ผู้ใช้:Barburam/การประมูลข้าวสารในสต็อกของรัฐบาล โดยอิงราคาในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย

การประมูลข้าวสารในสต็อกของรัฐบาล โดยอิงราคาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (AFET) เป็นการประมูลข้าวสารในสต็อกของรัฐบาลรูปแบบหนึ่งที่ใช้ราคาข้าวล่วงหน้าใน AFET เป็นราคาอ้างอิง โดยในวันที่รัฐบาลกำหนดให้มีการประมูล ผู้สนใจเข้าร่วมประมูลจะเสนอประมูลเป็น “ส่วนต่างราคา” (Basis) ระหว่างราคาข้าวในคลังสินค้าของรัฐบาลซึ่งดูแลโดยองค์การคลังการสินค้า (อคส.) กับราคาข้าวตามข้อกำหนดการซื้อขายใน AFET โดยการประมูลจะแข่งขันกันที่ Basis ซึ่งถ้าผู้ใดเสนอส่วนต่าง Basis ดีที่สุด ก็จะเป็นผู้ชนะการประมูล และหลังจากทราบว่าตนเป็นผู้ชนะประมูลแล้ว ผู้ชนะการประมูลจะต้องเข้าไปถือครองข้อตกลงล่วงหน้าใน AFET เท่ากับปริมาณข้าวที่ตนประมูลได้ตามเดือนส่งมอบที่กำหนด แล้วทำการแลกเปลี่ยนข้อตกลงซื้อขายล่วงหน้ากับ อคส. ใน AFET ตามช่วงเวลาที่ AFET กำหนดแล้วจึงไปรับมอบสินค้าข้าว ณ คลังที่ตนเองประมูลได้

ความแตกต่างของการประมูลข้าวแบบดั้งเดิมกับการประมูลข้าวโดยอิงราคาซื้อขายล่วงหน้าใน AFET แก้

 
ความแตกต่างของการประมูลข้าวแบบดั้งเดิมกับการประมูลข้าวโดยอิงราคาซื้อขายล่วงหน้าใน AFET

การประมูลข้าวแบบดั้งเดิม เป็นการประมูลข้าวลักษณะเดียวกับการประมูลสินค้าอื่นๆโดยทั่วไป คือ จะมีการประกาศเชิญชวนและเปิดประมูลแก่ผู้ที่สนใจ จากนั้นผู้ที่สนใจจะเข้าร่วมการประมูลสามารถยื่นซองเสนอราคา ผู้ที่ชนะการประมูลจะทำสัญญากับ อคส. ชำระเงิน และรับมอบข้าวจากคลัง อคส.

สำหรับการประมูลข้าว โดยอิงราคาซื้อขายล่วงหน้าใน AFET จะมีขั้นตอนคล้ายคลึงแต่แตกต่างกันที่ประเด็นใหญ่ 2 ประเด็นคือ 1) ผู้ที่สนใจจะเข้าร่วมการประมูลจะยื่นซองเสนอเป็นค่า Basis และ 2) ผู้ที่ชนะการประมูลเมื่อทำสัญญากับ อคส.แล้ว ผู้ชนะการประมูลและอคส. จะเข้ามาซื้อขายข้อตกลงล่วงหน้าใน AFET จากนั้นเมื่อถึงเดือนส่งมอบ ผู้ชนะการประมูลจึงชำระเงิน และรับมอบข้าวจากคลัง อคส.[1]

ส่วนต่างราคา (Basis) แก้

ส่วนต่างราคา (Basis) หมายถึง ส่วนต่างของราคาระหว่างราคาข้าวใน อคส. ที่นำมาประมูล และราคาข้าวตามข้อกำหนดการซื้อขายใน AFET โดย Basis อาจเป็นมีค่าเป็นบวก (ส่วนเพิ่ม) หรือมีค่าเป็นลบ (ส่วนลด) ก็ได้ ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆที่นำมาเปรียบเทียบ ได้แก่

