ไอน์สไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น
ไอน์สไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น เป็นหนังสือแต่งโดย ทันตแพทย์สม สุจีรา มีเนื้อหาทั้งทางวิทยาศาสตร์และหลักการทางพุทธศาสนา จัดพิมพ์โดย สำนักพิมพ์อมรินทร์ ตีพิมพ์ในปี พ.ศ. 2549
ไอน์สไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น | |
---|---|
หน้าปกหนังสือ ไอน์สไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น | |
ผู้ประพันธ์ | สม สุจีรา |
ชื่อเรื่องต้นฉบับ | ศาสนาแห่งจักรวาล |
ประเทศ | ไทย |
ภาษา | ไทย |
ชุด | ปรัชญา |
ฉบับที่ | 1 |
หัวเรื่อง | วิทยาศาสตร์ พุทธศาสนา |
พิมพ์ | 10 บท |
สำนักพิมพ์ | อมรินทร์, สนพ. |
วันที่พิมพ์ | พ.ศ. 2549 |
ชนิดสื่อ | ปกแข็งและปกอ่อน |
หน้า | 200 หน้า |
ISBN | 978-616-18-0906-5 |
OCLC | 9789749985854 |
294.3375 | |
LC Class | b ส-อ |
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ |
หนังสือได้รับการพิมพ์ซ้ำถึง 40 ครั้ง ยอดพิมพ์ไม่ต่ำกว่า 100,000 เล่ม ต่อมา ดร.บัญชา ธนบุญสมบัติ ได้ท้วงติงเนื้อหาที่ผิดพลาดในเชิงวิทยาศาสตร์ เช่น จักรวาลวิทยา (cosmology) ในหน้า 31 ทฤษฎีสตริง (string theory) ในหน้า 39 ทฤษฎีเคออส (chaos theory) ในหน้า 128 และทฤษฎีสัมพัทธภาพ (relativity) ซึ่งปรากฏอยู่ทั่วไปในเล่มเมื่อกล่าวถึงแสงและเวลา เป็นต้น[1]
ดร.บัญชา ธนบุญสมบัติ จากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ได้ออกมาทักท้วงว่าเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้มีเนื้อหาไม่ถูกต้องตามหลักการทางวิทยาศาสตร์หลายจุด[2]
เนื้อหา แก้
แบ่งออกได้เป็น 10 บท [3]
- บทที่ 1 “ทำไมต้องไอน์สไตน์” กล่าวถึงพื้นฐานประวัติชีวิตของไอน์สไตน์ พร้อมทั้งทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์และทฤษฎีสัมพัทธภาพ
- บทที่ 2 “จักรวาลกับพุทธศาสนา” พุทธศาสนาบอกไว้ว่า เรื่องความเร้นลับของจักรวาลเป็นเรื่องอจินไตยไม่ควรคิด แต่ความรู้ทางพุทธศาสนามีเรื่องราวที่ตรงกับการค้นพบและการพิสูจน์ของนักวิทยาศาสตร์สมัยใหม่
- บทที่ 3 “ทฤษฎีสัมพัทธภาพ” เรื่องความเร็วของแสงที่คงที่เสมอ แต่แสงก็ตกอยู่ภายใต้กฎของแรงโน้มถ่วง ดังนั้นจึงเดินทางเป็นเส้นโค้งได้ ตามแรงโน้มถ่วงของดวงดาว ไอน์สไตน์พิสูจน์ให้เห็นว่า เวลาสามารถยืดหด และเดินช้า เดินเร็วได้ ขึ้นอยู่กับสถานที่แต่ละแห่ง เช่นเวลาของคนที่อยู่บนยานอวกาศที่เดินทางด้วยความเร็วสูงจะเดินช้ากว่าเวลาของคนอาศัยอยู่บนโลก
- บทที่ 4 “ความว่างภายในอะตอม” เนื้อหากล่าวถึงทฤษฎีควอนตัมซึ่งทฤษฎีนี้ช่วยอธิบายส่วนที่เล็กที่สุดที่บรรจุอยู่ภายในอะตอม อันเป็นการช่วยยืนยันว่า ไม่มีสิ่งใดคงที่ มีการเปลี่ยนแปลงเสมอ
- บทที่ 5 “พุทธกับวิทยาศาสตร์” มีการเปรียบเทียบความรู้และคำสอนทางพุทธศาสนาที่ต่างกันเพียงวิทยาศาสตร์พยายามค้นคว้าและพิสูจน์ในทางวัตถุหรือรูปธรรม แต่พุทธศาสนาได้ค้นคว้าอย่างลึกซึ้งรวมไปถึงเรื่องทางนามธรรมหรือเรื่องราวของจิตด้วย
- บทที่ 6 “ปัญญาญาณ” ความรู้ ไม่จำเป็นว่าต้องเกิดขึ้นจากการค้นคว้าเสมอไป แต่การรวมจิตให้เป็นหนึ่งก็สามารถทำให้เกิดความรู้ในเรื่องราวที่ลึกซึ้งได้เหมือนกัน
- บทที่ 7 “ความมหัศจรรย์ของจิต” กล่าวถึงความลึกลับซับซ้อนของจิต ที่พระพุทธเจ้าได้สอนเรื่องของจิตนี้มาแต่สมัยพุทธกาลแล้ว และเป็นความจริงที่จริงแท้ตลอดมาจนถึงปัจจุบัน และจิตเป็นสิ่งที่เร็วกว่าแสงมาก
- บทที่ 8 “เกิด-ดับ” ทุกสิ่งมีการเกิดดับ ไม่เว้นแม้แต่จักรวาล รวมไปถึงทฤษฎีความรู้ต่างๆ ของนักวิทยาศาสตร์ซึ่งเมื่อความรู้ใหม่ๆ เกิดขึ้น ทฤษฎีเก่าก็ล้าสมัยไป ต่างจากสัจธรรมของพระพุทธเจ้าที่ยังคงจริงแท้ตลอดมา
- บทที่ 9 “มิติที่ 4 มิติของเวลา” ไอน์สไตน์ยืนยันว่านอกจากเวลาจะยืดหด เวลายังย้อนกลับได้ด้วย ตรงกับการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานทางพุทธศาสนา ซึ่งเมื่อรวมอารมณ์ให้เป็นหนึ่งเดียว มีสมาธิแน่วแน่แล้ว สามารถย้อนเวลาไปหาอดีต หรือล่วงรู้เรื่องราวในอนาคตได้ หรือ มิติที่ 4 เรื่องเวลานี้สามารถเปรียบได้กับนิพพานซึ่งเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้ยาก
- บทที่ 10 “ความสุขและความจริงแท้” สรุปเนื้อหาพุทธศาสนามีความรู้ที่ครอบคลุมมากกว่าวิทยาศาสตร์ และนอกจากความรู้แล้วยังนำมาประยุกต์ใช้กับชีวิตอีกด้วย
อ้างอิง แก้
- ↑ "สัมภาษณ์ : ทางออกที่สร้างสรรค์ - กรณีหนังสือ ไอน์สไตนพบ พระพุทธเจ้าเห็น". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-08-08. สืบค้นเมื่อ 2008-08-07.
- ↑ "ความผิดพลาดของ ไอน์สไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-26. สืบค้นเมื่อ 2011-10-05.
- ↑ "ไอน์สไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น" หนังสือที่เผยความจริงของจักรวาล 200 หน้า