475 เป็นเนื้อดีบุกลักษณะเหรียญรูปไข่ เหมือนกันทั้ง 2 รุ่น ขนาดเท่ากัน ยันต์หลังเหรียญเหมือนกัน แจกในงานซื้อที่ดินถวายวัดดวงแข เหมือนกัน ผิดกันที่พศ.ที่สร้างเท่านั้น ยุคที่สอง ระหว่างปี 2494 - 2495 พระภิกษุพันเอกพระบรรจงหัตถกิจ (หลวงตาบรรจง) เป็นผู้สร้าง เป็นพระผงสมเด็จปรกโพธิ์และขุนแผนจำนวนการสร้างมากหลายพันองค์ ต่อมาหลวงตาบรรจงท่านนำไปบรรจุกรุที่วัดไร่ขิง จ.นครปฐม (ไม่ทราบสาเหตุที่นำไปบรรจุกรุที่วัดไร่ขิง) มีพิธีพุทธาภิเศกที่วัดดวงแขปี 2495 โดยพระเถราจารย์ 7 หรือ 9 รูป อาทิ 1. หลวงพ่อวัดโกโรโกโส จ.อยุธยา (วัดนี้อยู่หลังวัดสะแกหลวงปู่ดู่) 2.หลวงพ่อวัดเขากะล๊กก๊ก จ.เพ็ชรบุรี 3. หลวงปู่วิเวียร วัดดวงแข 4.พระภิกษุพันเอกพระบรรจงหัตถกิจ (หลวงตาบรรจง) ท่านเป็นพระวัดดวงแข อดีตท่านรับราชการเป็นทหารยศพันเอก และมีบรรดาศักดิ์เป็นพระบรรจงหัตถกิจ ( เกิด พ.ศ. 2422 มรณะ 2516) อายุ 96 ปี ยุคที่สาม สร้างเหรียญ 2518 - 2521 หลวงพ่อรัตน์ ตุฏฐจิตโต เจ้าอาวาสรูปที่ 5 ได้สร้างเหรียญทั้งหมด 3 รุ่น คือ รุ่นแรกปี 2518 แจกในงานฉลองโรงเรียนพระปริยัติธรรมวัดดวงแข รุ่นที่สอง ปี 2520 เป็นเหรียญกลม มีชื่อหลวงพ่อรัตน์ ด้านหลังยันต์ห้า รุ่นที่สาม ปี 2521 สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์วัดดวงแขสร้างถวาย โดยเหรียญทั้งสามรุ่น ผ่านการปลุกเสกจาก หลวงพ่อรัตน์ หลวงปู่วิเวียร และหลวงตาเทศ พระวิมลธรรมภาณ ยุคที่สี่ 2522 -2537 (หลวงปู่วิเวียร บุญมาก) เจ้าอาวาสรูปที่ 6 เริ่มสร้างวัตถุมงคล ตั้งแต่ ปี 2522 – 2537 รวมทั้งหมด 12 รุ่น หลวงปู่ได้สร้างวัตถุมงคลหลายแบบและเป็นที่นิยมเสาะแสวงหาของบรรดาเซียนพระเครื่อง เช่น ตระกรุดชินบัญชร พระปิดตาขีไก่แบบผงและเหล็ก เหรียญหล่อและรูปหล่อโบราณ พระผงสมเด็จ ผ้ายันต์ เป็นต้น ยุคที่ห้า 2539 - ปัจจุบัน พระครูเขมบัณฑิต เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน เริ่มสร้างปี 2539 ท่านสร้างหลังจากหลวงปู่สิ้นแล้ว 3 ปี [3]
วัตถุมงคลหลวงปู่วิเวียร
