รัฐเนวาดา

มลรัฐในทางตะวันตกของสหรัฐอเมริกา
(เปลี่ยนทางจาก Nevada)

เนวาดา (อังกฤษ: Nevada, ออกเสียง: /nəˈvædə/ ( ฟังเสียง); สเปน: Nevada, ออกเสียง: [neˈβaða]) เป็นรัฐหนึ่งในภาคตะวันตกของสหรัฐ มีพรมแดนติดต่อกับรัฐออริกอนทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ รัฐไอดาโฮทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ รัฐยูทาห์ทางทิศตะวันออก รัฐแอริโซนาทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ และรัฐแคลิฟอร์เนียทางทิศตะวันตก เนวาดาเป็นรัฐที่มีพื้นที่กว้างขวางที่สุดเป็นอันดับที่ 7 มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับที่ 32 และมีประชากรหนาแน่นน้อยที่สุดเป็นอันดับที่ 9 ของสหรัฐ ชาวเนวาดาจำนวนเกือบสามในสี่อาศัยอยู่ในเทศมณฑลคลาร์กซึ่งเป็นที่ตั้งของเขตมหานครลาสเวกัส–แพราไดส์[4] รวมถึงเมืองที่ใหญ่ที่สุดของรัฐสามในสี่เมือง[5] เมืองหลวงของเนวาดาคือคาร์สันซิตี ส่วนเมืองที่ใหญ่ที่สุดในรัฐคือลาสเวกัส

รัฐเนวาดา

State of Nevada (อังกฤษ)
Estado de Nevada (สเปน)
สมญา: 
รัฐเงิน (ทางการ);
รัฐเกิดกลางสงคราม, รัฐโกฐจุฬาลัมพา
คำขวัญ: 
"ทั้งหมดเพื่อประเทศของเรา"
(อังกฤษ: All for Our Country)
เพลง: "โฮมมีนส์เนอแวดา"
(อังกฤษ: Home Means Nevada)
แผนที่สหรัฐเน้นรัฐเนวาดา
แผนที่สหรัฐเน้นรัฐเนวาดา
ประเทศสหรัฐ
สถานะก่อนเป็นรัฐดินแดนเนวาดา, ดินแดนยูทาห์, ดินแดนแอริโซนา
เข้าร่วมสหรัฐ31 ตุลาคม 1864; 159 ปีก่อน (1864-10-31) (ลำดับที่ 36)
เมืองหลวงคาร์สันซิตี
เมืองใหญ่สุดลาสเวกัส
มหานครใหญ่สุดลาสเวกัสแวลลีย์
การปกครอง
 • ผู้ว่าการโจ ลอมบาร์โด ()
 • รองผู้ว่าการสตาวรอส แอนโทนี (ร)
สภานิติบัญญัติสภานิติบัญญัติเนวาดา
 • สภาสูงวุฒิสภา
 • สภาล่างสมัชชา
ฝ่ายตุลาการศาลสูงสุดเนวาดา
สมาชิกวุฒิสภาแคเทอริน คอร์เทซ แมสโต ()
แจ็กกี โรเซิน (ด)
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเดโมแครต 3 คน
พรรคริพับลิกัน 1 คน
พื้นที่
 • ทั้งหมด110,577 ตร.ไมล์ (286,382 ตร.กม.)
 • พื้นดิน109,781.18 ตร.ไมล์ (284,332 ตร.กม.)
 • พื้นน้ำ791 ตร.ไมล์ (2,048 ตร.กม.)  0.72%
อันดับพื้นที่อันดับที่ 7
ขนาด
 • ความยาว492 ไมล์ (787 กิโลเมตร)
 • ความกว้าง322 ไมล์ (519 กิโลเมตร)
ความสูง5,500 ฟุต (1,680 เมตร)
ความสูงจุดสูงสุด (เบาน์ดารีพีก[1][2])13,147 ฟุต (4,007.1 เมตร)
ความสูงจุดต่ำสุด (แม่น้ำโคโลราโดที่พรมแดนรัฐแคลิฟอร์เนีย[2])481 ฟุต (147 เมตร)
ประชากร
 (2020)
 • ทั้งหมด3,104,614 คน
 • อันดับอันดับที่ 32
 • ความหนาแน่น26.8 คน/ตร.ไมล์ (10.3 คน/ตร.กม.)
 • อันดับความหนาแน่นอันดับที่ 42
 • ค่ามัธยฐานรายได้ครัวเรือน60,365 ดอลลาร์[3]
 • อันดับรายได้อันดับที่ 24
ภาษา
 • ภาษาทางการไม่มี
เขตเวลา
ส่วนใหญ่ของรัฐUTC−08:00 (เวลาแปซิฟิก)
 • ฤดูร้อน (เวลาออมแสง)UTC−07:00 (เวลาออมแสงแปซิฟิก)
เมืองเวสต์เวนโดเวอร์UTC−07:00 (เวลาภูเขา)
 • ฤดูร้อน (เวลาออมแสง)UTC−06:00 (เวลาออมแสงภูเขา)
อักษรย่อไปรษณีย์NV
รหัส ISO 3166US-NV
อักษรย่อเดิมNev.
ละติจูด35° เหนือ ถึง 42° เหนือ
ลองจิจูด114° 2′ ตะวันตก ถึง 120° ตะวันตก
เว็บไซต์nv.gov

