เอชทีซี วัน
เอชทีซี วัน (อังกฤษ: HTC One) เป็นสมาร์ตโฟน ที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ผลิตโดยเอชทีซี โดยเปิดตัวในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2556 ซึ่งเป็นสมาร์ตโฟนรุ่นเรือธง ที่ต่อยอดมาจากเอชทีซี วันเอ็กซ์ รุ่นในปีก่อนหน้า ซึ่งไม่ประสบความสำเร็จเนื่องจากการทำตลาดที่ล้มเหลว โดยมาพร้อมกับซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ รูปแบบใหม่ที่ออกแบบมาพิเศษโดยเอชทีซี เช่น วัสดุตัวเครื่องอะลูมิเนียม, ชิปกล้องอุลตราพิกเซล, ลำโพงคู่สเตอริโอ รวมไปถึงเอชทีซี เซนส์ รุ่นใหม่ที่มีซอฟต์แวร์ "บลิงก์ฟีด" ซึ่งเป็นกระดานรวบรวมข่าวสาร และ "โซอี" คุณสมบัติเพิ่มเติมในกล้องถ่ายรูป
200px | |
---|---|
![]() | |
ผู้ผลิต | เอชทีซี |
ซีรีส์ | เอชทีซี วัน ซีรีส์ |
เปิดตัวครั้งแรก | มีนาคม พ.ศ. 2556 |
รุ่นก่อนหน้า | เอชทีซี วันเอ็กซ์ |
รูปแบบ | สมาร์ตโฟน |
ขนาด | สูง 137.4 mm (5.41 in) กว้าง 68.2 mm (2.69 in) หนา 9.3 mm (0.37 in) (ช่วงที่หนาที่สุด) หนา 4 mm (0.16 in) (ช่วงที่บางที่สุด) |
น้ำหนัก | 143 g (5.0 oz) |
ระบบปฏิบัติการ | แอนดรอยด์ 4.1.2 "เจลลีบีน" แอนดรอยด์ 4.2 "เจลลีบีน" (รุ่นกูเกิล) |
ชิพ | ควอล์คอมม์ สแนปดรากอน 600 เอพีคิว8064 |
ซีพียู | ไครท์ 300 ควอดคอร์ 1.7 จิกะเฮิรตซ์ |
จีพียู | อาดรีโน 320 |
แรม | 2 จิกะไบต์ ดีดีอาร์2 |
หน่วยความจำ | 32 หรือ 64 จิกะไบต์ |
หน่วยความจำภายนอก | ไม่มี (รุ่นวางขายทั่วโลก) ไมโครเอสดีเอ็กซ์ซี สูงสุด 64 จิกะไบต์ (รุ่นวายขายในจีน และญี่ปุ่น) |
แบตเตอรี | 2,300 มิลลิแอมแปร์ ลิเทียมพอลิเมอร์ |
จอแสดงผล | 4.7 in (120 mm) ซูเปอร์แอลซีดี 3 อาร์จีบีเมทริกซ์ ความละเอียด 1920×1080 พิกเซล (อัตราส่วน 16:9) (468 พิกเซลต่อนิ้ว) คอร์นิง กอริลลากลาส 2.0 |
กล้องหลัก | 4 ล้านพิกเซล 2.0 μm พร้อม ออโตโฟกัส, เซนเซอร์ "อุลตราพิกเซล" แอลอีดีแฟลช, เซ็นเซอร์บีเอสไอ, รูรับแสง F2.0, เลนส์ 28 มิลลิเมตร, อิมเมจชิพ, ถ่ายภาพต่อเนื่อง, เสถียรภาพแสง บันทึกวิดีโอ 1080p ฟูลเอชดี, เสถียรภาพวิดีโอ, วิดีโอสโลว์โมชัน ที่ 768 x 432 พิกเซล, วิดีโอแบบ เอชดีอาร์ |
กล้องหน้า | 2.1 ล้านพิกเซล (1080p สำหรับการบันทึกวิดีโอ) |
การเชื่อมต่อ | 2 จี (จีเอสเอ็ม/จีพีอาร์เอส/เอดจ์): 850/900/1800/1900 เมกาเฮิรตซ์ 3 จี (ยูเอ็มทีเอส/เอชเอสพีเอ/เอชเอสพีเอ+): 850/900/1900/2100 เมกาเฮิรตซ์ วายฟาย: 2.4/5.0 จิกะเฮิรตซ์, 802.11a/b/g/n/ac เอ็นเอฟซี บลูทูธ 4.0 พร้อม เอพีที-เอ็กซ์ ดีแอลเอ็นเอ วายฟายไดเร็กส์ วายฟายฮอตสปอต อินฟราเรด |
สี | สีเงิน สีดำ สีแดง |
อื่นๆ | เซนเซอร์เครื่อง, ไจโรสโคป, เข็มทิศ, เซนเซอร์แสง |
การเปิดตัวครั้งแรกของเอชทีซี วัน ในช่วงกลางเดือนมีนาคม พ.ศ. 2556 เกิดความล่าช้าในเรื่องของการผลิตฮาร์ดแวร์ของตัวเครื่องในช่วงปลายเดือนมีนาคม ทำให้การเริ่มวางขายตามท้องตลาดมีขึ้นในเดือนเมษายน ในทวีปเอเชีย และทวีปอเมริกาเหนือ ซึ่งต่อมาในเดือนพฤษภาคม บริษัทได้เพิ่มกำลังผลิตเป็น 2 เท่า เพื่อเพิ่มการวางขายในท้องตลาด เนื่องจากในเดือนก่อนเกิดความล่าช้า และล่าสุดเอชทีซี วัน ได้วางขายในทั่วโลกไปแล้ว 5 ล้านเครื่องภายในระยะเวลา 2 เดือน[1] และได้รับคำชมเชยจากการออกแบบฮาร์ดแวร์ที่ดี และซอฟต์แวร์ที่ทำมาสำหรับฮาร์ดแวร์ที่เหมาะสม และลงตัว[2][3]
