ผู้ใช้:บ้านทองสมสมัย ทองสุโขทัย/ทดลองเขียน

ประวัติทองสุโขทัย


ทองคำจัดได้ว่าเป็นหลักทรัพย์  ที่ทุกคนิยมสะสมเป็นสมบัติส่วนตัวเพราะนอกจากจะมีค่าแทนเงินแล้วทองรูปพรรณยังมีความสวยงาม  มีศิลปะอันทรงคุณค่าอยู่ในตัวจากอดีตจนถึงปัจจุบันทองถูกใช้เป็นของกำนัลอันมีค่าที่มอบให้แก่กันในโอกาสพิเศษต่าง ๆ

             ทองสุโขทัยหรือที่ผู้คนทั่วไปนิยมเรียกกันจนติดปากว่า “  ทองโบราณ ” ก็คือทองสุโขทัยที่ทำลวดลายเลียนแบบทองโบราณ  โดยใช้ทองเปอร์เซ็นต์สูงถึง 99.99 %  ในการผลิตชิ้นงาน และเป็นงานหัตถกรรมที่ผลิตด้วยมือ โดยอาศัยเครื่องมือที่ผลิตขึ้นมาใช้เองอย่างง่าย ๆ   ด้วยช่างที่เป็นชาวบ้านในหมู่บ้าน


                      ร้านทองร้านแรกที่ถือว่าเป็นผู้ให้กำเนิดรูปแบบทองลายโบราณ หรือ ทองสุโขทัยนั้นก็คือ  ร้านทองสมสมัย  ก่อนที่จะมาเป็นร้านทองสุโขทัยในปัจจุบันนั้นเล่ากันว่า  สมัยก่อนมีช่างชาวจีน  2 คนจากกรุงเทพฯ  ชื่อพ้ง กับ ขุ่ย  ล่องเรือมาเพื่อหาพื้นที่ตั้งถิ่นฐานทำมาหากิน โดยใช้ฝีมือด้านการทำทอง ในการทำมาหากินเลี้ยงชีพ   ในที่สุดก็ตกลงใจตั้งหลักปักฐานอยู่ที่  ต. ศรีสัชนาลัย  จ. สุโขทัยเป็นเมืองอู่ข้าวอู่น้ำ      เนื่องจากช่างชาวจีนนั้นเป็นคนต่างชาติต่างภาษา  การจะเข้ามาตั้งหลักปักฐานทำกินในจังหวัดสุโขทัยจึงจำเป็นที่จะต้องได้รับความช่วยเหลือจากคนในท้องถิ่น  นายเชื้อ    วงศ์ใหญ่        คุณพ่อคุณสมสมัยได้เป็นผู้ให้ความช่วยเหลือ  และในเวลาต่อมาจึงได้รับการถ่ายทอดวิชาช่างทองจากช่างทองชาวจีนท่านนั้น   นายเชื้อใช้เวลาสั่งสมและศึกษาขั้นตอนการทำทองทุกรูปแบบ  จนกระทั่งสามารถทำได้ด้วยตัวเอง  จึงเปิดร้านทองขึ้นมารับทำทองตามสั่ง  และในร้านปัจจุบันนี้ก็คือร้าน ๆ เดียวกับที่เปิดครั้งแรก  เมื่อหลายสิบปีก่อน

                                      ช่วงนั้นนายเชื้อจะรับทำทองตามสั่งเพียงอย่างเดียว  ยังไม่มีทองรูปพรรณวางจำหน่าย  เมื่อลูกค้าต้องการสร้อยสักหนึ่งเส้นก็ต้องนำทองมาสั่งทำ  ส่วนรูปแบบที่จะจำจะเป็นแบบเรียบง่ายธรรมดา  ไม่ได้มีความแตกต่างไปจากทองทั่วไปในท้องตลาดยุคนั้น  นอกจากกรรมวิธีการผลิตเท่านั้นที่ใช้มือทำขึ้นมาล้วน ๆ โดยอาศัยเครื่องมือง่าย ๆ ที่ประดิษฐ์ขึ้นมาใช้เองส่วนเนื้อทองก็ใช้ทอง 96.5 %