แก้การจัดสร้างวัตถุมงคลของหลวงปู่วิเวียร ท่านจะอนุญาตให้สร้างได้ปีละ 1 ครั้งเท่านั้น ยกเว้นปีใดที่มีวันสำคัญเช่นวันเสาร์ 5 หรือวันจันทร์ตรีคือ วันจันทร์ขึ้น 3 ค่ำ เดือน 3 ก็จะอนุญาตให้สร้างเป็นกรณีพิเศษ และจะกำชับเสมอว่าอย่าทำเป็นการค้า แต่ให้ยึดถือปฏิบัติในทางเมตตาคือการแจก หรือมอบให้ผู้มีจิตศรัทธามาร่วมทำบุญ และห้ามให้นำไปทำบุญนอกวัดเด็ดขาด วัตถุมงคลของท่านจัดสร้างขึ้นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2522 และครั้งสุดท้ายในปี พ.ศ. 2537 โดยทุกครั้งท่านจะต้องมาคุมพิธีและต้องปฏิบัติตามที่ท่านสั่งทุกอย่าง ที่สำคัญ มีพระเกจิอาจารย์ดังที่มีวิชาอาคมแก่กล้าร่วมปลุกเสกซึ่งหลายๆ องค์ส่วนใหญ่จะมรณภาพไปแล้ว วัตถุมงคลที่ได้รับความนิยม เช่น [4]
- พระผงพิมพ์สมเด็จประภามณฑลพุทธเมตตา ปี 2522
- เหรียญรูปเหมือนรุ่นแรกปี 2522
- พระผงพุทธเมตตาพิมพ์ซุ้มประตูใหญ่ ปี 2528
- รูปถ่ายอัดกระจก ปี 2524
- ตะกรุดชินบัญชร ปี 2529
- พระปิดตาไก่เหล็กเนื้อนวโลหะปี 2532
- พระหยดน้ำมนต์หลวงปู่เนื้อนวโลหะ ปี2532
- หลวงพ่อพระพุทธชินราชหล่อโบราณ ปี 2533
- เหรียญยันต์พุดซ้อน ปี 2533
- รูปเหมือนหล่อโบราณ ปี 2534
- พระปิดตาตุ๊กตาเล็ก ปี2536
- พระสมเด็จพุทธเมตตารัศมีหล่อโบราณ ปี 2536
- พระกริ่งชินบัญชรและพระชัยวัฒน์ ปี 2537 [5]
- เหรียญสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) นั่งพานเนื้อนวโลหะ ปี 2537
- พระพุทธเมตตา ๑๐๐ ปี พระวิมลธรรมภาณ (หลวงปู่วิเวียร ฐิตปุญฺโญ) พ.ศ. ๒๕๖๒ - ๒๕๖๕ ฯลฯ
พระกริ่งชินบัญชรและเหรียญสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังษี)
แก้การจัดสร้างพระกริ่งในครั้งนี้ หลวงปู่ให้จัดสร้างเป็นแบบพระกริ่งในตัว เรียกว่า พระกริ่งชินบัญชร, พระชัยวัตน์ชินบัญชร, ขันน้ำมนต์ชินบัญชร และไม่ให้จัดสร้างวัตถุมงคลในปีต่อไปอีก เพราะหลวงปู่มิได้ปลุกเสกอะไรให้อีกแล้ว ให้จัดสร้างชุดนี้เป็นชุดสุดท้าย วัตถุมงคลหลวงปู่วิเวียร ปี 2537 ได้ผสมชนวนเนื้อนวโลหะที่เก็บเอาไว้ตั้งแต่ ปี 2532 การจัดสร้างพระกริ่งในตัวครั้งนี้ หลวงปู่ให้ทำการประยุกต์องค์พระกริ่ง เพื่อให้เป็นการดูง่ายและจะไม่ซ้ำซ้อนกับพระกริ่งทั่วไป ทำการตอกหมายเลขและตอกโค้ด 3 ตัว ส่วนเหรียญนั่งพาน สมเด็จพุฒจารย์ (โต พรหมรังษี) เหรียญนั่งพานหลวงปู่วิเวียร รูปเหมือนบูชาหลวงปู่วิเวียร ได้นำเอาเนื้อชนวนพระกริ่งมาจัดสร้างด้วยทั้งสามรูปแบบ