การพัฒนาและการวางขายแก้ไข
ก่อนการวางขายแก้ไข
แม้ว่าเอชทีซีได้ผลิตอุปกรณ์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ที่โดดเด่นหลายรุ่น เช่น ดรีม ซึ่งเป็นสมาร์ตโฟนแอนดรอยด์รุ่นแรกของโลก รวมไปถึง เอชทีซี อีโว 4จี สมาร์ตโฟน 4 จี เครื่องแรกของโลกบนระบบวายแม็กซ์ ของค่ายสปรินต์ แต่ในช่วงปีที่ผ่านมา การสูญเสียส่วนแบ่งทางการตลาดไปให้กับคู่แข่งหลายบริษัท อย่างซัมซุง และแอปเปิล[4] ส่วนสมาร์ตโฟนที่เป็นรุ่นเรือธงในปี พ.ศ. 2555 อย่าง เอชทีซี วันเอ็กซ์ ก็ไม่ได้รับความสำเร็จเท่าที่ควร เนื่องจากมีปัญหาในหลายด้าน บวกกับความสำเร็จของซัมซุง กาแลคซีเอส 3 และไอโฟน 5 ทำให้เอชทีซี ต้องทำการเปิดตัวสมาร์ตโฟนที่เป็นรุ่นเรือธงที่จะโดดเด่นพอในการแข่งขันกับสมาร์ตโฟนจากบริษัทอื่น และตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยในปี พ.ศ. 2556 เอชทีซีตั้งเป้าที่จะทำยอดขายเป็น 2 เท่าของปีก่อน[5][4]
โดยช่วงก่อนหน้านี้มีข่าวลือสำหรับรุ่นนี้ ซึ่งเป็นรุ่นใหม่ของเอชทีซี โดยมีชื่อรหัสว่า เอ็ม 7 (M7) รั่วไหลออกมาในช่วงหลายสัปดาห์ก่อนการเปิดตัว หลังจากนั้น ปีเตอร์ โจว ประธานกรรมการบริษัท ได้ออกมายืนยันถึงสมาร์ตโฟนเครื่องใหม่นี้ในงานวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 ข้อมูลที่รั่วไหลออกมานี้คาดว่าจะมาพร้อมระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.1.2 พร้อม เอชทีซี เซนส์ 5.0 รวมไปถึง หน้าจอ 4.7 นิ้ว ฟูลเอชดี 1080p, แรม 2 จิกะไบต์, หน่วยประมวลผล ควอด-คอร์, กล้อง 13 ล้านพิกเซล, พื้นที่หน่วยความจำ 32 จิกะไบต์ และระบุอีกว่าจะออกแบบต่อยอดจาก เอชทีซี บัตเตอร์ฟลาย[6][7]
เอ็ม 7 เปิดตัวอย่างเป็นทางการในชื่อ เอชทีซี วัน ในงานแถลงข่าว เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 โดย "วัน" จะวางขายในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2556 ผ่าน 185 ผู้ให้บริการเครือข่าย ใน 80 ประเทศทั่วโลก โดยเป็นการเปิดตัวที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท ผู้ให้บริการเครือข่ายที่จะร่วมเปิดตัวเช่น เอทีแอนด์ที, สปรินต์ และทีโมบายล์ ในสหรัฐอเมริกา, เอเวรีธิงเอเวรีแวร์ (EE), โอทู และโวดาโฟน ในสหราชอาณาจักร และเบลล์, โรเจอส์ และเทลุส ในประเทศแคนาดา[6][8] ส่วนเวอไรซอนไวร์เลส ได้เปิดตัวและวางขาย ในวันที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2556 จึงทำให้เอชทีซี วัน เป็นอุปกรณ์ที่วางขายกับเครือข่ายชั้นนำ 4 เครือข่ายจากสหรัฐอเมริกา (ส่วนเอชทีซี วันเอ็กซ์ วางขายเฉพาะ เอทีแอนด์ที)[9][10]
ความล่าช้าแก้ไข
