เอ็นบีที 2 เอชดี
การแก้ไขบทความนี้ของผู้ใช้ใหม่หรือผู้ใช้ไม่ลงทะเบียนถูกปิดใช้งาน ดูนโยบายการป้องกันและปูมการป้องกันสำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม หากคุณไม่สามารถแก้ไขบทความนี้และคุณประสงค์เปลี่ยนแปลง คุณสามารถส่งคำขอแก้ไข อภิปรายการเปลี่ยนแปลงทางหน้าคุย ขอเลิกป้องกัน ล็อกอิน หรือสร้างบัญชี |
ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (ชื่อย่อ: เอ็นบีที; อังกฤษ: The National Broadcasting Services of Thailand) หรือ เอ็นบีที 2 เอชดี (อังกฤษ: NBT 2HD; อ่านว่า เอ็นบีที ทูเอชดี) เป็นหน่วยงานสถานีวิทยุโทรทัศน์ของรัฐบาล มีสถานะเป็นสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งชาติของประเทศไทย สังกัดกรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี โดยมีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (ปัจจุบันคือ จิราพร สินธุไพร), รองนายกรัฐมนตรี สมศักดิ์ เทพสุทิน[1] และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (ปัจจุบันคือ นายธีรพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาศ) เป็นผู้กำกับดูแล โดยมีการเปลี่ยนชื่อพร้อมปรับปรุงระบบการบริหารงาน และรูปแบบของสถานีฯ เพื่อให้สมเจตนารมณ์ของการก่อตั้งสถานีฯ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2551 เวลา 06.00 น. เป็นต้นไปในวันที่ใช้ชื่อเอ็นบีที และได้เปลี่ยนอัตลักษณ์ใหม่ของสถานีฯ ที่ใช้มาจนถึงปัจจุบัน
ตราสัญลักษณ์สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย | |
ชื่ออื่น | National Broadcasting Services of Thailand |
---|---|
ประเทศ | ไทย |
พื้นที่แพร่ภาพ | ประเทศไทย |
เครือข่าย | สถานีโทรทัศน์/สถานีวิทยุ ช่องโทรทัศน์ภาคพื้นดินระบบดิจิทัล ประเภทบริการสาธารณะ |
คำขวัญ | ข่าวสาร ความรู้ คู่รัฐและประชาชน |
สำนักงานใหญ่ | เลขที่ 236 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงรัชดาภิเษก เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร |
แบบรายการ | |
ระบบภาพ | 1080p (16:9 คมชัดสูง/ออนไลน์) 1080i (16:9 คมชัดสูง/ทีวีดิจิทัล,กล่องโทรทัศน์ดาวเทียมระบบเอชดี) 576i (16:9 คมชัดปกติ/กล่องโทรทัศน์ดาวเทียมระบบเอสดี) |
ความเป็นเจ้าของ | |
เจ้าของ | กรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี |
บุคลากรหลัก |
|
ช่องรอง | |
ประวัติ | |
เริ่มออกอากาศ | วันแพร่ภาพออกอากาศ: 1 ตุลาคม พ.ศ. 2528 วันสถาปนา: 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2531 |
ชื่อเดิม | สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 (2528 - 2551) |
ลิงก์ | |
เว็บไซต์ | nbt2hd |
ออกอากาศ | |
ภาคพื้นดิน | |
ดิจิทัล | ช่อง 2 (มักซ์#1 : พีอาร์ดี) |
เคเบิลทีวี | |
ช่อง 2 | |
ทีวีดาวเทียม | |
ช่อง 2 | |
ไทยคม 6 C-Band | 3920 H 30000 (3/4) 4150 H 12000 (3/4) |
ไทยคม 8 KU-Band | 11560 H 30000 |
สื่อสตรีมมิง | |
PRD | ชมรายการสด |
ประวัติ
สืบเนื่องจากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น หรือ ไจกา (Japan International Cooperation Agency; JICA) ให้การสนับสนุนงบประมาณและอุปกรณ์ต่างๆ สำหรับถ่ายทอดวิทยุกระจายเสียง และถ่ายทำรายการโทรทัศน์ภายในห้องถ่ายทำ (Studio) แก่มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) เพื่อให้ มสธ. นำไปใช้ก่อตั้ง ศูนย์ผลิตรายการวิทยุและโทรทัศน์ (Educational Broadcasting Production Center; EBPC) ระหว่างปี พ.ศ. 2525 - 2527 ทว่าในขณะนั้น ประเทศไทยไม่มีสถานีโทรทัศน์เพื่อการศึกษาเพื่อรองรับเนื้อหาที่ผลิตขึ้นจากศูนย์ผลิตรายการดังกล่าว ในวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2528 คณะรัฐมนตรีจึงลงมติให้กรมประชาสัมพันธ์ จัดทำโครงการสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งชาติ เพื่อทำหน้าที่เป็นสถานีโทรทัศน์เพื่อการศึกษา เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารของราชการสู่ประชาชน และเพื่อประโยชน์สาธารณะ รวมไปถึงการเสริมสร้างความเข้าใจอันดี ระหว่างรัฐบาลกับประชาชน ตลอดจนเป็นสถานีโทรทัศน์แม่ข่ายให้แก่สถานีโทรทัศน์ส่วนภูมิภาคในเครือกรมประชาสัมพันธ์ทั่วประเทศ
จากนั้นกรมประชาสัมพันธ์ได้ย้ายเครื่องส่งโทรทัศน์สีจากสถานีส่งที่อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ มาใช้แพร่ภาพชั่วคราว ด้วยระบบวีเอชเอฟความถี่สูง ทางช่องสัญญาณที่ 11 (Band 3, VHF CH-11) จากอาคารศูนย์ระบบโทรทัศน์ของกรมประชาสัมพันธ์ ริมถนนเพชรบุรีตัดใหม่ จัดตั้งขึ้นเป็นสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย และเริ่มต้นทดลองออกอากาศเป็นครั้งแรก ประมาณต้นเดือนตุลาคม พ.ศ. 2528[2] ก่อนจะแพร่ภาพเป็นประจำทุกวัน ระหว่างเวลา 16:30-21:00 น. ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2529 แต่ด้วยข้อจำกัดทางงบประมาณของกรมประชาสัมพันธ์ รวมทั้งเครื่องส่งโทรทัศน์มีกำลังส่งต่ำ เป็นผลให้ดำเนินการแพร่ภาพออกอากาศได้ไม่สะดวก ศาสตราจารย์ ยามาซากิ, ศาสตราจารย์ ดร.ชัยยงค์ พรหมวงศ์ และ รองศาสตราจารย์ ดร.นิคม ทาแดง ผู้ร่วมดำเนินการก่อตั้ง ศูนย์ผลิตรายการวิทยุและโทรทัศน์ มสธ. จึงร่วมกันจัดทำร่างโครงการขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลญี่ปุ่น ซึ่งต่อมาอนุมัติวงเงิน 2,062 ล้านเยน (ขณะนั้นคิดเป็นประมาณ 300 ล้านบาท) แบบให้เปล่าผ่านไจกา เพื่อดำเนินการก่อสร้างอาคารที่ทำการ จัดซื้อและติดตั้งอุปกรณ์ เครื่องส่งวิทยุโทรทัศน์ ระหว่างวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2530 ถึงวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2531 รวมระยะเวลาประมาณ 9 เดือน โดยระหว่างนั้น สทท. ยุติการออกอากาศเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2530 เพื่อดำเนินการโอนย้ายระบบออกอากาศดังกล่าว
