อวตาร 3

(เปลี่ยนทางจาก Avatar 3)

อวตาร 3 (อังกฤษ: Avatar 3[a]) เป็นชื่อเรียกสำหรับภาพยนตร์มหากาพย์ บันเทิงคดีวิทยาศาสตร์อเมริกันเรื่องใหม่ที่ยังไม่มีชื่อที่กำกับ ผลิต ร่วมเขียนบท และร่วมตัดต่อโดย เจมส์ แคเมรอน[2] มันเป็นภาพยนตร์เรื่องที่สามในแฟรนไชส์ อวตารของคาเมรอน และภาคต่อของ อวตาร: วิถีแห่งสายน้ำ (2022) คาเมรอนอำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ร่วมกับ จอน แลนโด เจมส์ คาเมรอน, ริก จาฟฟา, อแมนดา ซิลเวอร์, จอช ฟรีดแมน และ เชน ซาแลร์โน มีส่วนร่วมในกระบวนการเขียนบท สมาชิกนักแสดง แซม เวิร์ธธิงตัน, โซอี ซัลดานา, สตีเฟน แลง, จิโอวานนี่ ริบิซี่, ซิกัวร์นีย์ วีเวอร์, โจเอล เดวิด มัวร์, ซีซีเอช ปอนด์, ดิลีพ เรา, แมตต์ เจอรัลด์, คลิฟฟ์ เคอร์ติส, เอดี ฟัลโก, เบรนแดน โคเวลล์, เจเมน เคลมองต์ และ โดย อูน่า แชปลิน, เดวิด ธิวลิส, มิเชลล์ โหย่ว จะร่วมสมทบในบทตัวละครใหม่ คาเมรอนระบุว่า อวตาร: ผู้ถือครองเมล็ดพันธุ์ (Avatar: The Seed Bearer) กำลังได้รับการพิจารณาว่าเป็นชื่อที่เป็นไปได้สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้[3] แต่จอน แลนโด กล่าวว่าชื่อได้ถูกเปลี่ยนแล้ว[4]

อวตาร 3
กำกับเจมส์ แคเมรอน
บทภาพยนตร์
เนื้อเรื่อง
สร้างจากตัวละคร
โดย เจมส์ แคเมรอน
อำนวยการสร้าง
นักแสดงนำ
กำกับภาพรัสเซลล์ คาเพนเทอร์
ตัดต่อ
ดนตรีประกอบไซมอน แฟรงเลน
บริษัทผู้สร้าง
ผู้จัดจำหน่ายทเวนตีท์เซนจูรีสตูดิโอส์
วันฉาย19 ธันวาคม ค.ศ. 2025 (2025-12-19)
ประเทศสหรัฐ
ภาษาอังกฤษ
ทุนสร้าง250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[1]

คาเมรอน ซึ่งเคยกล่าวไว้ในปี ค.ศ. 2006 ว่าเขาอยากจะสร้างภาคต่อของ อวตาร ถ้ามันประสบความสำเร็จ และได้ประกาศสร้างภาคต่อสองภาคแรกในปี ค.ศ. 2010 หลังจากประสบความสำเร็จอย่างกว้างขวางในภาพยนตร์เรื่องแรก โดยที่ อวตาร 3 ตั้งเป้าไปฉายในปี ค.ศ. 2015[5][6] อย่างไรก็ตาม การเพิ่มภาคต่ออีกสามภาค (ภาคแรก) และความจำเป็นต้องพัฒนาเทคโนโลยีใหม่เพื่อถ่ายทำฉากการจับภาพประสิทธิภาพใต้น้ำ ผลงานที่ไม่เคยทำได้มาก่อนทำให้เกิดความล่าช้าอย่างมาก แต่ทีมงานมีเวลามากขึ้นในการเขียนบท เตรียมการก่อนการผลิต และวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์[7] อวตาร 3 เริ่มถ่ายทำพร้อมกัน ด้วย อวตาร: วิถีแห่งสายน้ำ ในประเทศนิวซีแลนด์ เมื่อวันที่ 25 กันยายน ค.ศ. 2017 การถ่ายทำเสร็จสิ้นในปลายเดือนธันวาคม ค.ศ. 2020 หลังจากถ่ายทำมานานกว่าสามปี แม้ว่าการผลิตจะถูกขัดจังหวะเนื่องจากการระบาดของโควิด-19

การเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกเลื่อนเก้าครั้ง มีกำหนดฉายเดิมในวันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2567[2] ซึ่งจะเป็นการครบรอบ 15 ปีของแฟรนไชส์ แต่ถูกเลื่อนเป็น 18 ธันวาคม ค.ศ. 2025 สองภาคต่อเพิ่มเติมถูกเลื่อนเช่นกัน ได้แก่ อวตาร 4 และ อวตาร 5 อยู่ในขั้นตอนต่าง ๆ ของการผลิตและคาดว่าจะออกในวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 2029 และ 19 ธันวาคม ค.ศ. 2031 ตามลำดับ

