เอ็ดเวิร์ด สมิธ-สแตนลีย์ เอิร์ลที่ 14 แห่งดาร์บีย์
(เปลี่ยนทางจาก เอ็ดเวิร์ด สมิธ-สแตนลีย์ เอิร์ลแห่งดาร์บีย์ ที่ 14)
เอ็ดเวิร์ด สมิธ-สแตนลีย์ เอิร์ลแห่งดาร์บีย์ ที่ 14 (Edward Smith-Stanley, 14th Earl of Derby) เป็นนักการเมืองแห่งสหราชอาณาจักรและดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีสามสมัยในกลางคริสต์ศตวรรษที่สิบเก้า เขาถือเป็นผู้นำพรรคอนุรักษนิยมที่ดำรงตำแหน่งนานที่สุด และเป็นหนึ่งในผู้ผลักดันการแก้ไขระบบการเลือกตั้งในอังกฤษครั้งที่ 2 ในปี 2410 ซึ่งเป็นการให้สิทธิชนชั้นกรรมกรในการเลือกตั้งเป็นครั้งแรก
เอิร์ลแห่งดาร์บีย์ | |
---|---|
นายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักร | |
ดำรงตำแหน่ง 28 มิถุนายน 1866 – 27 กุมภาพันธ์ 1868 | |
กษัตริย์ | พระนางเจ้าวิกตอเรีย |
ก่อนหน้า | ลอร์ด จอห์น รัสเซลล์ |
ถัดไป | เบนจามิน ดิสราเอลี |
ดำรงตำแหน่ง 20 กุมภาพันธ์ 1858 – 11 มิถุนายน 1859 | |
กษัตริย์ | พระนางเจ้าวิกตอเรีย |
ก่อนหน้า | ลอร์ดพาลเมอร์สตัน |
ถัดไป | ลอร์ดพาลเมอร์สตัน |
ดำรงตำแหน่ง 23 กุมภาพันธ์ 1852 – 19 ธันวาคม 1852 | |
กษัตริย์ | พระนางเจ้าวิกตอเรีย |
ก่อนหน้า | ลอร์ด จอห์น รัสเซลล์ |
ถัดไป | เอิร์ลแห่งแอเบอร์ดีน |
หัวหน้าพรรคอนุรักษนิยม | |
ดำรงตำแหน่ง 29 มิถุนายน 1846 – 27 กุมภาพันธ์ 1868 | |
ก่อนหน้า | เซอร์ รอเบิร์ต พีล |
ถัดไป | เบนจามิน ดิสราเอลี |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 29 มีนาคม พ.ศ. 2342 แลนคาเชียร์ อังกฤษ |
เสียชีวิต | 23 ตุลาคม พ.ศ. 2412 (70 ปี) แลนคาเชียร์ อังกฤษ |
ศาสนา | คริสตจักรแห่งอังกฤษ |
พรรคการเมือง | พรรคอนุรักษนิยม |
คู่สมรส | เอมมา สมิธ-สแตนลีย์ |
ลายมือชื่อ | |
ก่อนดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
แก้- เกิด: 29 มีนาคม 2492 ที่มณฑลแลนคาเชียร์ ในอังกฤษ
- การศึกษา: โรงเรียนอีตัน และ มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด
- เข้าสู่รัฐสภา: 30 กรกฎาคม 2365 ในฐานะสมาชิกกลุ่มวิก กล่าวสุนทรพจน์ครั้งแรกเกี่ยวกันเรื่อง Manchester Gas Light Bill
- ได้รับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในปี 2376 รับผิดชอบนโยบายเลิกทาสในอาณานิคมของอังกฤษ ภายใต้รัฐบาลของเอิร์ลเกรย์ เขาไม่พอใจนโยบายของรัฐบาลด้านศาสนาในไอร์แลนด์จึงลาออกในปีถัดมา และย้ายไปสังกัดพรรคอนุรักษนิยมของพีลในปี 2380 เนื่องจากมีความคิดว่าพีลมีนโยบายใกล้เคียงกับกลุ่ม ดาร์บีดิลลี ของเขามากกว่า
- สแตนลีย์ได้รับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอีกครั้งในปี 2384 ในรัฐบาลของพีล ดูแลนโยบายเกี่ยวกับสงครามฝิ่น
- พรรคอนุรักษนิยมแตกในปี 2389 ในเรื่องของการยกเลิกอากรข้าวโพด ดาร์บีนำกลุ่มที่ต้านระบบการค้าเสรีลงคะแนนคัดค้านร่างกฎหมายรัฐบาล พีลลาออกและแยกตัวออกจากพรรค ส่วนดาร์บีได้รับแต่งตั้งเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่