ต่อมาในวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2531 เวลา 10:00 นาฬิกา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิด อาคารที่ทำการสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย อย่างเป็นทางการ[3] จากนั้นเป็นต้นมาจึงกำหนดให้วันที่ 11 กรกฎาคมของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสถาปนาสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ ต่อมาจึงเริ่มกลับมาออกอากาศรายการภาคเช้า ข่าวภาคค่ำ รายการเพื่อการศึกษา และรายการประเภทอื่น ไปยังสถานีเครือข่ายส่วนภูมิภาคตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2531 จนถึงปัจจุบัน
สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ ในฐานะที่เป็นสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ ดำเนินการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารของราชการ และนำเสนอรายการที่เป็นสาระความรู้ โดยเฉพาะด้านการศึกษา, ศิลปวัฒนธรรม และประเพณี มาโดยตลอด ซึ่งรูปแบบการดำเนินงานนั้น สทท.11 ในส่วนกลางที่กรุงเทพมหานคร จะดำเนินการถ่ายทอดรายการเป็นส่วนมาก และบางช่วงเวลาจะให้สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยในส่วนภูมิภาค ดำเนินการถ่ายทอดรายการของตนเฉพาะท้องถิ่นไป แล้วแต่ช่วงเวลานั้น ๆ อย่างไรก็ดี ในช่วงระยะแรก สทท.11 มักถูกมองข้ามจากผู้ชมส่วนใหญ่ เนื่องด้วยความเป็นสถานีโทรทัศน์ของรัฐบาล ซึ่งไม่มีรายการที่สามารถดึงดูดผู้ชมได้ โดยเฉพาะรายการประเภทบันเทิง เช่นละครโทรทัศน์หรือเกมโชว์ และประกอบกับเป็นสถานีโทรทัศน์ที่ไม่สามารถหารายได้ด้วยการโฆษณา จึงทำให้ประเภทรายการที่ออกอากาศทาง สทท.11 มีอยู่อย่างจำกัด ส่งผลให้มีผู้ติดตามรับชมจำนวนไม่มากนัก
อย่างไรก็ดี ในปี พ.ศ. 2539 สทท.11 มีข้อเสนอให้หน่วยงานต่าง ๆ โดยเฉพาะภาครัฐ สามารถแสดงภาพสัญลักษณ์หรือเครื่องหมายการค้าบนหน้าจอโทรทัศน์ได้ นอกจากนั้นก็ยังต่อยอดจากข้อเสนอข้างต้น ด้วยการผลิตภาพยนตร์โฆษณาของสถานีฯ เพื่อออกอากาศด้วยตนเอง ซึ่งดำเนินมาจนกระทั่งมีการตราพระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 ซึ่งตามกฎหมายดังกล่าวมีการกำหนดไม่ให้กรมประชาสัมพันธ์หารายได้จากการโฆษณาเชิงพาณิชย์[4] แต่ สทท.11 ยังคงมีโฆษณาเชิงพาณิชย์อย่างต่อเนื่องจนกระทั่งเมื่อสำนักงาน กสทช. แจ้งเตือนให้ สทท. ห้ามมีการโฆษณาเชิงพาณิชย์ในรายการในช่วงปี พ.ศ. 2561[5] ทำให้มีการย้ายบางรายการที่ไม่สามารถปรับตัวให้ปลอดการโฆษณาเชิงพาณิชย์ได้ ไปออกอากาศทางช่องโทรทัศน์ของเอกชนแทน แต่ต่อมาเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ใช้อำนาจหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติตามมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 ซึ่งรับรองโดยมาตรา 265 แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 อนุญาตให้กรมประชาสัมพันธ์สามารถมีโฆษณาได้เท่าที่จำเป็นและเพียงพอต่อการผลิตรายการตามวัตถุประสงค์โดยต้องไม่เป็นการมุ่งต่อการแสวงหากำไรทางธุรกิจ ซึ่งส่งผลให้ สทท. สามารถหารายได้จากการโฆษณาได้เทียบเท่ากับ ททบ.5 โดยให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ กสทช. กำหนด [6]
อนึ่ง สทท.11 เริ่มมีชื่อเสียงในการถ่ายทอดการแข่งขันกีฬา จากการริเริ่มนำเทปการแข่งขันมวยปล้ำอาชีพมาออกอากาศในระยะหนึ่ง และถ่ายทอดสดฟุตบอลยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในช่วงปี พ.ศ. 2540 - 2543 จนกระทั่งในช่วงปี พ.ศ. 2545 เป็นต้นมา สทท.11 ก็กลับมามีชื่อเสียงในเรื่องนี้อีกครั้ง เมื่อร่วมกับบริษัท ทศภาค จำกัด บริษัทลูกที่ประกอบกิจการโฆษณาในเครือไทยเบฟเวอเรจ, สถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ทีวี และสถานีโทรทัศน์ไอทีวี ถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2002 ซึ่งจัดขึ้นที่สาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) และประเทศญี่ปุ่น โดยไม่มีภาพยนตร์โฆษณาระหว่างการแข่งขัน ซึ่งหลังจากนั้น สทท.11 ก็ดำเนินการถ่ายทอดสดกีฬาอีกหลายรายการอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน อนึ่ง กรณีถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2002 นับเป็นเรื่องแปลกใหม่ของวงการโทรทัศน์ไทยในขณะนั้น เนื่องจากตามธรรมเนียมปกติที่ผ่านมา การถ่ายทอดโทรทัศน์ในมหกรรมกีฬาระดับนานาชาติ ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ภาคพื้นดินช่องต่างๆ มักรวมตัวกันในนามโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทีวีพูล) เพื่อซื้อลิขสิทธิ์การเผยแพร่ในประเทศไทย และหารายได้ทดแทนค่าลิขสิทธิ์ ด้วยการเสนอภาพยนตร์โฆษณาสินค้าบริการต่างๆ คั่นระหว่างการถ่ายทอด
