โคลนทรูปเปอร์ (อังกฤษ: Clone trooper) เป็นชื่อของตัวละครสมมติในภาพยนตร์ชุดสตาร์ วอร์ส สร้างโดย จอร์จ ลูคัส ได้รับการแนะนำตัวครั้งแรกในภาพยนตร์ สตาร์ วอร์ส เอพพิโซด 2 กองทัพโคลนส์จู่โจม (ค.ศ. 2002) หลังจากนั้นจึงปรากฎตัวในสื่อ สตาร์ วอร์ส อื่น ๆ อีกมากมาย ประกอบด้วย สตาร์ วอร์ส เอพพิโซด 3 ซิธชำระแค้น (ค.ศ. 2005) และภาพยนตร์ชุดแอนิเมชัน สตาร์ วอร์ส: เดอะ โคลน วอร์ส (ค.ศ. 2008–2014; 2020), สตาร์ วอร์ส เรเบลส์ (ค.ศ. 2014–2018), สตาร์ วอร์ส: ทีมโคตรโคลนมหากาฬ (ค.ศ. 2021–ปัจจุบัน), และ เทลส์ ออฟ เดอะ เจได (ค.ศ. 2022–ปัจจุบัน) ในหนังสือการ์ตูน วิดีโอเกม และนวนิยายที่ดำเนินเรื่องในจักรวาลขยายของสตาร์ วอร์ส และจักรวาลหลัก

โคลนทรูปเปอร์
ตัวละครใน สตาร์ วอร์ส
ปรากฏครั้งแรกกองทัพโคลนส์จู่โจม (2002)
สร้างโดยจอร์จ ลูคัส
แสดงโดย
ให้เสียงโดย
ข้อมูลตัวละครในเรื่อง
เผ่าพันธุ์มนุษย์ (โคลน)
เพศชาย
อาชีพทหาร
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
สังกัด
บ้านเกิดคามิโน

โคลนทรูปเปอร์เป็นทหารผู้ต่อสู้ให้กับสาธารณรัฐกาแลกติกในช่วงจุดตกต่ำของเจได โคลนทรูปเปอร์ทุกนายเป็นทหารที่สังเคราะห์ขึ้น โดยสร้างจากศูนย์พิเศษสำหรับการโคลนบนดาวคามิโน่ จากดีเอ็นเอของนักล่าเงินรางวัล แจงโก้ เฟทท์ เพื่อรับใช้กองทัพของสาธารณรัฐกาแลกติกในช่วงสงครามโคลน ซึ่งได้ชื่อมาจากทหารเหล่านี้ พวกเขาได้รับการดัดแปลงทางพันธุกรรมเพื่อให้สามารถมีอายุเพิ่มขึ้นเร็วกว่ามนุษย์ปกติสองเท่า เพื่อให้พร้อมต่อการใช้งานเร็วขึ้น และเพื่อให้ภักดีต่อผู้บังคับบัญชา ในช่วงสงครามโคลน โคลนทรูปเปอร์รับใช้ภายใต้บัญชาการของนิกายเจได และต่อสู้กับกองทัพดรอยด์แห่งสมาพันธ์ระบบดาวอิสระ ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวโดยดาวเคราะห์ต่าง ๆ เพื่อออกจากสาธารณรัฐ ในช่วงต้นท้ายของสงคราม พัลพาทีน ผู้นำสาธารณรัฐและผู้เป็นซิธอย่างลับ ๆ ซึ่งเป็นผู้เรียบเรียงให้เกิดความขัดแย้งเพื่อชิงอำนาจทางการเมืองนั้น ออกคำสั่งที่ 66 ซึ่งระบุเจไดว่าเป็นผู้ทรยศและทำให้โคลนทรูปเปอร์ ที่ภายใต้อิทธิพลของชิพยังยั้งที่ฝังอยู่สมองของพวกเขา สำเร็จโทษเจได หลังจากการจัดตั้งจักรวรรดิกาแลกติกขึ้น โคลนทรูปเปอร์ค่อย ๆ พบเจอหายาก เพราะถูกแทนที่สตอร์มทรูปเปอร์ ผู้เป็นมนุษย์ปกติที่ได้รับการเกณฑ์ หนึ่งในกองพันที่ยังคงประกอบด้วยโคลนทรูปเปอร์ทั้งหมดนั้นคือ กองพันที่ 501 ซึ่งอยู่ภายใต้ ดาร์ธ เวเดอร์ โดยตรง

พวกเขาถูกโคลนนิงและเติบโตในเมืองของคามิโน่ โคลนทรูปเปอร์ถูกฝึกฝนตั้งแต่เกิด และถูกพิจารณาว่าเป็นกองกำลังทางทหารที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของกาแลกซี ไม่ใช่เพียงการฝึกฝนที่พวกเขาได้รับ แต่รวมทั้งความภักดีที่ไม่เปลี่ยนแปลงต่อสาธารณรัฐ และผู้นำ (สมุหนายกพัลพาทีน)

