ทวีปแอนตาร์กติกา

ชื่อทวีป
(เปลี่ยนทางจาก แอนตาร์กติกา)

แอนตาร์กติกา (อังกฤษ: Antarctica /æntˈɑːrktɪkə/) เป็นทวีปที่อยู่ใต้สุดของโลก ตั้งอยู่ในภูมิภาคแอนตาร์กติกในซีกโลกใต้และเป็นที่ตั้งขั้วโลกใต้ทางภูมิศาสตร์ เกือบทั้งหมดอยู่ในวงกลมแอนตาร์กติกและล้อมรอบด้วยมหาสมุทรใต้ มีพื้นที่ประมาณ 14 ล้านตารางกิโลเมตร (5,500,000 ตารางไมล์) เป็นทวีปที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก โดยใหญ่กว่าพื้นที่ของทวีปยุโรปประมาณ 40% และใหญ่กว่าทวีปออสเตรเลียถึง 2 เท่า พื้นที่ 98% ของทวีปปกคลุมด้วยน้ำแข็งหนาเฉลี่ย 1.9 กิโลเมตร[1] ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดเว้นแต่ส่วนเหนือสุดของคาบสมุทรแอนตาร์กติก

แอนตาร์กติกา
Antarctica
พื้นที่14,107,637 ตร.กม. (อันดับที่ 5)
โดย 280,000 ตร.กม. ปราศจากน้ำแข็ง
ประชากร≈135 คน (ถาวร)
≈5,000 (ชั่วคราว)
(อันดับที่ 7)
เดมะนิมชาวแอนตาร์กติกา (Antarctican)
ประเทศ
เขตเวลาดูที่ เวลาในทวีปแอนตาร์กติกา
โดเมนระดับบนสุด.aq
เมืองใหญ่
ภาพถ่ายดาวเทียมของทวีปแอนตาร์กติกา

โดยค่าเฉลี่ยแล้วแอนตาร์กติกาเป็นทวีปที่หนาวที่สุด แห้งแล้งที่สุด ลมแรงที่สุดและมีความสูงโดยเฉลี่ยมากที่สุด[2] แอนตาร์กติกาเป็นทะเลทรายที่มีหยาดน้ำฟ้าเฉลี่ย 200 มิลลิเมตรต่อปีตามแนวชายฝั่งและพื้นที่ภายใน[3] ในช่วงไตรมาสที่สามซึ่งเป็นช่วงที่หนาวสุดของปีจะมีอุณหภูมิเฉลี่ย -63 °C แต่ (ที่สถานีวอสตอค ของรัสเซีย) อุณหภูมิที่วัดได้เคยต่ำถึง -89.2 °C (และเคยวัดได้ถึง -94.7 °C โดยเป็นการวัดจากดาวเทียมในอวกาศ[4]) บางสถานที่มีคนราว 1,000 ถึง 5,000 คนอาศัยในสถานีวิจัยที่กระจายอยู่ทั่วทั้งทวีปตลอดทั้งปี สิ่งมีชีวิตในแอนตาร์กติกาจะเป็นพวกสาหร่าย, แบคทีเรีย, เห็ดรา, พืช, โพรทิสต์และสัตว์บางชนิดเช่น ตัวเห็บ, ตัวไร, หนอนตัวกลม, เพนกวิน, สัตว์ตีนครีบและหมีน้ำส่วนพืชก็จะเป็นพวกทันดรา

