โครงการสืบค้นหลักฐานทางประวัติศาสตร์บ้านท่าซุง โดยคณะครูและนักเรียนโรงเรียนพระสุธรรมยานเถระวิทยา

แก้

๑. ตอน เงินพดด้วง

แก้

พระพินิจอักษร(ทองดี) กับวัดท่าซุง (ตามคำบอกเล่าของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน) คืนวันหนึ่งของปี พ.ศ. ๒๕๑๕ ผู้เขียนนอนอยู่บนที่นอนเวลา ๒๓.๐๐ น.เศษ วันนั้นรู้สึกว่าง่วงนอนเร็วกว่าที่เป็นอยู่ เมื่อเอนกายลงนอน ได้มองเห็นชายคนหนึ่ง รูปร่างขาวท้วม นุ่งผ้าโจงกระเบน สวมเสื้อธรรมดา แต่ยาวลงเลยชายพก ประมาณ ๖ นิ้วฟุต มือขวาถือหนังสือเล่มใหญ่แนบกับตัว เมื่อมองเห็นภาพนั้นขณะที่เห็นภาพนั้นดับไฟมืดสนิท ไม่มีแสงสว่างจากภายนอกลอดเข้ามา ก็ทราบว่าชายที่เห็นนั้นไม่ใช่คนธรรมดา เพราะประตูใส่กลอนแล้ว หน้าต่างก็มีลูกกรงเหล็ก ผู้ที่ปรากฏกายนั้นตามความรู้สึกขณะนั้นบอกว่า ชายผู้นั้นคือผี เรื่องการเห็นผีเป็นเรื่องธรรมดาของพระแก่ เพราะพบมามากมายหลายแบบหลายวิธี บางผีท่านชอบสนุก แสดงตัวให้เห็นกลางคืนไม่จุใจ ท่านก็ได้แสดงกลางวันอีก เรื่องของผีก็เป็นเรื่องของผี ท่าทางท่านสุภาพมาก ยืนเฉย ๆ ไม่แสดงอาการผิดปกติ แต่คนคือผู้เขียน เวลานั้นกำลังง่วงจัด อยากจะหลับท่าเดียว ผีมีธุระอะไรพรุ่งนี้มาคุยกันใหม่ แต่ต้องมาก่อนง่วงนอน ถ้ามาเวลาง่วงนอนแบบนี้ไม่ขอคุยด้วย นึกแล้วก็หลับตามสบาย ท่านผีชายคนนั้นจะไปทางไหนก็ไม่ทราบเหมือนกัน ที่ทราบแน่นอนก็คือตอนตีสี่ ตื่นขึ้นมาเจริญภาวนาไม่เห็นผีท่านนั้นเสียแล้ว เมื่อถึงวันรุ่งขึ้น วันนี้เข้านอนก่อนเวลาเพราะเกรงว่าจะง่วง และอาจผิดสัญญากับผีได้ด้วยบอกไว้แล้วว่า วันนี้ถ้าท่านมีธุระให้มาพบก่อนง่วง เมื่อถึงเวลา ๒๒.๐๐ น. ก็ขอร้องให้ผู้มาพบกลับไป บอกท่านทั้งหลายว่าวันนี้ต้องเข้าที่นอนก่อนเวลา เพราะมีงานทำในเวลาก่อนนอน ทุกท่านที่มาก็แสนดี ท่านต่างคนต่างลากลับ เมื่อทุกท่านกลับหมดแล้วก็เข้าห้องบูชาพระตามปกติ เมื่อบูชาเสร็จก็เข้านอน พอหลังถึงพื้น หัวถึงหมอน คิดว่าจะนอนให้สบาย ก็ปรากฏภาพชายคนเมื่อวันที่ผ่านมายืนอยู่ที่เดิม ที่ท่านยืนนั้นยืนข้างปลายเตียงระดับปลายเท้า แต่ไม่ได้ยืนตรงเท้า ท่านยืนเรียงข้าง ๆ ทางด้านขวา ท่านมาในรูปเดิม ก็ถามท่านว่า “ท่านเป็นใคร” ท่านตอบว่า “ผมคือทองดีครับ” ถามท่านอีกว่า “ทองดีคือใคร” เพราะปกติไม่เคยสนใจมาก่อน และไม่เคยทราบประวัติความเป็นมาของท่าน ท่านตอบว่า “ทองดี พ่อทองด้วงครับ” ท่านตอบแล้วก็ยังนึกไม่ออกว่า ทองดีและทองด้วงคือใคร เพราะไม่เคยคิดว่าท่านทั้งสองซึ่งเป็นผู้มีคุณใหญ่ต่อประเทศ และผู้เขียนเองก็ยังสำนึกในบุญคุณของท่าน ที่ท่านเมตตาเสียสละให้ไทยได้เป็นไทอยู่จนทุกวันนี้ ท่านจะมาแสดงตนให้เห็น ได้ถามท่านต่อไปว่า “ทองด้วงคือใคร” ท่านตอบว่า “ทองด้วงคือสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก” ได้ถามท่านว่า “ที่ท่านมานี่ ท่านมีความประสงค์อะไร” ท่านบอกว่า “ผมเป็นครูครับ เมื่อท่านสร้างวัดเสร็จแล้ว ช่วยสร้างโรงเรียนให้ผมสักหนึ่งหลัง” ก็รับปากท่านว่าถ้าไม่เกินกำลัง เต็มใจสร้างให้ท่าน หลังจากนั้นก็คุยกันระหว่างผีกับคนจนใกล้รุ่ง ท่านจึงลากลับ ใจความที่คุยกันนั้นมีเนื้อความย่อดังนี้