ในช่วงการพัฒนา จักรวรรดิเอมไพร์โต้กลับ นั้น ในตอนแรก ลูคคัสมีแนวคิดสำหรับดาวเคราะห์ของโคลน ซึ่งเป็นสาเหตุว่าทำไมถึงมีคำกล่าวถึงสงครามโคลนเป็นครั้งแรกในภาพยนตร์ดั้งเดิม สตาร์ วอร์ส (ค.ศ. 1977) ชุดเกราะของโคลนทรูปเปอร์นั้นถูกออกแบบให้สามารถวิวัฒนาการไปเป็นทั้งเกราะของสตอร์มทรูปเปอร์ และโบบา เฟทท์ ซึ่งได้รับการเปิดเผยใน กองทัพโคลนส์จู่โจม ว่าเป็นโคลนของแจงโก้ เฟทท์ ที่ไม่ได้รับการดัดแปลงทางพันธุกรรม โดยโคลนที่สวมชุดเกราะใน กองทัพโคลนส์จู่โจม และ ซิธชำระแค้น นั้นเป็นภาพที่สร้างด้วยคอมพิวเตอร์ ซึ่งให้เสียงโดย เทมูเอรา มอร์ริสัน ผู้แสดงเป็นแจงโก้ เฟทท์ โคลนที่อายุน้อยกว่าถูกแสดงโดยโบดี เทย์เลอร์ และดาเนียล โลแกน ผู้แสดงเป็นโบบา โคลนที่ไม่ได้สวมหมวกนั้นแสดงโดยทั้งมอร์ริสัน และเทย์เลอร์ ผู้สวมชุดบอดีสูท โครมาคีย์ เพื่อแยกแยะศีรษะของพวกเขา และบางโคลนทรูปเปอร์นั้นผสมรูปแบบของทั้งสองนักแสดงเข้าด้วยกัน ตั้งแต่ภาพยนตร์ สงครามโคลน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของซีรีส์แอนิเมชันเรื่อง เดอะ โคลน วอร์ส นั้น โคลนทรูปเปอร์โตเต็มวัยนั้นถูกพากย์เสียงโดย ดี แบรดลีย์ เบเกอร์ และโคลนเด็กนั้นให้เสียงโดยโลแกน ใน สตาร์ วอร์ส: สงครามมนุษย์โคลน (ค.ศ. 2003-2005) นั้น โคลนทั้งหมดถูกพากย์เสียงโดย แอนเดร โซกีลัซโซ

ตั้งแต่การเปิดตัวของพวกเขาใน สตาร์ วอร์ส ไตรภาคต้นนั้น โคลนทรูปเปอร์ได้รับเสียงตอบรับแบบผสม จากทั้งนักวิจารณ์และผู้รับชม เนื่องด้วยเวลาบนจอที่จำกัดและภาพยนตร์เหล่านี้ไม่ได้ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าพวกเขาแตกต่างจากสตอร์มทรูปเปอร์ในไตรภาคเดิม; บางคนรู้สึกว่าการบอกเป็นนัยว่าสตอร์มทรูปเปอร์เป็นทหารที่สร้างขึ้นสำหรับสงครามโดยเฉพาะนั้นถูกหักล้างออกไปหลังผลกระทบของความขัดแย้งนี้ การตอบรีบของโคลนทรูปเปอร์นั้นดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดด้วยการมีบทบาทใน สงครามโคลน และ เดอะ โคลน วอร์ส ซึ่งแนะนำโคลนนายต่าง ๆ ซึ่งมีลักษณะนิสัยที่ต่างกัน และความพยายามในการทำให้ดูเป็นมนุษย์มากขึ้น โดยการสำรวจความสัมพันธ์ระหว่างของพวกเขากับเจไดและโคลนนายอื่น ๆ และความคิดและความรู้สึกต่อสงครามโคลนและการมีตัวตนของพวกเขา ตั้งแต่นั้น งานอื่น ๆ ของ สตาร์ วอร์ส ที่ดำเนินเรื่องในช่วงสงครามโคลนนั้นมีโคลนเป็นตัวละครหลัก และหลาย ๆ ตัวละครกลายเป็นที่ชื่นชอบของแฟน ๆ โคลนทรูปเปอร์กลายเป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม และกลายเป็นองค์ประกอบที่ได้รับการยอมรับในแฟรนไชส์ สตาร์ วอร์ส

ประวัติศาสตร์ แก้

การเข้าประจำการ และแบบกำเนิด แก้

พวกเขาเกิดมาเพื่อภักดีต่อสาธารณรัฐ หรือไม่ก็จะไม่เกิดขึ้นมาเลย

ไฟล์:Kamino Facility.jpg
22 ปีก่อนยุทธการยาวิน การปรับเปลี่ยนทางพันธุกรรมก็สมบูรณ์ โคลน 200,000 หน่วยแรกถูกสร้างขึ้นภายใต้เครื่องให้กำเนิดของชาวคามิโน่

ต้นกำเนิดของโคลนทรูปเปอร์สามารถย้อนกลับไปได้ถึงวันก่อนการรุกรานบนดาวนาบู เมื่อกองทัพถูกประจำการโดยอาจารย์เจไดไซโฟ-ดิแอสในนามของสาธารณรัฐ และด้วยการตายอย่างผิดเวลาของไซโฟ-ดิแอส แล้วโครงการก็ตกไปอยู่ในการดูแลของชายลึกลับหรือที่รู้จักกันว่า ไทรานนัส

หลังจากการทดสอบอย่างหนัก ไทรานนัสได้เลือกเอานักล่าเงินรางวัลชาวแมนดาลอร์ นามว่าแจงโก้ เฟทท์เพื่อเป็นต้นแบบ เมื่อชาวคามิโน่แนะนำการสร้างกองทัพโดยใช้ความรู้สึกด้านพลังของผู้ให้ ไทรานัสหยุดความคิดนั้นอย่างรวดเร็ว ก่อนที่กระบวนการตั้งครรภ์จะเริ่มขึ้น ชาวคามิโน่ชักจูงเฟทท์เลือกพันธุกรรมเพื่อคุณภาพ เช่น ความจงรักภักดี ความก้าวร้าว ความแปลกแยก และระเบียบวินัย ผลที่ได้คือทหารที่ออกมานั้นมีการเชื่อฟัง ยืดหยุ่น และไว้ใจได้มากกว่าทหารที่ยังไม่เปลี่ยนแปลงพันธุกรรม มีแค่เพียงกลุ่มของโคลน 100 นาย ที่ได้เป็นหน่วยลาดตระเวนจู่โจมพิเศษ ซึ่งไม่ได้รับการปรับเปลี่ยนพันธุกรรม