แม้ว่ามีตำนานเล่าขานเกี่ยวกับการมีอยู่ของดินแดนใต้ตั้งแต่ยุคโบราณ แอนตาร์กติกาถูกระบุว่าเป็นดินแดนสุดท้ายบนโลกในประวัติศาสตร์ที่ถูกค้นพบ เพราะไม่มีใครเคยพบเลยจนกระทั่ง พ.ศ. 2363 นักสำรวจชาวรัสเซียเฟเบียน ก็อทลีป ฟอน เบลลิ่งเชาเซนและมิคาอิล ลาซาเรฟที่อยู่บนเรือสลุบวอสตอค และเรือสลุบเมอร์นีย์ ได้สังเกตเห็นหิ้งน้ำแข็งฟิมโบลแต่ก็ไม่ได้สนใจ เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นมิตรต่อมนุษย์ ขาดแคลนทรัพยากรในการสำรวจและความห่างไกลของพื้นที่ ต่อมา พ.ศ. 2438 ทีมสำรวจชาวนอร์เวย์ได้รับการยืนยันถึงการมาเยือนดินแดนแห่งนี้เป็นครั้งแรก รูอาล อามึนเซิน ได้รับการบันทึกว่าเป็นมนุษย์คนแรกที่ไปถึงขั้วโลกใต้ในวันที่ 14 ธันวาคม ปี 2454[5]

ทวีปแอนตาร์กติกาเป็นดินแดนใต้การปกครองร่วมโดยพฤตินัยตามกฎหมายระหว่างประเทศและอยู่ภายใต้การควบคุมของระบบสนธิสัญญาแอนตาร์กติกที่ลงนามครั้งแรกโดย 12 ประเทศใน พ.ศ. 2502 และตามด้วยการลงนามอีกเพิ่ม 38 ประเทศ ระบบสนธิสัญญานี้ห้ามมิให้มีการทำเหมืองแร่ กิจกรรมทางทหาร ทดลองระเบิดนิวเคลียร์และการกำจัดกากนิวเคลียร์ แต่จะสนับสนุนการวิจัยทางวิทยาศาสตร์และปกป้องชั้นโอโซนของทวีป ทำให้มีการทดลองอย่างต่อเนื่องโดยนักวิทยาศาสตร์ในช่วงฤดูร้อนมากถึง 5,000 คนบนทวีปนี้ แม้จะลดลงเหลือประมาณ 1,000 คนในช่วงฤดูหนาว ในขณะที่การท่องเที่ยว และกิจกรรมอื่น เช่น การตกปลายังเป็นกิจกรรมหลักในพื้นที่ของทวีปและบริเวณโดยรอบ แม้จะตั้งอยู่ห่างไกลจากทวีปอื่น แต่ทวีปนี้ได้รับผลกระทบจากมนุษย์อย่างมีนัยสำคัญ เช่น การก่อมลภาวะ, การลดลงของโอโซน และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นอกจากนี้ การละลายของธารน้ำแข็งจำนวนมากในทวีปยังส่งผลต่อระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น รวมถึงการหมุนเวียนพลิกกลับของมหาสมุทรใต้ตลอดศตวรรษที่ผ่านมา นำไปสู่ผลกระทบที่สำคัญต่อสภาพภูมิอากาศในซีกโลกใต้

นิรุกติศาสตร์

แก้

ชื่อแอนตาร์กติกา (Antarctica ) เป็นการถอดเป็นอักษรโรมันจากคำประสมภาษากรีกคำว่า ἀνταρκτική (antarktiké ) เป็นคำนามเพศหญิงของ ἀνταρκτικός (antarktikós คำนามเพศชาย)[6] ซึ่งมีความหมายว่า "ตรงข้ามกับอาร์กติก" หรือ "ตรงข้ามกับทิศเหนือ"[7]