ชื่อเล่นทางการของรัฐเนวาดาคือ "รัฐเงิน" เนื่องจากความสำคัญของแร่เงินที่มีต่อประวัติศาสตร์และเศรษฐกิจของรัฐ ชื่อเล่นอื่น ๆ ได้แก่ "รัฐเกิดกลางสงคราม" เนื่องจากได้รับสถานะรัฐในช่วงสงครามกลางเมืองอเมริกัน และ "รัฐโกฐจุฬาลัมพา" ตามชื่อพืชพื้นถิ่นชนิดหนึ่ง พื้นที่ส่วนใหญ่ของรัฐเนวาดาเป็นทะเลทรายและมีภูมิอากาศกึ่งแห้งแล้ง ส่วนใหญ่อยู่ในเกรตเบซิน พื้นที่ทางตอนใต้ของเกรตเบซินอยู่ในทะเลทรายโมฮาวี ในขณะที่ทะเลสาบทาโฮและเทือกเขาซีเอร์ราเนวาดาอยู่ตรงขอบด้านตะวันตกของรัฐ ที่ดินของรัฐประมาณร้อยละ 86 อยู่ในเขตอำนาจการจัดการของหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐบาลกลางสหรัฐ ทั้งหน่วยงานพลเรือนและหน่วยงานทหาร[6]

ชนพื้นเมืองอเมริกันเผ่าไพยูต เผ่าโชโชนี และเผ่าวาโชอาศัยอยู่ในเนวาดาในปัจจุบัน ชาวยุโรปกลุ่มแรกที่เข้ามาสำรวจภูมิภาคนี้คือชาวสเปน พวกเขาเรียกภูมิภาคนี้ว่า เนบาดา (ซึ่งแปลว่า "ที่ปกคลุมด้วยหิมะ" หรือ "ที่เต็มไปด้วยหิมะ") เนื่องจากมีหิมะปกคลุมเทือกเขาในฤดูหนาวคล้ายกับที่ทิวเขาซิเอร์ราเนบาดาในสเปน ภูมิภาคนี้เป็นส่วนหนึ่งของดินแดนอัลตากาลิฟอร์เนียภายในเขตอุปราชแห่งนิวสเปนซึ่งได้รับเอกราชกลายเป็นจักรวรรดิเม็กซิโกใน ค.ศ. 1821 สหรัฐผนวกพื้นที่ดังกล่าวใน ค.ศ. 1848 หลังจากได้รับชัยชนะในสงครามเม็กซิโก–สหรัฐ และรวมพื้นที่นี้เข้าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนยูทาห์ใน ค.ศ. 1850 การค้นพบแร่เงินที่สายแร่คอมสต็อกใน ค.ศ. 1859 นำไปสู่การขยายตัวของประชากรจนกลายเป็นแรงผลักดันในการจัดตั้งดินแดนเนวาดาแยกจากดินแดนยูทาห์ใน ค.ศ. 1861 เนวาดากลายเป็นรัฐที่ 36 เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ค.ศ. 1864 โดยเป็นหนึ่งในพื้นที่สองแห่งที่ได้รับสถานะรัฐระหว่างสงครามกลางเมือง (อีกแห่งคือรัฐเวสต์เวอร์จิเนีย)[7]