ชาวคามิโน่สำรวจดีเอ็นเอของเฟทท์เพื่อสร้างต้นแบบขึ้นมา 8 แบบ มีเพียง 6 เท่านั้นที่สามารถรอดขั้นตอนการตั้งครรภ์มาได้ การโคลนที่มีชื่อเสียงทางลบคือหน่วยลาดตระเวนจู่โจมพิเศษ-นุลคลาสเป็นผลจากการเพิ่มต่อเติมพันธุกรรมของเฟทท์ และมันก็มันถูกเข้าใจว่าเป็นความผิดพลาดของชาวคามิโน่จากการที่มีอัตราการเกิดที่ต่ำ และการปฏิเสธของพวกเขาที่จะทำตามคำสั่งในแบบเดียวกับโคลนที่สร้างเสร็จแล้ว หากไม่ใช่ เพราะการแทรกแซงแมนดาลอเรี่ยนที่ชื่อคัล สคิราต้า ชาวคามิโน่อาจสิ้นสุดมันด้วยการให้เป็นหน่วยที่มีข้อบกพร่อง

การฝึกฝน แก้

พวกเขาถูกฝึกทุกวันเพื่อสร้างความว่าง่าย

ไฟล์:Clonestraining.jpg
โคลนทรูปเปอร์กำลังทานอาหารร่วมกันที่คามิโน่

เมื่อโคลนมีอายุได้ที่แล้ว เฟทท์ใช้ช่องโหว่จากการราเงินรางวัลในอาชีพของเขาเพื่อจับตาดูการฝึกทหารของเขา เฟทท์มีกฎเกณฑ์ส่วนตัวในการฝึกโคลน และแม้แต่ออกแบบเกราะของพวกเขาด้วยตนเอง เพื่อที่จะให้พวกเขาเข้าประจำการในกองทัพสาธารณรัฐได้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ โคลนทั้งหมดถูกเร่งเวลาการเติบโตขึ้น จากผลที่ได้ คือ โคลนแต่ละตัวมีอัตราการเติบโตเป็น 2 เท่าของมนุษย์ทั่วไป ด้วยอายุ 10 ปี ร่างกายของพวกเขาก็สมบูรณ์พร้อมที่จะทำการต่อสู้ โคลนที่ผิดปกติหรือมีความแตกต่างในด้านส่วนบุคคลมากกว่าจะถูกคัดออก และโคลนที่ได้ไม่ได้เป็นไปตามแบบของชาวคามิโน่เลยแม้แต่น้อยจะพบเรื่องที่น่าแปลกใจกว่าด้วยการพบว่าตัวเองหายไปอย่างไร้ร่องรอยยามค่ำคืน นี่เป็นกรณีของกลุ่มโคลนที่มีทัศนะในการมองเห็นไม่ถึง 20/20

โคลนทรูปเปอร์ทุกคนจะได้รับการฝึกขั้นพื้นฐานจากแก่นแท้ของทักษะทางทหาร เช่น การจับอาวุธ,การยิงปืน และสิ่งที่สำคัญอื่นๆ หน่วยลาดตระเวนจู่โจมพิเศษจะได้รับการฝึกพิเศษขั้นสูงจากตัวแจงโก้ เฟทท์เอง ขณะที่โคลนคอมมานโด ได้รับการฝึกจากกลุ่มทหารรับจ้างชาวแมนดาลอเรี่ยน โคลนที่ถูกเลือกให้ทำหน้าที่เป็นนายทหารถูกฝึกให้รู้จักการนำคนของพวกเขาพุ่งเข้าสู่การสู้รบ ช่วงที่เกิดการต่อสู้ 2%ของจำนวนผู้ตายเป็นอัตราสูงสุดที่กำหนดไว้โดยชาวคามิโน่

ลักษะณะนิสัยของโคลนทรูปเปอร์ทุกคนจะถูกควบคุมโดยรหัสควบคุม


 
โคลนทรูปเปอร์ในการรบ

สิ่งที่สืบมาจากแมนดาลอเรี่ยน แก้

พวกเขาจะทำงานได้ดี ข้ารับรอง

— แจงโก้ เฟทท์, สตาร์ วอร์ส เอพพิโซด 2 : กองทัพโคลนจู่โจม

ตลอดการพัฒนาของพวกเขา แจงโก้ เฟทท์ได้สร้างจุดประสงค์ในการใส่ลักษณะของชาวแมนดาลอเรี่ยนเข้าไปในโคลนทุกคน โดยสันนิษฐานจากตำนานของแมนดาลอเรี่ยน นี่เป็นจริงในทหารทั่วไป และกองกำลังพิเศษในกองทัพ ทำให้โคลนเหล่านี้สามารถพูดภาษาของแมนดาลอเรี่ยนได้ อิทธิผลของแมนดาลอเรี่ยนจะแรงมากในหน่วยจู่โจมพิเศษของสาธารณรัฐ เนื่องจากพวกเขาทั้งหมดล้วนถูกฝึกจากนักรบชาวแมนดาลอเรี่ยนโดยตรง