                                       ในเวลาต่อมานายเชื้อก็ได้ถ่ายทอดวิชาช่างทองให้แก่คุณสมสมัย  ลูกสาวซึ่งเป็นคนรักในงานศิลปะ  จนมีความรู้ความสามารถในการทำทองในระยะแรกนั้นคุณสมสมัยได้เริ่มทำทองขายด้วยเงินทุนเพียงทอง 1 บาทเท่านั้น  จากนั้นด้วยความมานะพากเพียรเก็บเล็กสะสมน้อยจนเริ่มมีทุนเป็นกอบเป็นกำ  การผลิตในช่วงแรกยังเป็นเพียงการทำงานตามสั่งของลูกค้าเท่านั้นไม่มีการขายหน้าร้านเหมือนปัจจุบัน    งานทองสุโขทัยเริ่มมีรูปแบบเฉพาะตัวขึ้นมาเมื่อประมาณสิบปีกว่าที่ผ่านมานี้เอง  จากการค้นพบเส้นถักสำริดโบราณที่ลูกค้านำมาให้ทำเลียนแบบ  คุณสมสมัยได้ใช้พื้นฐานความรู้เรื่องการทำทองที่สืบทอดมาจากคุณพ่อในการแกะลวดลายออกมาว่าสร้อยเส้นนั้นเริ่มต้นและสิ้นสุดการถักอย่างไร  ด้วยความตั้งใจจริงของคุณสมสมัย  ที่เพียรพยายามค่อย ๆ แกะลายออกมาทีละปล้องทีละข้อ จนสามารถทราบถึงขั้นตอนในการทำ  โดยเริ่มจากการขมวดเส้นทองแล้วเริ่มถักเส้นทองนั้นขึ้นมาจนเป็นเส้นสร้อยซึ่งมีลายใกล้เคียงกับต้นแบบดังกล่าว  จากนั้นจึงนำลวดทองไปให้  นายเลื่อน  ลอยฟ้า  คนในหมู่บ้านซึ่งมีพื้นฐานความรู้ในเรื่องการจักสานเป็นคนถักเส้นทองนั้น      งานสุโขทัยในช่วงแรกๆ นั้นเป็นงานผลิตตามสั่ง  กล่าวคือ  เมื่อลูกค้าต้องการสร้อยสักเส้นก็จะนำทองมาให้ทำ  ทางร้านก็จะคิดเฉพาะค่าแรงเท่านั้น แบบในช่วงแรก ๆ จะมีไม่หลากหลายมากนักจะเป็นเพียงเส้นถักและลูกปะคำติดลายต่าง ๆ ร้อยกับเส้นถักเท่านั้น  ในเวลาต่อมาจึงค่อย ๆ พัฒนารูปแบบมีการเดินลายงานฉลุ และลงยา


                                         ในระยะแรกนั้นกลุ่มลูกค้าของทองสุโขทัย  คือคนที่สนใจนิยมสะสมของเก่าและชื่นชอบในงานศิลปะ  และเป็นกลุ่มคนที่มีรายได้ค่อนข้างสูง  เนื่องจากราคาขายที่สูงกว่าราคาทองปกติ  เหตุที่ราคาทองสุโขทัยราคาสูงกว่าทองธรรมดาทั่วไป  (ทองตู้แดง 96.5% ) ก็เพราะทองสุโขทัยเป็นงานหัตถกรรมที่ใช้มือทำขึ้นมาล้วน ๆ ต้องใช้เวลาในการผลิตนานและได้ปริมาณน้อย  นอกจากนี้ยังใช้ทองสูง 99.99%        เหตุที่ทองสุโขทัยต้องใช้ทองเปอร์เซ็นต์สูงถึง 99.99%  นั้นเพราะคุณสมสมัยสังเกตุว่างานทองโบราณสมัยเก่าแท้ ๆ ที่ชาวบ้านขุดค้นพบแล้วนำมาให้แก่คุณสมสมัยดูนั้น  ส่วนใหญ่จะเป็นทองเปอร์เซ็นต์สูง สีของทองจะเป็นสีเหลืองจำปา  ไม่ใช่เหลืองสีดอกบวบ  เหมือนเช่นทองในปัจจุบัน (ทองตู้แดง 96.5 %) คุณสมสมัยคิดว่าถ้านำทองเปอร์เซ็นต์สูงมาใช้ในการผลิต  จะทำให้งานทองมีคุณค่าและสวยงามแปลกตา  จึงเป็นผู้ริเริ่มนำทอง 99.99% มาผลิตชิ้นงาน       เพื่อให้งานมีความสวยงามเช่นทองในสมัยโบราณตั้งแต่นั้นมา