การจัดสร้างพระกริ่งและพระชัยวัฒน์ชินบัญชร (กริ่งในตัว) ได้ทำถูกต้องตามพิธีโบราณ โดยการจัดหาแร่ธาตุโลหะ 9 ชนิด นำมาลงอักขระยันต์ 108 นะ 14 รวมทั้งแผ่นยันต์ทั่วประเทศจำนวน 2,479 แผ่น แผ่นชินบัญชรของหลวงปู่วิเวียร แผ่นยันต์คาถาธิเบต แผ่นยันต์คาถาจีน ทองคำสามกิโลครึ่ง และแร่ธาตุโลหะต่าง ๆ ตามสูตรการทำเนื้อนะวะโลหะโบราณ ได้นำมาหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกันแล้วนำมาจัดสร้างเป็นพระกริ่งพระชัยวัฒน์ชินบัญชร เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2537 ณ วัดดวงแข มีพระธรรมญาณมนี วัดเศวตฉัตร เป็นประธานเททอง พิธีพุทธาภิเษก วันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2537 เวลา 14.39 – 18.09 น. ณ อุโบสถวัดดวงแข มีพระอริยสงฆ์ผู้ทรงพระเวทวิทยาคม 36 รูป [6]
พระผงปฐวีมงคล พระวิมลธรรมภาณ ( หลวงปู่วิเวียร บุญมาก) วัดดวงแข ปี ๒๕๒๘
แก้พระผงปฐวีมงคล เป็นพระผงเนื้อดินเผา สร้างประมาณปลายปี ๒๕๒๗ - ๒๕๒๘ (กลางปี) หลวงปู่ทำการอธิษฐานจิตปลุกเสกเดียวประมาณ ๘ ปี และทำการเข้าพิธีพุทธาภิเษกตั้งแต่ปี ๒๕๓๐ – ๒๕๓๕ รวมระยะเวลา ๕ ปี อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดพังงาซึ่งเป็นลูกศิษย์หลวงปู่ได้มาขออนุญาตสร้างพระเพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนา โดยรวบรวมเอาพระกรุเก่าที่แตกหัก อายุหลายร้อยปี และดินกรุเก่า ในจังหวัดสุพรรณบุรี มาผสมผสานกับมวลสารมากมาย เช่น ว่าน ๑๐๘ ดินกากยายักษ์ ผงลบ ผงตำ และผงเศก เป็นต้น พระทั้งหมด มี ๕ พิมพ์ ประกอบด้วย ๑. พิมพ์พระสมเด็จสามชั้นปรกโพธิ์น้ำตาลแดงว่านดอกมะขาม จำนวน ๑๐,๐๐๐ องค์ ๒. พิมพ์พระสมเด็จสามชั้นเนื้อดำผสมดินกากยายักษ์ ประมาณ ๒๐๐๐ องค์ ๓. พิมพ์พระนางพญาปางมารวิชัยเนื้อน้ำตาลแดงว่านดอกมะขาม จำนวน ๑๐,๐๐๐ องค์ ๔. พิมพ์พระนางพญาพิมพ์ประทานพร จำนวน ๑๐,๐๐ องค์ ๕. พิมพ์พระขุนแผนไข่ผ่าซีกเนื้อน้ำตาลแดงว่านดอกมะขาม จำนวน ๑๐,๐๐๐ องค์ ด้านหลังพระทุกองค์จะต้องมียันต์พุทธซ้อน (เป็นยันต์ประจำตัวหลวงปู่)
เมื่อพระผงปฐวีมงคลผ่านการอธิษฐานจิตปลุกเสกเสร็จแล้ว ต่อมาในปี ๒๕๓๕ ท่านพระวิมลธรรมภาณ (หลวงปู่วิเวียร ฐิตปุญโญ – บุญมาก) อดีตเจ้าอาวาสวัดดวงแข ได้ให้พระครูนิวิฐศาสนคุณ (หลวงพ่อเทียน ฐิตฉนฺโท) อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านแก่ง จังหวัดนครสวรรค์ มารับพระไปบรรจุกรุที่วัดบ้านแก่ง แต่ทว่ามีพระกล่องเล็กจำนวนหนึ่งตกลงมาจากรถประมาณ ๒๐๐๐ องค์ แบ่งเป็น ๓ พิมพ์ ได้แก่ ๑. พระพิมพ์สมเด็จ ๒. พระพิมพ์นางพญาปางมารวิชัยและนั่งขัดสมาธิ ๓. พระพิมพ์ขุนแผน ลูกศิษย์จึงได้กราบเรียนให้หลวงปู่ทราบ และขออนุญาตนำพระเหล่านี้มาแจกแก่บรรดาลูกศิษย์รวมทั้งแจกเนื่องในงานประจำปี พ.ศ. ๒๕๓๕ [7]
