โรมัน อับราโมวิช

(เปลี่ยนทางจาก โรมัน อาบราโมวิช)

โรมัน อาคาเดียวิช อับราโมวิช (รัสเซีย: Рома́н Арка́дьевич Абрамо́вич; อังกฤษ: Roman Arkadievich Abramovich) เกิดเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2509 ที่เมืองซาราตอฟ ประเทศรัสเซีย เป็นอดีตประธานสโมสรฟุตบอลเชลซี มหาเศรษฐีน้ำมันชาวรัสเซีย-อิสราเอลและเป็นเจ้าของหลักของบริษัทลงทุนเอกชน บริษัทมิลล์เฮาส์ แคปปิทัล เขาได้รับการขนานนามว่าเป็น Russian oligarchs (คนที่ร่ำรวยมากหลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียต)

โรมัน อับราโมวิช [1]
เกิดโรมัน อับราโมวิช
(1966-10-24) 24 ตุลาคม ค.ศ. 1966 (57 ปี)
ซาราตอฟ, รัสเซีย
สัญชาติอิสราเอล
ศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยกรุงมอสโก
อาชีพเจ้าของกิจการ บริษัทมิลล์เฮาส์ แคปปิทัล
กรรมการในGrupo ACS (C.E.O.)
คู่สมรสMaría Ángeles "Pitina" Sandoval

จากการจัดอันดับมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดของโลกประจำปี ค.ศ. 2006 โดยนิตยสารฟอร์บส ได้ระบุว่าเขาเป็นเศรษฐีอันดับที่ 1 ของประเทศรัสเซีย อันดับที่ 1 ของประเทศอังกฤษ และอันดับที่ 11 ของโลก ด้วยสินทรัย์ที่ประมาณการณ์ว่ามีทั้งหมด 18.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และที่มาของความร่ำรวยของเขานั้นทางนิตยสารฟอร์บสได้ระบุว่ามาจากการทำ ธุรกิจน้ำมันและก๊าซ นายอับราโมวิชมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักนอกรัสเซียจากการที่เขาเคยเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลเชลซี สโมสรฟุตบอลชื่อดังของอังกฤษ และยังมีส่วนเกี่ยวข้องมากมายเกี่ยวกับฟุตบอลในยุโรป

ช่วงแรกของชีวิตและการศึกษา แก้

นายโรมันเติบโตมาอย่างเด็กกำพร้า โดยที่แม่ของเขา นางอิรินา อับราโมวิช เสียชีวิตจากอาการโลหิตเป็นพิษ ซึ่งเป็นผลมาจากการทำแท้งเถื่อน ซึ่งตอนนั้นโรมันมีอายุได้เพียงขวบเดียว พ่อของเขา นายอาร์คาดี อับราโมวิช เสียชีวิตจากอุบัติเหตุในสถานที่ก่อสร้างในขณะที่โรมันอายุได้ 3 ขวบ โรมันเติบโตมากับครอบครัวของลุงในเมือง Ukhta ก่อนที่จะถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในกองทัพโซเวียต หลังจากการรับรัฐการทหาร เขาได้เข้ารับการศึกษาในช่วงเวลาสั้นๆที่สถาบันการขนส่งยานยนต์แห่งมอสโค (Moscow State Auto Transport Institute) ก่อนที่จะเลิกเรียนเพื่อไปทำธุรกิจ ในภายหลังเขาได้รับ Correspondence Degree (ปริญญาที่เรียนนอกเวลา) จาก Moscow State Law Academy

ช่วงหลังการแปรรูปรัฐวิสาหกิจของโซเวียตและความสำเร็จทางธุรกิจ แก้

นายอับราโมวิชเริ่มทำการค้าขายในช่วงหลังของยุค 80 ช่วงที่มีการปฏิรูปของประธานาธิบดีของโซเวียต มิคาอิลกอร์บอชอฟ ที่มีการอนุญาตให้ทำธุรกิจเอกชนขนาดเล็กได้ ในปี พ.ศ. 2535-2538 นายอับราโมวิชตั้งบริษัทขึ้น 5 บริษัท ซึ่งทำการซื้อมาขายไป และเป็นพ่อค้าคนกลาง และในที่สุดมีความเชี่ยวชาญด้านค้าขายน้ำมันและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน

ในปี พ.ศ. 2538 นายโรมัน อับราโมวิช และ นายบอริส เบอเรซอฟสกี ได้ควบคุมผลประโยชน์ในบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ บริษัทซิบเนฟท์ (Sibneft) โดยได้ทำข้อตกลงกันแบบ Loans-for-shares program (เป็นวิธีการที่กลุ่มบุคคลเล็กๆที่มีความสัมพันธ์อย่างดีกับรัฐบาล ได้รับสินทรัพย์ที่มีค่าสูงของรัฐโดยแลกกับเงินสดซึ่งเงินสดส่วนมากก็เอามาจากเงินในบัญชีของธนาคารของรัฐ จุดประสงค์ของวิธีการนี้คือช่วยหาเงินเพื่อการเลือกตั้งครั้งใหม่ของนายบอริส เยลสิน) ซึ่งหุ้นส่วนทั้งสองต้องจ่ายเงินเพียง 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งๆที่มูลค่าที่แท้จริงของบริษัทอยู่ที่พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ในช่วงปี 90 นายอับราโมวิชและหุ้นส่วนทางธุรกิจ นายยูจีน ชวิดเลอร์ ได้มาซึ่งหุ้นผลประโยชน์สำคัญของสายการบินรัสเซียที่ใหญ่ที่สุด บริษัทแอโรฟลอต (Aeroflot) และบริษัทอะลูมิเนียมยักษ์ใหญ่ บริษัทรูซัล (Rusal) ผ่านทางบริษัทของพวกเขา บริษัท มิลล์เฮาส์ แคปิตัล (Millhouse Capital) และยังมีบริษัทขนาดเล็กลงมาที่เขาได้เข้าไปมีหุ้นส่วน เช่นในบริษัทเกี่ยวกับอุตสาหกรรมรถยนต์ บริษัทยา บริษัทแปรรูปอาหาร ที่ดินและในธุรกิจประเภทอื่นๆ สินทรัพย์ส่วนใหญ่เหล่านั้นถูกขายไปโดยได้กำไรมหาศาลในช่วงปี พ.ศ. 2545-2548 บริษัทมิลล์เฮาส์ แคปิตัล (Millhouse Capital) ได้ขายหุ้นบริษัทซิบเนฟท์ (sibneft)มูลค่า 13,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้กับบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ของรัสเซีย บริษัทแกซพรอม (Gazprom) และขายหุ้นในบริษัทรูซัล (Rusal) มูลค่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับ นายโอเลก เดริปาสคา (Oleg Deripaska)

ในปี พ.ศ. 2547 นักสืบอาชญากรรมของสวิสได้เลิกสืบสวนคดีการโกงเงินที่รัสเซียกู้ยืมจากไอเอ็มเอฟ (IMF) มูลค่า 4,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศรัสเซียไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลลับเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้กับนักสืบ ซึ่งเรื่องนี้มีนายอับราโมวิชเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยคนสำคัญ นาย Laurent Kasper-Ansermet ผู้พิพากษาซึ่งเป็นผู้ควบคุมดูแลคดี ได้ถูกทำร้ายจนหมดสติตอนที่มาเยือนเมืองเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก

ในปี พ.ศ. 2548 ประเทศฝรั่งเศสได้ทำการสืบสวนเกี่ยวกับการฟอกเงินกับบริษัทที่มีความเชื่อมโยงถึงนายอับราโมวิช นายอับราโมวิชได้ถูกขนานนามว่าเป็นคนที่รวยที่สุดเป็นอันดับสองในประเทศอังกฤษ โดยทรัพย์สินของเขามีประมาณ 10,800 ล้านปอนด์เสตอริง

ในปี พ.ศ. 2565 จากการณีสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ส่งผลให้ทางโรมัน อับราโมวิช ถูกกดดันจากรัฐบาลอังกฤษอย่างหนัก ส่งผลให้มีการประกาศขายสโมสรเชลซีในเวลาต่อมา

อาชีพด้านการเมือง แก้

ในปีพ.ศ. 2542 นายอับราโมวิชได้รับการเลือกตั้งเข้าไปที่สภาดูม่าในฐานะผู้แทนราษฏรของรัฐ Chukotka Autonomous Okrug รัฐอันยากจนทางตะวันออกไกลของรัสเซีย เขาได้ริเริ่มทำการกุศลเพื่อช่วยเหลือผู้คนใน Chukotka โดยเฉพาะเด็กๆ และในเดือนธันวาคมปีพ.ศ. 2543 เขาได้ถูกเลือกเป็น ผู้ว่าการรัฐ Chukotka สืบแทนนาย Alexander Nazarov ตั้งแต่นั้นมาเขาก็ได้ลงทุนหลาย 100 ล้านปอนด์ เพื่อสร้างวิทยาลัย โรงพยาบาล โรงเรียน และ โรงแรมที่ Anadyr ทั้งยังได้ตกแต่งปรับปรุงสนามบินใหม่ และตกแต่งโรงเรียนตามเมืองและหมู่บ้านต่างๆใหม่ เขายังได้ใช้รัฐ Chukotka เพื่อผลประโยชน์ทางภาษีของบริษัทซิบเนฟท์ (sibneft) โดยที่บริษัทฯได้ลงทุนภาษีเงินออมส่วนใหญ่ในภูมิภาคนี้ และทำการสำรวจน้ำมันที่นั่นตามส่วนนึงของแผนการของผู้ว่าการรัฐที่จะพัฒนาและเพิ่มพูนเศรษฐกิจของที่นี่ นายอับราโมวิชได้กล่าวว่าเข้าจะไม่ลงเลือกตั้งอีกครั้งในตำแหน่งผู้ว่าการรัฐหลังจากหมดวาระในปี พ.ศ. 2548 โดยเขาได้กล่าวว่า “มันแพงเกินไป” และเขาก็ไม่ค่อยได้ไปเยือนภูมิภาคนั้นเท่าไหร่นัก อย่างไรก็ตามประธานาธิบดีของรัสเซียนายวลาดีมีร์ ปูติน ได้เปลี่ยนกฎหมาย ยกเลิกการเลือกตั้งผู้ว่าการรัฐ เป็นการแต่งตั้ง และในวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2548 นายอับราโมวิชได้ถูกแต่งตั้งอีกครั้งเพื่อดำรงตำแหน่งผู้ว่าการรัฐอีกสมัยหนึ่ง

แหล่งข้อมูลอื่น แก้

อ้างอิง แก้

  1. Immediately back to work after the Berlusconi Cup at juventus.com
  2. "#536 Florentino Perez - World's Billionaires". Forbes.com. 2009-03-10.