ในช่วงต้นปี พ.ศ. 2551 สมัยรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช จักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีขณะนั้น ในฐานะกำกับดูแลกรมประชาสัมพันธ์ มีแนวความคิดเปลี่ยนแปลง สทท.11 เพื่อปรับปรุงระบบการบริหารงาน และตอบสนองเจตนารมณ์ของการก่อตั้งสถานีฯ ดังนั้นในวันอังคารที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2551 ตั้งแต่เวลา 06.00 น. สทท.11 จึงเปลี่ยนชื่อเป็น สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (National Broadcasting Services of Thailand; เอ็นบีที) ซึ่งเป็นชื่อที่ใช้จดทะเบียนสมาชิกกับสหภาพวิทยุ-โทรทัศน์แห่งเอเชีย-แปซิฟิก (Asia-Pacific Broadcasting Union; ABU) และเปลี่ยนสีประจำสถานีเป็นสีแดง พร้อมกันนั้น ยังเริ่มออกอากาศรายการรูปแบบใหม่ เพื่อให้สมเจตนารมณ์ในการก่อตั้งสถานีและเพื่อประโยชน์สาธารณะ ทั้งนี้ เอ็นบีทีจะนำเสนอข่าวที่ผลิตโดยกองบรรณาธิการข่าวของสถานีฯ เอง ซึ่งแยกออกมาจากสำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ ต่างจากในยุค สทท.11 ซึ่งจะนำเสนอข่าวที่ผลิตจากสำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์แทบทั้งสิ้น
ทั้งนี้ สถานีโทรทัศน์เอ็นบีที นำอดีตผู้ประกาศข่าวหลายคนของสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวีเดิม ที่ไม่เข้าร่วมงานกับสถานีฯต่อเมื่อเปลี่ยนชื่อไปเป็นสถานีโทรทัศน์ทีวีไทยมาทำหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นตวงพร อัศววิไล, จอม เพชรประดับ, จิรายุ ห่วงทรัพย์, ปนัดดา วงศ์ผู้ดี, สร้อยฟ้า โอสุคนธ์ทิพย์ เป็นต้น ซึ่งเอ็นบีทีนำเสนอภาพลักษณ์สถานีโทรทัศน์ข่าวสาร โดยให้เวลานำเสนอข่าวในผังรายการ มากกว่า 13 ชั่วโมงต่อวัน และปรับรูปลักษณ์ของสถานีฯ เพื่อให้มีความทันสมัยมากกว่าเดิม ซึ่งในช่วงแรก เอ็นบีทีถูกจับตาอย่างยิ่งจากหลายฝ่าย จากการประกาศตัวเป็นคู่แข่งกับสถานีโทรทัศน์ทีวีไทย (ปัจจุบันคือสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส) ในลักษณะของ "สงครามสื่อโทรทัศน์ภาครัฐ" เนื่องจากเอ็นบีทีนำเสนอความเป็นทีวีสาธารณะของภาครัฐบาล ขึ้นรับมือกับไทยพีบีเอส ที่ประกาศตัวเป็นสถานีโทรทัศน์สาธารณะแห่งแรกของประเทศไทยไปก่อนหน้า และนอกจากนี้ เอ็นบีทียังถูกจับตามองอย่างยิ่งในแง่มุมของการเสนอข่าว ซึ่งมีบางฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ว่า เอ็นบีทีนำเสนอข่าวในลักษณะเข้าข้างรัฐบาลเป็นพิเศษ
ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2551 มีการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี จากสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รัฐบาลขณะนั้นมีนโยบายปฏิรูปสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย โดยจัดประกวดตราสัญลักษณ์ใหม่ ซึ่งกำหนดแนวคิดตราสัญลักษณ์ ให้สื่อถึงความเป็นโทรทัศน์แห่งชาติ มีความทันสมัยผสมผสานกับความเป็นไทย และเริ่มใช้ในวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2552 ซึ่งเป็นวันครบรอบ 1 ปี การใช้ชื่อเอ็นบีที โดยสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีขณะนั้น เป็นผู้เปิดตราสัญลักษณ์ใหม่ และเปิดตัวสถานีฯ ในฐานะสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ จากนั้นจึงมีการเลิกสัญญาบริษัทผลิตข่าว ซึ่งเดิมเป็นของ บริษัท ดิจิทัลมีเดียโฮลดิ้ง จำกัด มาประมูลใหม่ ซึ่งหน่วยงานที่ได้รับการคัดเลือก จากการประกวดราคานี้ได้แก่บริษัท โพสต์พับลิชชิง จำกัด (มหาชน) เจ้าของหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ กระทั่งต่อมาเอ็นบีทีก็ได้เรียกเวลารายการข่าวคืนมาผลิตเองทั้งหมด
ในยุคที่ เอ็นบีที ก้าวสู่การแพร่ภาพโทรทัศน์ภาคพื้นดินระบบดิจิทัล เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 สถานีได้เปลี่ยนอักษรย่อที่กำกับด้านล่าง จากอักษรไทยเป็นอักษรอังกฤษ และทดลองออกอากาศผ่านโครงข่ายกรมประชาสัมพันธ์ทางช่องหมายเลข 2 โดยระยะแรกออกอากาศในอัตราส่วน 4:3 โดยมีแถบสีม่วงอยู่ที่บริเวณด้านซ้ายและขวาของหน้าจอ แต่ต่อมาได้ปรับอัตราส่วนจอเป็น 16:9 แต่ในปีเดียวกัน กรมประชาสัมพันธ์ ประสบปัญหาโครงข่ายโทรทัศน์ดิจิทัลที่ล่าช้า ประกอบกับการจัดซื้อจัดจ้าง ประกวดราคา ประมูลโครงข่าย และขั้นตอนการจัดระเบียบทางราชการ นำไปสู่การเลื่อนเปิดใช้โครงข่ายทีวีดิจิทัลออกไป จนกระทั่งเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 กรมประชาสัมพันธ์ ได้เปิดใช้โครงข่ายทีวีระบบดิจิทัล ตั้งแต่ที่ กรุงเทพมหานคร และจังหวัดอื่นๆ ทยอยเปิดใช้โครงข่ายในอนาคต ระนาบเดียวกัน มีการปรับรูปแบบรายการข่าวใหม่ด้วยรูปแบบห้องส่งใหม่ที่มีคุณภาพเทียบเท่าช่องโทรทัศน์บริการธุรกิจ เช่น ฉากกำแพงวิดีทัศน์ (Video Wall) ขนาดใหญ่ โดยใช้ฉากหลังเป็นภาพสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ๆ ในประเทศไทย หรือ ฉากที่มีข้อความรณรงค์ต่าง ๆ และกลางปี พ.ศ. 2559 มีการปรับรูปแบบรายการข่าวใหม่โดยใช้ชื่อรายการข่าวแนวเดียวกับช่องโทรทัศน์บริการธุรกิจทั่วไป ส่วนกราฟิกเปิดรายการข่าวยังคงเดิม เพียงแต่มีการปรับสีเล็กน้อย รวมถึง เอ็นบีที.ได้นำเทคโนโลยี VTag QRCode ซึ่งจะนำคิวอาร์โค้ดซึ่งเชื่อมโยงสื่อสังคมออนไลน์ของ สทท. โดยนำมาแสดงที่บริเวณมุมจอล่างขวาถัดจากสัญลักษณ์ของสถานีฯ บนหน้าจอ (หรือกรอบล่ามผู้บรรยายภาษามือในบางรายการ เช่น ข่าวภาคค่ำ ฯลฯ)
ปี พ.ศ. 2560 เอ็นบีที เริ่มใช้เพลงประกอบและไตเติ้ลข่าวใหม่ รวมถึงปรับรูปแบบไตเติ้ลข่าวภูมิภาคให้เป็นมาตรฐานเดียวกันกับส่วนกลาง จนกระทั่งเริ่มมีการออกอากาศช่องรายการส่วนภูมิภาคผ่านโทรทัศน์ภาคพื้นดินระบบดิจิทัลของ สทท. เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 จึงได้ยุติการใช้กราฟิกและเพลงประกอบจากส่วนกลาง