แม้ว่าวัฒนธรรมของชาวแมนดาลอเรี่ยนมีผลกระทบสูงในโคลนคอมมานโด ในโคลนแบบทั่วไป ซึ่งเป็นส่วนใหญ่ของกองทัพก็ทุ่มเทให้กับสาธารณรัฐกาแลกติกโดยปราศจากคำถาม ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงมีความภักดีต่อสาธารณรัฐเหนือความรู้สึก และความสนใจ เมื่อผู้พิทักษ์ชาวแมนดาลอเรี่ยน นำโดยผู้ที่ไม่ใช่ใครอื่นนอกเสียจากอาร์คทรูปเปอร์ทรยศ นามว่าอัลฟ่า-Ø2 เขาเผยตัวว่าฝักใฝ่ฝ่ายแบ่งแยกดินแดน โคลนหลายนายเริ่มปฏิเสธสิ่งที่สืบมาจากชาวแมนดาลอเรี่ยน เนื่องจากแมนดาลอเรี่ยนได้กลายมาเป็นศัตรูของสาธารณรัฐ มันเป็นการแตกแยกครั้งใหญ่ในหมู่โคลนจะเห็นได้ว่าเมื่อกองกำลังขนส่งทางอากาศที่ 2 ไม่ได้ความพยายามที่จะซ่อนความรู้สึกเกลียดชังต่อหน่วยโอเมก้าเลย ส่วนโคลนคนอื่นๆ ที่สนใจในวัฒนธรรมของแมนดาลอเรี่ยนมากกว่าความภักดีต่อสาธารณรัฐ

หลังจากที่โคลนจากหลายต้นแบบ และมนุษย์ปกติที่ถูกเกณฑ์เข้ามาในตำแหน่งสตอร์มทรูปเปอร์ ดูเหมือนว่าโคลนที่ได้รับอิทธิพลจากแมนดาลอเรี่ยนของเฟทท์มีน้อยมากในหมู่กองพันพายุ

สงครามโคลน แก้

กองทัพที่มีชายคนเดียว อย่างน้อยก็เหมาะกับงานนี้

— คำยั่วเย้าของโคลนทรูปเปอร์
 
กองทัพแห่งสาธารณรัฐนำการบุกบนจีโอโนซิส

ด้วยการที่โอบีวัน เคโนบี,อนาคิน สกายวอล์คเกอร์ และ วุฒิสมาชิกแพดเม่ อมิดาล่าถูกจับโดยเคาท์ดูกู และฝ่ายแบ่งแยกดินแดน ฉากแรกของสงครามโคลนก็เกิดขึ้น กองทัพแห่งสาธารณรัฐได้ออกโรงเป็นครั้งแรกบนพื้นที่ราบของจีโอโนซิส ภายในชั่วโมงแรก โคลนภายใต้การบัญชาของนายพลเจไดอย่างเมซ วินดู และคิท ฟิสโตก็ได้ผลักดันกองทัพดรอยด์ให้ล่าถอย และหยุดการสร้างอีกนับพันล้านด้วยการเข้ายึดโรงงานสร้างดรอยด์บนดาว ไม่นาน กองกำลัง 200,000 นายได้ดันให้กองทัพดรอยด์ต้องล่าถอย

ความสำเร็จของสาธารณรัฐบนจีโอโนซิสเป็นจุดเริ่มของสงครามโคลน สงครามที่ซึ่งโคลนทรูปเปอร์ของสาธารณรัฐได้ผงาดเป็นครั้งแรก ขณะที่ดาวหลายดวงเริ่มประกาศความภักดีต่อฝ่ายแบ่งแยกดินแดนของดูกูมากขึ้น ทหารของกองทัพเริ่มพบว่าพวกเขาเริ่มถูกส่งไปที่สุดขอบกาแลกซี่มากขึ้น ขณะที่ประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้น และความกล้าหาญของพวกเขาก็เช่นกัน แต่ชัยชนะของพวกเขาที่ได้มานั้นไม่ใช่ถูกๆ ในยุทธการคาโตเนโมอีเดียครั้งที่สอง ขณะที่สงครามที่ใกล้จบ โคลนทรูปเปอร์ส่วนมากตาย หรือไม่ก็บาดเจ็บเกินไปที่จะรบได้อีก

โคลนได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นเครื่องมือสำคัญต่อชัยชนะของสาธารณรัฐ ด้วยหน่วยพิเศษมากมายอย่างอาร์คที่มีความสำคัญมากต่อการทำสงคราม ไม่นานก็เห็นได้ชัดว่าเมื่อปราศจากการช่วยเหลือของโคลน ทหารเกณฑ์ และเจไดเพียงลำพังก็ไร้ประโยชน์

ใบหน้า และชื่อ แก้

ข้าเคยทำให้ท่านผิดหวังครั้งสุดท้ายเมื่อไรเล่า?