ท่านเล่าให้ฟังว่า เดิมทีเดียวท่านเป็นข้าราชการที่กรุงศรีอยุธยา ได้รับบรรดาศักดิ์ครั้งสุดท้าย ที่ “พระอักษรสุนทร” ต่อมาเมื่อพม่าล้อมกรุงศรีอยุธยา ท่านพาภรรยาและบุตรคนเล็กอายุ ๗ ปี ขึ้นไปพิษณุโลก ไปอยู่กับเจ้าเรืองพระฝาง พระยาพิษณุโลก เมื่อไปอยู่พิษณุโลกทางเหนือตั้งให้ท่านเป็น “พระพินิจอักษร” เพราะให้ท่านเป็นครูสอนหนังสือ หนังสือราชการ กับพวกขุนนาง ต่อมาชั้นสุดท้ายได้รับบรรดาศักดิ์เป็น “เจ้าพระยาจักรีศรีองครักษ์” ท่านบอกว่า “ผมเกิดที่แม่น้ำสะแกตรัง (ชาวบ้านเรียก สะแกกรัง)” เกิดในเรือครับ ท่านบอก “เรือที่ผมคลอดจากครรภ์มารดาอยู่ตรงนี้ครับ” ท่านชี้สถานที่เรือจอดให้ทราบ เป็นธรรมดาของผู้เขียน เมื่อคุยกับผี จะเป็นผีระดับไหนก็ตาม ผีมีหลายระดับ คือ นรก เปรต อสุรกาย สัมภเวสี ภุมเทวดา อากาศเทวดา พรหม ทั้งหมดนี้เรายกยอดเรียกผีเหมือนกันหมด เพราะไม่สามารถเห็นเขาได้ตามปกติ เมื่อเขาต้องการให้เห็นเราจึงเห็น สำหรับท่านทองดีนี้ ท่านบอกว่าท่านเป็นพรหมชั้นที่ ๗ ผิดหรือถูกเป็นเรื่องของท่าน ท่านว่ามายังไงก็พูดไปตามนั้น เมื่อท่านจะกลับ ก็ได้ถามท่านว่า “ท่านมาอย่างนี้และขอร้องตามนี้ ผู้เขียนไม่ขัดข้อง แต่อยากจะขอเหตุผลสักหน่อยว่า ถ้าท่านเป็น ท่านทองดีจริง ขออะไรสักอย่างหนึ่งที่ท่านจะบอกหรือแสดงก็ได้ เพื่อเป็นหลักฐานควรเชื่อถือได้” ท่านถามว่า “ไม่ไว้ใจท่านหรือ” ก็เรียนท่านว่า “ไว้ใจ แต่ขอไว้เพื่อความมั่นใจ” ท่านบอกว่า “วันพรุ่งนี้บ้านทางโน้น (ท่านชี้ไปทางที่ท่านบอกว่าบ้านท่านเคยตั้งที่นั่น) เขาจะรื้อบ้าน เขาจะได้เงินกลม ถ้าเขาได้เงินกลมจริง ก็เป็นการยอมรับว่าผมคือทองดีจริง” อีกข้อหนึ่งที่ท่านบอก ก็คือ “ต่อจากนี้ไปไม่เกิน ๑ เดือน ทองคำที่ตระกูลผมฝังไว้ใกล้พระอุโบสถจะเลื่อนเข้ามาใต้กุฏิที่คุณอยู่ จะมีเสียงดังจากทองเลื่อนมาได้ชัดเจนมาก ถ้ามีเสียงทองเลื่อนจริงก็เป็นเครื่องยอมรับว่าผมคือทองดีจริง” วันรุ่งขึ้นก็มีคนนำเงินกลมมาให้ ๑๐ กว่าอัน ผู้ให้บอกว่า เจ้าของบ้านเขารื้อบ้าน เขาขุดดินลงไปเพื่อเอาเสาเรือนขึ้น เมื่อนำเสาขึ้นมาแล้ว พบเงินกลม ๑ ไห เจ้าของให้นำมาถวาย เมื่อรับเงินกลมและฟังคำบอกเล่าแล้วก็นึกในใจว่า ท่านที่พบตอนกลางคืนคือท่านทองดีแน่ รู้สึกเคารพในความดีของท่าน และการได้เงินกลมเป็นการยอมรับถ้อยคำที่ท่านบอกเล่าไว้ทั้งหมดว่าเป็นความจริง



เพื่อความกระจ่างของเรื่องราว ในวันที่ ๒๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ คณะครูและนักเรียนโรงเรียนพระสุธรรมยานเถระวิทยา ได้ลงพื้นที่ทำการสอบถามข้อมูล เกี่ยวกับการขุดพบเงินพดด้วง เมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๕ โดยสอบถามจาก นางกมลศรี(แพรว) จิตร์สมนึก และญาติพี่น้อง ได้ความว่า ผู้ขุดพบเงินพดด้วงคือนางเย็น เขียวบุตร น้าของนางแพรว (เสียชีวิตแล้วเมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๘) ขุดพบอยู่ในไหสี่หูภายในมีเงินพดด้วงประมาณ ๑,๐๐๐ ลูก และหอยเบี้ยอีกจำนวนหนึ่ง จึงได้ทำการแจกจ่ายให้ลูกหลาน ญาติพี่น้อง รวมทั้งจำหน่ายไปประมาณ ๓๐๐ ลูก ส่วนที่เหลือพร้อมกับไหสี่หูนายอำเภอในสมัยนั้นได้ขอไปเข้าพิพิธภัณฑ์ ซึ่งนางเย็นและบุตรหลานไม่ได้ติดตามข้อมูลอีกเลย