เรื่องย่อ แก้

ผ่านไปกว่าหลายสัปดาห์ จากเหตุการณ์ในภาพยนตร์ภาคสอง “อวตาร 3” เริ่มต้นด้วยการเล่าเรื่องราวของครอบครัวซัลลี่ที่รอดชีวิตจากการจู่โจมที่ภูผาสามพี่น้อง (เจค เนย์ทิริ โลอัค คิรี และทู้คทิรี่ รวมถึงสไปเดอร์) ต้องนำกำลังเผ่าใหม่ เม็ตคายีน่า เข้ารวบรวมกำลังเผ่าต่าง ๆ ทั้งโอมาติคาย่า เพื่อปะทะกับคนบนฟ้า แต่พวกเขากำลังจะได้พบว่า ไม่ใช่ทุกเผ่าบนดาวนี้ที่จะเป็นฝ่ายดี สิ่งที่หลงเหลือจากสงครามครั้งก่อนกำลังจะจุดชนวนบททดสอบครั้งสำคัญที่จะชี้ชะตาแพนดอราทั้งใบ

นักแสดง แก้

ชาวนาวี แก้

  • แซม เวิร์ธธิงตัน รับบท เจค ซัลลี อดีตนาวิกโยธินพิการ ผู้ละทิ้งชีวิตมนุษย์หลังค้นพบความหมายจากโครงการอวตาร เพื่อครองรักกับเนย์ทิรี่ อดีตผู้นำพาเผ่าโอมาติคาย่าไปสู่ความเข้มแข็ง และเข้าต่อสู้กับคนบนฟ้าเพื่อปกป้องดาวแพนดอรา พร้อมกับลูก ๆ ของเขา โดยการออกเดินทางไปยังดินแดนต่าง ๆ ที่ซ่อนเร้นในแพนดอรา
  • โซอี ซัลดานา รับบท เนย์ทิริ ลูกสาวของอดีตผู้นำเผ่าโอมาติคาย่า หลังเสียชีวิต ว่าที่ผู้นำทางจิตวิญญาณ ภรรยาของเจค ผู้ปลงใจกับเจค และแม่ของลูกเขา
  • ซิกัวร์นีย์ วีเวอร์ รับบท คิรี/ดร. เกรซ ออกัสติน ลูกสาวบุญธรรมของเจค และ เนย์ทิริ ผู้เชื่อมโยงธรรมชาติเข้ากับเอวาอย่างน่าอัศจรรย์ ซิกัวร์นีย์ยังกลับมารับบทดร. เกรซ นักชีววิทยาอวกาศและหัวหน้าโครงการอวตาร ผู้เสียชีวิตไปแล้ว และแม่ที่แท้จริงของคิรี เกิดขึ้นมาจากจิตวิญญาณของเธอและเอวาที่หลอมรวมกัน
  • ซีซีเอช เพาเดอร์ รับบท โมแอต ผู้นำจิตวิญญาณของเผ่าโอมาติคาย่า แม่ของเนย์ทิรี
  • คลิฟฟ์ เคอร์ติส รับบท โทโนวารี ผู้นำเผ่าเม็ตคายีน่า สามีของโรนัล ผู้มีความเคารพในตัวเจค ซัลลี่[8]
  • เคต วินสเล็ต รับบท โรนัล [8] นักดำน้ำลึกและภรรยาของผู้นำเผ่าเม็ตคายีน่า เธอรักธรรมชาติและท้องทะเล รวมถึงโทลคูน
  • เจมี่ แฟลตเตอร์ส รับบท เนเทยัม ลูกชายคนโตของเจค และเนย์ทิรี ผู้มีใจมุ่งมั่นที่จะเป็นนักรบเหมือนพ่อด้วยความภาคภูมิใจ ผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ภาคที่แล้ว และเป็นหนึ่งเดียวกับเอวา
  • บริเตน ดัลตัน รับบท โล'อัค ลูกชายคนรองของเจค และเนย์ทิรี ผู้ต้องแบกรับภาระในฐานะลูกชายคนโตของทู้คทิรี และเขาจะเป็นผู้บรรยายเรื่องราวแทนเจค
  • ทรินิตี้ บลิส รับบท ทู้ค ทู้คทิรี ลูกสาวคนเล็กของเจค และ เนย์ทิรี ผู้รักการผจญภัยและชอบตามติดพี่น้อง
  • เบลีย์ แบส รับบท ศีเรยา (เรยา) นักดำน้ำลึก ลูกสาวคนเล็กโทโนวารีและโรนัลที่พบรักกับโล'อัค
  • ฟิลิป เกลโจ รับบท อาวนุง นักล่าแห่งเผ่าเม็ตคายีน่า ลูกชายคนโตของโทโนวารีและโรนัล
  • ดูแอน วิชแมน-อีวานส์ รับบท ร็อตโซ่ เพื่อนสนิทของอาวนุง
  • เดวิด ธิวลิส รับบท เปย์ลักษณ์ นาวี่พเนจรแห่งเผ่าทะเลทราย ผู้แลกเปลี่ยนสินค้าผ่านสายลมและฝุ่นผง[9]
  • โอน่า แชปลิน รับบท วารัง ผู้นำหญิงแห่งเผ่าแมงควาน ผู้ดุร้ายในแถบภูเขาไฟและเถ้าถ่าน เป็นศัตรูกับเผ่าเม็ตคายีน่าของเจคและโตโนวารี[10]
  • เคสตัน จอห์น รับบท ทาร์เซ็ม เพื่อนและคนที่ไว้ใจของเจค ผู้รับหน้าที่เป็นผู้นำของเผ่าโอมาติคาย่า แทนเจคที่พาครอบครัวอพยพออกไป
  • เวส สตูดี เป็น เอย์ตูคาน หัวหน้าเผ่าโอมาติกายา พ่อของเนย์ทีรีและสามีของโมแอต ผู้เสียชีวิตด้วยน้ำมือของควอริทช์
  • ลาซ อลอนโซ เป็น ทซูเทย์ นักรบที่เก่งกาจของเผ่าโอมาติกายา เขาเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งหัวหน้าเผ่า ในตอนแรกนั้น เขาเป็นคู่หมั้นของเนย์ทีรี ผู้เสียชีวิตด้วยน้ำมือของเวนฟลีต