— ผู้บัญชาการโคดี้พูดกับโอบีวัน เคโนบี, สตาร์ วอร์ส เอพพิโซด 3: ซิธชำระแค้น
 
ผู้บัญชาการโคดี้บนยูทาเปา

เมื่อกองทัพของสาธารณรัฐเปิดเผยตนบนจีโอโนซิส กาแลกซี่คิดว่าโคลนทรูปเปอร์ก็ไม่ได้แตกต่างอะไรไปจากดรอยด์ของฝ่ายแบ่งแยกดินแดนเลย ทหารที่ไร้ใบหน้าได้ปฏิญาณตนว่าจะยอมพลีชีพเพื่อสาธารณรัฐ

ลักษณะนี้เริ่มเปลี่ยนไปแต่อย่างไรก็ตาม ตามที่จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น ขณะที่สงครามโคลนดำเนินไป เจไดตั้งรูปแบบการเข้าร่วมกับโคลนซึ่งพวกเขานำ และปฏิบัติกับพวกเขาอย่างปุถุชนซึ่งต่างกับดรอยด์ศัตรูของพวกเขาอย่างสิ้นเชิง แม้ว่านี่จะสร้างความสับสนมากมายต่อโคลนในทีแรก ผู้ที่ส่วนมากแรกเริ่มคิดว่าตนเกิดมาไม่ได้เป็นอะไรมากกว่าสินค้า พวกเขาเริ่มมีความเคารพ และสรรเสริญในตัวเจไดที่นำพวกเขา นายพลเจไดหลายคนเป็นสหายกับโคลนในสงคราม เช่น โอบีวัน เคโนบี กับ ผู้บัญชาการโคดี้ และเอย์ล่า ซีคูร่า กับ ผู้บัญชาการกรี

ในบางกรณี โคลนทรูปเปอร์บางนายจะมีการพัฒนาด้านอารมณ์ซึ่งอาจบดบังต่อความภักดีต่อสาธารณรัฐ และ จักรวรรดิ ในกรณีนี้คือมอร์ท อดีตโคลนคอมมานโดที่เขากับหน่วยของเขาถูกทิ้งไว้บนคาชีค โดยผู้บัญชาการมอร์คอฟ มอร์ทเห้นพี่น้องตายไปต่อหน้าต่อตา และตัวเองก็บาดเจ็บสาหัส ตระหนักได้ว่าโคลนถูกคิดว่าเป็นเครื่องมือที่สามารถขาดได้ และ เขาก็ไม่พอใจกับจักรวรรดิรวมทั้งมอร์คอฟอย่างมาก เขาเจ็บใจ และตาสว่าง สุดท้ายมอร์ทก็หนีไปจากคาชีคสำเร็จ และตั้งรกรากใหม่บนทาลัสที่ซึ่งเขาสามารถกลบความเจ็บปวดในอดีตด้วยการติดแอลกอฮอล์ เขาเกลียดมอร์คอฟมากจนจ้างคนให้ลอบสังหารเขา

ในกรณีที่มีดุลพินิจสูง แน่นอน! โคลนบางนายมีความสัมพันธ์แบบโรแมนติกได้ด้วย ตัวอย่างเล็กน้อยอย่าง อัลฟ่า-98 กับ ชีคา ทุล หรือ อาร์ซี-1136 กับ อีทาอิน ทัวมูคัน แม้แต่ นุล-11 กับ เบซานี่ เวนเนนที่แสดงความดึงดูดใจซึ่งกันและกัน ชีคา,อีทาอิน และ เบซานี่เชื่อว่าการใช้โคลนเหมือนกองทัพดรอยด์นั้นเป็นสิ่งที่ผิด แม้ถูกสร้างสร้างความรู้สึกเห็นอกเห็นใจและความเมตตาของพวกเขามาแล้วจากกองทัพ

ตามคำสั่งจากนายพลเจไดของพวกเขา โคลนทรูปเปอร์ถูกอนุญาตให้เปลี่ยนชื่อตนเองได้พร้อมกับชื่อแบบตัวเลขของพวกเขา ในการคุ้นเคยของโคลนที่มีลักษณะเฉพาะตรงข้ามกับดรอยด์ โคลนสามารถดัดแปลงเกราะแบบสองของตนเองได้ ซึ่งเพิ่มขวัญกำลังใจของทหารที่มีพร้อมไปด้วยความภาคภูมิ และลักษณะเด่นที่ไม่เหมือนใคร

กองทัพลับของพัลพาทีน แก้

พวกเขาเป็นหน่วยพิเศษหรือเปล่า เพราะว่าข้าไม่เคยเห็นพวกเขาเลย น่าแปลกที่เราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพวกเขาเลย นั่นยิ่งทำให้แปลกเข้าไปใหญ่

2 ปีในสงครามโคลนของกองทัพทำให้กำลังพลเริ่มน้อยลง ด้วยการลดลงตลอดเวลา และไม่เคยมีการฝึกทหารใหม่เข้ามาแทนที่ ด้วยการสืบสวนอย่างไม่เป็นทางการโดยสิบเอกคัล สคิราตา นุลอาร์คของเขา และเจ้าหน้าที่การคลังของสาธารณรัฐได้พบหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงการใช้เงินนับพันล้านผ่านบริษัทแนวหน้า และบัญชีมืดจากงบประมาณของสาธารณรัฐสู่การคลัง ซึ่งรู้ในที่สุดว่าสิ่งนั้นคือ กองทัพโคลนลับ ทหารเหล่านี้ถูกสร้างบนคอรัสซัง และดวงจันทร์ของ เซนแท็กซ์-2 ทหารถูกดูแลโดยเทคโนโลยีของชาวอาร์คาเนี่ยนที่ใช้เทคโนโลยีจากสปาอาทิ ทำให้การเจริญเติบโตนั้นกินเวลาไม่ถึงหนึ่งปี และได้รับการฝึกแบบรวดเร็ว ซึ่งทำให้พวกเขาไม่ได้รับผลจากนิสัยของชาวแมนดาลอเรี่ยน แต่ก็มีความช่ำชองน้อยกว่าโคลนรุ่นก่อนหน้า