  • คุณภาพข้าว เป็นการเปรียบเทียบระหว่างข้าวสารตามสภาพที่อยู่ในคลังสินค้าของ อคส. กับข้าวสารตามข้อกำหนดการซื้อขายใน AFET ที่ใช้ตามมาตรฐานกระทรวงพาณิชย์
  • จุดส่งมอบรับมอบ ค่าขนส่งและค่าใช้จ่ายในการส่งมอบรับมอบ
  • อื่นๆ

เมื่อผู้ประมูลข้าวพิจารณาและเปรียบเทียบแล้วพบว่าข้าวในคลังสินค้าของ อคส. มีคุณภาพและปัจจัยอื่นๆโดยรวมแล้วสูงกว่าข้าวตามข้อกำหนดการซื้อขายของ AFET จะได้ค่า Basis เป็นบวก เช่น +0.10 บาทต่อกิโลกรัม (บวกสิบสตางค์ต่อกิโลกรัม) ในขณะเดียวกันหากข้าวในคลังสินค้าของ อคส. มีคุณภาพและปัจจัยอื่นๆโดยรวมแล้วต่ำกว่าข้าวตามข้อกำหนดการซื้อขายของ AFET จะได้ค่า Basis เป็นลบ เช่น - 0.20 บาทต่อกิโลกรัม (ลบยี่สิบสตางค์ต่อกิโลกรัม)

ขั้นตอน แก้

การประมูลข้าวสารในสต็อกของรัฐบาลโดยอิงราคาซื้อขายล่วงหน้าใน AFET สรุปได้เป็น 9 ขั้นตอน ดังนี้

  1. อคส.กำหนดคลังสินค้าที่จะใช้ประมูล อคส.จะทำการคัดเลือกคลังสินค้าที่มีความเหมาะสมสำหรับจะนำมาขาย
  2. อคส.ระบุกองข้าวที่จะใช้ประมูล ในแต่ละคลังสินค้าที่เลือกมาจะแยกประมูลข้าวเป็นกองๆ โดย อคส. จะทำการระบุเลขที่ กองข้าวแต่ละกองไว้อย่างชัดเจน
  3. ผู้เข้าร่วมประมูลสำรวจคุณภาพข้าวแต่ละกอง ผู้เข้าร่วมประมูลสามารถสำรวจคุณภาพข้าวในแต่ละกองที่เปิดประมูลเพื่อนำไปใช้ประกอบในการคำนวณ Basis ที่จะทำการยื่นประมูล โดย อคส.จะประกาศให้เป็นที่ทราบว่าจะมีการประมูลข้าวทั่วประเทศและกำหนดระยะเวลาที่เปิดคลัง เพื่อให้ผู้สนใจเข้าร่วมประมูลไปสำรวจคุณภาพข้าว
  4. ผู้เข้าร่วมประมูลยื่นซองประมูลด้วย Basis ในวันประมูล ผู้สนใจเข้าร่วมประมูลข้าวจะเสนอ Basis ในกองข้าวที่ตนเองต้องการ โดย Basis สามารถคำนวณได้จากความแตกต่างในด้านคุณภาพ ระยะทาง และค่าใช้จ่ายต่างๆที่เกี่ยวข้อง เมื่อเทียบกับคุณภาพและเงื่อนไขของข้าวตามข้อกำหนดการซื้อขายใน AFET
  5. อคส.ประกาศผลผู้ชนะการประมูล ในการเปิดซองจะมีการประกาศแสดงชื่อผู้ประมูลและ Basis ที่มีการเสนอในแต่ละกองอย่างเปิดเผย เมื่ออคส. ได้รับซองประมูลของข้าวแต่ละกองแล้ว จะทำการพิจารณาจากผู้เข้าร่วมประมูลที่เสนอ Basis ดีที่สุด คือ ผู้ที่ให้ Basis ที่เป็นบวกสูงที่สุดก่อน ถ้าไม่มีผู้เข้าร่วมประมูลรายใดให้ Basis เป็นบวก จะพิจารณาจากผู้เข้าร่วมประมูลที่เสนอให้ Basis เป็นลบน้อยที่สุดเป็นผู้ชนะการประมูลข้าวในกองนั้นๆ
  6. ผู้ชนะการประมูลทำสัญญากับ อคส. ผู้ที่ชนะการประมูลจะต้องทำสัญญากับ อคส. ภายในระยะเวลาที่กำหนด และจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในสัญญาอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ผู้ชนะการประมูลจะยังไม่ได้รับมอบข้าวจนกว่าจะเสร็จสิ้นกระบวนการใน AFET
  7. อคส.และผู้ชนะการประมูล เข้ามาซื้อขายล่วงหน้าใน AFET โดย อคส. เข้ามาเปิดสถานะด้านขายล่วงหน้า ส่วนผู้ชนะการประมูลเข้ามาเปิดสถานะด้านซื้อล่วงหน้า
  8. เมื่อครบกำหนดวันที่ อคส.และผู้ชนะการประมูลได้นัดหมายแล้ว ผู้ชนะการประมูลจับมือกับ อคส. ปิดสถานะเพื่อออกจาก AFET เมื่อครบกำหนด วันที่ อคส.และผู้ชนะการประมูลได้นัดหมายแล้ว ให้ผู้ชนะการประมูลและ อคส. ยื่นความจำนงมายัง AFET เพื่อล้างสถานะซื้อและขายล่วงหน้าออกจาก AFET โดยการทำการแลกเปลี่ยนฐานะการถือครองข้อตกลงซื้อขายล่วงหน้ากับสัญญาซื้อขายสินค้านอกตลาด (EFP: Exchange of Futures for Physicals) เพื่อการรับมอบข้าวจากคลัง อคส. ต่อไป
  9. ผู้ชนะการประมูลชำระค่าข้าวแก่ อคส.และขนสินค้าออกจากคลังของ อคส ผู้ชนะการประมูลข้าวรับมอบข้าวโดยขนข้าวที่ประมูลได้ออกจากคลังที่ อคส. ภายในระยะเวลาที่กำหนด และภายใต้เงื่อนไขที่ระบุไว้ในสัญญาการประมูล โดยต้องชำระค่าข้าวแก่ อคส. เท่ากับราคาข้าวใน AFET ตามข้อ 8. บวกกับ Basis ของราคาข้าวล่วงหน้าที่ชนะการประมูล
  ราคาข้าวที่ต้องชำระแก่ อคส. = ราคาข้าวใน AFET + Basis