350 ปีก่อนคริสต์ศักราชแอริสตอเติลเขียนเกี่ยวกับภูมิภาคแอนตาร์กติกลงในหนังสืออุตุนิยมวิทยาของเขา[8], มารินัส ออฟ ไทเออร์ได้ใช้ชื่อนี้ในแผนที่โลกตั้งแต่ศตวรรษที่ 2 ของเขา ซึ่งถูกพบอยู่ในสภาพที่ไม่ได้ดูแลรักษา, นักประพันธ์ชาวโรมันไฮจีนัสและอพูเลียส (คริสต์ศตวรรษที่ 1-2) ใช้คำว่า polus antarcticus แทนขั้วโลกใต้ซึ่งเป็นการถอดเป็นอักษรโรมันจากชื่อภาษากรีก[9][10], ภาษาฝรั่งเศสโบราณรับมาเป็น pole antartike (ภาษาฝรั่งเศสปัจจุบัน pôle antarctique) โดยมีหลักฐานใน พ.ศ. 1813 และภาษาอังกฤษสมัยกลางรับมาต่อเป็นคำว่า pol antartik ในบทความวิชาการโดยเจฟฟรีย์ ชอสเซอร์ ใน พ.ศ. 1934 (ภาษาอังกฤษปัจจุบัน Antarctic Pole )[11]

ก่อนที่จะมีความหมายทางภูมิศาสตร์ในปัจจุบัน คำนี้จะเอาไว้ใช้เรียกสถานที่ต่าง ๆ ที่อยู่ "ตรงข้ามกับทางเหนือ" เช่นอาณานิคมฝรั่งเศสที่ก่อตั้งขึ้นในบราซิลเป็นเวลาสั้น ๆ ในคริสต์ศตวรรษที่ 16 เรียกว่า "แอนตาร์กติกฝรั่งเศส" (ฝรั่งเศส: France Antarctique, โปรตุเกส: França Antártica)

ในช่วงทศวรรษปี 2433 จอห์น จอร์จ บาร์โธโลมิวชาวสกอตแลนด์ได้ทำแผนที่โดยใช้คำว่าแอนตาร์กติกาเป็นชื่อทวีปเป็นครั้งแรก[12]

การเปลี่ยนแปลงชื่อ

แก้

ในยุโรปจินตนาการที่มีมายาวนานถึงทวีปที่ขั้วโลกใต้ (แต่ขณะนั้นยังไม่ได้ค้นพบ) เรียกขานดินแดนนี้ว่า เทร์รา ออสตราลิส (ละติน: Terra Australis) ซึ่งบางครั้งจะย่อเป็น 'ออสตราเลีย (ละติน: Australia)' ดังเช่นในภาพพิมพ์ไม้ที่ชื่อว่า Sphere of the winds ที่บันทึกอยู่ในตำราทางโหราศาสตร์ที่ตีพิมพ์ในแฟรงค์เฟิร์ตในปี พ.ศ. 2088[13] แม้ว่าชื่อเต็มดังกล่าวจะเป็นที่รู้จัก แต่ชื่อย่อ 'ออสตราเลีย' ก็ได้ถูกใช้ในแวดวงวิชาการของยุโรป

จากนั้นในคริสต์ศตวรรษที่ 19 ผู้ปกครองอาณานิคมที่ซิดนีย์ได้ยกเลิกชื่อดินแดนที่มีที่มาจากภาษาดัตช์ที่เรียกว่า นิวฮอลแลนด์ (ดัตช์: Nieuw Holland) แต่แทนที่จะตั้งชื่อใหม่พวกเขาได้นำชื่อ 'ออสตราเลีย' จากทวีปที่ขั้วโลกใต้มาใช้แทน ทำให้ทวีปที่ขั้วโลกใต้ไม่มีชื่อเรียกเป็นเวลากว่าแปดสิบปี ระหว่างช่วงเวลานั้นนักภูมิศาสตร์ได้พยายามหาชื่อที่เหมาะสม โดยค้นหาคำในบทกวีที่จะมาใช้แทน มีการเสนอคำอย่างเช่น อุลติมา (ละติน: Ultima) และ อันติโปเดีย (กรีก: Αντιποδια)[14] จนในที่สุด แอนตาร์กติกา ได้ถูกนำมาใช้ในช่วงทศวรรษปี 2433[15]