การสืบสวนที่ลึกลงไปทำให้พบว่า โคลนหลายล้านนาย รวมทั้งส่วนประกอบของยาน และอาวุธ ถูกกำหนดให้เสร็จในวันที่ใกล้เคียงกับวันครบรอบปีที่สามของ ยุทธการจีโอโนซิส ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามโคลน หน่วยแรกของโคลนที่ไม่ได้มาจากคามิโน่ อย่างกองพลน้อยทหารราบที่ 14,กองพลน้อยที่ 501 และช็อคทรูปเปอร์ เริ่มถูกพบเห็นขณะปฏิบัติการในจำนวนที่น้อยในช่วงเวลาไม่กี่เดือนก่อนที่จะเกิด ยุทธการคอรัสซัง

ส่วนที่เหลือของกองทัพลับยังคงไม่ถูกเผยออกมาในสงคราม และคิดว่ามันเป็นส่วนสำคัญในชัยชนะของสาธารณรัฐในสัปดาห์ที่ยาวนาน ไม่กี่วันหลังจากการรบ ยานนับพันลำ และทหารนับล้านก็ถูกเพิ่มเข้าสู่กองทัพ และเริ่มเปลี่ยนโฉมหน้าของสงคราม

การกวาดล้างเจไดครั้งใหญ่ แก้

"ปฏิบัติตามคำสั่งที่ 66"
"รับคำสั่งท่านลอร์ด"

— พัลพาทีนหรือดาร์ธ ซีเดียสออกคำสั่งกับโคลนทรูปเปอร์ทุกนาย
ไฟล์:501stlegion1.jpg
ฟอกซ์ และกองพลน้อยที่ 501 ระหว่างปฏิบัติการ:กวาดล้างอัศวินเจได

แม้ว่าโคลนทรูปเปอร์เคารพ และอาจชอบเจไดที่พวกเขารับใช้ภายใต้การปกป้องกาแลกซี่ในนามของความสงบสุข และยุติธรรม พวกเขาถูกสั่งสอนให้ซึมซาบในความภักดีต่อสาธารณรัฐกาแลกติกไม่ว่าจะกรณีใดก็ตาม แต่ด้วยอำนาจฉุกเฉินของสมุหนายกพัลพาทีน สมุหนายกก็กลายเป็นสาธารณรัฐไปโดยปริยาย ถึงแม้โคลนทรูปเปอร์ทั้งหมดกลายเป็นคำตอบของการมีอำนาจทั้งหมดของเขา

เมื่อคำสั่งที่ 66 ได้เกิดขึ้นในช่วงจบของสงครามโคลน โคลนแสดงความภักดีต่อสาธารณรัฐด้วยการสังหารเจไดในทันทีอย่างเลือดเย็น โคลนทุกนายมีปฏิกิริยาต่อคำสั่ง บ้างก็คิดว่ามันก็แค่อีกคำสั่งที่ต้องปฏิบัติตาม แต่ก็มีมากที่ตกใจกับคำสั่ง และไม่แน่ใจว่าทำไมต้องหันหลังให้กับเจได แต่โคลนเกือบทั้งหมดก็ทำตามคำสั่ง และแปรพักตร์ต่อเจได

ในตอนแรกพวกเขาได้พยายามจะกำจัดเจไดให้หมดสิ้นซากแต่ปัญหาอยู่ที่พวกเจไดกระจัดกระจายไปทั่วกาแล็คซี่ที่ทำสงครามโคลนโดยไม่ได้เข้าร่วมกับกองทัพโคลน พวกโคลนทรูปเปอร์ได้วางแผนลวงพวกเจไดโดยแจ้งรหัสจากวิหารเจไดไปถึงพวกเขาทั้งหมดว่าสงครามยุติลงและให้กลับมายังวิหารเจไดได้ และเมื่อนั้นพวกเจไดมาถึง พวกโคลนทรูปเปอร์จะสังหารทันที แต่โชคไม่ดีที่มีเจไดสองคนที่รอดชีวิตจากการกวาดล้างคือ ปรมาจารย์เจไดโยดาและอาจารย์เจไดโอบีวัน เคโนบี ซึ่งพวกเขาได้รับการช่วยเหลือจากวุฒิสมาชิกเบล ออร์กาน่า ได้ทราบแผนการนี้ พวกเขาได้แอบเข้าคอรัสซังและเข้าไปยังวิหารเจได ซึ่งช่วงนั้นสมุหนายกพัลพาทีนได้จัดประชุมวาระพิเศษเพื่อก่อตั้งจักรวรรดิทำให้การตรวจเข้มของโคลนทรูปเปอร์ที่เผาวิหารเจไดลดลง โยดาและโอบีวันจัดการโคลนทรูปเปอร์ที่เผาวิหารเจไดและแจ้งรหัสไปยังพวกเจไดคนอื่นทั้งหมดว่าให้อยู่ห่างจากคอรัสซังและหลบหนีซ่อนตัวไว้ ซึ่งกว่าพวกโคลนทรูปเปอร์จะรู้วิธีถอดรหัสนั้นก็ต้องใช้เวลายาวนาน หลังจากนั้นพวกเจไดก็ได้กระจัดกระจายไปทั่วทั้งกาแล็คซี่เพื่อหลบหนีและซ่อนตัวไปให้พ้นจากพวกจักรวรรดิที่กำลังจะก่อตั้งขึ้น