ในช่วง อุทกภัยในภาคใต้ของประเทศไทย พ.ศ. 2560 สทท.ได้ปรับรูปแบบการนำเสนอเพื่อเป็นสถานีสื่อกลางในการรายงานข่าวเหตุอุทกภัยและรายงานการช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยใช้แถบ L-Bar ในการนำเสนอข่าวสารเกี่ยวกับอุทกภัยภาคใต้ที่ด้านขวามือของจอ สลับกับรายการปกติตามผังซึ่งจะลดขนาดลงมากึ่งหนึ่ง ยกเว้นบางรายการ เช่น ข่าวในพระราชสำนัก การถ่ายทอดสดพระราชพิธี รวมถึงรายการภาคบังคับจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ยังคงแสดงเต็มหน้าจอ
ในวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 สทท. ได้ทำการยุติการออกอากาศโทรทัศน์ระบบแอนะล็อกจากสถานีส่ง 12 สถานีทั่วประเทศที่เหลือ (โดยเลื่อนแผนออกไปจากเดิมที่ก่อนหน้านี้มีแผนกำหนดว่าจะให้ยุติการออกอากาศในวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2560 ซึ่ง 37 สถานีได้ยุติระบบอนาล็อกตามแผนกำหนด)[7] ซึ่งเป็นไปตามที่ทางสถานีฯได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ สังกัดคณะกรรมการ กสทช. ว่าด้วยแผนการยุติการออกอากาศระบบอนาล็อกของสถานีเอง เมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2558 และจะเหลือแต่เพียงแค่การออกอากาศในระบบดิจิทัลภาพคมชัดสูง หมายเลข 2 เท่านั้น ในวันถัดไป (ก่อนหน้านั้น เอ็นบีทีได้ยุติการออกอากาศโทรทัศน์ระบบแอนะล็อกในพื้นที่ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2559)[8]
สทท.ได้ยุติการออกอากาศโทรทัศน์ระบบแอนะล็อกจากสถานีส่ง 12 สถานีทั่วประเทศโดยสมบูรณ์ เมือวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 เวลา 00:01 น.
โครงสร้างการบริหาร
สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย บริหารงานแบบองค์กรราชการ จัดแบ่งการบริหารงานออกเป็น 3 ส่วน 2 ฝ่าย และ 1 กลุ่ม คือ
- ส่วนจัดและควบคุมรายการ มีหน้าที่ จัดสรร และควบคุมเนื้อหารายการ รวมถึงการออกอากาศรายการต่างๆ ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย
- ส่วนผลิตรายการ มีหน้าที่ ผลิตรายการเพื่อป้อนให้กับ สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย เพื่อการออกอากาศต่อไป
- ส่วนเทคโนโลยี มีหน้าที่ กำกับดูแลในด้านเทคโนโลยีการออกอากาศ และเทคโนโลยีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น คอมพิวเตอร์กราฟิก เป็นต้น
- ฝ่ายบริหารทั่วไป มีหน้าที่ บริหารงานทั่วๆ ไป เช่น ฝ่ายบัญชีการเงิน ฝ่ายบุคคล เป็นต้น
- ฝ่ายแผนงานและประสานงาน มีหน้าที่ วางแผนงาน และประสานงานกับฝ่ายต่างๆ ในสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย
- กลุ่มงานวิชาการ มีหน้าที่ ศึกษา ค้นคว้า และ ประสานงาน ด้านวิชาการสื่อสารมวลชน โดยได้จัดทำโครงการ เพื่อศึกษา วิเคราะห์ วิจัย รวมทั้งเพื่อเป็นศูนย์กลางการผลิตงานวิจัย และบทความเพื่อการประชาสัมพันธ์
ที่ทำการ
สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย เริ่มเปิดทำการในอาคารเลขที่ 90-91 ถนนกำแพงเพชร 7 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร ต่อมา สทท.ทยอยดำเนินการย้ายฐานปฏิบัติงาน ไปยังอาคารที่ทำการหลังใหม่ ซึ่งก่อสร้างขึ้นภายในบริเวณเดียวกับที่ทำการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย เลขที่ 236 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงรัชดาภิเษก เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร ปัจจุบันย้ายมาอย่างสมบูรณ์แล้ว ส่วนอาคารหลังเดิม เอ็นบีทีโอนให้เป็นที่ทำการของสำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์(รวมไปถึงสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีเวิลด์) จนถึงปัจจุบัน
เครือข่ายในส่วนภูมิภาค
สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย มีสถานีโทรทัศน์เครือข่ายในส่วนภูมิภาคทั่วประเทศ จำนวน 12 แห่ง ตั้งอยู่ในภาคเหนือ 2 แห่ง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2 แห่ง ภาคกลาง 1 แห่ง ภาคตะวันออก 1 แห่ง และภาคใต้ 6 แห่ง โดยในแต่ละสถานี จะมีการเชื่อมโยงรับส่งสัญญาณกับสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยส่วนกลาง ด้วยระบบดาวเทียม โดยที่ทางสถานีฯ ได้เช่าช่องสัญญาณดาวเทียมไทยคม 6
รายการโทรทัศน์ที่มีชื่อเสียง
- เพลงเงินล้าน - (พ.ศ. 2531 - ปัจจุบัน) รายการประกวดร้องเพลงโดยโรงเรียนวาทินี ออกอากาศทุกบ่ายวันอาทิตย์ สัปดาห์ที่ 4 ของเดือน
- โลกใบจิ๋ว - (พ.ศ. 2533-พ.ศ. 2550) เป็นรายการสำหรับเด็ก ออกอากาศทุกวันศุกร์ เวลา 18.30 น.
- มอร์นิงทอล์ก - (พ.ศ. 2545) รายการสนทนาภาคภาษาอังกฤษ ออกอากาศต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
- บทเรียนชีวิต - (พ.ศ. 2549) ละครโทรทัศน์เรื่องแรกของสถานี และเป็นละครโทรทัศน์เรื่องแรกของประเทศไทยที่สร้างและออกอากาศร่วมกับต่างประเทศ (ประเทศลาว)
- เสียงสวรรค์เมื่อวันวาน - (พ.ศ. 2550) เป็นรายการเพลงอมตะของวงดนตรีกรมประชาสัมพันธ์ โดยผลิตรายการร่วมกับสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ออกอากาศเป็นประจำทุกวันเสาร์
- ร่วมมือร่วมใจ - (พ.ศ. 2551 - 2555) รายการที่จะเป็นช่องทางในการรับเรื่องร้องทุกข์ในเรื่องราวและปัญหาต่างๆ ดำเนินรายการโดย อ.ประมาณ เลืองวัฒนะวณิช ปิยะฉัตร กรุณานนท์ และ สิริเสาวภา เอกเอี่ยมสิน ออกอากาศทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ 14.00-15.00 น. ปัจจุบันย้ายไปออกอากาศช่องสปริงนิวส์
- ติวเข้ม เติมเต็มความรู้ (ชื่อเดิม ติวเตอร์ แชนแนล) - (พ.ศ. 2552 - ปัจจุบัน) รายการให้ความรู้ทางวิชาการแก่นักเรียนทั่วประเทศ ผลิตรายการโดย สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 09.00-10.00 น.