การศึกษาวิจัยในขั้วโลกใต้

แก้

เพื่อให้การศึกษาวิจัยด้านทางวิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อมในทวีปแอนตาร์กติกา ประเทศต่าง ๆ จึงได้ตกลงร่วมมือสร้างศูนย์วิจัย โดยเริ่มเมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2553 ทำให้สามารถวัดความหนาและปริมาณของน้ำแข็งที่ปกคลุมทวีปแอนตาร์กติกาได้ และยังค้นพบว่าภายใต้น้ำแข็งที่หนากว่า 2,000 เมตรนั้น ยังมีแผ่นดินที่กว้างใหญ่อยู่ หลังจากนั้นการค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับทวีปแอนตาร์กติกาก็ได้รับความสนใจมากขึ้นทีเดียว และในปี 2553 หลายประเทศได้ร่วมลงนามก่อตั้งสนธิสัญญาสำหรับทวีปแอนตาร์กติกาขึ้น โดยให้ทุกประเทศสามารถเข้าทำการศึกษาวิจัยได้ ยกเว้นแต่การทำกิจกรรมด้านทหาร

ศูนย์วิจัยที่ทวีปแอนตาร์กติกา

แก้

ดินแดนหลาย ๆ แห่งในทวีปแอนตาร์กติกาถูกประเทศต่าง ๆ อ้างกรรมสิทธิ์ครอบครอง เช่น ประเทศอาร์เจนตินา, ชิลี, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, สหราชอาณาจักร เป็นต้น และในดินแดนเหล่านี้ก็จะมีศูนย์วิจัยของประเทศต่าง ๆ ตั้งอยู่ ทั้งทวีปแอนตาร์กติกามีศูนย์วิจัยของประเทศต่าง ๆ มากกว่า 20 ประเทศ จำนวน 60 แห่ง ในช่วงฤดูหนาวจะมีนักวิจัยทำงานอยู่ที่นี่ประมาณ 1,000 คน และจะเพิ่มเป็น 4,000 คนในฤดูร้อน ในศูนย์วิจัยแมกเมอร์โดที่อยู่ในเขตที่นิวซีแลนด์อ้างกรรมสิทธิ์ เป็นศูนย์วิจัยและชุมชนที่ใหญ่ที่สุดในแอนตาร์กติกา สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้มากถึง 1,000 คน

ภูมิประเทศ

แก้
การเคลื่อนไหวของพืดน้ำแข็งบนทวีปแอนตาร์กติกา

แอนตาร์กติกาเป็นทวีปที่อยู่ทางทิศใต้สุดของโลก โดยตั้งอยู่ในเขตแอนตาร์กติกเซอร์เคิลรอบขั้วโลกใต้ ล้อมโดยมหาสมุทรใต้ มีพื้นที่มากกว่า 14 ล้านตารางกิโลเมตร เป็นทวีปที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 5 ของโลก มีชายฝั่งยาว 17,968 กิโลเมตร[16]

ประมาณร้อยละ 98 ของแอนตาร์กติกาถูกปกคลุมด้วยพืดน้ำแข็งแอนตาร์กติกา พืดน้ำแข็งหนาเฉลี่ย 1.6 กิโลเมตร ทวีปนี้มีน้ำแข็งถึงราวร้อยละ 90 ของน้ำแข็งทั้งหมดบนโลก ทำให้มีน้ำจืดประมาณร้อยละ 70 ของโลก ถ้าน้ำแข็งทั้งหมดละลายแล้ว ระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้นประมาณ 61 เมตร[17]

จุดที่สูงที่สุดของทวีปคือยอดเขาวินสันแมสซิฟ มีความสูง 4,892 เมตร ตั้งอยู่ในเทือกเขาเอลส์เวิร์ท ถึงแม้ว่าแอนตาร์กติกาจะมีภูเขาไฟจำนวนมาก แต่มีเพียงแห่งเดียวที่ทราบแน่ชัดว่ายังคงคุกรุ่นอยู่คือภูเขาไฟเอเรบัสบนเกาะรอสส์ ในปีพ.ศ. 2547 นักสำรวจชาวอเมริกันและแคนาดาค้นพบภูเขาไฟใต้น้ำในคาบสมุทรแอนตาร์กติก โดยหลักฐานแสดงให้เห็นว่าภูเขาไฟนี้อาจยังคุกรุ่นอยู่เช่นกัน[18]