สงครามโคลนยุติลง แก้

หลังจากพวกโคลนทรูปเปอร์ได้กำจัดเจไดแล้ว พวกเขายังคงทำสงครามกับพวกดรอย์ของสหภาพพิภพอิสระต่อ แต่ดาร์ธ เวเดอร์ซึ่งได้รับคำสั่งจากดาร์ธ ซีเดียสหรือสมุหนายกพัลพาทีน ผู้เป็นอาจารย์ให้ไปยังดาวมุสตาฟาร์และกำจัดนูต กันเรย์ อุปราชของสหพันธ์พาณิชย์รวมทั้งผู้นำต่างๆในสหภาพพิภพอิสระ และแจ้งไปยังยานสหพันธ์พาณิชย์ทั้งหมดให้ดรอย์การรบทั้งหมดปิดตัวลงทันที และแล้วกองทัพโคลนก็ได้รับชัยชนะและสงครามโคลนยุติลงในที่สุด พร้อมกับการถือกำเนิดจักรวรรดิกาแลคติก

ยุคจักรวรรดิ แก้

โคลนทรูปเปอร์ ตอนนี้ได้ใช้ชื่อใหม่อย่างภาคภูมิว่าสตอร์มทรูปเปอร์ ทำการต่อสู้กับศัตรูของเราที่แนวหน้า หลายคนได้ตายอย่างเสียสละเพื่อจักรวรรดิ ประชาชนของจักรวรรดิจะทำอย่างดีเพื่อจดจำตัวอย่างเช่นพวกเขา

— จักรพรรดิพัลพาทีนขณะทำการประกาศคณะใหม่, สตาร์ วอร์ส เอพพิโซด 3:ซิธชำระแค้น
 
สตอร์มทรูปเปอร์ของจักรวรรดิหลังเปลี่ยนมาจากโคลนทรูปเปอร์

หลังจากการก่อตั้งจักรวรรดิกาแลคติก โคลนทรูปเปอร์ทุกนายยังคงทำหน้าที่ตามคำสั่งของผู้นำอย่างพัลพาทีนซึ่งได้เป็นจักรพรรดิคือรับใช้จงรักภักดีและคอยกวาดล้างผู้ต่อต้านจักรวรรดิ รวมทั้งตามล่าและกำจัดเจไดที่ยังเหลือรอดอยู่จากการกวาดล้างครั้งใหญ่ โดยมีดาร์ธ เวเดอร์ เป็นนายพลแห่งจักรวรรดิ ซึ่งโคลนทรูปเปอร์ทุกนายแต่เดิมยังคงเป็นดีเอ็นเอของแจงโก้ เฟทท์อยู่ ต่อมาใน 10 ปีให้หลัง โคลนทรูเปอร์ก็ได้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ หลังจากโคลนทรูเปอร์ตัวเก่าได้หมดอายุแล้วและจักรพรรดิพัลพาทีนก็ได้ตั้งชื่อใหม่จากโคลนทรูปเปอร์มาเป็นสตอร์มทรูปเปอร์ซึ่งพวกเขาได้โคลนนิ่งมาจากดีเอ็นเอของแจงโก้ เฟทท์รวมทั้งทหารเกณฑ์ใหม่ ชุดเครื่องแบบของโคลนทรูปเปอร์แบบที่หนึ่งได้ถูกยกเลิกทั้งหมด และเปลี่ยนมาใช้เป็นชุดเครื่องแบบของโคลนทรูปเปอร์แบบที่สองซึ่งแตกต่างกันที่หมวกซึ่งไม่เหมือนของหมวกของชุดเครื่องแบบของโคลนทรูปเปอร์แบบที่หนึ่งที่มีช่องมองรูปตัว T แต่มีตาและปากที่ทำให้ผู้คนพบเห็นเกิดความหวาดกลัว และได้ถูกบังคับให้เลิกเกราะแบบมีสี ที่ใช้เพื่อระบุหน่วยสังกัด เพราะว่าการปรับเปลี่ยนเครื่องแบบของจักรวรรดิ รวมทั้งมีการสวมเกราะสีขาวโพลนทั้งตัว นอกจากนั้นยังมีการใช้เครื่องแบบของโคลนทรูปเปอร์แบบที่สองอีกแบบแต่มีถูกเปลี่ยนสีเป็นขาวแทนคือชุดปรับสภาพแวดล้อมเช่น ชุดหิมะจากหน่วยนาวิกโยธินกาแลคติกที่มีสีน้ำตาลแดงแต่ถูกเปลี่ยนสีเป็นขาวโพลนทั้งตัว โดยถูกเรียกว่า สโนว์ทรูปเปอร์ หรือชุดของโคลนทรูปเปอร์หนองน้ำจากสีเขียวที่เข้ากับป่าถูกเปลี่ยนเป็นสีขาวโพลนทั้งตัว โดยถูกเรียกว่า สเกาท์ทรูปเปอร์ หลังจากนั้นสตอร์มทรูปเปอร์ก็ทำตัวป่าเถื่อนเพื่อคุมกฎหมายของจักรวรรดิใหม่ พวกเขาปราศจากความเมตตา ชอบทำลายล้าง และมีจำนวนที่ไร้ขีดจำกัด และนั้นคือเหตุผลเดียวที่ทำให้โคลนทรูปเปอร์และกองทัพโคลนก็ได้สาปสูญไปตลอดกาล เหลือไว้แต่ความทรงจำอดีตในประวัติศาสตร์กาแลคติกในช่วงสงครามโคลนเท่านั้น

