ผู้ใช้:Stirz117/ทดลองเขียน5

สมศักดิ์ พรนารายณ์ หรืออีกชื่อ ศักดิ์สิทธิ์ คำใส (ลาว: ສັກສິດ ຄຳໄຊ; พ.ศ. 2504/2505 – 30 เมษายน พ.ศ. 2542) เป็นฆาตกรต่อเนื่องและผู้ข่มขืนต่อเนื่องชาวลาว ที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดและถูกประหารชีวิตโดยประเทศไทย ในข้อหาฆาตกรรมและข่มขืนเด็กหญิง อายุ 15 ปี ในอำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย เมื่อปี พ.ศ 2538 โดยก่อนการประหารชีวิตเขาได้สารภาพกับหัวหน้าชุดทะเบียนประวัติอาชญากร ว่าเขาได้ข่มขืนผู้หญิงหลายคนและสังหารผู้หญิงสองคนในประเทศลาว[1][2]

สมศักดิ์ พรนารายณ์
เกิดประมาณพ.ศ.2505
ราชอาณาจักรลาว
เสียชีวิต30 เมษายน พ.ศ. 2542 (อายุ 37 ปี)
เรือนจำกลางบางขวาง อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี ประเทศไทย
สาเหตุเสียชีวิตประหารชีวิตด้วยการยิง
สัญชาติไทย
ชื่ออื่นศักดิ์สิทธิ์ คำใส
นักข่มขืนจากลุ่มน้ำโขง
พลเมืองลาว
มีชื่อเสียงจากการฆาตกรรมเเละข่มขืนเด็กหญิงอายุ 15 ปี
สถานะทางคดีถูกประหารชีวิต
ข้อหาฆาตกรรมและข่มขืน
บทลงโทษประหารชีวิต
รายละเอียด
ผู้เสียหาย3+
ระยะเวลาอาชญากรรม
ไม่ทราบ–พ.ศ. 2538
ประเทศประเทศไทยและประเทศลาว
วันที่ถูกจับ
5 กรกฏาคม พ.ศ.2538

ประวัติ แก้

สมศักดิ์เกิดและเติบโตในประเทศลาว โดยระหว่างที่เขาอยู่ในประเทศลาว เขาทำงานรับจ้างหลายประเภทเช่นการทำนาหรือการทำสวน ซึ่งเขาเป็นคนที่มีอารมณ์ทางเพศที่รุนเเรงเป็นประจำ โดยถ้าเขามีอารมณ์ทางเพศ เขาจะไปซื้อบริการหากเขามีเงิน แต่ถ้าเขาไม่มีเงิน เขาจะฉุดผู้หญิงไปยังที่เปลี่ยวแล้วข่มขืน ซึ่งขณะที่เขาอยู่ประเทศลาวเขาได้อ้างว่าได้ข่มขืนผู้หญิงมานับไม่ถ้วน [3]

การฆาตกรรม แก้

เขาได้ก่อเหตุฆาตกรรมครั้งเเรกในประเทศลาว หลังจากฉุดผู้หญิงคนหนึ่งมา เเต่เธอขัดขืน เขาจึงทำร้ายเธอจนเสียชีวิต ก่อนจะโยนศพทิ้งลงเเหล่งน้ำเเละหลบหนีไปที่อื่น หลังจากนั้นเขาก็ก่อเหตุข่มขืนผู้หญิงอีกหลายคน แต่ผู้เสียหายไม่กล้าเเจ้งความ เขาจึงก่อเหตุบ่อยขึ้น ต่อมาเขาได้สังหารผู้หญิงอีกคน ก่อนจะนำศพไปทิ้งลงเเหล่งน้ำ แต่ญาติของผู้เสียชีวิตได้พบศพและเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง ทำให้เขาหลบหนีมายังประเทศไทย และมีคนรู้จักของเขาช่วยเหลือให้ไปทำงานที่จังหวัดนครราชสีมาและปลอมเเปลงสัญชาติ [4]

ในระหว่างที่เขาอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา เขาไม่ได้ข่มขืนใครเลย เนื่องจากเขามีเงินไปซื้อบริการ ต่อมาเขาได้ถูกจับกุมในความผิดฐานลักทรัพย์และติดคุกอยู่ที่เรือนจำกลางนครราชสีมา