ผลงาน
แก้- พ.ศ. 2500 ปรับปรุงและพัฒนาวัดดวงแข (พ.ศ. 2500 - 2536)
- พ.ศ. 2501 อุปถัมภ์วัดบ้านแก่ง จังหวัดนครสวรรค์ สร้างศาลาการเปรียญหลังใหญ่ สร้างกุกฏิสร้าง 4 หลัง สร้างศาลาดินหลังเล็ก สร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรม บูรณะพระอุโบสถ วิหาร ปรับปรุงฌาปนสถาน ฯลฯ
- พ.ศ. 2507 อุปถัมภ์การก่อสร้างถนนรังสิโขทัย จังหวัดนครสวรรค์
- พ.ศ. 2512 อุปถัมภ์การก่อสร้างวัดบ้านใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน
- พ.ศ. 2516 จัดสร้างสถานีอนามัยประจำตำบลบ้านแก่ง
- พ.ศ. 2518 จัดสร้างโรงเรียนมัธยมชัชวลิตวิทยาประจำตำบลบ้านแก่ง จังหวัดนครสวรรค์ โดยการบริจาคที่ดินของตระกูลหลวงปู่ 35 ไร่
- พ.ศ. 2526 จัดตั้งศูนย์พัฒนาอบรมเลี้ยงดูเด็กก่อนวัยเรียนที่ตำบลบ้านแก่ง จังหวัดนครสวรรค์
- พ.ศ. 2527 อุปถัมภ์การก่อสร้างวัดเกาะแก้ว วัดมะเกลือ วัดวิชมัยปุญญาราม
- พ.ศ. 2530 จัดตั้งบุญนิธิพุทธเมตตา (เพื่อการศึกษา แบละอาหารกลางวันเด็กนักเรียนยากจน)
- พ.ศ. 2531 อุปถัมภ์การก่อสร้างวัดแคโรไลนาพุทธจักรวนาราม รัฐแคโรไลนา สหรัฐอเมริกา ร่วมกับท่านเจ้าคุณพระธรรมดิลก วัดบวรนิเวศวิหาร
- พ.ศ. 2536 จัดสร้างกุฏิสงฆ์ที่วัดดวงแขเป็นอาคารทรงไทยสูง 4 ชั้น และบูรณะพระอุโบสถวัดดวงแขอีก ฯลฯ [8]
ตำแหน่งหน้าที่การปกครอง
แก้- พ.ศ. 2502 เป็นกรรมการตรวจธรรมสนามหลวง
- พ.ศ. 2508 เป็นที่ปรึกษาของท่านเลขาธิการคณะธรรมยุติในสมัยพระเทพวราภรณ์ เป็นเลขาธิการคณะธรรมยุติ
- พ.ศ. 2519 เป็นรองเจ้าอาวาสวัดดวงแข
- พ.ศ. 2522 เป็นที่ปรึกษาของท่านเจ้าคณะภาค 4-5-6-7 (ธรรมยุติ) มีพระธรรมดิลกเป็นเจ้าคณะภาค และเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนเจ้าอาวาสวัดดวงแข
- พ.ศ. 2532 เป็นพระวินยาธิการชุดแรกของคณะธรรมยุติและเป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร ในสมัยพระพรหมมุนี เป็นเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร
- พ.ศ. 2535 เป็นเจ้าอาวาสวัดดวงแข ฯลฯ [9]
อ้างอิง
แก้- ↑ คณะศิษยานุศิษย์หลวง; และนิพนธ์ คันทรง. ม.ป.ป. . ตำนานหลวงปู่พระวิมลธรรมภาณ (ฐิตปุญญเถร หลวงปู่วิเวียร บุญมาก).