อาณาเขตแอนตาร์กติกา

แก้
 
แผนที่ดินแดนอ้างสิทธิในทวีปแอนตาร์กติกา
 
การอ้างสิทธิ์ดินแดนแอนตาร์กติกาตามสนธิสัญญาแอนตาร์กติก:
 
ดินแดนอ้างสิทธิในทวีปแอนตาร์กติกา
ปีที่เริ่มอ้างสิทธิ์ ประเทศ ดินแดน ชื่อในภาษาท้องถิ่น ขอบเขตการอ้างสิทธิ์ แผนที่
2382   ฝรั่งเศส   อาเดลีแลนด์ Terre Adélie 142°02'ตะวันออก ถึง 136°11'ตะวันออก  
2451   บริเตนใหญ่   อาณานิคมหมู่เกาะฟอล์กแลนด์ (2451-2505)

  บริติชแอนตาร์กติก
เทร์ริทอรี
(2505-)
Falkland Islands Dependencies


British Antarctic Territory
20°00′W to 80°00′W รวมทั้งพื้นที่ซ้อนทับ:
  • 53°00′W ถึง 25°00′W อ้างสิทธิ์โดย อาร์เจนตินา (2486)
  • 74°00′W ถึง 53°00′W อ้างสิทธิ์โดย ชิลี (2483) และ อาร์เจนตินา (2486)
  • 80°00′W ถึง 74°00′W อ้างสิทธิ์โดย ชิลี (2483)

 
2466   นิวซีแลนด์   รอสส์ดีเพนเดนซี Ross Dependency 150°00′ ตะวันตกถึง 160°00′ ตะวันออก  
2472   นอร์เวย์   เกาะปีเตอร์ที่ 1 Peter I Øy 68°50′S 90°35′W / 68.833°S 90.583°W / -68.833; -90.583 (Peter I Island)  
2476   ออสเตรเลีย   ออสเตรเลียน
แอนตาร์กติกเทร์ริทอรี
Australian Antarctic Territory 160°00′ตะวันออกถึง 142°02'ตะวันออก และ
136°11'ตะวันออกถึง 44°38'ตะวันออก
 
2482   นอร์เวย์   ควีนมอดแลนด์ Dronning Maud Land 44°38'ตะวันออกถึง 20°00′ตะวันตก  
2483   ชิลี   ชิเลียน
แอนตาร์กติกเทร์ริทอรี
Territorio Chileno Antártico 53°00′ตะวันตกถึง 90°00′ตะวันตก  
2486   อาร์เจนตินา   อาร์เจนไทน์
แอนตาร์กติกา
Antártida Argentina 25°00′ตะวันตกถึง 74°00′ตะวันตก  
(ไม่มี) ดินแดนที่ไม่ถูกอ้างสิทธิ์
(มารีเบิร์ดแลนด์)
Marie Byrd Land 90°00′ตะวันตกถึง 150°00′ตะวันตก
(ยกเว้น เกาะปีเตอร์ที่ 1)
 

อดีตอาณาเขต

แก้
ปีที่อ้างสิทธิ์ ประเทศ ดินแดน ชื่อในภาษาท้องถิ่น ขอบเขตการอ้างสิทธิ์ ข้อมูล แผนที่
2455-2455   ญี่ปุ่น   ยามาโตะยูคิฮาระ 大和雪原 150°00′ ตะวันตกถึง 160°00′ ตะวันออก ปัจจุบันดินแดนนี้คือ รอสส์ดีเพนเดนซี  
2482-2488   ไรช์เยอรมัน   นิวสวาเบีย Neuschwabenland 44°38'ตะวันออกถึง 20°00′ตะวันตก ปัจจุบันดินแดนนี้คือ ควีนมอดแลนด์  

