โรงเรียนวัดสุทธิวราราม
ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
บทความนี้ได้รับแจ้งให้ปรับปรุงหลายข้อ กรุณาช่วยปรับปรุงบทความ หรืออภิปรายปัญหาที่หน้าอภิปราย
|
โรงเรียนวัดสุทธิวราราม (อังกฤษ: Wat Suthiwararam School) (อักษรย่อ: ส.ธ., ST) เป็นโรงเรียนแรกในรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ราษฎรสร้างขึ้นแล้วยกให้กระทรวงธรรมการ มีพระราชหัตถเลขาชมเชยให้การสร้างโรงเรียนวัดสุทธิวรารามเป็นแบบอย่างของการบำเพ็ญกุศลที่ต้องด้วยพระราชนิยมเป็นอย่างยิ่ง โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระองค์เสด็จพระราชดำเนินมาทรงทำพิธีเปิดเป็นโรงเรียนแรกในรัชกาล[4][5] เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2454 โดยใช้ชื่อพระราชทานจากพระองค์[6] ว่า โรงเรียนมัธยมพิเศษสุทธิวราราม
โรงเรียนวัดสุทธิวราราม Watsuthiwararam School | |
---|---|
![]() | |
ที่ตั้ง | |
![]() | |
พิกัด | 13°42′45″N 100°30′44″E / 13.712399°N 100.512191°Eพิกัดภูมิศาสตร์: 13°42′45″N 100°30′44″E / 13.712399°N 100.512191°E |
ข้อมูล | |
ชื่ออื่น | ส.ธ. (ST) |
ประเภท | รัฐบาล โรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดใหญ่พิเศษ |
คำขวัญ | บาลี: วิชฺชา วรํ ธนํ โหติ (วิชาเป็นทรัพย์อันประเสริฐ) |
สถาปนา | 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2454[1] (112 ปี 89 วัน) |
ผู้ก่อตั้ง | บุตร-ธิดาท่านปั้น อุปการโกษากร โดยมีพระยาพิจารณาปฤชามาตย์ (สุหร่าย วัชราภัย) เป็นหัวหน้า |
โรงเรียนพี่น้อง | โรงเรียนสตรีศรีสุริโยทัย |
เขตการศึกษา | เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 2 สหวิทยาเขตราชนครินทร์ |
รหัส | 1000102801 10012030 (Smis) 720115 (Obec)[1] |
ผู้อำนวยการ | ดร.อัฏฐผล ถิรพรพงษ์ศิร์ |
ครู/อาจารย์ | 156[2] |
จำนวนนักเรียน | 3,216[1] |
ภาษา | ไทย, อังกฤษ, จีนกลาง, ฝรั่งเศส |
สี | ชมพู ขาว เขียว ██████ ███ |
เพลง | มาร์ชสุทธิวราราม, รวมใจชาวสุทธิฯ, รอบรั้วของเรา, อาลัยลา, อาลัยพี่, ชื่นชุมนุมสุทธิฯ |
สัญลักษณ์ | ดอกบัวและเพชร |
ฉายาทีมกีฬา | สิงห์สะพานปลา |
สังกัด | สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ |
เว็บไซต์ | www.suthi.ac.th[3] |
ปัจจุบันโรงเรียนวัดสุทธิวรารามมีอายุ 112 ปี เปิดทำการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 1-6 เป็นโรงเรียนชายและเป็นโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดใหญ่พิเศษ ดำเนินนโยบายแผนปฏิบัติการประจำปีสอดคล้องกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากรุงเทพมหานคร สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ มีเนื้อที่ 5 ไร่ 2 งาน 80 ตารางวา ดำเนินนโยบายแผนปฏิบัติการประจำปีสอดคล้องกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากรุงเทพมหานคร มีอาคารเรียนทั้งหมด 6 หลัง ห้องเรียน 72 ห้อง แบ่งตามแผนการจัดชั้นเรียนดังนี้
ประวัติ แก้ไข
โรงเรียนวัดสุทธิวราราม ถูกสถาปนาขึ้นบนธรณีสงฆ์ของบริเวณที่เดิมเรียกว่าวัดลาว ในเขตชมชุนชาวลาวที่ถูกกวาดต้อนมาจากเวียงจันในสมัยรัชกาลที่ 3 (กบฏเจ้าอนุวงศ์) ซึ่งย้ายถิ่นฐานมาจากย่านบางไส้ไก่ เนื่องจากเดิมวัดลาวนี้เป็นวัดร้าง ในพ.ศ. 2424 ท่านผู้หญิงสุทธิ์ มารดาของท่านปั้น ภรรยาเจ้าพระยาวิเชียรคีรี (เม่น ณ สงขลา) ผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา ลำดับที่ 6 ได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สร้างวัดลาวขึ้นใหม่และหลังจากได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตแล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามวัดนี้ว่า “วัดสุทธิวราราม” ตามนามของท่านผู้หญิงสุทธิ์
ภายหลังวัดนี้ทรุดโทรมลง ท่านปั้นมีกตัญญูระลึกถึงคุณบิดามารดา และเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาได้ปฏิสังขรณ์ก่อสร้างขึ้นบริบูรณ์ในพ.ศ. 2442 และได้เป็นผู้อุปถัมภ์วัดสุทธิวราราม โดยท่านได้รับการแต่งตั้งพระราชทานสัญญาบัตรมรรคนายกเป็นมรรคนายิกาวัดสุทธิวราราม ต่อมาเมื่อท่านปั้น อุปการโกษากร ถึงแก่กรรมในปี พ.ศ. 2451 ด้วยโรคฝีที่ข้อศอกข้างซ้าย[7] พระศิริศาสตร์ประสิทธิ์ (สุหร่าย วัชราภัย) บุตรชายดำรงตำแหน่งมรรคนายกวัดสุทธิวรารามต่อจากมารดา เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2451[8]
พระศิริศาสตร์ประสิทธิ์ ได้เป็นผู้นำในการปรึกษาเรื่องดังกล่าวกับกรมศึกษาธิการ กระทรวงธรรมการ ซึ่งได้ให้ความร่วมมือในการออกแบบก่อสร้างอาคารตามแบบที่เหมาะสม และได้เป็นผู้อุปการะโรงเรียนต่อมาอีกด้วย[9] โรงเรียนดังกล่าวซึ่งกรมศึกษาธิการรับไว้เรียกชื่อว่า "'โรงเรียนมัธยมพิเศษสุทธิวราราม"' เริ่มเปิดทำการสอนในวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2454 เป็นวันแรก และมีการประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2454[10] ดังนี้
ด้วยตึกที่สร้างขึ้นที่วัดสุทธิวราราม ตำบลบ้านทวาย ถนนเจริญกรุง สำหรับบำเพญกุศลในการศพท่านปั้น มรรคนายิกาวัดสุทธิวรารามนั้น เมื่อเสร็จการฌาปนกิจแล้ว ผู้ออกทุนทรัพย์ก่อสร้างตึกหลังนี้ขอมอบให้กรมศึกษาธิการจัดเปนสถานศึกษาต่อไป กรมศึกษาธิการได้รับไว้แลจะเปิดใช้เปนโรงเรียนชั้นมัธยมพิเศษ ตั้งแต่วันที่ ๓ กรกฎาคม ร.ศ.๑๓๐ ชื่อว่า "โรงเรียนมัธยมพิเศษสุทธิวราราม" จัดการสอนตั้งแต่ชั้นมูลประถมพิเศษตลอดจนมัธยมพิเศษ แจ้งความมา ณ วันที่ ๑ กรกฎาคม รัตนโกสินทร์ ศก ๑๓๐
พิธีเปิดโรงเรียนมัธยมพิเศษสุทธิวรารามอย่างเป็นทางการจัดขึ้นในวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2454 โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินมาทรงกระทำพิธีเปิด หลวงวิจิตรวรสาสน์ อาจารย์ใหญ่ ถวายรายงาน เจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม) ชักเชือกเปิดผ้าคลุมป้ายนามโรงเรียน[11] เริ่มทำการเรียนการสอนในวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2454 จากนั้นพระยาวิสุทธิสุริยศักดิ์ เสนาบดีกระทรวงธรรมการ ได้ทำหนังสือรายงานเรื่องดังกล่าวไปถวาย พระเจ้าพี่ยาเธอ กรมหมื่นปราจิณกิติบดี ราชเลขานุการ ในวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2454[12] ในจดหมายนั้นมีใจความสำคัญตอนท้ายว่า
โรงเรียนนี้กรมศึกษาธิการได้รับไว้ และเปิดใช้เปนโรงเรียนชั้นมัธยมเรียกว่าโรงเรียนพิเศษสุทธิวราราม รับนักเรียนเข้าเล่าเรียนตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม ร.ศ.130 เป็นต้นไป บรรดาผู้ที่ออกทรัพย์ก่อสร้างโรงเรียนของพระราชทานถวายพระราชกุศล ถ้ามีโอกาสอันควรขอฝ่าพระบาทได้โปรดนำความขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้วแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงทราบความกราบบังคมทูลแล้ว จึงมีพระราชหัตถเลขาตอบกลับมายังราชเลขานุการในวันเดียวกัน พระราชกระแสในพระราชหัตถเลขา[13]มีความว่า
อนุโมทนา และมีความมั่นใจอยู่ว่า การที่บุตรของปั้นได้พร้อมใจกันบำเพ็ญกุศลเช่นนี้ คงจะมีผลานิสงษ์ดียิ่งกว่าที่สร้างวัดขึ้นได้สำหรับให้เปนที่อาไศยแอบแฝงแห่งเหล่าอลัชชี ซึ่งเอาผ้ากาสาวพัตร์ปกปิดกายไว้เพื่อให้พ้นความอดเท่านั้น มิได้นำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ทั้งพุทธจักรและอาณาจักรเลย การสร้างโรงเรียนขึ้นให้เป็นที่ศึกษาแห่งคนไทยเช่นนี้ เชื่อว่ามีผลดีทั้งในฝ่ายพุทธจักรและอาณาจักร เพราะฉะนั้นจึ่งควรสรรเสริญและอนุโมทนามาในส่วนกุศล
อนึ่งถ้ามีโอกาสขอให้พระยาวิสุทธช่วยชี้แจงต่อๆไปว่า ถ้าผู้ใดมีน้ำใจศรัทธาและมีความประสงค์ขะทำบุญให้ได้ผลานิสงษ์อันงามจริง ทั้งเปนที่พอพระราชหฤทัยพระเจ้าแผ่นดินด้วยแล้ว ก็ขอให้สร้างโรงเรียนขึ้นเถิด การที่จะสร้างวัดขึ้นใหม่ไม่ต้องด้วยพระราชนิยม ถ้าแม้ว่ามีความประสงค์จะทำการอันใดซึ่งเป็นทางสร้างวัด ขอชักชวนให้ช่วยกันปฏิสังขรณ์วัดที่มีอยู่แล้วให้ดีงามต่อไป ดีกว่าที่สร้างวัดขึ้นใหม่แล้วไม่รักษา ทิ้งให้โทรมเป็นพงรกร้าง ฤๅร้ายกว่านั้นคือกลายเปนที่ซ่องโจรผู้ปล้นพระสาสนาดังมีตัวอย่างอยู่แล้วหลายแห่ง ผู้ที่สร้างวัดไว้ให้เปนซ่องคนขะโมยเพศเช่นนี้ เราเชื่อแน่ว่าไม่ได้รับส่วนกุศลอันใดเลย น่าจะตกนรกเสียอีก ข้อนี้ผู้ที่สร้างวัดจะไม่ใคร่ได้คิดไปให้ตลอด จึงควรอธิบายให้เข้าใจเสียบ้าง
เมื่อพระยาวิสุทธิสุริยศักดิ์ ได้รับพระราชหัตถเลขาตอบกลับมาจากราชเลขานุการและถวายร่างประกาศพระราชนิยมเรื่องบำเพ็ญกุศลในวิธีสร้างโรงเรียน ในวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2454 จากจดหมายราชการกระทรวงธรรมการเลขที่ 283/3530 โดยมีพระราชกระแสของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวตอบกลับมาว่า “ดีแล้ว ออกได้” จึงได้ประสานและนำเรื่องแจ้งความต่อหนังสือราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2454 ตีพิมพ์ลงในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2454[14]
จากหลักฐานที่พบจึงสามารถระบุได้ว่า "โรงเรียนมัธยมพิเศษสุทธิวรารามเป็นโรงเรียนแห่งแรกในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ราษฎรสร้างขึ้นแล้วยกให้กระทรวงธรรมการใช้เป็นโรงเรียน ซึ่งต้องด้วยพระราชนิยมในการสร้างโรงเรียนแทนวัด"
ในปีวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2456 พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ารังสิตประยูรศักดิ์ เสด็จมาตรวจโรงเรียน มีหลวงอนุพันธ์ฯ เจ้าพนักงานจัดการแขวงตะวันออกใต้เป็นผู้นำเสด็จ
เมื่อ พ.ศ. 2460 พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงประกาศสงครามกับฝ่ายเยอรมนี ทางรัฐบาลจึงส่งทหารเข้ายึดพื้นที่ที่ดินของบริษัทวินด์เซอร์โรซซึ่งชาวเยอรมันเช่าที่วัดสุทธิวรารามอยู่ โรงเรียนมัธยมพิเศษสุทธิวรารามจึงได้ขยายพื้นที่โรงเรียนออกไป โดย ขุนสุทธิดรุณเวทย์ (ชื่น วิเศษสมิต) ครูผู้ปกครอง ได้ขอที่ดินดังกล่าวจากเจ้าอาวาสวัดสุทธิวราราม เพื่อสร้างโรงเรียนชั้นประถม จึงรื้อโรงเรียนประถมวัดยานนาวาปลูกสร้างต่อจากโรงเรียนเดิมไปทางตะวันตก เป็นแผนกประถมของโรงเรียนมัธยมพิเศษสุทธิวราราม เมื่อแล้วเสร็จ กระทรวงธรรมการเห็นควรให้เปิดโรงเรียนสตรีขึ้นอีกแผนก จึงได้เปิดเป็น โรงเรียนสตรีวัดสุทธิวราราม อยู่บริเวณเดียวกับโรงเรียนมัธยมพิเศษสุทธิวราราม มีรั้วกั้นอาณาเขตแต่มีประตูเดิมเชื่อมถึงกันได้ โดยนักเรียนโรงเรียนสตรีวัดสุทธิวรารามเดินเข้าออกโรงเรียนทางถนนเข้าสะพานปลา
ในสมัยที่ขุนชำนิขบวนสาสน์เป็นผู้บริหารโรงเรียน จัดการเปิดการเรียนการสอนทั้งหมด 9 ชั้น รวมทั้งสิ้น 12 ห้อง คือ ชั้นประถมสามัญ 1-3 มัธยมสามัญตอนต้น ม.1-3 และมัธยมสามัญตอนกลาง ม.4-6 ไม่มีมัธยมสามัญตอนปลายคือ ม.7-8 นักเรียนที่ประสงค์จะเรียนต่อในระดับชั้นดังกล่าว จะต้องไปศึกษาที่อื่น ซึ่งในขณะนั้นเปิดรับสมัครอยู่ 2 แห่ง คือ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย และโรงเรียนเทพศิรินทร์
ต่อมาเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2470 เวลา 04.00 น. เกิดเพลิงไหม้ขึ้นที่ตลาดบ้านทวาย[15] แล้วลุกลามมาถึงโรงเรียนชั้นประถมและบริเวณห้องสมุด กระทรวงธรรมการจีงได้สร้างตึกหลังใหม่ให้ต่อต่อกับตึกหลังเดิม โดยยื่นไปทางทิศใต้เป็นรูปตัวแอล ไม่ปรากฏว่าชั้นประถมมีการเปิดดการเรียนการสอนต่อหรือไม่
ต่อมาในวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2474 สมัยที่ขุนชำนิขบวนสาสน์ดังรงตำแหน่งรักษาการอาจารย์ใหญ่เป็นครั้งที่ 2 กระทรวงธรรมการได้สร้างโรงเรียนสตรีวัดสุทธิวรารามขึ้นใหม่ที่ตรอกยายกะตา โดยใช้ชื่อใหม่ว่า โรงเรียนสตรีบ้านทวาย ปัจจุบันคือ โรงเรียนสตรีศรีสุริโยทัย และอพยพนักเรียนสตรีไป
ปลายปีการศึกษา 2484 เกิดสงครามมหาเอเชียบูรพา โรงเรียนมัธยมวัดสุทธิวรารามก็ถูกกองทัพญี่ปุ่นยึดเป็นค่ายพักอาศัยชั่วคราว โรงเรียนจึงต้องปิดทำการสอน ไม่มีการจัดสอบไล่ กระทรวงธรรมการจึงใช้ผลการเรียนและเวลาเข้าเรียนเป็นการตัดสินสอบได้-ตก
ในปีต่อมา สงครามทวีความรุนแรงขึ้นเป็นลำดับ เครื่องบินฝ่ายสัมพันธมิตรทิ้งระเบิดทำลายบริษัทบอร์เนียว ทำให้อาคารโรงเรียนด้านตะวันตก ส่วนที่เป็นห้องเก็บเครื่องมือวิทยาศาสตร์ถูกทำลายไปด้วย รัศมีการทำลายของระเบิดกินเนื้อที่ไปถึงอู่กรุงเทพ เมื่อโรงเรียนไหม้หมดแล้ว หินอ่อนแผ่นสูงจารึกพระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวและบันทึกการเสด็จพระราชดำเนินมาทรงกระทำพิธีเปิดโรงเรียนก็ได้อันตรธานหายไปในครั้งนั้น[16][17] ระยะนี้นักเรียนต้องอาศัยศาลาเชื้อ ณ สงขลา (สีเหลือง) ศาลาการเปรียญในวัดสุทธิวรารามเป็นที่เรียนชั่วคราว ต่อมากระทรวงธรรมการจึงได้สร้างเรือนไม้ชั้นเดียวมุงจาก ฝาลำแพน (ปัจจุบันคือที่ตั้งอาคารเฉลิมพระเกียรติร. 9) เป็นที่เรียนชั่วคราว
พ.ศ. 2490 กระทรวงศึกษาธิการได้จัดสร้างอาคาร 2 ชั้น คืออาคาร 1 ซึ่งรื้อถอนออกแล้ว ออกแบบโดยหลวงสวัสดิ์สารศาสตรพุทธิ อธิบดีกรมวิสามัญศึกษา (อดีตอาจารย์ใหญ่โรงเรียนวัดสุทธิวราราม) จึงได้เชิญ ฯพณฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช กระทำพิธีเปิด เมื่อวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2491
ต่อมาเมื่อปลายเดือนกันยายน พ.ศ. 2495 ได้รื้อเรือนหลังคามุงจากออก พอถึงเดือนตุลาคมจึงได้มีการสร้างอาคาร 3 ชั้น คืออาคาร 2 ซึ่งปัจจุบันรื้อถอนไปแล้ว กับหอประชุมอีก 1 หลัง ต่อมาในปี พ.ศ. 2496 จึงได้งบประมาณต่อเติมอาคาร 2 และอาคาร 3ซึ่งมี 2 ชั้น และหอประชุมจนเสร็จสมบูรณ์ หลวงสวัสดิ์สารศาสตรพุทธิ อธิบดีกรมวิสามัญศึกษา จึงเชิญ ฯพณฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายมังกร พรหมโยธี มาเปิดอาคารทั้ง 2 เมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2498
ในปี พ.ศ. 2503 - 2505 ได้ตัดชั้นมัธยมปีที่ 1, 2 และ 3 ออกปีละลำดับชั้น และในปี พ.ศ. 2506 ได้เปลี่ยนชั้นมัธยมปีที่ 4-6 เป็น"ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-3" แลเปลี่ยนชั้นเตรียมอุดมศึกษาปีที่ 1-2 เรียกว่า "ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-5"(ปัจจุบันคือ ชั้นมัธยมปีที่4-6)
ใน พ.ศ. 2511 ทางกระทรวงศึกษาธิการก็ได้ให้งบประมาณสร้างกำแพงหน้าโรงเรียนใหม่ โดยรื้อของเก่าทิ้งและสร้างหอประชุม ห้องอาหารขึ้นอีกหนึ่งตึก เป็นตึกชั้นเดียวไม่มีฝาผนังอยู่หลังตึก 1
ปลาย พ.ศ. 2512 ทางกระทรวงศึกษาธิการก็ได้ให้งบประมาณสร้างตึกอาคารเรียน 3 ชั้นยาวตามแนวขนานกับถนนเจริญกรุง บริเวณหน้าโรงเรียน ขึ้นอีกตึกหนึ่ง คืออาคารสุทธิ์รังสรรค์(ตึก 4) ในปัจจุบัน และย้ายเสาธงกลางสนามมาตั้งใหม่(หน้าอาคาร 7 ในปัจจุบัน) ส่วนบริเวณเสาธงเดิมได้สร้างสนามบาสเก็ตบอลแทนที่สนามเก่าที่ถูกทำลายลงในสมัยสงครามมหาเอเชียบูรพา
ในปีงบประมาณ 2515 ทางโรงเรียนได้รับงบประมาณ จำนวน 4 ล้านบาทเศษ สร้างอาคารเรียน 6 ชั้น มีชื่อว่าอาคารปั้นรังสฤษฏ์ มีจำนวน 18 ห้องเรียน ปีงบประมาณ 2519 ได้รับงบประมาณ จำนวน 4 ล้านบาทเศษ สร้างอาคาร 3 ชั้น ปัจจุบันคืออาคารวิจิตรวรศาสตร์ เป็นอาคารอเนกประสงค์ และเนื่องจากสมัยนั้นโรงเรียนประสบปัญหาเรื่องสถานที่เรียนของนักเรียนเป็นอย่างมาก ปีหนึ่งๆมีนักเรียนสมัครเรียนจำนวนมากจนมีห้องเรียนไม่เพียงพอ จึงจำเป็นต้องแบ่งนักเรียนเรียนเป็น 2 ผลัดซึ่งยากแก่การปกครองดูแล ในปีงบประมาณ 2520 ทางโรงเรียนจึงได้รับงบประมาณ จำนวน 6 ล้านบาทเศษ สร้างอาคารเรียน 4 ชั้น เรียกว่าอาคารพัชรนาถบงกช มีจำนวน 18 ห้องเรียน เมื่อปีการศึกษา 2523 เนื่องจากมีสถานที่เรียนเพียงพอ จึงได้มีการเรียนการสอนเป็นผลัดเดียว
ปีงบประมาณ 2530 ได้รับงบประมาณสร้างโรงฝึกงานแบบมาตรฐาน 306 ล./27 จำนวน 1 หลัง เป็นเงิน 3 ล้านบาทเศษ เป็นอาคาร 4 ชั้น สร้างแทนที่อาคาร 3 หลังเก่า แล้วเสร็จเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2531 คืออาคารพัชรยศบุษกร
ปีการศึกษา 2532 พลเอกประเทียบ เทศวิศาล นายกสมาคมนักเรียนเก่าสุทธิวราราม พร้อมด้วยอดีตผู้อำนวยการโรงเรียน นายสุชาติ สุประกอบ คณะครู-อาจารย์ นักเรียน ผู้ปกครองได้จัดทอดผ้าป่าสร้างอาคารธรรมสถานบริเวณทางเข้าโรงเรียน ประดิษฐานหลวงพ่อสุทธิมงคลชัย พระพุทธรูปประจำโรงเรียนวัดสุทธิวราราม ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 1,600,000 บาทเศษ
ปีงบประมาณ 2533 ได้รับงบประมาณ 3,775,000 บาท สร้างแฟลตนักการภารโรง จำนวน 20 หน่วย 1หลัง ในปีการศึกษา 2534 โรงเรียนได้ต่อเติมห้องเรียนอีก5ห้องบริเวณชั้นล่างอาคารปั้นรังสฤษฏ์ เพื่อรองรับนักเรียนที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และในปีเดียวกัน เป็นปีครบรอบ 80 ปีวันสถาปนาโรงเรียนวัดสุทธิวราราม คณะศิษย์เก่า รุ่น 2500 ได้ร่วมกันจัดสร้างรูปปั้น ท่านปั้น อุปการโกษากร ผู้ให้กำเนิดโรงเรียนวัดสุทธิวราราม เพื่อให้ทุกคนได้สักการบูชา
ปีการศึกษา 2535 ได้รับอนุมัติงบประมาณของปี 2536 จำนวน 9,000,000 บาท และปี 2537 ผูกพันงบประมาณอีก 50,400,000บาท จากกรมสามัญศึกษา ก่อสร้างอาคารเรียนแบบพิเศษ 9 ชั้น ณ บริเวณที่ตั้งอาคาร 2 โดย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้มีพระกรุณาธิคุณ เสด็จพระราชดำเนิน มาทรงวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2536 ได้รับพระบรมราชานุญาติ ให้ใช้ตรากาญจนาภิเษก ประจำอาคารเฉลิมพระเกียรติ ร.9(ตึก 9) เริ่มใช้เมื่อปีการศึกษา 2537
ปีการศึกษา 2554 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้มีพระมหากรุณาธิคุณ เสด็จพระราชดำเนิน มาทรงเปิดนิทรรศการ "ศตวัชรบงกช 100 ปี วัดสุทธิวราราม" เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2554 ทั้งนี้เพื่อหารายได้ก่อสร้างเพิ่มเติมหอประชุมชั้น 10 ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ ร.9(ตึก 9)
สัญลักษณ์ แก้ไข
ตรา แก้ไข
- "ดอกบัว" เป็นดอกไม้ที่เปรียบได้กับความบริสุทธิ์ สะอาด ชาวพุทธใช้ดอกบัวสำหรับเป็นพุทธบูชา หมายความว่า นักเรียนโรงเรียนวัดสุทธิวรารามทุกคนมีความสะอาด บริสุทธิ์ ทั้งกาย วาจา และใจ [11]
- "เพชร" เป็นอัญมณีล้ำค่า มีความแข็งแกร่งในตนเอง มีความงามจากเหลี่ยมต่างๆที่เปล่งประกาย โดยมีช่างฝีมือยอดเยี่ยมในการเจียระไน หมายความว่า นักเรียนโรงเรียนวัดสุทธิวรารามจะต้องเข้มแข็ง มีความเป็นลูกผู้ชาย เมื่อได้รับการศึกษาอบรมให้มีความรู้ และคุณธรรมแล้ว จึงเปรียบเสมือนเพชรที่ได้รับการเจียระไนจากครูบาอาจารย์ ย่อมทรงคุณค่าและเปล่งประกายแห่งความดี [11]
สี แก้ไข
เดิมใช้สี ชมพู - ขาว - เขียว สีชมพู หมายถึง ความสุภาพเรียบร้อยอ้อนน้อมถ่อมตน สีขาว หมายถึง ความบริสุทธิ์ยึดมั่นในศีลธรรม สีเขียว หมายถึง ความเจริญงอกงามอย่างเป็นธรรมชาติสอดคล้องกับสภาพแวดล้อม ต่อมาเปลี่ยนให้สอดคล้องกับการเป็นสัญลักษณ์ของสีธงชาติ เพื่อให้นักเรียนโรงเรียนวัดสุทธิวรารามทุกคน ยึดมั่นในสถาบันหลักของประเทศชาติ คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์[18]
พระบรมราชานุสาวรีย์ แก้ไข
พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จัดสร้างขึ้นในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา และโรงเรียนวัดสุทธิวราราม ครบรอบวันสถาปนาโรงเรียน 96 ปี ในวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 ซึ่งโรงเรียนได้รับพระมหากรุณาธิคุณพระราชทาน ชื่อ "โรงเรียนวัดสุทธิวราราม" จากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น และเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
การนี้คณะกรรมการดำเนินงานจึงมีฉันทานุมัติให้พระเทพภาวนาวิกรม (ธงชัย ธมฺมธโช) เป็นประธานดำเนินการในพิธีบวงสรวงพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2550 เวลา 09.39 น. ตรงกับวันขึ้น 8 ค่ำ เดือน 7 ปีกุน[19]
พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระผู้ทรงชื่นชม สนับสนุนการก่อตั้งโรงเรียน ประดิษฐาน ณ บริเวณด้านหน้าอาคารเฉลิมพระเกียรติ ร.9 เป็นที่เคารพสักการะและระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ของครู นักเรียน และบุคลากรของโรงเรียน โดยมีการถวายบังคมพระบรมราชานุสาวรีย์ในพิธีหน้าเสาธง ก่อนเข้าเรียน เป็นประจำ
ธรรมสถาน แก้ไข
ธรรมสถานจัดสร้างขึ้นใหม่เพื่อแทนที่ธรรมสถานหลังเก่า ในสมัยผู้อำนวยการ สุชาติ สุประกอบ โดยมี พลเอกเทียนชัย ศิริสัมพันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานในพิธีเปิด เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2533 ตั้งอยู่บริเวณทางเข้าของโรงเรียน เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธสุทธิมงคลชัยและเป็นที่ตั้งของศาลพระภูมิเจ้าที่
พระพุทธสุทธิมงคลชัย หรือ หลวงพ่อสุทธิมงคลชัย พระพุทธรูปประจำโรงเรียน เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ตั้งอยู่ ณ ธรรมสถาน บริเวณทางเข้าโรงเรียน เมื่อนักเรียน บุคลากรของโรงเรียนผ่านเข้าออกบริเวณโรงเรียนจะไหว้ทำความเคารพเสมอ
รูปหล่อท่านปั้น อุปการโกษากร ท่านปั้น อุปการโกษากร หรือ นางอุปการโกษากร (ปั้น ณ สงขลา วัชรภัย) มรรคนายิกาวัดสุทธิวราราม ภริยาหลวงอุปการโกษากร (เวท วัชราภัย) บุตรีเจ้าพระยาวิเชียรคีรี (เม่น ณ สงขลา) เจ้าเมืองสงขลาลำดับที่ 6 กับ ท่านผู้หญิงสุทธิ์ บุตรีพระยารัตนโกษา (บุญเกิด) ผู้ปฏิสังขรณ์วัดลาว ซึ่งภายหลังพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามใหม่ว่า "วัดสุทธิวราราม" ตามนามท่านผู้หญิงสุทธิ์นั้นเอง ภายหลังจากที่ท่านปั้นถึงแก่กรรม บรรดาทายาทของท่านปั้นมีความประสงค์จะจัดสร้างอนุสรณ์สถานเพื่ออุทิศเป็นทักษิณานุปทานแด่มารดา จึงได้รวบรวมทุนทรัพย์สร้างโรงเรียนขึ้นในที่ดินเดิมของท่านปั้นที่ได้ยกให้แก่วัด เพื่อให้เป็นสถานที่อบรมและให้การศึกษาแก่เยาวชนของชาติ โดยให้ชื่อว่า โรงเรียนวัดสุทธิวราราม[4]
อาคารเรียน แก้ไข
ปัจจุบันโรงเรียนวัดสุทธิวราราม มีอาคารเรียนจำนวน 7 อาคาร ชื่อของอาคาร 6 หลังถูกตั้งชื่อให้ คล้องกัน ดังนี้ "สุทธิ์รังสรรค์ ปั้นรังสฤษดิ์ วิจิตรวรศาสน์ พัชรนาถบงกช พัชรยศบุษกร ขจรเกียรติวชิโรบล" ตามบุคคลสำคัญและสัญลักษณ์ของโรงเรียน[11]
- อาคาร 4 สุทธิ์รังสรรค์ (รื้อถอน)
- อาคาร 5 ปั้นรังสฤษฎ์
- อาคาร 6 วิจิตรวรศาสน์
- อาคาร 7 พัชรนาถบงกช
- อาคาร 3 พัชรยศบุษกร
- อาคาร 9 เฉลิมพระเกียรติ ร.๙
- อาคารทางเชื่อม ขจรเกียรติวชิโรบล
หลักสูตร แก้ไข
ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น แก้ไข
ภาคปกติ
- ห้อง 1-7 (ห้อง7คิง โดยมีการสับเปลี่ยนทุกช่วงชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น)
โครงการพิเศษ
- โครงการภาษาอังกฤษภาคพิเศษ (Chinese Proficiency Course) เรียกโดยทั่วไปว่า Intensive Course (ห้อง8)
- โครงการภาษาอังกฤษภาคพิเศษ (English Proficiency Course) เรียกโดยทั่วไปว่า Intensive Course (ห้อง9)
- โครงการพัฒนาและส่งเสริมความสามารถพิเศษด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ (Gifted Program) (ห้อง10-12) (ห้อง10คิง โดยมีการสับเปลี่ยนทุกช่วงชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น)
ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย แก้ไข
ภาคปกติ
- แผนการเรียน วิทยาศาสตร์ - คณิตศาสตร์ ห้อง1(คิง) - 3 (มีการสับเปลี่ยนแค่ช่วงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ขึ้น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5)
- แผนการเรียน คณิตศาสตร์ - ภาษาอังกฤษ ห้อง7(คิง) - 9 (มีการสับเปลี่ยนแค่ช่วงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ขึ้น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5)
- แผนการเรียน ภาษาอังกฤษ - ภาษาจีน ห้อง10
- แผนการเรียน ภาษาอังกฤษ - ภาษาฝรั่งเศส ห้อง10
โครงการพิเศษ
- โครงการภาษาอังกฤษภาคพิเศษ (English Proficiency Course) เรียกโดยทั่วไปว่า Intensive Course (โครงการนี้เป็นแผนการเรียนวิทยาศาสตร์ - คณิตศาสตร์) ห้อง 4
- โครงการพัฒนาและส่งเสริมความสามารถพิเศษด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ (Gifted Program) ห้อง5(คิง) - 6 (มีการสับเปลี่ยนแค่ช่วงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ขึ้น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5)
- โครงการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพนักเรียนที่มีความสามารถเป็นเลิศด้านดนตรี (Honors Program) ในความร่วมมือกับคณะดุริยางคศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ห้อง10
- ในอดีตเคยมี โครงการส่งเสริมและพัฒนานักเรียนที่มีความสามารถพิเศษในการเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย (สพพ.) (อังกฤษ: Special Project for Outstandings StudentsTowards High School Certificate) สังกัดกรมสามัญศึกษา หรือหลักสูตรเร่งรัด 2 ปี
ชีวิตภายในโรงเรียน แก้ไข
วันสำคัญ แก้ไข
วันสถาปนาโรงเรียน แก้ไข
เนื่องด้วยวันที่ 3 กรกฎาคม เป็นวันสถาปนาโรงเรียนวัดสุทธิวราราม ทางโรงเรียนจึงได้จัดงานวันสถาปนาโรงเรียน โดยเลือกในช่วงวันที่ 3 - 10 กรกฎาคมของแต่ละปี ทำพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำโรงเรียน อาทิ พระพุทธสุทธิมงคลชัย, ท่านปั้น อุปการโกษากร และ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว อีกทั้งนมัสการพระสงฆ์ เพื่อทำบุญโรงเรียนในช่วงเช้า บริเวณสนามโรงเรียน หน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ประเพณีของโรงเรียน แก้ไข
กิจกรรมวันมุฑิตาจิต แก้ไข
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ฟุตบอลประเพณี แก้ไข
ฟุตบอลประเพณี โรงเรียนวัดสุทธิวราราม เป็นการแข่งขันกีฬา ฟุตบอล ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ในแต่ละปี เพื่อการสร้างสัมพันธ์อันดีระหว่างระดับชั้นก่อนสำเร็จการศึกษา จัดโดยคณะกรรมการนักเรียน ในช่วงภาคเรียนที่ 1 โดยนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 ทางคณะกรรมการนักเรียนตัดสินใจ ใช้ชื่อ "ปั้นรังสฤษฎ์เกม" สำหรับการแข่งฟุตบอลประเพณี ตามชื่อของอาคารปั้นรังสฤษฎ์ ซึ่งเป็นอาคารที่เก่าแก่ที่สุดในช่วงนั้น และมีชื่อคล้ายกับ ท่านปั้น อุปการโกษากร ผู้อุปถัมภ์วัดสุทธิวราราม
กิจกรรมภายในโรงเรียน แก้ไข
กิจกรรมภายในโรงเรียนที่ได้รับความนิยมในหมู่นักเรียน ประกอบไปด้วย กิจกรรม Suthi Music Award, กิจกรรมแห่เทียนเข้าพรรษา, กิจกรรมเทศน์มหาชาติ และ กีฬาสี "พัชรบงกชเกม เป็นต้น
กีฬาสี แก้ไข
กีฬาสีโรงเรียนวัดสุทธิวรารามใช้ชื่อว่า "พัชรบงกชเกมส์" โดยจะจัดขึ้นในภาคเรียนที่ 2 เป็นประจำทุกปีการศึกษา โดยส่วนมากจะจัดในช่วงเดือนธันวาคมและมกราคม โดยเป็นการแข่งขันกีฬาภายในของนักเรียนทุกระดับชั้น อาทิ ฟุตบอล บาสเกตบอล ปิงปอง แบดมินตัน และ ชักเย่อ เป็นต้น
- การจัดงานกีฬาสีขึ้นภายนอกโรงเรียน
โรงเรียนวัดสุทธิวราราม มีการจัดงานกีฬาสีภายนอกบริเวณโรงเรียนเป็นครั้งแรกเมื่อปีการศึกษา 2520 ที่สนามศุภชลาศัย ในสมัยของนายเจิม สืบขจร เป็นผู้อำนวยการ ต่อมาเมื่อพ.ศ. 2532 ได้มีการริเริ่มกิจกรรมแปรอักษรขึ้นเป็นครั้งแรก โดยในครั้งนั้นจัดขึ้นที่สนามกีฬาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (สนามจารุเสถียร หรือ สนามจุ๊บ) โรงเรียนวัดสุทธิวรารามมีการจัดกีฬาสีภายนอกบริเวณโรงเรียนเรื่อยมา โดยจัดขึ้นที่สนามกีฬาอื่นๆอีก เช่น สนามศูนย์ฝึกกีฬาเฉลิมพระเกียรติ บางมด เป็นต้น โดยการจัดกิจกรรมกีฬาสีภายนอกบริเวณโรงเรียนเกิดขึ้นครั้งสุดท้าย ในปีการศึกษา 2544 จัดขึ้นที่สนามเทพหัสดิน กรีฑาสถานแห่งชาติ ในวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2545 จากนั้นตราบจนปัจจุบันก็ไม่มีการจัดงานกีฬาสีภายนอกบริเวณโรงเรียนอีกเลย
กิจกรรมเชียร์ แก้ไข
นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ทุกคนที่เข้าศึกษาในแต่ละปีนั้น จะต้องเข้าร่วมกิจกรรมเชียร์ทุกคน ย้กเว้นนักเรียนที่สมัครเข้าเป็นลูกเสือ กองร้อยพิเศษเพชรบงกช และนักเรียนดุริยางค์ เพื่อให้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่1ทุกคนมีการเตรียมความพร้อมก่อนวันงานกีฬาสี ทั้งนี้เนื่องจากนักเรียนชั้น ม.1 ทุกคนจำเป็นต้องเข้าร่วมกิจกรรมซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการประเมินนักเรียน ตามมาตรฐานของโรงเรียน โดยเป็นระดับชั้นที่จะขึ้นอัฒจรรย์เชียร์ทั้งในงานกีฬาสี และการแข่งขันกิจกรรมอื่นๆของโรงเรียน ทั้งนี้ได้ปฏิบัติการสืบต่อ จนกลายเป็นหนึ่งในประเพณีการรับน้อง โดยมีรุ่นพี่ คณะครู และคณะกรรมการนักเรียน ร่วมดูแลให้กิจกรรมดำเนินไปอย่างสร้างสรรค์
ลูกเสือ กองร้อยพิเศษ"เพชรบงกช" แก้ไข
ลูกเสือกองร้อยพิเศษ เพชรบงกช มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่ยาวนานควบคู่กับโรงเรียนวัดสุทธิวรารามมาโดยตลอด และสร้างชื่อเสียงให้กับโรงเรียนในหลายด้าน อาทิเช่น การประกวดระเบียบแถวและสวนสนามเนื่องในวันคล้ายวันสถาปนาคณะลูกเสือแห่งชาติ ถึง8สมัย โดยคณะกรรมการตัดสินให้โรงเรียนวัดสุทธิวรารามเป็นแชมป์ชนะเลิศระดับประเทศติดต่อกันถึง7ปีซ้อนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2539-พ.ศ. 2545 และชนะเลิศครั้งล่าสุดเมื่อปี พ.ศ. 2555
นอกจากความเข้มแข็งด้านระเบียบวินัยในการฝึกซ้อมแล้ว ยังมีกิจกรรมอื่นๆที่เป็นที่ยอมรับในแวดวงลูกเสือ เช่น ได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง ให้จัดตั้งกองลูกเสืออาสากกต. ขึ้นเป็นกองแรกของประเทศไทย เมื่อพ.ศ. 2550 เพื่อปลูกฝังวิถีประชาธิปไตยให้เยาวชน และสังคมให้การตอบรับอย่างดีจึงได้ขยายไปยังโรงเรียนต่างๆทั่วประเทศในปัจจุบัน อีกทั้งได้รับการคัดเลือกเป็นผู้แทนคณะลูกเสือไทยไปร่วมงานชุมนุมลูกเสือโลกในหลายครั้ง
สิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจพระบรมรูปปั้นหล่อโลหะ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว แก้ไข
น้อยคนนักที่จะทราบว่า พระบรมรูปปั้นหล่อโลหะ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ประดิษฐานอยู่ในห้องลูกเสือ กองร้อยพิเศษ"เพชรบงกช" เป็นมิ่งขวัญให้ครูและลูกเสือของโรงเรียนมาช้านานทำไมถึงสง่างามเช่นนี้ สาเหตุเพราะองค์ล้นเกล้ารัชกาลที่6 เสด็จมาเป็นแบบด้วยพระองค์เอง เป็นผลงานของบรมครูด้านศิลปะท่านหนึ่งของไทย นั่นคือ ศาสตราจารย์คอร์ราโด เฟโรจี หรือท่านศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ท่านนี้นี่เอง
ซึ่งที่มานั้นเพราะ เมื่อศิลปินชาวอิตาลีท่านนี้ ทำสัญญารับราชการในสยามเป็นระยะเวลา 3 ปี ด้วยอัตราเงินเดือน 800 บาท แต่ในตอนแรกก็ยังไม่ได้รับการยอมรับมากเท่าใดเนื่องจากยังไม่มีใครได้เห็นฝีมือของท่าน จนกระทั่งท่านได้มีโอกาสเข้าเฝ้าสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้า กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ซึ่งได้ประทับทดลองเป็นแบบปั้นให้อาจารย์คอร์ราโด และปรากฏว่าศาสตรจารย์คอร์ราโดสามารถปั้นได้อย่างสมจริงเป็นอย่างมาก กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์จึงกราบบังคมทูลฯ เชิญให้รัชกาลที่ 6 มาเป็นแบบจริงให้แก่ศาสตราจารย์คอร์ราโด โดยปั้นเฉพาะพระพักตร์ (พระบรมรูปปั้นนี้) ซึ่งเป็นที่พอพระราชหฤทัยอย่างยิ่ง และทรงโปรดเกล้าฯให้หล่อโลหะจำนวนไม่มากนัก ถวายเป็นการส่วนพระองค์ จึงเป็นที่ยอมรับของคนในกระทรวง แรกเริ่มศาสตราจารย์คอร์ราโดได้วางหลักสูตรอบรมให้แก่ผู้ที่สนใจในวิชาประติมากรรมซึ่งส่วนมาจบการศึกษามาจากโรงเรียนเพาะช่างโดยไม่เก็บค่าธรรมเนียมใดๆ ซึ่งต่อมาบุคคลที่ผ่านการอบรมก็ได้เป็นหนึ่งในกำลังสำคัญของกิจการงานปั้นหล่อของกรมศิลปากร และมหาวิทยาลัยศิลปากรในเวลาต่อมา
ศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อ14 พฤษภาคม พ.ศ. 2505) เดิมชื่อ คอร์ราโด เฟโรชี (Corrado Feroci)ชาวอิตาลีสัญชาติไทย เป็นศิลปินด้านประติมากรรมจากเมืองฟลอเรนซ์ที่เข้ามารับราชการในประเทศไทยตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยถือเป็นปูชนียบุคคลคนหนึ่งของไทยที่ได้สร้างคุณูปการในทางศิลปะและมีผลงานที่เป็นที่กล่าวขานจนเป็นที่รู้จักกว้างขวาง ทั้งยังเป็นผู้ก่อตั้งและอาจารย์สอนวิชาศิลปะที่โรงเรียนประณีตศิลปกรรม ซึ่งภายหลังได้รับการยกฐานะให้เป็นมหาวิทยาลัยศิลปากร โดยศาสตราจารย์ศิลป์ได้ดำรงตำแหน่งอธิการบดีคนแรกของมหาวิทยาลัย มีความรักใคร่ ห่วงใยและปรารถนาดีต่อลูกศิษย์อยู่ตลอดจนเป็นที่รักและนับถือทั้งในหมู่ศิษย์และอาจารย์ด้วยกัน ถือได้ว่าเป็นโบราณวัตถุชิ้นสำคัญที่ประดิษฐานอยู่ในห้องลูกเสือกองร้อยพิเศษเพชรบงกช โรงเรียนวัดสุทธิวราราม เป็นมิ่งขวัญให้ครูและลูกเสือ รวมทั้งชาวโรงเรียนวัดสุทธิวรารามตลอดมา หมายเหตุ(ที่มาของพระบรมรูปปั้นหล่อรูปนี้ไม่แน่ชัดว่าประดิษฐานณโรงเรียนวัดสุทธิวรารามตั้งแต่สมัยใด)
ชมรม และชุมนุม แก้ไข
ภายในโรงเรียนวัดสุทธิวราราม อนุญาตให้เด็กนักเรียนจัดตั้งชมรม และชุมนุมภายในโรงเรียนได้อย่างอิสระ โดยภายในแต่ละชุมนุมนั้น ต้องมีคุณครูที่ปรึกษาอย่างน้อย 1 คนและนักเรียนไม่ต่ำกว่า 5 คน จึงเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ภายในโรงเรียนมีชุมนุม และชมรมรวมกันกว่า 105 ชมรม แบ่งได้เป็นทั้งด้านวิชาการ ด้านสันทนาการ ด้านศิลปะและวัฒนธรรม ด้านความบันเทิง ด้านพัฒนาสังคมและชุมชน และด้านศาสนา
วงดุริยางค์สุทธิวราราม แก้ไข
วงดุริยางค์โรงเรียนวัดสุทธิวราราม ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2498 โดย นายเปรื่อง สุเสวี ซึ่งดำรงตำแหน่งอาจารย์ใหญ่ในสมัยนั้น ทั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อให้นักเรียนโรงเรียนวัดสุทธิวราราม มีความรู้ทางดนตรี และให้เป็นวงดนตรีนำแถวกองลูกเสือของโรงเรียน วงดุริยางค์ของโรงเรียนสุทธิวรารามได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยมีรุ่นพี่ช่วยดูแล ปกครองรุ่นน้องตลอดมา และพัฒนารูปแบบการแสดงเป็นคอนเสิร์ตในปี พ.ศ. 2511 ได้รับพระราชทาน " คฑาครุฑ" จาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เป็นวงดนตรีวงเดียวในประเทศไทยที่ได้รับเกียรติอันสูงสุดนี้ วงดุริยางค์โรงเรียนวัดสุทธิวรารามได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีโอกาสแสดงต่อสาธารชนทั้งในงานของภาครัฐ และเอกชน อีกทั้งมีโอกาสแสดงต่อหน้าที่ประทับ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ซึ่งทั้งสองพระองค์ทรงมีพระราชดำรัส ผ่านสำนักพระราชวัง และให้ทำหนังสือชมเชย ว่าแสดงได้ดีมาก และต่อมาวงดุริยางค์ของโรงเรียนได้ส่งเข้าประกวดครั้งแรก พ.ศ. 2523 ได้รับรางวัลชนะเลิศการแข่งขันดุริยางค์เอเซียน ครั้งที่ 14 ณ ประเทศอินโดนีเซีย จากการแข่งขันครั้งแรกในปี พ.ศ. 2523 ณ ประเทศอินโดนีเซีย ทางวงดุริยางค์ได้นำประสบการณ์ต่างๆในการบรรเลงและฝึกซ้อม มาใช้พัฒนาวงต่อไป วงดุริยางค์โรงเรียนวัดสุทธิวรารามยังมีส่วนร่วมในงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ–ธรรมศาสตร์ โดยร่วมเดินขบวนพาเหรดกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ขณะที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยใช้วงดุริยางค์จากโรงเรียนอัสสัมชัญบางรัก นอกจากนี้ยังวงดุริยางค์โรงเรียนวัดสุทธิวรารามยังเข้าร่วมพิธีวางพวงมาลาและถวายราชสดุดี ในวันปิยมหาราชและวันวชิราวุธเป็นประจำทุกปีอีกด้วย ปัจจุบันวงดุริยางค์โรงเรียนวัดสุทธิวราราม เปิดทำการสอนและฝึกอบรมทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ ให้แก่นักเรียนที่เป็นสมาชิกของวงดุริยางค์ โดยครูและรุ่นพี่ดุริยางค์ ที่มีความรู้ความชำนาญและประสบการณ์ด้านดนตรีสากล โดยทำการเปิดรับสมาชิกทุกปี และในวาระครบรอบ 60 ปี ในปี 2559 อนุพงษ์ อมาตยกุล ศิษย์เก่าและผู้ฝึกสอน วงดุริยางค์สุทธิวราราม จึงได้ประพันธ์เพลง "๖๐ ปี ด.ย.ส.ธ." ขึ้นมา เพื่อฉลองวาระดังกล่าว
เกียรติประวัติและมาตรฐานคุณภาพ แก้ไข
เกียรติประวัติโรงเรียน แก้ไข
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานเงินรางวัลแก่โรงเรียน จำนวน 2,000 บาท จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องจากนักเรียนในระดับชั้นม.ศ. 5 สอบได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 85 สามปีติดต่อกัน
ได้รับเกียรติบัตรจากกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อแสดงว่าโรงเรียนวัดสุทธิวรารามได้ดำเนินการใช้หลักสูตรดีเด่น สมควรเป็นผู้นำการใช้หลักสูตรมัธยมศึกษา ปีการศึกษา 2530
ได้รับหนังสือชมเชยจากกรมสามัญศึกษาว่าเป็น "โรงเรียนที่ได้มีการพัฒนาและมีคุณภาพการศึกษาในเกณฑ์ที่ดี" เนื่องจากทำสถิติสูงสุดในการผ่านการสอบคัดเลือกศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษาหลายสมัย
ได้รับประกาศนียบัตรจากกรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ให้เป็น "โรงเรียนมัธยมศึกษาดีเด่นในเขตกรุงเทพมหานคร" ประจำปีการศึกษา 2530
- ได้รับคัดเลือกให้เป็น โรงเรียนพระราชทาน ระดับมัธยมศึกษาขนาดใหญ่ ประจำปีการศึกษา 2535
- ได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณจากกรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ เนื่องในวันเด็กแห่งชาติว่าเป็น "โรงเรียนที่สามารถอบรมนักเรียนให้มีคุณธรรมจริยธรรมดีเด่นและบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม"
ได้รับการคัดเลือกจากกรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ให้เป็น "โรงเรียนที่มีห้องสมุดดีเด่น" ประจำปีการศึกษา 2539
ชนะเลิศการประกวดระเบียบแถวและสวนสนามเนื่องในวันคล้ายวันสถาปนาคณะลูกเสือแห่งชาติ ถึง8สมัย โดยคณะกรรมการตัดสินให้กองลูกเสือโรงเรียนวัดสุทธิวรารามเป็นแชมป์ชนะเลิศระดับประเทศติดต่อกันถึง7ปีซ้อนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2539-พ.ศ. 2545 และชนะเลิศครั้งล่าสุดเมื่อปี พ.ศ. 2555
- ได้รับประกาศนียบัตรจากกรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ให้เป็นโรงเรียนที่ห้องสมุด "พัฒนาได้มาตรฐานห้องสมุดเฉลิมพระเกียรติกาญนาภิเษก"
- ได้รับคัดเลือกให้เป็นศูนย์ที่ตั้งสูนย์พัฒนาคุณภาพการเรียนการสอน สาขาวิชากิจกรรมของกรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ
- ได้รับโล่จากคณะกรรมการจัดงานวันเด็กแห่งชาติในงานวันเด็กแห่งชาติ แสดงว่าโรงเรียนมีนักเรียนได้รับการยกย่องว่าประพฤติดี มีคุณธรรม และบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคมมากที่สุด ประจำปี 2540
มาตรฐานคุณภาพ แก้ไข
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ได้รับการประเมินคุณภาพจากสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา ในระดับ ดีมาก[ต้องการอ้างอิง]
รายนามผู้บริหารโรงเรียน แก้ไข
- หมายเหตุ
หน่วยงานภายในและภายนอกที่เกี่ยวข้อง แก้ไข
สมาคมนักเรียนเก่าสุทธิวราราม (ส.สธ) แก้ไข
เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2482 สมาคมนักเรียนเก่าสุทธิวราราม ได้จดทะเบียนเป็นครั้งแรก ณ กรมตำรวจ มีหลวงคหกรรมบดี (ชม จารุรัตน์) เป็นนายกสมาคม จึงนับได้ว่า กิจการสมาคมได้เริ่มดำเนินกิจกรรมเป็นทางการตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาแต่ได้หยุดกิจกรรมไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง ระหว่าง ปี พ.ศ. 2484-2494 เนื่องจากเกิดสงครามอินโดจีน และสงครามเอเชียมหาบูรพา และเป็นการสิ้นสุดของคณะกรรมการชุดแรก ต่อมา สมาคมฯได้จดทะเบียนตั้งสมาคมฯขึ้นอีกเป็นครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2496 มีนายบุญลอง วุฒิวัฒน์ เป็นนายกสมาคม คนต่อมา มีการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการหลายครั้ง ครั้งหลังสุด เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2551 มีนายวรุตม์ วรรณะเอี่ยมพิกุล เป็นนายกสมาคมนักเรียนเก่าสุทธิวราราม ชุดปัจจุบัน [20]
คณะกรรมการนักเรียน โรงเรียนวัดสุทธิวราราม (ก.น.) แก้ไข
คณะกรรมการนักเรียน เป็นหนึ่งในหน่วยงาน ภายใต้สังกัดฝ่ายบริหารกิจการนักเรียน โรงเรียนวัดสุทธิวราราม จัดตั้งและคัดสรรนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานนักเรียน และมอบอำนาจให้ประธานนักเรียนคัดสรรคณะทำงานด้วยตนเอง โดยคัดสรรนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2-6 เพื่อสนับสนุนงานด้านกิจกรรมและวิชาการของโรงเรียน อีกทั้งเพื่อเป็นตัวแทนนักเรียน ในการเสนอจัดทำโครงการต่างๆภายในโรงเรียน หรือร่วมกับโรงเรียนอื่นๆ อาทิ ฟุตบอลประเพณี (ปั้นรังสฤษฏ์เกม), การประกวดดนตรี Suthi Music Award และกีฬาสี (พัชรบงกชเกม) เป็นต้น และยังเป็นสื่อกลางในการติดต่อระหว่างนักเรียน ผู้ปกครอง และคณะครู ได้ผ่านทางแฟนเพจคณะกรรมการนักเรียนโรงเรียนวัดสุทธิวราราม
หน่วยงานอื่น ๆ แก้ไข
- คณะกรรมการเครือข่ายผู้ปกครอง โรงเรียนวัดสุทธิวราราม
- ชมรมครูเก่าสุทธิวราราม
- มูลนิธิรุจิรวงศ์ ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี
- ศูนย์บริการการศึกษาของมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
- สมาคมผู้ปกครองและครู โรงเรียนวัดสุทธิวราราม (ส.ป.ส.ธ.)
ศิษย์เก่าที่มีชื่อเสียง แก้ไข
บุคลากรทางการเมือง การปกครอง การทูต การศึกษา การแพทย์และสาธารณสุข แก้ไข
- ศาสตราจารย์หลวงสมานวนกิจ (เจริญ สมานวนกิจ)[21] อดีตอธิบดีกรมป่าไม้ ,คณบดีคณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
- อำมาตย์ตรี หลวงคหกรรมบดี (ชม จารุรัตน์) ส.ธ. 303 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชั่วคราว พ.ศ. 2475, คณะอนุกรรมาธิการพิจารณาเค้าโครงการเศรษฐกิจแห่งชาติ หลวงประดิษฐ์มนูธรรม (สมุดปกเหลือง), เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, เลขาธิการคณะรัฐมนตรี, ปลัดกระทรวงคมนาคม,รัฐมนตรี , รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม, รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม
- พล.ต.อ.ประเสริฐ รุจิรวงศ์ ส.ธ. 715 อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ,อธิบดีกรมตำรวจ ,อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
- ศ.ดร.ประกอบ หุตะสิงห์ ส.ธ. 803 อดีตประธานศาลฎีกา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รองนายกรัฐมนตรี นายกสภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ องคมนตรีไทยและรักษาการประธานองคมนตรี
- พล.ร.อ.สนธิ บุณยะชัย ส.ธ. 1072 อดีตรองนายกรัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร และรองผู้บัญชาการทหารเรือ
- ชำนาญ ยุวบูรณ์[22] อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครคนแรก เอกอัครราชทูตประจำสาธารณรัฐอาร์เจนตินา อธิบดีกรมมหาดไทย สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ
- นิธิพัฒน์ ชาลีจันทร์ ส.ธ. 1300 อดีตเสรีไทยสายสหรัฐอเมริกา อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม
- รศ.นพ.บุญเทียม เขมาภิรัตน์ ส.ธ. 3448 อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร อดีตเลขาธิการพรรคประชากรไทย อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม
- เสริมศักดิ์ การุญ ส.ธ. 8033 อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดระยอง
- ดอน ปรมัตถ์วินัย ส.ธ. 8483 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ, ผู้ได้รับรางวัลครุฑทองคำ อดีตเอกอัครราชทูตและผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก , เอกอัครราชทูตและหัวหน้าคณะผู้แทนไทยประจำสหภาพยุโรป ณ กรุงบรัสเซลส์ ราชอาณาจักรเบลเยียม, เอกอัครราชทูตไทยประจำสหรัฐอเมริกา ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ,สมาพันธรัฐสวิส ณ กรุงแบร์น ,ราชอาณาจักรเบลเยียม ณ กรุงบรัสเซลส์ ,สาธารณรัฐประชาชนจีน ณ กรุงปักกิ่ง, อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ
- ศ.ดร.ภูวดล ทรงประเสริฐ ส.ธ. 9905 อดีตศาสตราจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมธีวิจัยอาวุโส
- พล.อ. สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ ส.ธ. 10386 อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ อดีตรองเสนาธิการทหารบกและผู้อำนวยการสโมสรฟุตบอลอาร์มี่ ยูไนเต็ด
- ผศ.ดร.พีรยศ ราฮิมมูลา ส.ธ. 11766 อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ (สำรอง) นักวิชาการด้านการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในจังหวัดชายแดนภาคใต้
- นิทัศน์ ศรีนนท์ ส.ธ. 12411 อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนนทบุรี และประธานคณะกรรมาธิการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎรไทย ชุดที่ 24
- อนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ ส.ธ. 12520 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดมุกดาหาร อดีตนายกเทศมนตรีเมืองมุกดาหาร
- จารุพงษ์ ทองสินธุ์ ส.ธ. 13697 อดีตอุปนายกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และกรรมการบริหารศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย ผู้สูญหายไปในเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519
- นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ ส.ธ. 15138 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
- ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ส.ธ.19123 อดีตผู้อำนวยการองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส), อดีตผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ และผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เอนก สีหามาตย์ ส.ธ.10066 อดีตอธิบดีกรมศิลปากร คนที่ 25
- วิโรจน์ ลักขณาอดิศร เป็นสมาชิกพรรคก้าวไกล และเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อ พ.ศ. 2562
บุคลากรทางด้านธุรกิจ แก้ไข
- ดร.ภูษณ ปรีย์มาโนช ส.ธ. 10033 ประธานกรรมการ บริษัท อินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) ,ประธานสถาบันนโยบายสังคมและเศรษฐกิจ ,ประธานกรรมการบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ,อดีตที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี ,อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ,กรรมการผู้จัดการ และประธานกรรมการกิตติมศักดิ์ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ,อดีตนายกประจำสภามหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี ,ศาสตราจารย์อาคันตุกะ อิมพีเรียลคอลเลจ ลอนดอน สหราชอาณาจักร ,ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานมูลนิธิร่วมด้วยช่วยกัน
- นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ส.ธ. 10027 นักลงทุน,นักเขียน,นักแปล,ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนแบบเน้นคุณค่า
- ยอดเยี่ยม เทพธรานนท์ ส.ธ. 11041 สถาปนิกดีเด่น สมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์, อดีตนายกสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์
- ภูริภัทร์ แสงแก่นเพ็ชร์ ส.ธ. 39275 วิศวกร นักเรียนทุน AFS
บุคลากรทางด้านบันเทิง แก้ไข
- ทนงศักดิ์ ภักดีเทวา นักร้องเจ้าของรางวัลพระราชทานแผ่นเสียงทองคำ
- ฉัตรชัย วิเศษสุวรรณภูมิ หรือ พนมเทียน ส.ธ. 3281 ผู้แต่ง เพชรพระอุมา ฯลฯ , ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี พ.ศ. 2540
- ฉลอง ภักดีวิจิตร ส.ธ. 3323 ผู้กำกับ-ผู้สร้างภาพยนตร์และละครโทรทัศน์, ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง ประจำปี พ.ศ. 2556
- ดิเรก อมาตยกุล ส.ธ. 11930 นักร้อง นักแสดง
- บรรพต วีระรัฐ หรือ เด่น ดอกประดู่ ส.ธ. 4757 นักแสดงตลก
- นคร เวชสุภาพร ส.ธ. 9606 นักร้องนำ,ผู้ก่อตั้ง,หัวหน้าวงแกรนด์เอกซ์
- จตุพล ภูอภิรมย์ ส.ธ. 12534 นักแสดงรางวัลพระราชทานพระสุรัสวดี
- มารุต สาโรวาท ส.ธ. 12197 ผู้กำกับการแสดง
- นพพร วาทิน ส.ธ. 15216 ผู้กำกับการแสดง ผู้จัดรายการ ประธานจัดการแข่งขันมวยไทยไทยไฟต์ (THAI FIGHT)
- เกียรติศักดิ์ อุดมนาค หรือ เสนาหอย ส.ธ. 22150 พิธีกร นักแสดง นักร้อง ผู้บริหารบริษัทบันเทิง
- พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง ส.ธ. 17466 นักร้อง, นักแสดง, ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวไทย,ผู้ได้รับรางวัลเมขลา รางวัลโทรทัศน์ทองคำ รางวัลชมรมวิจารณ์บันเทิง และรางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ สุพรรณหงส์
- วานิช โปตะวนิช ส.ธ. 22392 นักดนตรี และวาทยกรชาวไทย ,ผู้อำนวยการด้านดนตรีของวงซิมโฟนี่กรุงเทพ, ผู้ได้รับรางวัลศิลปาธร สาขาคีตศิลป์
- จิรศักดิ์ โย้จิ้ว ผู้กำกับการแสดง
- ดนัย จารุจินดา นักแสดง
- อธิกิตติ์ พริ้งพร้อม นักร้องนำวงแบล็ควานิลลา นักแสดง
- นิมิต มนัสพล นักร้องวงซีควินท์
- จิระ ด่านบวรเกียรติ ส.ธ. 32233 นักร้องวงซีควินท์
- เกียรติศักดิ์ จรัสมาส นักแสดง
- มาสุ จรรยางค์ดีกุล นักแสดง
- พรรษพล เจนสรรพกิจกุล นักแสดง
บุคลากรทางด้านกีฬา แก้ไข
- เขตร ศรียาภัย ส.ธ. 274 ผู้เชี่ยวชาญด้านมวยไทย และ มวยไชยา
- สุวัฒน์ กลิ่นเกษร หรือ น้าติงส.ธ. 10387 นักพากย์กีฬา
- อภิสิทธิ์ ไข่แก้ว ส.ธ. 28341 นักฟุตบอลทีมชาติไทย
- ปฏิภาณ เพ็ชรพูล นักฟุตบอลทีมชาติไทย
- โชคทวี พรหมรัตน์ ส.ธ. 29183 นักฟุตบอลทีมชาติไทย
- สุทธินันท์ พุกหอม นักฟุตบอลทีมชาติไทย
- รุ่งโรจน์ สว่างศรี นักฟุตบอลทีมชาติไทย
- หัตฐพร สุวรรณ นักฟุตบอลทีมชาติไทย
- ประทุม ชูทอง นักฟุตบอลทีมชาติไทย
- กรกช วิริยอุดมศิริ นักฟุตบอลทีมชาติไทย
- บดินทร์ ผาลา นักฟุตบอลทีมชาติไทย
ดูเพิ่ม แก้ไข
อ้างอิง แก้ไข
- ↑ 1.0 1.1 1.2 ข้อมูลทั่วไปโรงเรียนวัดสุทธิวราราม ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารการศึกษา กลุ่มสารสนเทศ สำนักนโยบายและแผนการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
- ↑ "โปรแกรมสารสนเทศโรงเรียนจังหวัดกรุงเทพมหานคร ปีการศึกษา 2556 ชุดที่ 1 - ศูนย์ปฏิบัติการ GPA สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-09-05. สืบค้นเมื่อ 2013-11-02.
- ↑ เว็บไซต์โรงเรียนวัดสุทธิวราราม
- ↑ 4.0 4.1 ท่านปั้น อุปการโกษากร (วัชราภัย) ชมรมสายสกุล ณ สงขลา
- ↑ วรชาติ มีชูบท, พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าแผ่นดินสยาม, สำนักพิมพ์ สร้างสรรค์บุ๊คส์, 2552
- ↑ ประวัติโรงเรียน เว็บไซต์โรงเรียนวัดสุทธิวราราม
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 25, แจ้งความกระทรวงธรรมการ [เรื่อง ปั้นมรรคนายิกาวัดสุทธิวรารามป่วยถึงแก่กรรม] หน้า 116
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 25, พระราชทานสัญญาบัตรมรรคนายก [พระศิริศาสตร์ประสิทธิ์เป็นมรรคนายกวัดสุทธิวราราม] หน้า 585
- ↑ ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 49 เรื่องจดหมายเหตุของมองซิเออร์เซเบเรต์ ราชทูตฝรั่งเศสซึ่งเข้ามาเจริญทางพระราชไมตรีในกรุงสยาม ครั้งแผ่นดิน สมเด็จพระนารายณ์ มหาราช (ตอนที่ 3ต่อจากประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 48) พิมพ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ มหาอำมาตย์โท พระยาพิจารณาปฤชามาตย์ (สุหร่าย วัชราภัย) เมื่อปีมะโรง พ.ศ. 2471 วิกิซอร์ซ มีงานต้นฉบับเกี่ยวกับ:
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา วันที่ 9 กรกฎาคม 130 เล่ม 28 หน้า 737-738
- ↑ 11.0 11.1 11.2 11.3 ศตวัชรบงกช 100 ปี โรงเรียนวัดสุทธิวราราม.-- กรุงเทพฯ : โรงเรียนวัดสุทธิวราราม, 2554.
- ↑ สำนักจดหมายเหตุแห่งชาติ มร. 6ศ/5, ทูลเกล้าถวายร่างประกาศพระราชนิยมเรื่องบำเพ็ญกุศลในวิธีสร้างโรงเรียน
- ↑ สำนักจดหมายเหตุแห่งชาติ มร. 6ศ/5, เรื่องโรงเรียนวัดสุทธิวรารามแลประกาศพระราชนิยมในการสร้างโรงเรียน, หน้า 10-11
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา วันที่ 6 สิงหาคม 130 เล่ม 28 หน้า 896-899
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา วันที่ 1 มกราคม 2470 เล่ม 44 หน้า 3190]
- ↑ ประวัติโรงเรียนวัดสุทธิวราราม
- ↑ ประวัติโรงเรียน - วัชรสมโภช 80 ปี โรงเรียนวัดสุทธิวราม
- ↑ คู่มือนักเรียนและผู้ปกครอง โรงเรียนวัดสุทธิวราราม ประจำปีการศึกษา 2551
- ↑ จัดพิธีบวงสรวงพระบรมราชานุสาวรีย์งานครบรอบ96ปีร.ร.วัดสุทธิฯ ข่าวสด วันที่ 03 มิถุนายน พ.ศ. 2550 ปีที่ 17 ฉบับที่ 6030
- ↑ ประวัติสมาคม - เว๊ปไซต์สมาคมนักเรียนเก่าสุทธิวราราม.[ลิงก์เสีย]
- ↑ ศาสตราจารย์ หลวงสมานวนกิจ - หอจดหมายเหตุมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
- ↑ ภาคผนวก ข ประวัติผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร สุธาริณี วาคาบายาซิ. (2550).บทบาทของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมของ กทม. (พ.ศ. 2515 - 2543). ปริญญานิพนธ์ ศศ.ม. (ประวัติศาสตร์). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
บรรณานุกรม แก้ไข
- ศตวัชรบงกช 100 ปี โรงเรียนวัดสุทธิวราราม.-- กรุงเทพฯ : โรงเรียนวัดสุทธิวราราม, 2554.
แหล่งข้อมูลอื่น แก้ไข
- โรงเรียนวัดสุทธิวราราม
- สมาคมนักเรียนเก่าสุทธิวราราม[ลิงก์เสีย]
- ภาพถ่ายจากงานโสตทัศนศึกษาโรงเรียนวัดสุทธิวราราม
- แผนที่และภาพถ่ายทางอากาศของ โรงเรียนวัดสุทธิวราราม
- ภาพถ่ายดาวเทียมจากวิกิแมเปีย หรือกูเกิลแมปส์
- แผนที่จากลองดูแมป หรือเฮียวีโก
- ภาพถ่ายทางอากาศจากเทอร์ราเซิร์ฟเวอร์
พิกัดภูมิศาสตร์: 13°42′45″N 100°30′44″E / 13.712399°N 100.512191°E{{#coordinates:}}: ไม่สามารถมีป้ายกำกับหลักมากกว่าหนึ่งป้ายต่อหน้าได้