โบโนโบ[1]
ช่วงเวลาที่มีชีวิตอยู่: สมัยไพลสโตซีนตอนต้น–สมัยโฮโลซีน
สถานะการอนุรักษ์
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์
อาณาจักร: Animalia
ไฟลัม: Chordata
ชั้น: Mammalia
อันดับ: Primates
วงศ์: Hominidae
สกุล: Pan
สปีชีส์: P.  paniscus
ชื่อทวินาม
Pan paniscus
Schwarz, 1929
แผนที่แสดงการกระจายพันธุ์

โบโนโบ หรือ ชิมแปนซีแคระ (อังกฤษ: bonobo, dwarf chimpanzee, pygmy chimpanzee; ชื่อวิทยาศาสตร์: Pan paniscus)[2]

การค้นพบ แก้

โบโนโบได้รับการอนุกรมวิธานโดยแอ็นสท์ ชวาทซ์ นักสัตววิทยาชาวเยอรมัน ในปี ค.ศ. 1929 หลังจากก่อนหน้านั้น คือ ในปี ค.ศ. 1927 อ็องรี สเคาเตเดิน นักสัตววิทยาชาวเบลเยียมได้ตรวจสอบหัวกะโหลกและหนังสัตว์แปลกประหลาดชนิดหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นชิมแปนซีตัวเมียโตเต็มวัยที่ได้มาจากเบลเจียนคองโก ชวาทซ์ได้ไปเยือนพิพิธภัณฑ์ของสเคาเตเดิน และได้ทำการวัดขนาดกะโหลกและตัวอย่างอีก 2 หัว ก่อนสรุปว่าเป็นชิมแปนซี หรือเอปชนิดใหม่ของโลก ซึ่งจะพบได้เฉพาะฝั่งซ้ายหรือตอนใต้ของแม่น้ำคองโกเท่านั้น[3]

ลักษณะและพฤติกรรม แก้

โบโนโบเป็นลิงไม่มีหางที่นักวิทยาศาสตร์เชื่อกันว่ามีวิวัฒนาการใกล้เคียงมนุษย์มากที่สุด โดยมีบรรพบุรุษร่วมกันก่อนจะมาแยกสายวิวัฒนาการ โดยมีดีเอ็นเอเหมือนกับมนุษย์ถึงร้อยละ 90 โบโนโบมีลักษณะทั่วไปเหมือนกับชิมแปนซี ที่อยู่ในสกุลเดียวกัน แต่มีขนาดเล็กกว่ามาก และมีถิ่นที่อยู่อาศัยจำกัดกว่า และมีพฤติกรรมรักสงบ ไม่ก้าวร้าวหรือล่าลิงชนิดอื่นกินเป็นอาหารเหมือนชิมแปนซี[4]

โบโนโบมีส่วนหัวที่เล็กกว่าชิมแปนซีเมื่อเทียบกับขนาดตัว มีรูปร่างที่เพรียวและแขนยาวกว่า อย่างไรก็ตามทั้งตัวผู้และตัวเมียเมื่อโตเต็มที่จะมีขนาดพอ ๆ กับชิมแปนซีตัวเมีย ซึ่งโบโนโบได้แยกสายวิวัฒนาการมาจากชิมแปนซีเมื่อกว่า 900,000 ปี ถึง 1.5 ล้านปีก่อน [3] จากการที่แม่น้ำคองโกได้ถือกำเนิดขึ้น ทำให้ตัดขาดความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน[5] ได้มีการศึกษาพบว่า โบโนโบเป็นสิ่งมีชีวิตเพียงชนิดเดียวที่ไม่ใช่มนุษย์ ที่สามารถแสดงออกทางความรักและมีพฤติกรรมทางเพศได้เหมือนมนุษย์ เช่น การจูบ, การออรัลเซ็กส์ หรือแม้แต่การผสมพันธุ์แบบหันหน้าเข้าหากัน[6] และยังพบว่ามีพฤติกรรมผสมพันธุ์เพื่อที่จะแลกเปลี่ยนอาหารกัน แทนที่จะต่อสู้แย่งชิงกันแบบสัตว์ชนิดอื่น[7] หรือแม้แต่การใช้อวัยวะเพศที่ขยายใหญ่กว่าปกติเสียดสีกันไปมาของตัวเมียในช่วงวัยเจริญพันธุ์เพื่อแสดงออกถึงความผูกพันฉันพี่น้องกันด้วย[3]

ที่อยู่อาศัย แก้

อยู่อาศัยในตอนกลางของทวีปแอฟริกา พบในเขตสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกเพียงประเทศเดียวในโลก พบในธรรมชาติเพียง 5,000 ตัว[8] จัดอยู่ในกลุ่มสิ่งมีชีวิตใกล้สูญพันธุ์

ปัจจุบันสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกมีพื้นที่อนุรักษ์ซึ่งเป็นป่าดงดิบที่ใหญ่ที่สุดในทวีปแอฟริกา คิดเป็นร้อยละ 8 และต้องการเพิ่มเป็นร้อยละ 10 และร้อยละ 15 ในที่สุด โดยรัฐบาลสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกต้องการป้องกันการทำลายป่าในพื้นที่ลุ่มคองโกด้วย

อ้างอิง แก้

  1. Groves, C. (2005-11-16). Wilson, D. E.; Reeder, D. M. (บ.ก.). Mammal Species of the World (3rd ed.). Johns Hopkins University Press. p. 183. ISBN 0-801-88221-4.
  2. 2.0 2.1 Fruth, B., Benishay, J.M., Bila-Isia, I., Coxe, S., Dupain, J., Furuichi, T., Hart, J., Hart, T., Hashimoto, C., Hohmann, G., Hurley, M., Ilambu, O., Mulavwa, M., Ndunda, M., Omasombo, V., Reinartz, G., Scherlis, J., Steel, L. & Thompson, J. (2008). Pan paniscus. In: IUCN 2008. IUCN Red List of Threatened Species. Downloaded on 4 January 2009. Listed as Endangered (EN A4cd v3.1)
  3. 3.0 3.1 3.2 แกะรอยเอปในตำนาน, คอลัมน์ เรื่องเล่าจากต่างแดน โดย นิตยสารเนชั่นแนล จีโอกราฟิก ฉบับภาษาไทยเดือนมีนาคม หน้า 22: เดลินิวส์ ฉบับที่ 23,173 ประจำวันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2556 ขึ้น 13 ค่ำ เดือน 4 ปีมะโรง
  4. โบโนโบ สายพันธุ์ใกล้เคียงมนุษย์ที่สุด เสี่ยงสูญพันธุ์ จากประชาชาติธุรกิจ
  5. "สารคดี BBC : เปิดโลกกว้างแอฟริกา ตอนที่ 10 คลิป 1/2". ช่อง 7. 28 November 2014. สืบค้นเมื่อ 30 November 2014.
  6. โบโนโบ้
  7. พฤติกรรมรักร่วมเพศในสัตว์[ลิงก์เสีย]
  8. "คองโกจัดเขตอนุรักษ์โบโนโบ". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-12-09. สืบค้นเมื่อ 2012-12-09.

แหล่งข้อมูลอื่น แก้

  ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Pan paniscus ที่วิกิสปีชีส์