เอี่ยม ทองใจสด (เกิด 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2484) อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเพชรบูรณ์ 10 สมัย อดีตสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ ปัจจุบันสังกัดพรรคพลังประชารัฐ

เอี่ยม ทองใจสด
เอี่ยม ใน พ.ศ. 2563
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเพชรบูรณ์
ดำรงตำแหน่ง
27 กรกฎาคม พ.ศ. 2529 – 20 มีนาคม พ.ศ. 2566
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด8 กรกฎาคม พ.ศ. 2484 (83 ปี)
อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์
พรรคการเมืองประชาธิปัตย์ (2529–2531)
ชาติไทย (2531–2539)
ความหวังใหม่ (2539–2545)
ไทยรักไทย (2545–2550)
พลังประชาชน (2550–2551)
เพื่อไทย (2551–2561)
พลังประชารัฐ (2561–ปัจจุบัน)
คู่สมรสกนกนุช ทองใจสด

ประวัติ

แก้

เอี่ยม เกิดเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2484 เป็นบุตรของนายเอี่ยมแท้ง และนางริ้ง ทองใจสด มีพี่น้อง 10 คน สมรสกับนางกนกนุช ทองใจสด มีบุตร 5 คน อาทิอัครเดช ทองใจสด นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ และเทียนทอง ทองใจสด สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์

สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะรัฐประศาสนศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์

งานการเมือง

แก้

อดีตเป็นสมาชิกสภาจังหวัดเพชรบูรณ์ 2 สมัย (พ.ศ. 2523 – พ.ศ. 2528) เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรกในปี พ.ศ. 2529 สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ โดยที่เป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่ม 10 มกรา และได้รับการเลือกตั้งติดต่อกันมาทุกครั้ง ในสังกัดพรรคชาติไทย และพรรคความหวังใหม่ตามลำดับ ยกเว้นปี พ.ศ. 2544 ลงสมัครในนามพรรคไทยรักไทย พ่ายให้กับแก้ว บัวสุวรรณ จากพรรคความหวังใหม่

เอี่ยม เคยได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาปัญหาและวิธีการดำเนินการออกหนังสือกรรมสิทธิ์ในที่ดินทำกิน หนังสือสิทธิครอบครองให้แก่ราษฎรที่ตั้งบ้านเรือนและทำมาหากินในเขตป่าสงวนแห่งชาติหรือเขตที่ดินสาธารณประโยชน์ เมื่อปี พ.ศ. 2529[1]

ปี พ.ศ. 2552 ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้กรีดรถนักข่าวภายในอาคารจอดรถของสวนสัตว์ดุสิต ตรงข้ามอาคารรัฐสภา แต่เจ้าตัวปฏิเสธ[2]

ในการเลือกตั้งปีพ.ศ. 2554 ได้รับเลือกตั้งอีกครั้งเป็นสมัยที่ 9 ก่อนที่จะย้ายมาสังกัดพรรคพลังประชารัฐ ในปี พ.ศ. 2562 พร้อมกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเพชรบูรณ์ส่วนมากที่มีนายสันติ พร้อมพัฒน์ เป็นแกนนำ และได้รับเลือกตั้งอีกเป็นสมัย ที่ 10

ในการเลือกตั้งปีพ.ศ. 2566 ได้ประกาศวางมือทางการเมือง เนื่องด้วยอายุที่มากขึ้น จึงส่งไม้ต่อยังอัคร ทองใจสด สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นหลานชายของตน และบุตรชายอัครเดช ทองใจสด นายก องค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ ในเขตเลือกตั้งของตน ซึ่งก็ได้รับเลือกเช่นกัน

สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

แก้

เอี่ยม ทองใจสด ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมด 10 สมัย คือ

  1. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2529 จังหวัดเพชรบูรณ์ สังกัดพรรคประชาธิปัตย์
  2. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2531 จังหวัดเพชรบูรณ์ สังกัดพรรคชาติไทย
  3. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป มีนาคม พ.ศ. 2535 จังหวัดเพชรบูรณ์ สังกัดพรรคชาติไทย
  4. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป กันยายน พ.ศ. 2535 จังหวัดเพชรบูรณ์ สังกัดพรรคชาติไทย
  5. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2538 จังหวัดเพชรบูรณ์ สังกัดพรรคชาติไทย
  6. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2539 จังหวัดเพชรบูรณ์ สังกัดพรรคความหวังใหม่
  7. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2548 จังหวัดเพชรบูรณ์ สังกัดพรรคไทยรักไทย
  8. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2550 จังหวัดเพชรบูรณ์ สังกัดพรรคพลังประชาชน (พ.ศ. 2541)พรรคเพื่อไทย
  9. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2554 จังหวัดเพชรบูรณ์ สังกัดพรรคเพื่อไทย
  10. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2562 จังหวัดเพชรบูรณ์ สังกัดพรรคพลังประชารัฐ

เครื่องราชอิสริยาภรณ์

แก้

อ้างอิง

แก้
  1. ประกาศสภาผู้แทนราษฎร เรื่องตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาปัญหาและวิธีการดำเนินการออกหนังสือกรรมสิทธิ์ในที่ดินทำกิน หนังสือสิทธิครอบครองให้แก่ราษฎรที่ตั้งบ้านเรือนและทำมาหากินในเขตป่าสงวนแห่งชาติหรือเขตที่ดินสาธารณประโยชน์
  2. "เอี่ยม ทองใจสด"รับเครียดกลายเป็นผู้ต้องสงสัยกรีดรถนักข่าว-ขรก.ในที่จอดรถรัฐสภา ยันไม่ได้ทำ
  3. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย เก็บถาวร 2005-12-06 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๒๒ ตอนที่ ๒๑ ข หน้า ๒, ๓ ธันวาคม ๒๕๔๘
  4. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย, เล่ม ๑๑๖ ตอนที่ ๒๐ ข หน้า ๙, ๒ ธันวาคม ๒๕๔๒

แหล่งข้อมูลอื่น

แก้