รีคอมบีแนนท์ แก้

  • สตีเฟ่น แลง รับบท พันเอก ไมลส์ ควอริทช์ อดีตผู้พันรักษาความปลอดภัยของเหมืองแร่และมือขวาของปาร์คเกอร์ เซลฟริดจ์ที่แตกคอกันก่อนเสียชีวิตในเหตุการณ์ภาพยนตร์ที่สอง เขากลับมาในร่างโคลนอวตารจากดีเอ็นเอผสมที่ทรงพลังกว่าร่างมนุษย์ด้วยความช่วยเหลือจากปาร์คเกอร์ พร้อมความทรงจำเดิม เขาคือพ่อของไมลส์ ควอริทช์ ซอคคอร์โร หรือ สไปเดอร์ หลังจากพ่ายแพ้ให้กับเจค ซัลลี่ ที่ภูผาสามพี่น้อง ต่อมา เขาได้พบกับปาร์คเกอร์ เซลฟริดจ์ ในรอบสิบห้าปี
  • แมตต์ เจอรัลด์ รับบท จ่าสิบโท ไลล์ เวนฟลีท ผู้ร่วมศึกปะทะกับชาวนาวี่ ที่เสียชีวิตไปในเหตุการณ์ภาคแรก ก่อนจะกลับมาทำงานคู่กับควอริตซ์หลังฟื้นขึ้นมาในร่างโคลนจากดีเอ็นเอผสม เขายิงสังหารเนเทยัมเสียชีวิต ก่อนจะถูกเนย์ทิรี่เล่นงานจนหมดสภาพ

ชาวมนุษย์ แก้

  • โจเอล เดวิด มัวร์ รับบท ดร. นอร์ม สเปลแมน นักมานุษยวิทยาต่างดาว ผู้ศึกษาพืชและชีวิตสัตว์เป็นส่วนหนึ่งโครงการอวตารที่เข้าร่วมสงครามกับเจคในภาคแรก และต่อมาได้ทำการทดลองวิทยาศาสตร์ เพื่อช่วยเหลือผู้คนในเผ่า
  • แจ็ค แชมเปียน รับบท ไมลส์ ควอริทช์ โซคอร์โร (สไปเดอร์) ลูกชายของทหารหญิงที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ภาคแรก เขาเป็นลูกชายของควอริตช์ที่ติดอยู่บนดาวแพนดอราก่อนที่เจคจะนำมาเลี้ยงจนสนิทสนมกับลูก ๆ ของเขา แม้ว่าเขาจะตั้งแง่กับเนย์ทิรี่ด้วยความอคติก็ตาม แต่ก็พร้อมจะปกป้องชาวนาวี่ รวมถึงคิรี
  • จิโอวานนี่ ริบิซี่ รับบท ปาร์คเกอร์ เซลฟริดจ์ อดีตผู้ดูแลการทำเหมืองแร่ขององค์กร RDA ที่อยู่เบื้องหลังการบุกรุกแพนดอรา ผู้ถูกขับไล่ออกจากแพนดอรา ผู้ที่ก่อนหน้านั้นได้ขอร้องให้ไมลส์ ควอริทช์ มือขวาคนสนิท เข้าร่วมโครงการรีคอมบีแนนท์และมีบทบาทแค่ในวิดีโอที่ถ่ายทิ้งไว้ในภาคที่แล้ว โดยเขาถูก RDA ลงโทษเพราะพ่ายแพ้และถอนออกจากตำแหน่งเดิม ในภาคนี้ เขาถูกสั่งให้กลับมาแพนดอร่าด้วยเหตุทางการทูตกับเผ่าเถ้าถ่าน แต่มีท่าทีปรปักษ์กับเจค และ สตริงเกอร์ส
  • มิเชล โหย่ว รับบท ดร. แคริน่า โมค[11] นักวิทยาศาสตร์ของ RDA ผู้ที่เข้ามาช่วยเหลือปาร์กเกอร์ในโครงการอวตารเพื่อการเจรจากับเผ่าเถ้าถ่านบนดาวแพนดอรา
  • เจเมน เคลเมนต์ รับบท ดร. เอียน การ์วิน[8] นักชีววิทยาทางทะเล ผู้คอยให้ข้อมูลแก่ทีมในท้องทะเล เขาไม่ได้อยากทำร้ายทะเล แต่เพราะโดน RDA ข่มขู่ว่าจะปิดห้องทดลอง จึงจำใจยอมร่วมมือ
  • เบรนแดน คาเวลล์ รับบท กัปตันมิก สกอร์สบี้[8] ผู้ต้องการจะจับโทลคูนมาใช้เป็นประโยชน์แก่มวลมนุษย์ เขาสูญเสียแขนข้างนึงในเหตุจู่โจมโทลคูนแต่รอดชีวิตมาได้และเตรียมล้างแค้นร่วมกับคนของ RDA
  • อีดี ฟัลโก รับบท นายพล ฟรานเซส อาร์ดมอร์[8] นายพลหญิง ผู้นำเปิดสงครามคุกคามชาวนาวี่มาตลอดทศวรรษ เป้าหมายสำค้ญคือทำให้แพนดอราเป็นบ้านของมวลมนุษย์
  • ไดลีป เรา เป็น ดร. แมกซ์ พาเทล นักวิทยาศาสตร์ผู้ทำงานในโครงการอวตารและช่วยเหลือการก่อกบฏของเจคต่อ RDA และคอยอยู่ช่วยเหลือชาวดาวแพนดอรา

อ้างอิง แก้

  1. Chris Cabin (September 30, 2017). "The 'Avatar' Sequels "Will Be the Most Expensive Movies of All Time," According to Fox". Collider. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 3, 2017. สืบค้นเมื่อ October 3, 2017.
  2. 2.0 2.1 McNary, Dave (April 22, 2017). "'Avatar' Sequel Release Dates Set, Starting in December 2020". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 29, 2017. สืบค้นเมื่อ July 31, 2017.
  3. "James Cameron Reveals Legitimacy of 'Avatar' Sequel Titles Leak (Exclusive) | Entertainment Tonight".
  4. "Avatar 3: Jon Landau Debunks Title Rumor for New Movie (Exclusive)". Movies (ภาษาอังกฤษ).
  5. Carroll, Larry (June 29, 2006). "'Titanic' Mastermind James Cameron's King-Size Comeback: Two Sci-Fi Trilogies". MTV. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 5, 2006. สืบค้นเมื่อ October 18, 2006.
  6. Rosenberg, Adam (January 8, 2010). "'Avatar' Sequel Confirmed By James Cameron... And Here's What We'd Like To See". MTV. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 16, 2010. สืบค้นเมื่อ January 11, 2010.
  7. McClintock, Pamela (October 27, 2010). "James Cameron's 5-year plan". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 12, 2011. สืบค้นเมื่อ October 27, 2010.
  8. 8.0 8.1 8.2 8.3 8.4 Avatar 2: Every Character Returning In James Cameron’s Long-Delayed Sequel
  9. Gemmill, Allie (2020-06-03). "Avatar: David Thewlis Confirms Which Sequels He'll Appear in". Collider (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน).
  10. McNary, Dave; McNary, Dave (2017-06-20). "'Games of Thrones' Star Oona Chaplin Joins James Cameron's 'Avatar' Sequels". Variety (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน).
  11. N'Duka, Amanda; N'Duka, Amanda (2019-04-15). "Michelle Yeoh Boards 'Avatar' Sequels". Deadline (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน).

แหล่งข้อมูลอื่น แก้


อ้างอิงผิดพลาด: มีป้ายระบุ <ref> สำหรับกลุ่มชื่อ "lower-alpha" แต่ไม่พบป้ายระบุ <references group="lower-alpha"/> ที่สอดคล้องกัน