ผู้ที่สามารถเข้าร่วมประมูลได้ แก้

ผู้ที่สามารถเข้าร่วมประมูลได้

  • ผู้ประกอบการโรงสี
  • พ่อค้าคนกลาง
  • ผู้ส่งออก
  • ผู้ประกอบการข้าวถุง
  • ผู้ซื้อในต่างประเทศ
  • หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง
  • ผู้ที่สนใจทั่วไป

ผลการประมูลข้าวที่ผ่านมา แก้

โครงการการประมูลข้าวสารในสต็อกของรัฐบาล โดยอิงราคาซื้อขายล่วงหน้าใน AFET จัดขึ้นทั้งสิ้นจำนวน 3 ครั้ง ผลการประมูล เป็นดังนี้

ปีโครงการประมูลข้าว ชนิดข้าว จำนวนที่อนุมัติให้จำหน่าย (ตัน)
ตุลาคม-ธันวาคม 2550 ข้าวขาว 5% 86,080.686
สิงหาคม-พฤศจิกายน 2552 ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น2 321,467.403
ข้าวขาว 5% 363,308.747
รวม 684,776.150
กันยายน 2556- กันยายน 2557 ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 18,143.937
ข้าวขาว 5% 568,344.500
รวม 586,488.437

อ้างอิง แก้

  1. ดร.นภาพร จิระพันธุ์ทอง. คู่มือการจำหน่ายสินค้าเกษตรในสต็อกของรัฐบาลโดยอิงราคาล่วงหน้าใน AFET.พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพ:เจเอสที พับลิชชิ่ง จำกัด. 2553