- กรองสถานการณ์ - (พ.ศ. 2539 - พ.ศ. 2554) รายการสนทนาข่าวประจำวัน ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลาหลังข่าวภาคค่ำ
- ความจริงวันนี้ - (พ.ศ. 2551) รายการโทรทัศน์ประเภทความเห็นทางการเมืองของประเทศไทย ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 22.00 น.
- คลายปม - (28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 - ยุติออกอากาศแล้ว) รายการวิเคราะห์ เจาะลึก สถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน และเปิดโปงที่มาที่ไปของปัญหาบ้านเมืองนั้นๆ ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ดำเนินรายการโดย ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ดร.เสรี วงศ์มณฑา และ อ.วันชัย สอนศิริ (ดร.เสรี กับ อ.วันชัย จะสลับกันมาร่วมรายการกับ ดร.เจิมศักดิ์) ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 21.00 น. - 22.00 น.
- เจาะข่าวร้อน ล้วงข่าวลึก - (10 สิงหาคม พ.ศ. 2552 - 26 กันยายน พ.ศ. 2554) รายการสารคดีเชิงข่าวของสำนักข่าวทีนิวส์ ปัจจุบันย้ายไปออกอากาศช่องไบรท์ทีวี
- ลงเอยอย่างไร - (พ.ศ. 2552 - ยุติออกอากาศแล้ว) รายการสนทนาปัญหาต่างๆ ของบ้านเมือง เพื่อร่วมกันหาทางออกของปัญหาต่างๆ โดยมีแขกรับเชิญมาร่วมรายการซึ่งจะเปลี่ยนไปในแต่ละสัปดาห์ ดำเนินรายการโดย ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ออกอากาศทุกคืนวันพุธ 21.00-22.00 น.
- เกาที่คัน - (พ.ศ. 2552 - ยุติออกอากาศแล้ว) รายการวิเคราะห์สถานการณ์บ้านเมือง วิเคราะห์ที่มาที่ไปของปัญหาแบบเจาะลึก ดำเนินรายการโดย ดร.เสรี วงศ์มณฑา และ รณชาติ บุตรแสนคม ออกอากาศทุกคืนวันศุกร์ 21.00-22.00 น. ปัจจุบันย้ายไปออกอากาศช่องทีเอ็นเอ็น 2
- ศึกมวยดีวิถีไทย (พ.ศ. 2554 - ปัจจุบัน) รายการถ่ายทอดสดการแข่งขันชกมวยไทยที่นำเสนอภายใต้แนวคิด "มวยไทยบันเทิง" มีจุดเด่น คือ การนำเด็กมาทำหน้าที่นำนักมวยเข้าสู่เวทีก่อนการชกในแต่ละคู่ หรือที่เรียกกันว่า "เยาวชนต้นกล้ามวยไทย" (ปัจจุบันย้ายไปถ่ายทอดสดทางช่อง 9 เอ็มคอต เอชดี)
- ศึกยอดมวยไทย (2 มกราคม - 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2559) รายการถ่ายทอดสดการแข่งขันชกมวยไทย ออกอากาศทุกวันเสาร์ 14.00-16.00 น. (ปัจจุบันย้ายไปถ่ายทอดสดทางทรูโฟร์ยู ในชื่อรายการมวยมันส์วันศุกร์)[9]
คำขวัญ
- โทรทัศน์แห่งประเทศไทย ทางเลือกใหม่ของปวงชน (1 ตุลาคม พ.ศ. 2528 - 31 มีนาคม พ.ศ. 2551, 5 ตุลาคม พ.ศ. 2567 - ปัจจุบัน)
ผู้ประกาศข่าวและผู้รายงานข่าว
ผู้ประกาศข่าวและผู้รายงานข่าวที่มีชื่อเสียงในปัจจุบัน
- ธีรัตถ์ รัตนเสวี
- ลักขณา ปันวิชัย
- ภูวนาท คุนผลิน
- ชูวัส ฤกษ์ศิริสุข
- วิโรจน์ อาลี
- วีรนันต์ กัณหา
- ศศิพงศ์ ชาติพจน์
- วันรัก สุวรรณวัฒนา
- จิรภัทร อุดมสิริวัฒน์
- ส.กรกช ยอดไชย
- กรองแก้ว ชัยกฤษ
- สุภนันท์ ฤทธิ์มนตรี
- ปัฐมาภรณ์ หาญชาญชัย
- วีระศักดิ์ ขอบเขต
- จิรภิญญา ปิติมานะอารี
- ชลภร นภินธากร
- เมธี ฉิมจิ๋ว
- ศตคุณ ดำเกลี้ยง
- ณิชาภัทร รุ่งรัตนเสถียร
- ณิชชา เดชสีหธนานนท์
- กนกนวล จรัสกุณโฮง
- จินตนา ทิพย์รัตน์กุล
- วรภัทร ภัททิยากุล
- อาคืระ กิจธนาโสภา
- กัญญ์ณาณัฏฐ์ ภาธรสืบนุกูล
- อารียานันท์ สัทธรรมสกุล
- ชาดา สมบูรณ์ผล
- อิทธิพันธ์ บัวทอง
- ประเทศ ทาระ
- ปฏิพัทธ์ เข็มทิศ
- สถานุ ณ พัทลุง
- ภัชชาร์ ภัทรเดชาธรรม
- กฤตยา รอดรัตนาทูล
- ปารินทร์ เจือสุวรรณ
- ชลพรรษา นารูลา (ข่าวภาษาอังกฤษ)
- ดารา ธีรเกาศักย์ (ข่าวภาษาอังกฤษ)
- แซนดร้า หาญอุตสาหะ (ข่าวภาษาอังกฤษ)
- สุรพันธุ์ เหล่าธารณาฤทธิ์ (ข่าวภาษาอังกฤษ)
รายการข่าว | ผู้ประกาศข่าว |
---|---|
NBT News ภาคเช้า วันจันทร์ - วันศุกร์ เวลา 06:00 - 08:00 น. วันเสาร์ - วันอาทิตย์ เวลา 07:00 - 08:00 น. |
ปฏิพัทธ์ เข็มทิศ (วันจันทร์ - วันพุธ) จินตนา ทิพยรัตน์กุล (วันจันทร์ - วันพุธ) วรภัทร ภัททิยากุล (วันพฤหัสบดี - วันศุกร์) อาคืระ กิจธนาโสภา (วันพฤหัสบดี - วันศุกร์) กัญญ์ณาณัฏฐ์ ภาธรสืบนุกูล (วันเสาร์ - วันอาทิตย์) จิรภิญญา ปิติมานะอารี (วันเสาร์ - วันอาทิตย์) |
คุยคลายข่าว วันจันทร์ - วันศุกร์ เวลา 08:00 - 09:30 น. |
ชูวัส ฤกษ์ศิริสุข ธีรัตถ์ รัตนเสวี ลักขณา ปันวิชัย ภูวนาท คุนผลิน วิโรจน์ อาลี วีรนันต์ กัณหา ศศิพงศ์ ชาติพจน์ วันรัก สุวรรณวัฒนา |
Better Future วันจันทร์ - วันศุกร์ เวลา 10:10 - 11:30 น. วันเสาร์ - วันอาทิตย์ เวลา 10:00 - 12:00 น. |
ศกัญ แก้วประจันทร นพ. พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ นิศากานต์ กีร์ตะเมคินทร์ วิรัตน์ มาหาญ เมธิยา เข็มเพ็ชร กฤติรดา พุฒิโชติหิรัญ จามจุรี ยรรยง รัตนาวดี จิตต์รุ่งเรืองชัย นวัศกรณ์ สรษณะ |
Law เธอมาคุย วันพฤหัสบดี |
ปภิณวิช อ่องบางน้อย |