ระหว่างที่เขาติดคุก เขาได้สนิทสนมกับอาของจารุณี ในวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2538 เขาพ้นโทษออกมาพร้อมกับอาของจารุณี เนื่องจากเขาไม่สามารถหาที่อยู่อาศัยได้ อาของจารุณีจึงชวนเขาไปอยู๋กับเขาที่จังหวัดเลย หลังจากที่เขาได้เดินทางถึงอำเภอเมืองเลย เขาได้มีอารมณ์ทางเพศ เขาจึงยังไม่เดินทางไปยังอำเภอเชียงคาน ก่อนจะก่อเหตุข่มขืนและพยายามฆ่าคนขับรถสามล้อรับจ้างที่ป่าหลังโรงเรียนบ้านนาซำ แต่เธอไม่เสียชีวิต เขาจึงรีบเดินทางมายังอำเภอเชียงคาน

หลังจากที่เขามาถึงบ้านของจารุณี ในตำบลบุฮม อำเภอเชียงคาน จารุณีเเละพี่สาวของเธอได้ไปทำงานที่จังหวัดกรุงเทพ หลังจากที่เธอกลับมาเยี่ยมเเม่บ้าน เขาได้พบหน้าของเธอแล้วเเอบหลงรักเธอ ในวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ.2538 หลังจากที่เขารู้ว่าจารุณีจะเดินทางไปยังจังหวัดกรุงเทพในวันรุ่งขึ้น เขาจึงวางเเผนที่จะมีเพศสัมพันธ์กับเธอ หลังจากที่คนในบ้านของเธอหลับหมดแล้ว เขาจึงเดินไปยังมุ้งของเธอ แล้วกอดเเละพยายามถอดเสื้อผ้า เมื่อเธอตื่นเขาจึงเอามือปิดปากของเธอและขอนอนกับเธอ เเต่เธอปฏิเสธและพยายามขัดขืน เขาจึงนำผ้าขนหนูมาอุดปากและใช้สายวิทยุรัดคอจนเสียชีวิต หลังจากนั้นได้ข่มขืนศพ[5] ก่อนจะหลบหนีไป[6] ก่อนที่ศพของเธอจะถูกพบโดยน้องสาวในวันรุ่งขึ้น[7]

การจับกุม การพิจารณาคดีและการประหารชีวิต แก้

หลังจากที่พบศพของจารุณี น้องสาวของเธอได้ให้การกับตำรวจว่า เมื่อเวลา 05.00 น.ระหว่างที่เธอกำลังจะไปหุงข้าว เธอเห็นเขาเดินถือกระเป๋าออกจากบ้าน ต่อมาในวันที่ 5 กรกฎาคม เมื่อเวลา 16.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับเเจ้งว่ามีคนพบเขาบริเวณศาลารอรถโดยสารในตำบลเชียงคาน เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเดินมาหาเขา เขาได้พยายามวิ่งหนี เเต่ก็ถูกจับกุม หลังจากการถูกจับกุมเขาได้ให้การรับสารภาพทุกข้อหา โดยอ้างว่าทนอารมณ์ทางเพศไม่ไหวจึงพยายามข่มขืน เเต่เธอขัดขืนจึงฆาตกรรมเธอ และเขาได้สารภาพเพิ่มเติมถึงคดีพยายามฆ่าคนขับรถสามล้อเครื่องที่อำเภอเมืองเลย[8] ต่อมาเขาถูกศาลจังหวัดเลยตัดสินประหารชีวิต เขาจึงยื่นอุทธรณ์เเละถูกศาลอุทธรณ์ตัดสินประหารชีวิตเเละถูกศาลฎีกาพิพากษายืนประหารชีวิตในเวลาต่อมา เขาจึงทำหนังสือทูลเกล้าขอพระราชทานอภัยโทษ และมีพระราชกระเเสรับสั่งให้ยกฎีกาเมื่อวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2542 [9][10]

ในวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2542 เจ้าหน้าที่พี่เลี้ยงและหัวหน้าฝ่ายควบคุมกลางได้เบิกตัวเขาจากแดนที่ 1 ของเรือนจำกลางบางขวาง หลังจากนั้นได้นำตัวเขาไปพิมพ์ลายนิ้วมือและตรวจสอบประวัติบุคคล เขาได้ขอบุหรี่ 1 มวน โดยระหว่างรอให้บุหรี่หมดมวน พันตำรวจโท โกมล ยิ้มเป็นใยซึ่งเป็นหัวหน้าชุดกองทะเบียนประวัติอาชญากรได้ถามเกี่ยวกับประวัติของเขา เขาได้เล่าว่าเขาเป็นคนลาว เเต่ปลอมเเปลงสัญชาติมาเป็นคนไทยโดยจ่ายสินบน และเขาได้สารภาพถึงการก่อคดีในลาวอีกด้วย หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้พิมพ์ลายนิ้วมือและอ่านคำสั่งประหารชีวิต เขาได้เขียนจดหมายเป็นภาษาลาวและจดที่อยู่เป็นที่ประเทศลาว อาหารมื้อสุดท้ายของเขาเป็นข้าวเปล่า ต้มจืดเต้าหู้หมูสับ ขนมหม้อแกงและน้ำเปล่า 1 ขวด โดยหลังจากที่เขารับประทานอาหารเสร็จเขาได้พูดกับพี่เลี้ยงว่า "ผมยอมรับว่าคนไทยส่วนใหญ่มีน้ำใจดีมาก แต่ผมมันทำตัวไม่ดีเอง ทรยศต่อผู้มีพระคุณ และเนรคุณต่อแผ่นดินที่ผมหนีเข้ามาขออาศัยอยู่ เมื่อผมถูกส่งตัวเข้ามาอยู่ที่เรือนจำแห่งนี้ ก็ไม่เคยมีใครรังแกหรือกลั่นแกล้งผม มีแต่ให้ความสงสารเห็นใจ หากชาติหน้ามีจริง ผมขอเกิดมาเพื่อชดใช้ความผิดและตอบแทนพระคุณผืนแผ่นดินแห่งนี้ด้วยเถิดครับ"[11] เขาถูกประหารชีวิตด้วยการยิงเป้าเมื่อเวลา 18.01 น.[12] โดยเพชรฆาตเชาวเรศน์ จารุบุณย์[13] และเป็นบุคคลที่ 6 ที่ถูกประหารชีวิตโดยประเทศไทย[14] ตั้งเเต่ปี พ.ศ.2539[15] หลังจากที่ไม่มีการประหารชีวิตเป็นเวลาเกือบ 9 ปี[16][17]

อ้างอิง แก้

  1. พลิกแฟ้ม5นักโทษประหารคดีฆ่าข่มขืน
  2. สมศักดิ์ พรนารายณ์ นักข่มขืนจากลุ่มน้ำโขง
  3. "สมศักดิ์ พรนารายณ์นักข่มขืนจากลุ่มน้ำโขง". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-03-05. สืบค้นเมื่อ 2023-03-05.
  4. สมศักดิ์ พรนารายณ์ นักข่มขืนจากลุ่มน้ำโขง
  5. พลิกแฟ้ม...5นักโทษประหารคดีฆ่าข่มขืน
  6. Only five rapists executed in recent Thai history
  7. "สมศักดิ์ พรนารายณ์นักข่มขืนจากลุ่มน้ำโขง". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-03-05. สืบค้นเมื่อ 2023-03-05.
  8. พลิกแฟ้ม...5นักโทษประหารคดีฆ่าข่มขืน
  9. THE REAL BANGKOK HILTON
  10. The Real Bangkok Hilton
  11. "สมศักดิ์ พรนารายณ์นักข่มขืนจากลุ่มน้ำโขง". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-03-05. สืบค้นเมื่อ 2023-03-05.
  12. Only five rapists executed in recent Thai history
  13. สมศักดิ์ พรนารายณ์ นักข่มขืนจากลุ่มน้ำโขง
  14. LETHAL INJECTION:
  15. THAILAND A human rights review based on the International Covenant on Civil and Political Right
  16. Thailand: further information on: fear of imminent execution: Prommas Leamsai
  17. Thailand: Executions / fear of further executions