เนวาดาขึ้นชื่อในเรื่องกฎหมายอิสรนิยม ใน ค.ศ. 1940 ด้วยประชากรเพียง 110,000 คน เนวาดาจัดเป็นรัฐที่มีประชากรน้อยที่สุดในขณะนั้นโดยมีประชากรน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของรัฐที่มีประชากรน้อยรองลงมา (คือรัฐไวโอมิง)[8] อย่างไรก็ตาม การทำให้การพนันถูกกฎหมายและกฎหมายการแต่งงานและการหย่าร้างที่ผ่อนปรนได้เปลี่ยนโฉมเนวาดาให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในคริสต์ศตวรรษที่ 20[9][10] เนวาดาเป็นรัฐเดียวของสหรัฐที่ซึ่งการค้าประเวณีเป็นสิ่งถูกกฎหมาย แต่ก็ยังคงผิดกฎหมายในพื้นที่ที่มีประชากรอาศัยอยู่มากที่สุดในรัฐ ได้แก่ เทศมณฑลคลาร์ก (ลาสเวกัส) เทศมณฑลวาโช (รีโน) และคาร์สันซิตี (ซึ่งเป็นนครอิสระ ไม่ได้อยู่ในขอบเขตของเทศมณฑลใด ๆ) อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นแหล่งการจ้างงานที่ใหญ่ที่สุดของเนวาดา[11] ในขณะที่การทำเหมืองแร่ยังคงเป็นภาคส่วนที่มีความสำคัญของเศรษฐกิจรัฐ เนวาดาเป็นผู้ผลิตทองคำรายใหญ่รายหนึ่งของโลก[12] เนวาดาเป็นรัฐที่แห้งแล้งที่สุดของสหรัฐ เมื่อเวลาผ่านไปและด้วยอิทธิพลจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ช่วงหน้าแล้งได้เพิ่มความถี่และความรุนแรงขึ้น[13] ก่อให้ความตึงเครียดต่อความมั่นคงด้านน้ำของรัฐ

อ้างอิง

แก้
  1. "Boundary". NGS data sheet. U.S. National Geodetic Survey.
  2. 2.0 2.1 "Elevations and Distances in the United States". United States Geological Survey. 2001. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 15, 2011. สืบค้นเมื่อ October 24, 2011.
  3. "United States Median Household Income". United States Census Bureau. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 27, 2021. สืบค้นเมื่อ April 27, 2021.
  4. "Metropolitan and Micropolitan Statistical Areas Population Totals: 2010-2017". 2017 Population Estimates. United States Census Bureau, Population Division. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 26, 2018. สืบค้นเมื่อ March 2, 2019.
  5. "City and Town Population Totals: 2010-2017". United States Census Bureau. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 28, 2019. สืบค้นเมื่อ March 2, 2019.
  6. "Federal Land Acres in Nevada" (PDF). U.S. Dept. of the Interior, Bureau of Land Management. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ September 30, 2006. สืบค้นเมื่อ May 7, 2009.
  7. Rocha, Guy "Myth No. 12 – Why Did Nevada Become a State?" เก็บถาวร ตุลาคม 24, 2013 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, Nevada State Library and Archives, accessed January 9, 2011
  8. "Race and Hispanic Origin: 1790 to 1990 by State" (PDF). US Census. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ November 21, 2014. สืบค้นเมื่อ July 16, 2014.
  9. Bill Bible (11 August 2000). "Protect gaming's legacy". Las Vegas Sun. Where I Stand (opinion). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 12 July 2017. สืบค้นเมื่อ 2023-03-17.
  10. Jain, Priya (21 July 2010). "Betty Goes Reno". Slate (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). ISSN 1091-2339. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 29 December 2017. สืบค้นเมื่อ 2023-03-17.
  11. "Nevada Employment & Unemployment Estimates for November 2010" เก็บถาวร พฤษภาคม 25, 2017 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, Nevada Department of Employment, Training, and Rehabilitation.
  12. "Mining FAQs" (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). Nevada Mining Association. 2018-02-23. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 23, 2018. สืบค้นเมื่อ 2023-03-17.
  13. Bornstein, Seth (February 15, 2022). "West megadrought worsens to driest in at least 1,200 years". Las Vegas Sun. Associated Press. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 6, 2022. สืบค้นเมื่อ September 12, 2022.

แหล่งข้อมูลอื่น

แก้

39°N 117°W / 39°N 117°W / 39; -117 (รัฐเนวาดา)