NBT News ภาคเที่ยง วันจันทร์ - วันศุกร์ เวลา 12:00 - 14:00 น. วันเสาร์ - วันอาทิตย์ เวลา 12:00 - 13:00 น. |
วีระศักดิ์ ขอบเขต (วันจันทร์ - วันศุกร์) ปัฐมาภรณ์ หาญชาญชัย (วันจันทร์ - วันศุกร์) สุภนันท์ ฤทธิ์มนตรี (วันเสาร์ - วันอาทิตย์) ชลภร นภินธากร (วันเสาร์ - วันอาทิตย์) |
เกาะกระแสหุ้นกับ NBT วันจันทร์ - วันศุกร์ เวลา 14:00 - 14:30 น. |
ศรวณีย์ พรมเสน |
เคลียร์คัดชัดเจน วันจันทร์ - วันศุกร์ เวลา 14:30 - 15:00 น. |
นันทิญา จิตตโสภาวดี |
NBT มีคำตอบ วันจันทร์ - วันศุกร์ เวลา 15:05 - 16:00 น. |
เจตน์ เลิศจรูญวิทย์ |
NBT ทั่วไทย วันจันทร์ - วันศุกร์ เวลา 17:00 - 17:30 น. วันเสาร์ - วันอาทิตย์ เวลา 17:30 - 18:00 น. |
ศตคุณ ดำเกลี้ยง (วันจันทร์ - วันศุกร์) ณิชาภัทร รุ่งรัตนเสถียร (วันเสาร์ - วันอาทิตย์) |
NBT News ภาคค่ำ วันจันทร์ - วันศุกร์ เวลา 17:30 - 20:00 น. วันเสาร์ - วันอาทิตย์ เวลา 18:00 - 20:00 น. |
กรองแก้ว ชัยกฤษ (วันจันทร์ - วันศุกร์) ส.กรกช ยอดไชย (วันเสาร์ - วันจันทร์) จิรภัทร อุดมสิริวัฒน์ (วันอังคาร - วันอาทิตย์) |
ข่าวในพระราชสำนัก วันจันทร์ - วันอาทิตย์ เวลา 20:00 - 20:30 น. |
สิริเสาวภา เอกเอี่ยมสิน |
เรื่องดังหลังข่าว วันจันทร์ - วันศุกร์ เวลา 20:30 - 21:30 น. |
ชาดา สมบูรณ์ผล อิทธิพันธ์ บัวทอง |
Match Point วันจันทร์ - วันอาทิตย์ เวลา 21:30 - 22:00 น. |
พีระณัฐ จำปาเงิน พสิษฐ สุทธิกุล |
NBT News ภาคดึก วันจันทร์ - วันอาทิตย์ เวลา 22:00 - 23:00 น. |
ประเทศ ทาระ กนกนวล จรัสกุณโฮง ภัชชาร์ ภัทรเดชาธรรม สถานุ ณ พัทลุง |
Newsline วันจันทร์ - วันศุกร์ เวลา 23:00 - 23:25 น. |
ชลพรรษา นารูลา ดารา ธีรเกาศักย์ แซนดร้า หาญอุตสาหะ สุรพันธุ์ เหล่าธารณาฤทธิ์ |
ผู้ประกาศข่าวและผู้รายงานข่าวในอดีต
- ปิยะ ชำนาญกิจ (ปัจจุบันเป็นนักพากย์)
- จิรายุ ห่วงทรัพย์ (ปัจจุบันเป็นโฆษกกระทรวงกลาโหม)
- ปนัดดา วงศ์ผู้ดี (ปัจจุบันเป็นสื่อมวลชนอิสระ)
- ณยา คัตตพันธ์ (ปัจจุบันยุติการทำหน้าที่แล้ว)
- จอม เพชรประดับ (ปัจจุบันลี้ภัยการเมืองในต่างประเทศและทำรายการผ่านยูทูบในชื่อ "เสียงไทยเพื่อเสรีภาพของคนไทย (jom voice)")
- กฤต เจนพานิชการ (ปัจจุบันอยู่ช่องวัน 31 และจีเอ็มเอ็ม 25 ในนามสำนักข่าววันนิวส์)
- สุมนา แจวเจริญวงศ์ (ปัจจุบันอยู่ช่อง 3 เอชดี)
- ตวงพร อัศววิไล (ปัจจุบันยุติการทำหน้าที่แล้ว)
- วสุ แสงสิงห์แก้ว (ปัจจุบันยุติการทำหน้าที่แล้ว)
- วรวีร์ วูวนิช (ปัจจุบันยุติการทำหน้าที่แล้ว)
- รณฤทธิ์ บุญพรหม (ปัจจุบันยุติการทำหน้าที่แล้ว)
- สัญลักษณ์ เจริญเปี่ยม (ปัจจุบันยุติการทำหน้าที่แล้ว)
- ธีระ ธัญญอนันต์ผล (ปัจจุบันอยู่ช่อง 8)
- ชนิตร์นันทน์ ปุณณะนิธิ (ปัจจุบันอยู่ช่อง 8)
- ชมะนันทน์ วรรณวินเวศร์ (ปัจจุบันยุติการทำหน้าที่แล้ว)
- พิชญทัฬห์ จันทร์พุฒ (ปัจจุบันอยู่ช่อง 3 เอชดี)
- จุฑารัตน์ เอี่ยมอำพันธ์ (ปัจจุบันอยู่ไทยรัฐทีวี)
- สุภัสรา มหาคามินทร์ (ปัจจุบันอยู่ไทยรัฐทีวี)
- รสริน ประกอบธัญ (นามสกุลเดิม : ชนะมิตร) (ปัจจุบันยุติการทำหน้าที่แล้ว)
- พิชาญพงศ์ วงศ์ศรีแก้ว (ปัจจุบันยุติการทำหน้าที่แล้ว)
- กาญจนา ปลื้มจิตต์ (ปัจจุบันยุติการทำหน้าที่แล้ว)
- รัชนีวรรณ ดวงแก้ว (ปัจจุบันยุติการทำหน้าที่แล้ว)
- อภิรักษ์ หาญพิชิตวนิชย์ (ปัจจุบันอยู่ไทยพีบีเอส)
- จตุพร สุวรรณรัตน์ (ปัจจุบันเป็นสื่อมวลชนอิสระ)
- บุญเลิศ มโนสุจริตชน (ปัจจุบันยุติการทำหน้าที่แล้ว)
- อนุรักษ์ ทรัพย์เพ็ง (ปัจจุบันยุติการทำหน้าที่แล้ว)
- อภิวัฒน์ บุราคร (ปัจจุบันยุติการทำหน้าที่แล้ว)
- สุชาทิพ มั่นสินธร (นามสกุลเดิม : จิรายุนนท์) (ปัจจุบันอยู่ททบ.5 เอชดี)
- ปถมาภรณ์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต (ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันการประชาสัมพันธ์)
- กัมพล บุรานฤทธิ์ (ปัจจุบันอยู่ช่อง 7 เอชดี)
- ศิริรัตน์ อานนท์ (ปัจจุบันยุติการทำหน้าที่แล้ว)
- ฉัตรปวีณ์ ตรีชัชวาลวงศ์ (ปัจจุบันอยู่ช่อง 3 เอชดี และพิธีกรอิสระ)
- วิลาสินี แวน ฮาเรน (นามสกุลเดิม : ลิ้มพรกุล) (ปัจจุบันอยู่เนชั่นทีวี)
- กอบชัย หงษ์สามารถ (ปัจจุบันอยู่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย)
- ธนากร ริตุ (ปัจจุบันยุติการทำหน้าที่แล้ว)
- ณัฐพงษ์ ธีระภัทรานนท์ (ปัจจุบันยุติการทำหน้าที่แล้ว)
- สุภาดา วิจักรไชยวงศ์ (ปัจจุบันยุติการทำหน้าที่แล้ว)
- ศิรวิทย์ ชัยเกษม (ปัจจุบันอยู่เจเคเอ็น 18 ในนามท็อปนิวส์)
- ปวีณา ฟักทอง (ปัจจุบันอยู่ไทยพีบีเอส)
- ธีร์วัฒน์ ชูรัตน์ (ปัจจุบันอยู่เนชั่นทีวี)
- วรรณชนก สังขเวช (ปัจจุบันอยู่ไทยพีบีเอส)
- ศิริลักษณ์ รัตนวโรภาส (ปัจจุบันยุติการทำหน้าที่แล้ว)
- ปรเมษฐ์ ภู่โต (ปัจจุบันเป็นสื่อมวลชนอิสระ)