- สแตนลีย์รับตำแหน่งเอิร์ลแห่งดาร์บีต่อของบิดาของเขาในปี 2394
ดาร์บีกับรัฐบาลไร้เสถียรภาพ
แก้- ดาร์บีรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อจากรัสเซลในเดือนกุมภาพันธ์ 2395 เนื่องจากพรรคอนุรักษนิยมแตกเป็นสองส่วนกลุ่มพีไลท์ปฏิเสธที่จะรับตำแหน่งใดๆในรัฐบาล รัฐมนตรีส่วนใหญ่ของดาร์บีจึงเป็นรัฐมนตรีหน้าใหม่ แม้แต่เบนจามิน ดิสราเอลีที่รับตำแหน่งรมว.คลังก็ยังไร้ประสบการณ์ รัฐมนตรีชุดนี้ได้รับฉายาว่า Who? Who? Cabinet ซึ่งมาจากคำกล่าวของดยุกแห่งเวลลิงตันขณะรับฟังรายชื่อรัฐมนตรี ซึ่งเวลลิงตันผู้สูงวัยพยายามถามผู้อ่านรายชื่อให้เขาฟังทวนอีกรอบเนื่องจากคิดว่าฟังผิดเพราะไม่เคยได้ยินชื่อดังกล่าวมาก่อนซ้ำๆกันว่า 'Who?.. Who?..' (ใครนะ?)
- ร่างงบประมาณฯของดิสราเอลีในปี 2395 ได้รับการโจมตีอย่างหนักจากกลุ่มพีไลท์นำโดยวิลเลียม ยวร์ท แกลดสตัน เนื่องจากขาดเสียงสนับสนุนที่เพียงพอ รัฐบาลของดาร์บีก็ไม่สามารถทำงานต่อได้ ดาร์บีลาออกในเดือนธันวาคมปีเดียวกัน
- ดาร์บีรับตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งต่อจากไวเคานท์พาลเมอร์สตันซึ่งมีปัญหาขาดเสียงสนับสนุนในนโยบายอินเดีย ในปี 2401 ในฐานะผู้นำรัฐบาลเสียงข้างน้อยเช่นกัน
- ร่างพระราชบัญญัติอินเดียของดาร์บีประสบความสำเร็จในสภา ทำให้บริษัทอินเดียตะวันออกอยู่ในความรับผิดชอบของรัฐบาลอังกฤษ
- ดาร์บีพยายามที่จะปรับปรุงระบบการเลือกตั้งในปี 2402 แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ เขาจึงลาออกจากตำแหน่งทำให้รัฐบาลที่สองของเขามีอยู่ในหน้าที่ไม่ถึงหนึ่งปีอีกครั้ง
นายกรัฐมนตรีสมัยที่สาม
แก้- หลังจากที่ดาร์บีพยายามแก้ไขระบบการเลือกตั้งในปี 2402 รัสเซลพยายามอีกครั้งในปี 2409 แต่ก็ประสบกับชะตาเดียวกัน ทำให้เขาต้องลาออก ดาร์บีจึงรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อเป็นครั้งที่สาม
- ด้วยความสามารถในการปราศรัยของดิสราเอลีซึ่งขณะนั้นเป็นมือขวาของดาร์บีในสภาสามัญ รัฐบาลของเขาสามารถผ่านร่างพระราชบัญญัติแก้ไขระบบการเลือกตั้งได้เป็นผลสำเร็จในปี 2410 นับเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญอย่างยิ่งในระบอบการปกครองของอังกฤษซึ่งเป็นครั้งแรกที่เปิดโอกาสให้ชนชั้นกรรมกรมีสิทธิในการเลือกตั้งได้
- ด้วยความสูงวัย ดาร์บีที่อ่อนเพลียอย่างหนักจากงานรัฐบาลลาออกในปีถัดมาโดยให้ดิสราเอลีรับตำแหน่งแทน อย่างไรก็ดีผลงานในการปรับปรุงระบบการเลือกตั้งของเขานั้นทำให้พรรคอนุรักษนิยมที่ไม่มีฐานเสียงในกลุ่มชนชั้นกรรมกรต้องแพ้เลือกตั้งในปีนั้น
- ดาร์บีถึงแก่อสัญกรรมในปีถัดมาด้วยโรคชรา ขณะมีอายุ 70 ปี
อ้างอิง
แก้* http://pm.gov.uk/output/Page147.asp เก็บถาวร 2007-04-20 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน