โมโตโรลา ไดนาแท็ค

โทรศัพท์มือถือรุ่นแรกที่ได้รับการรับรอง

ไดนาแท็ค (อังกฤษ: DynaTAC) เป็นโทรศัพท์มือถือที่ผลิตและจัดจำหน่ายโดยโมโตโรลา ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1983 ถึง ค.ศ. 1994 โมโตโรลา ไดนาแท็ค รุ่น 8000X เป็นโทรศัพท์มือถือแบบพกพาเครื่องแรกของโลก ที่ได้รับการรับรองจากคณะกรรมการกลางกำกับดูแลกิจการสื่อสารของสหรัฐ (FCC) เมื่อวันที่ 21 กันยายน ค.ศ. 1983[1] โดยทำงานในมาตรฐาน 1 จี คือใช้สำหรับโทรเข้า-ออก ใช้เวลาชาร์จแบตเตอรี่จนเต็มถึงประมาณ 10 ชั่วโมง มีเวลาสนทนา 30 นาที[2] นอกจากนี้ยังมีจอแสดงผลแอลอีดีสำหรับโทรออกหรือวางสาย 1 ใน 30 หมายเลขโทรศัพท์ ราคาอยู่ที่ 3,995 ดอลลาร์สหรัฐในปี ค.ศ. 1984 ซึ่งเป็นปีที่วางจำหน่ายเชิงพาณิชย์ เทียบเท่ากับ 9,831 ดอลลาร์สหรัฐในปี ค.ศ. 2019[3] ไดนาแท็คย่อมาจาก "Dynamic Adaptive Total Area Coverage" แปลว่า "การปรับแบบไดนามิกให้ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด"

ไดนาแท็ค 8000X โทรศัพท์มือถือรุ่นแรกของโลกที่วางจำหน่ายทั่วไปตั้งแต่ปี ค.ศ. 1983

มีหลายรุ่นตามมาโดยเริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ. 1985 กับยุค 8000X และดำเนินการต่อด้วยการอัปเดตความถี่ที่เพิ่มขึ้นเป็นระยะจนถึงคลาสสิกทู (Classic II) ในปี ค.ศ. 1993 บทบาทส่วนใหญ่ของไดนาแท็คถูกแทนที่ด้วย โมโตโรลา ไมโครแท็ค ที่มีขนาดเล็กกว่ามาก เมื่อเปิดตัวครั้งแรกในปี ค.ศ. 1989 และเมื่อถึงเวลาที่ โมโตโรลา สตาร์แท็ค เปิดตัวในปี ค.ศ. 1996 ไดนาแท็คก็ล้าสมัย

คำอธิบาย แก้

มีการสร้างผลิตภัณฑ์ต้นแบบหลายชิ้นระหว่างปี ค.ศ. 1973 ถึง ค.ศ. 1983 แต่ผลิตภัณฑ์ที่ FCC ยอมรับมีน้ำหนัก 28 ออนซ์ (790 กรัม) และสูง 10 นิ้ว (25 เซนติเมตร) ไม่รวมสายอากาศยางชนิด "เป็ดยาง" ที่สามารถยืดหยุ่นได้ นอกเหนือจากปุ่มกดโทรศัพท์ 12 ปุ่มทั่วไปแล้วยังมีปุ่มพิเศษเพิ่มเติมอีก 9 ปุ่ม ดังนี้

  • Rcl (recall วางสาย)
  • Clr (clear เคลียร์)
  • Snd (send ส่ง)
  • Sto (store ร้านค้า)
  • Fcn (function ฟังก์ชัน)
  • End (ปิด)
  • Pwr (power เปิด)
  • Lock (ล็อก)
  • Vol (volume ปรับเสียง)

โดยใช้เทคโนโลยีบางอย่างที่เคยใช้ในระบบอะโลฮาเน็ต ซึ่งรวมถึงตัวรับส่งสัญญาณโลหะ-ออกไซด์-เซมิคอนดักเตอร์ (MOS) และเทคโนโลยีโมเด็ม[4]

ไดนาแท็ค 8 ซีรีส์, คลาสสิก, คลาสสิกทู, อัลตราคลาสสิก และอัลตราคลาสสิกทู มีจอแสดงผลแอลอีดี พร้อมไดโอดเปล่งแสงสีแดง ไดนาแท็คอินเตอร์เนชันแนลซีรีส์ มีไดโอดเปล่งแสงสีเขียว และไดนาแท็ค 6000XL ใช้จอแสดงผลเรืองแสงสูญญากาศ จอแสดงผลเหล่านี้ถูกจำกัดอย่างมากในข้อมูลที่สามารถแสดงได้ แบตเตอรี่อนุญาตให้โทรได้นานถึง 1 ชั่วโมง หลังจากนั้นจำเป็นต้องชาร์จโทรศัพท์นานถึง 10 ชั่วโมงในเครื่องชาร์จแบบหยด หรือ 1 ชั่วโมงในเครื่องชาร์จแบบเร็วซึ่งเป็นอุปกรณ์เสริมแยกต่างหาก[5] ในขณะที่ยังคงรักษาชื่อไดนาแท็คไว้ แต่ 6000XL นั้นไม่เกี่ยวข้องกับไดนาแท็ค 8000 ซีรีส์โดยสิ้นเชิง เนื่องจากเป็นโทรศัพท์แบบพกพาที่มีไว้สำหรับติดตั้งในยานพาหนะ

ไดนาแท็คถูกแทนที่โดยไมโครแท็คในปี ค.ศ. 1989

อ้างอิง แก้

  1. "Motorola DynaTAC 8000X". Motorola Mobility 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-07-02. สืบค้นเมื่อ 2020-09-04.
  2. "The History of Mobile Phone Technology". RedOrbit.
  3. 1634–1699: McCusker, J. J. (1997). How Much Is That in Real Money? A Historical Price Index for Use as a Deflator of Money Values in the Economy of the United States: Addenda et Corrigenda (PDF). American Antiquarian Society. 1700–1799: McCusker, J. J. (1992). How Much Is That in Real Money? A Historical Price Index for Use as a Deflator of Money Values in the Economy of the United States (PDF). American Antiquarian Society. 1800–present: Federal Reserve Bank of Minneapolis. "Consumer Price Index (estimate) 1800–". สืบค้นเมื่อ January 1, 2020.
  4. Fralick, Stanley C.; Brandin, David H.; Kuo, Franklin F.; Harrison, Christopher (19–22 พฤษภาคม 1975). Digital Terminals For Packet Broadcasting (PDF). AFIPS '75. American Federation of Information Processing Societies. doi:10.1145/1499949.1499990. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2019-11-16. สืบค้นเมื่อ 2020-09-04.{{cite conference}}: CS1 maint: date format (ลิงก์)
  5. "20th Anniversary of the World's First Commercial Cellular Phone". Motorola. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 19 กุมภาพันธ์ 2007. สืบค้นเมื่อ 7 มิถุนายน 2007.

ดูเพิ่ม แก้