- ถนอม อ่อนเกตุพล (ปัจจุบันอยู่ททบ.5 เอชดี)
- มนัส ตั้งสุข (ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2567)
- อัญชลี โปสุวรรณ (ปัจจุบันอยู่ไทยพีบีเอส)
- ชญาณิศา มิเกลลี่ (ปัจจุบันยุติการทำหน้าที่แล้ว)
- ภัทริส ณ นคร (ปัจจุบันยุติการทำหน้าที่แล้ว)
- สโรชินี เสวกฉิม (ปัจจุบันยุติการทำหน้าที่แล้ว)
- ขวัญ จิระพันธ์ (สกุลเดิม : ศรีสำรวล) (ปัจจุบันยุติการทำหน้าที่แล้ว)
ข้อวิพากษ์วิจารณ์และเหตุการณ์สำคัญที่เกี่ยวข้องกับสถานี
กระบอกเสียงรัฐบาล
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ในปี พ.ศ. 2551 สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่าย ว่าเป็นกระบอกเสียงให้กับรัฐบาล (คณะรัฐมนตรีคณะที่ 57 ของไทย) โดยเฉพาะให้มีรายการความจริงวันนี้ ซึ่งเป็นรายการกระบอกเสียงของรัฐบาล โดยมีผู้เสียหายจากข้อเท็จจริง จนต้องออกมาฟ้องหมิ่นประมาทอยู่บ่อยครั้ง เช่นตุลาการรัฐธรรมนูญ หรือ ป.ป.ช. รวมไปถึงสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จนนำไปสู่การบุกยึดสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยของกลุ่มพันธมิตรเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม
การบุกยึดที่ทำการ สวท. และ สสท.
เมื่อเวลา 05.30 น.วันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2551 มีกลุ่มชายฉกรรจ์สวมหมวกไอ้โม่งปิดหน้าอย่างมิดชิด ซึ่งอ้างตัวเป็นกลุ่มนักรบศรีวิชัย หน่วยรักษาความปลอดภัยของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จำนวนประมาณ 80 คน บุกเข้ายึดอาคารที่ทำการสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ริมถนนวิภาวดีรังสิต โดยสั่งให้เจ้าหน้าที่งดออกอากาศรายการข่าวเช้า ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถเข้าควบคุมสถานการณ์ได้ โดยตรวจพบอาวุธปืน ไม้กอล์ฟ มีดดาบสปาตา และใบกระท่อม ในตัวกลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าว
จากนั้น เวลาประมาณ 06.00 น. สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ขึ้นประกาศบนเวทีใหญ่ของพันธมิตรที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ว่า กลุ่มพันธมิตรได้บุกยึดสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยเป็นผลสำเร็จแล้ว ตนจะนำกลุ่มดาวกระจายตามไปสมทบที่สถานีฯ
ต่อมา เวลาประมาณ 08.30 น. แนวร่วมกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรที่นำโดยสมเกียรติและอมร อมรรัตนานนท์ ได้พังประตูรั้วเข้ายึดที่ทำการสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ตลอดจนห้องส่งกระจายเสียง และห้องส่งออกอากาศ ถือเป็นการเข้ายึดสถานีโทรทัศน์โดยประชาชนครั้งแรกในประเทศไทย[10]
กลุ่มผู้ชุมนุมยุติการส่งกระจายเสียงของสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย เอฟเอ็ม 92.5 และ 97.0 เมกะเฮิรตซ์ ตลอดจนมีความพยายามของเจ้าหน้าที่เทคนิค สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี ในการนำสัญญาณโทรทัศน์ของเอเอสทีวี มาออกอากาศในคลื่นความถี่โทรทัศน์ของเอ็นบีทีแทน เป็นผลให้เอ็นบีทีไม่สามารถออกอากาศได้ในช่วงแรก แต่หลังจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคเปลี่ยนระบบการออกอากาศ โดยใช้สัญญาณแอนะล็อกแทนสัญญาณดิจิทัล ทำให้สามารถออกอากาศได้โดยไม่มีคลื่นแทรก กลุ่มผู้ชุมนุมไม่พอใจจึงตัดสายไฟฟ้าของเครื่องส่ง เพื่อให้เกิดความเสียหายแทน[ต้องการอ้างอิง]
แต่ก็ยังคงมีความพยายามออกอากาศรายการข่าวทางเอ็นบีทีอย่างต่อเนื่องของพนักงานฝ่ายข่าว นำโดยตวงพร อัศววิไล, จิรายุ ห่วงทรัพย์, สร้อยฟ้า โอสุคนธ์ทิพย์, อดิศักดิ์ ศรีสม, วรวีร์ วูวนิช, กฤต เจนพานิชการ เป็นต้น โดยใช้วิธีการหลายรูปแบบ กล่าวคือ
- ส่งสัญญาณโทรทัศน์จากรถถ่ายทอดสดนอกสถานที่ แล้วให้สำนักงานสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยส่วนกลางที่ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ รับสัญญาณผ่านดาวเทียม ส่งไปยังเสารับสัญญาณโทรทัศน์บนอาคารใบหยก 2 เพื่อส่งออกอากาศทั่วประเทศอีกชั้นหนึ่ง โดยออกอากาศจากห้องส่งชั่วคราวภายในบริเวณสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย จนกระทั่งกลุ่มผู้ชุมนุมเข้ามาพบ จึงถูกระงับการออกอากาศไปอีก
- ส่งสัญญาณโทรทัศน์จากสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยส่วนภูมิภาค (ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี และ จังหวัดเชียงใหม่)[ต้องการอ้างอิง] มาที่ส่วนกลาง แล้วไปตามเส้นทางเดิม
- ส่งสัญญาณโทรทัศน์จากรถถ่ายทอดสดนอกสถานที่เช่นเดิม และต่อมาใช้ห้องส่งที่โมเดิร์นไนน์ทีวี เป็นห้องส่งชั่วคราว[10]