- ↑ คณะศิษยานุศิษย์หลวง; และนิพนธ์ คันทรง. ม.ป.ป. . ตำนานหลวงปู่พระวิมลธรรมภาณ (ฐิตปุญญเถร หลวงปู่วิเวียร บุญมาก).
- ↑ นิพนธ์ คันทรง. (2537). พระกริ่งชินบัญชร พระวิมลธรรมภาณ (หลวงปู่วิเวียร).กรุงเทพฯ:บริษัทสยามศิลปการพิมพ์ จำกัด.
- ↑ นิพนธ์ คันทรง. (2537). พระกริ่งชินบัญชร พระวิมลธรรมภาณ (หลวงปู่วิเวียร).กรุงเทพฯ:บริษัทสยามศิลปการพิมพ์ จำกัด.]
- ↑ นิพนธ์ คันทรง. (2539). พระวิมลธรรมภาณานุสรณ์ 75 ปี พระวิมลธรรมภาณ (ฐิตปุญญเถร หลวงปู่วิเวียร บุญมาก). กรุงเทพฯ: บริษัทสยามศิลปการพิมพ์ จำกัด.
- ↑ นิพนธ์ คันทรง. (2539). พระวิมลธรรมภาณานุสรณ์ 75 ปี พระวิมลธรรมภาณ (ฐิตปุญญเถร หลวงปู่วิเวียร บุญมาก). กรุงเทพฯ: บริษัทสยามศิลปการพิมพ์ จำกัด.
- ↑ พระผงปฐวีมงคล พระวิมลธรรมภาณ
- ↑ กองเลขานุการวัดดวงแข. ม.ป.ป.. หนังสือคู่มือวัดดวงแข.
- ↑ พระครูเขมบัณฑิต. (2536). อนุสรณ์พระญาณวิสุทธิเถร. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์มหามกุฏราชวิทยาลัย
แหล่งอ้างอิงเพิ่มเติม
แก้แหล่งข้อมูลทางเว็บไซร์
แก้
ลำดับเจ้าอาวาสก่อนและหลัง
แก้ลำดับเจ้าอาวาสวัดดวงแขที่ปรากฏข้อมูลชัดเจน ดังต่อไปนี้
ลำดับที่ | รายนาม | วัด | ดำรงสมณศักดิ์ |
---|---|---|---|
1 | พระญาณวิสุทธิเถร (รัตน์ ตุฏฐจิตฺโต) | วัดดวงแข | พ.ศ. 2483-2535 |
2 | พระวิมลธรรมภาณ (วิเวียร ฐิตปุญฺโญ) | วัดดวงแข | พ.ศ. 2535-2536 |
3 | พระครูเขมบัณฑิต (บัณฑิต เขมปณฺฑิโต) | วัดดวงแข | พ.ศ. 2540-2561 |
4 | พระครูประพันธ์เขมคุณ (พนม สนฺตจิตฺโต) | วัดดวงแข | พ.ศ. 2561- ปัจจุบัน |