                 

                         เมื่อทองสุโขทัยเข้าตลาดได้สักระยะหนึ่งจึงเริ่มแพร่หลายและเป็นที่ต้องการของลูกค้ามากขึ้น  จากเดิมที่จำกัดกลุ่มเพียงแค่วงแคบ ๆ  เฉพาะลูกค้าที่มีรายได้ค่อนข้างสูง ก็ขยายกว้างออกไป  เนื่องจากทองสุโขทัยเป็นงานฝืมือที่มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นเฉพาะตัวสวยงามแปลกตา  และมีรูปแบบหลากหลายแต่ละชิ้นล้วนถูกบรรจงประดิษฐ์ประดอยด้วยฝีมือช่างในท้องถิ่น     การผลิตชิ้นงานใช้เวลานานและผลิตได้ปริมาณไม่มากนัก  และขณะนั้นช่างฝีมือดีก็มีจำนวนน้อย


                         จากความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้นนี้เอง  จึงไม่สามารถที่จะผลิตได้เพียงพอกับความต้องการของลูกค้า  เพราะขณะนั้นร้านมีช่างเพียง 4-5 คนเท่านั้น   คุณสมสมัยจึงเริ่มคิดที่จะขยายการผลิตโดยการฝึกช่างขึ้นมาเองจากคนในหมู่บ้าน    เนื่องจากขณะนั้นเห็นว่าคนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านมีฐานะค่อนข้างยากจนและด้อยการศึกษา  ถ้าไม่ช่วยครอบครัวทำไร่ไถนาก็จะเข้าไปทำงานเป็นคนงานตามโรงงานในเมืองใหญ่ ๆ  ซึ่งมีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพ  คนส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่จึงมีแต่เพียงเด็กและคนแก่เท่านั้น


                        ในเวลาต่อมาคุณสมสมัยจึงได้เริ่มสอนเด็กในหมู่บ้านให้รู้จักวิธีการทำทอง  ใครอยากเอาลูกหลานมาฝึกก็ฝึกให้ฟรีและมีเงินเดือนให้อีกด้วยเป็นการสร้างงาน  สร้างรายได้ให้แก่คนในท้องถิ่น  จนกระทั่งได้รับการคัดเลือกจากสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์  ให้เป็นสตรีที่มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และมีผลงานดีเด่น ในวันที่ 19  พฤษภาคม  2537

                         ดังนั้นส่วนใหญ่แล้วช่างทองจึงเป็นลูกหลานของคนที่นี่ทั้งนั้น  จนสามารถพูดได้เต็มปากว่าทุกชิ้นงานเป็นวิญญาณของศรีสัชนาลัยโดยแท้จากช่างรุ่นแรกที่ถ่ายทอดสู่คนรุ่นหลัง  ทั้งนี้เพื่อให้ผู้สอนรุ่นแรกได้ฝึกฝีมือให้นิ่งพอที่จะเนรมิตงานได้ดั่งใจ  โดยมีคุณสมสมัยเป็นผู้คอยดูแลให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด  เพื่อให้ทุกคนสามารถพัฒนาฝีมือและผลงานให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป    การทำงานจึงผสานด้วยความอบอุ่นของทุกคนทำให้งานทุกชิ้นออกมาปราณีตบรรจง  จนเรียกได้เต็มปากว่างานทองสุโขทัยเป็น   “ งานปราณีตศิลป์ “  โดยแท้


                        เนื่องจากทองสุโขทัยได้รับความนิยมและเป็นที่ต้องการของลูกค้ามากขึ้นนี้เอง ทำให้มีผู้ผลิตรายใหม่ ๆ เกิดขึ้นตามมาเป็นจำนวนมาก แต่ส่วนใหญ่ก็ยังคงใช้แรงงานในท้องถิ่นอยู่         มีบ้างบางร้านที่ใช้ช่างทอง     ช่างเพชรจากที่อื่น      แต่ก็เป็นจำนวนน้อยเท่านั้นแรงงานยังเป็นคนในท้องถิ่นเสียส่วนใหญ่

                 

                  จากการสำรวจในปี  พ.ศ. 2539  พบว่า    มีร้านทองสุโขทัยจำนวนทั้งสิ้นเรียงลำดับได้ดังนี้

1. ร้านทองสมสมัย

2. ร้านทองสมศักดิ์

3. ร้านทองอรอนงค์

4. ร้านทองนันทนา

5. ร้านทองสุภาพร

6. ร้านทองเอกรัช

7. ร้านทองอรพิน

8.  ร้านทองนพมาศ


เนื่องจากวิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในปี 2540 ประกอบกับปัญหาในเรื่องการดำเนินงาน

ทำให้บางร้านต้องเลิกกิจการไปส่วนที่ยังเหลือทำอยู่ปัจจุบันจึงมีจำนวนไม่มากนัก  หนึ่งในจำนวนนั้นก็มีร้านทองสมสมัยผู้ริเริ่มงานทองสุโขทัยรวมอยู่ด้วย  เพราะเชื่อในสิ่งที่ได้รับการปลูกฝังมาจากบรรพบุรุษให้แก่ลูกหลานนั่นคือ ความซื่อสัตย์ต่ออาชีพ  ทำให้เราสามารถยืนหยัดและผลิตผลงานที่มีคุณภาพให้คนรุ่นหลังได้ชื่นชม  และเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าของสังคมต่อไป

เกล็ดความรู้เรื่องทองสุโขทัย


ทำไมน้ำหนักทองสุโขทัยจึงไม่เท่ากัน ?

                  หลายคนมักสงสัยและถามเสมอว่า    “ ทำไมทองสุโขทัยแต่ละชิ้นจึงน้ำหนักไม่ลงตัวพอดี ?  เช่นทองตู้แดงในท้องตลาด  ที่หนัก 1 บาท , 2 บาท เป็นต้น ”  สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะงานทองสุโขทัยเป็นงานหัตถกรรมที่แต่ละชิ้นงานจะถูกออกแบบเฉพาะ  เมื่อทำเสร็จแล้วจึงจะนำมาชั่งเพราะฉะนั้นน้ำหนักที่ได้จึงไม่เท่ากัน   แม้ว่าจะเป็นงานเหมือนกันน้ำหนักก็แตกต่างกันได้  ดังนั้นเวลาสั่งทำจึงทำได้เพียงการประมาณน้ำหนักเท่านั้น  ไม่สามารถกำหนดตายตัวลงไปได้


ราคาทองสุโขทัยไม่ได้สูงอย่างที่คิด !

                  ทำไมราคาทองสุโขทัยจึงสูงมากนัก ?  คำตอบคือ ราคาทองสุโขทัยไม่ได้สูงมากเลยแต่เนื่องจากทองสุโขทัยทำจากทอง 99.99% ซึ่งมีเปอร์เซ็นทองสูงกว่าทอง 96.5% (ทองตู้แดง) จึงส่งผลทำให้ราคาทองแท่ง 99.99% จะมีราคาสูงกว่าทองแท่ง 96.5%  ราคาทองที่ปรากฏโดยทั่วไปในท้องตลาดจะเป็นราคาทองคำแท่ง 96.5%  และค่าแรงหรือค่ากำเหน็จที่คิดก็ไม่ได้สูงไปจากทองตู้แดงมากนัก  โดยจะคิดค่างานตามความยากง่ายของลักษณะงานกล่าวคืองานที่ยากและใช้เวลามากก็จะคิดราคาหนึ่ง  ส่วนงานที่ยากน้อยหน่อยก็จะคิดอีกราคาหนึ่ง  ซึ่งถ้าเทียบค่ากำเหน็จที่คิดกับผลงานที่ปราณีตงดงามแล้วก็ถือว่าเป็นราคาไม่แพงเลย