จนกระทั่งเมื่อเวลาประมาณ 18.30 น. วันเดียวกัน กลุ่มผู้ชุมนุมประกาศถอนกำลังออกจากสถานีฯ เนื่องจากความพยายามเชื่อมต่อสัญญาณเอเอสทีวีไม่ประสบผล แล้วไปสมทบกับกลุ่มใหญ่ ณ บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบบริเวณสถานีฯ พบว่ามีการบุกรุกเข้าไปห้องต่าง ๆ ภายในอาคาร สถานที่ถูกทำลายไปเป็นบางส่วน อีกทั้งมีทรัพย์สินเสียหายและสูญหายไปจำนวนหนึ่ง โดยเฉพาะมีการบุกรุกเข้าไปรื้อค้นสิ่งของ ภายในห้องประทับรับรองของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ที่มีหมายกำหนดการเสด็จทรงบันทึกเทปรายการทูบีนัมเบอร์วันวาไรตี้ ที่เอ็นบีทีในวันดังกล่าวด้วย หลังจากการตรวจสอบในเบื้องต้น จึงอนุญาตให้เจ้าหน้าที่สถานีฯ กลับเข้าปฏิบัติงานภายในอาคารได้[ต้องการอ้างอิง]
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่และผู้ประกาศข่าวส่วนหนึ่ง ยังคงรายงานข่าวที่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกในช่วงคืนวันที่ 26 ต่อเช้าวันที่ 27 สิงหาคม จนกระทั่งสามารถกลับมาออกอากาศรายการข่าวภายในสถานีได้ตามปกติ ในช่วงข่าวเที่ยง วันที่ 27 สิงหาคม[ต้องการอ้างอิง]
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
- ↑ คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 165/2562 เรื่อง มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี เก็บถาวร 2019-07-31 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี, สืบค้นวันที่ 1 สิงหาคม 2562
- ↑ ขุดกรุ:จากสถานี HS1PJ ถึงโทรทัศน์สีสเตอริโอ(บางส่วน) จากเว็บไซต์รถไฟไทยดอตคอม
- ↑ ข่าวพระราชกรณียกิจ ระหว่างเดือนตุลาคม พ.ศ. 2530-กันยายน พ.ศ. 2531 บทที่ 11 หน้า 6[ลิงก์เสีย] จากเว็บไซต์สำนักราชเลขาธิการ
- ↑ พระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 เก็บถาวร 2018-08-26 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, มาตรา 20 ในการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ กรมประชาสัมพันธ์ ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการบริการสาธารณะประเภทที่หนึ่งและประเภทที่สาม จะหารายได้จากการโฆษณาไม่ได้ เว้นแต่เป็นการหารายได้โดยการโฆษณาหรือเผยแพร่ข่าวสารเกี่ยวกับงานหรือกิจการของหน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ สมาคม มูลนิธิ หรือนิติบุคคลอื่นที่มีวัตถุประสงค์ในการดำเนินกิจการเพื่อประโยชน์สาธารณะ โดยไม่แสวงหากำไรในทางธุรกิจ หรือการเสนอภาพลักษณ์ขององค์กร บริษัท และกิจการโดยมิได้มีการโฆษณาสรรพคุณ หรือคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องทั้งทางตรงและทางอ้อม ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการประกาศกำหนด.
- ↑ 'มวยดีวิถีไทย' ย้ายวิกเปิดชมฟรี 1 เม.ย.นี้![ลิงก์เสีย]
- ↑ คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๙/๒๕๖๑ เรื่อง มาตรการบรรเทาผลกระทบต่อผู้ประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์
- ↑ "ช่อง 11 หรือ NBT" สถานีโทรทัศน์ระบบแอนะล็อก 50 สถานี ยุติแล้ว 38 สถานี ยังออกอากาศ 12 สถานี (ข้อมูล ณ วันที 26 กุมภาพันธ์ 2561), Facebook ของสำนักวิศวกรรมและเทคโนโลยีกระจายเสียงและโทรทัศน์ สำนักงาน กสทช.
- ↑ แผนการยุติการรับส่งสัญญาณวิทยุโทรทัศน์ในระบบแอนะล็อก (ข้อมูล ณ วันที 19 มิถุนายน 2560) เก็บถาวร 2020-07-08 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, สำนักกิจการโทรทัศน์ในระบบดิจิตอล สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
- ↑ “ทรูโฟร์ยู ช่อง 24” จับมือ “เพชรยินดี” ส่งรายการ “ทรูโฟร์ยู มวยมันส์วันศุกร์”เขย่าจอ เก็บถาวร 2020-08-06 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน adslthailand.com
- ↑ 10.0 10.1 พันธมิตรฯบุกยึด เอ็นบีที จากเว็บไซต์เดลินิวส์ออนไลน์
แหล่งข้อมูลอื่น
- เว็บไซต์ สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย
- เว็บไซต์ กรมประชาสัมพันธ์
- ดึงชาลอตช่วย โพสต์ฯขึ้น20%ค่าโฆษณาเอ็นบีทีดึงเลือดใหม่ลุย เก็บถาวร 2012-11-14 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- “น้องเดียว” หนุนทีมโพสต์ฯปลุกเรตช่องสทท. มั่นใจกระฉูดแน่ เก็บถาวร 2012-11-14 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- สาทิตย์ล้างบางเอ็นบีที ยกเลิกสัญญา1มีนาคม ปั้นช่อง11ทีวีแห่งชาติ เก็บถาวร 2010-11-29 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- สาทิตย์ ชี้ ดิจิทัลฯ มีเดีย เลิกสัญญา ดีต่อการปรับผัง เก็บถาวร 2009-02-22 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- เพลงสรรเสริญพระบารมีตอน เปิด-ปิด สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11
- เพลงสรรเสริญพระบารมีตอนเปิดสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (เอ็นบีที)