ดูเพิ่ม

แก้

อ้างอิง

แก้
  1. P. Fretwell; และคณะ (28 February 2013). "Bedmap2: improved ice bed, surface and thickness datasets for Antarctica" (PDF). The Cryosphere journal: 375–393. doi:10.5194/tc-7-375-2013. ISSN 1994-0416. สืบค้นเมื่อ 6 January 2014.
  2. "La Antártida" (ภาษาสเปน). Dirección Nacional del Antártico. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 13 November 2016. สืบค้นเมื่อ 13 November 2016.
  3. Joyce, C. Alan (18 January 2007). "The World at a Glance: Surprising Facts". The World Almanac. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 4 March 2009. สืบค้นเมื่อ 7 February 2009.
  4. "Coldest temperature ever recorded on Earth in Antarctica: -94.7C (−135.8F)". The Guardian. 10 December 2013. สืบค้นเมื่อ 12 July 2017.
  5. Smith, Cynthia (2021-09-21). "Reaching the South Pole During the Heroic Age of Exploration | Worlds Revealed". The Library of Congress.
  6. Liddell, Henry George; Scott, Robert. "Antarktikos". ใน Crane, Gregory R. (บ.ก.). A Greek–English Lexicon. Perseus Digital Library. Tufts University. สืบค้นเมื่อ 18 November 2011.
  7. Hince, Bernadette (2000). The Antarctic Dictionary. CSIRO Publishing. p. 6. ISBN 978-0-9577471-1-1. OCLC 869026184.
  8. Aristotle (1923) [350 BC]. Meteorologica. Part 5. Vol. II. แปลโดย Webster, Erwin Wentworth. Oxford: Clarendon Press. p. 140. OCLC 1036675439. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-06-27. สืบค้นเมื่อ 2018-06-06.
  9. Hyginus, Gaius Julius (1992). Viré, Ghislaine (บ.ก.). De astronomia (ภาษาละติน). Stuttgart: Teubner. p. 176. OCLC 622659701.
  10. Apuleius (1825). Apuleii Opera omnia (ภาษาละติน). Vol. tertium. London: A. J. Valpy. p. 544. OCLC 840117244.
  11. Chaucer, Geoffrey (c. 1391). Skeat, Walter William (บ.ก.). A Treatise on the Astrolabe (ภาษาอังกฤษกลาง). London: N. Trübner& Co. (ตีพิมพ์ 1872). LCCN 12017813. OCLC 171715. OL 14032283M.
  12. "John George Bartholomew and the naming of Antarctica" (PDF). The Bartholomew Archive. CAIRT Newsletter of the Scottish Maps Forum. National Library of Scotland. July 2008. pp. 4–6. ISSN 1477-4186. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2020-10-26. สืบค้นเมื่อ 2019-10-15.
  13. Barth, Cyriaco Jacob zum (1545). Astronomia: Teutsch Astronomei (ภาษาละติน). Frankfurt.
  14. Cameron-Ash, M. (2018). Lying for the Admiralty: Captain Cook's Endeavour Voyage. Sydney: Rosenberg. p. 20. ISBN 978-0-6480439-6-6.
  15. Woodburn, Susan (July 2008). "John George Bartholomew and the naming of Antarctica". Cairt (13): 4–6.
  16. "Antarctica". The World Factbook. Central Intelligence Agency. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-12-25. สืบค้นเมื่อ 13 July 2007.
  17. Brain, Marshall (21 September 2000). "If the polar ice caps melted, how much would the oceans rise?". howstuffworks.com. สืบค้นเมื่อ 13 July 2007.
  18. "Scientists Discover Undersea Volcano Off Antarctica". United States National Science Foundation. 20 May 2004. สืบค้นเมื่อ 13 July 2007.

แหล่งข้อมูลอื่น

แก้
 
Wikinews
วิกิข่าว มีข่าวเกี่ยวกับบทความ:
Antarctica