อุปกรณ์ แก้

ชุดเกราะ แก้

 
โคลนทรูปเปอร์สวมเกราะโคลนทรูปเปอร์แบบที่ 1
  • เกราะแบบที่ 1 ชุดเกราะถูกออกแบบโดยแจงโก้ เฟทท์คล้ายกับเกราะของคอมมานโดของชาวแมนดาลอเรี่ยน ส่วนที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คงจะเป็นหมวกที่มีช่องมองรูปตัว T ตัวเกราะเองประกอบด้วยชิ้นส่วนกว่า 20 ชิ้นซึ่งทำจากพลาสตรอยด์ผสมอัลลอย ทั้งหมดผนึกติดกับชุดถุงสีดำ ด้วยทั้งหมด น้ำหนักของชุดก็มีเพียง 40 กิโลกรัม ซึ่งนับว่าเบาเมื่อเทียบกับที่ขนาดที่ใหญ่ของมัน แต่เกราะก็ทำมาเพื่อการเคลื่อนไหวที่จำเป็นเท่านั้น

ชาวคามิโน่มองเห็นในแสงอุลตร้าไวโอเล็ต ดังนั้นแม้ว่ามนุษย์เห็นเกราะของโคลนเป็นสีขาว แต่เกราะของโคลนก็ออกแบบได้ประณีตมาก ชาวคามิโน่มองในแง่ความจริงที่ว่าโคลนนั้นเป็นมนุษย์ พวกเขาจึงเพิ่มแถบสีเข้าไปเพื่อบอกระดับยศ และ สัญลักษณ์มากมายเพื่อบอกหน้าที่ อย่างของ ร้อยเอกฟอร์โด ส่วนหลังของเกราะ ไม่มีข้อสงสัยในความรู้ที่จำกัดของชาวคามิโน่เรื่องกายภาพของมนุษย์ เกราะจึงไม่เหมาะที่จะใส่ และนั่งลง เกราะแบบแรกยังมีข้อเสียเรื่องความอ่อนประสิทธิภาพเมื่อต้องเจอกับลูกปืนใหญ่ หรือ บลาสเตอร์ที่เล็งมาอย่างแม่นยำ และด้วยเหตุนี้ มันมักถูกเรียกว่า"ถุงห่อศพ"โดยพวกที่ใกล้ชิดกับกองทัพของสาธารณรัฐ ในการสื่อให้เห็นอย่างชัดเจนของความรู้สึกที่แข็งทื่อของชาวคามิโน่ที่สร้างมันขึ้น เกราะทั้งหมดจะมีสีขาวแบบดั้งเดิม เกราะของเจ้าหน้าและเอ็นซีโอ จะมีจุดเด่นคือแถบสีตามความยาวของแขน กับ หมวก ซึ่งบอกยศ และ ตำแหน่งในหน่วยของพวกเขา

 
โคลนทรูปเปอร์ในเกราะแบบที่ 2ที่หลากหลาย
  • เกราะแบบที่ 2 การใส่สีลงบนเกราะเป็นการบอกเหล่ามากกว่าบอกตำแหน่ง ในส่วนเพิ่มเติมการนำเกราะที่ถูกพัฒนาแล้วมาใช้แสดงจุดเด่น และการปรับแต่งของเกราะอย่างเด่นชัด ด้วยศิลปะของชุดเกราะยังรวมทั้งการเปลี่ยนการแสดงผลภาพในหมวก และ ขจัดปัญหาในการนั่งทั้งชุดเกราะ ชุดเกราะเองก็สามารถวางใจได้เมื่อต้องออกรบ และทนทานต่อการยิงของศัตรูได้ดี แม้ว่าด้วยการนำมาใช้ และแพร่หลายของเกราะแบบที่ 2 อย่างไรก็ตามบางหน่วยและโคลนที่ไม่เหมือนใครยังคงใส่เกราะแบบที่ 1 ต่อไป

เกราะโคลนทรูปเปอร์ยังติดตั้งระบบสื่อสารหรือเทคโนโลยีที่คล้ายๆกัน เกราะของโคลนทรูปเปอร์เป็นการเริ่มต้นของระบบการสื่อสารแบบตัวเลขของยานพาหนะของพวกเขา อย่างเช่นแอลเอเอที ทหารที่อยู่ลำพังสามารถรับสัญญาณคำสั่งและบอกสถานะของตนได้ในระบบนี้ และยังสามารถส่งภาพวิดีโอจากช่องมองของพวกเขาได้ หมวกของพวกเขายังติดตั้งระบบที่ทำให้มองผ่านควัน,หมอก และ สิ่งกีดขว้างต่างๆ ในสมรภูมิได้ ในส่วนเพิ่มเติม การเล็งบลาสเตอร์ไรเฟิลของพวกเขาจะแสดงในหมวกด้วย สร้างวิดีโอระยะมองของปืน เกราะยังกันความร้อน ทำให้โคลนเดินผ่านเข้าไปในเกราะแสงได้เหมือนกับที่ดรอยด์ทำ และยังสะท้อนกระสุน และลดความเสียหายซึ่งเพิ่มโอกาสการรอดชีวิตของทหาร

เครื่องมือ แก้

หน่วยแยกพิเศษ แก้

 
โคลนทรูปเปอร์แบบต่างๆ

แบบพิเศษสำหรับการต่อสู้แบบต่างๆ แก้

 
โคลนทรูปเปอร์ในเกราะแบที่ 2

แบบพิเศษสำหรับสภาพแวดล้อมเฉพาะ แก้

แบบพิเศษในการใช้อุปกรณ์ หรือ ยานพาหนะต่างๆ แก้

 
นักบินในเกราะแบบที่ 2
 
ผู้บัญชาการ เอที-ทีอี

แบบอื่นๆ แก้

แหล่งข้อมูลอื่น แก้