ก่อนการเปิดตัว เอชทีซี ได้กำหนดการเปิดตัวของเอชทีซี วัน ไว้ในวันที่ 15 มีนาคม ในสหราชอาณาจักร อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีปัญหาด้านความต้องการสูง แต่ขาดชิ้นส่วนของเรื่องกล้องถ่ายรูป จึงมีปัญหาเรื่องอุปสงค์และอุปทาน ทำให้เอชทีซี ต้องเลื่อนวันเปิดตัวออกไป 1 สัปดาห์ เป็นวันที่ 22 มีนาคม ซึ่งจะวางขายในสหราชอาณาจักรก่อน และจะวางขายในประเทศเยอรมนี และประเทศไต้หวัน ในสัปดาห์ถัดมา และวางขายทั่วทวีปยุโรป, ทวีปอเมริกาเหนือ และเอเชียแปซิฟิก ภายในปลายเดือนเมษายน โดยในสหราชอาณาจักร ได้มีการเปิดให้สั่งจองล่วงหน้าผ่านอินเทอร์เน็ต โดยผู้ให้บริการเครือข่ายบางเครือข่าย ก่อนที่เอชทีซีจะทำการเปิดตัวและวางขายเอชทีซี วัน[11][12][13] โดยเอชทีซี วัน ได้เปิดตัวและวางขายกับเอทีแอนด์ที (AT&T) (พร้อมกับรุ่นความจุ 64 จิกะไบต์) และสปรินต์ ในสหรัฐอเมริกา วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2556[14]
หลังจากที่เกิดความล่าช้าในการวางขาย แจ็ก ถง ประธานบริษัทเอชทีซีในเอเชียเหนือ ได้ยืนยันว่าบริษัทได้สั่งเพิ่มการผลิตเป็น 2 เท่า เพื่อให้ทันต่อความต้องการ และทันต่อการแข่งขันกับรุ่นอื่น ๆ ภายในกลางเดือนพฤษภาคม[15]
การดำเนินคดีแก้ไข
ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2556 โนเกีย ได้ทำการยื่นฟ้องกับศาลชั้นต้นในประเทศเนเธอร์แลนด์ กับเอสทีไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (STMicroelectronics) สำหรับการที่ผลิตไมโครโฟน ให้กับเอชทีซี ในเอชทีซี วัน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีกรรมสิทธิ์ของโนเกีย[16] โดยระหว่างการฟ้องกับเอสทีไมโครอิเล็กทรอนิกส์นั้น โนเกียจะยังอนุญาตให้เอชทีซี สามารถใช้ไมโครโฟนนี้ได้ โดยไม่ต้องเรียกเครื่องที่ขายไปแล้วส่งคืน แต่รุ่นที่กำลังผลิตนั้น จะต้องจัดหาไมโครโฟนตัวใหม่มาทดแทน[17]
คุณสมบัติแก้ไข
ฮาร์ดแวร์แก้ไข
เอชทีซี วัน ใช้อะลูมิเนียมล้วนทั้งตัวเครื่อง ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ดูหรูหรามากกว่าสมาร์ตโฟนที่ใช้พลาสติก[18] โดยการผลิตนั้นจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 200 นาที[18] ส่วนคุณสมบัติของเอชทีซี วัน นั้น ใช้หน่วยประมวลผล ควอดคอร์ 1.7 จิกะเฮิรตซ์ ชิพควอล์คอมม์ สแนปดรากอน 600, แรม 2 จิกะไบต์, หน้าจอ 4.7 นิ้ว ฟูลเอชดี ซูเปอร์แอลซีดี 3 มีความละเอียดหน้าจอ 468 พิกเซลต่อนิ้ว[19], หน่วยความจำ 32 หรือ 64 จิกะไบต์ โดยไม่สามารถเพิ่มความจุผ่าน ไมโครเอสดีการ์ดได้ สำหรับรุ่นที่วางขายทั่วโลก ส่วนรุ่นที่วางขายในประเทศจีน และประเทศญี่ปุ่น จะมีช่องสำหรับเพิ่มความจุผ่านไมโครเอสดีการ์ด[19] โดยจะสามารถใช้บริการ แอลทีอี ได้ตามผู้ให้บริการ[20] ชิ้นส่วนภายในนั้นจัดเป็นรูปแบบ "พีระมิด" คล้ายกับเอชทีซี บัตเตอร์ฟลาย และเอชทีซี 8เอ็กซ์ ทำให้ด้านหลังตัวเครื่องมีลักษณะโค้งเว้า[21] และมีระบบเสียงที่มาพร้อมกับลำโพงสเตอริโอคู่ ด้านหน้า ที่มีชื่อว่า "บูมซาวด์" (BoomSound) รวมไปถึงบันทึกเสียงแบบตัดเสียงรบกวน (HDR) และบีตส์ ออดีโอ[20]
กล้องถ่ายรูปแก้ไข
เอชทีซี วัน มีกล้องหลักความละเอียด 4 ล้านพิกเซล พร้อมกับเซนเซอร์ "อุลตราพิกเซล" (UltraPixel) โดยจะใช้พิกเซลขนาด 2.0 ไมโครเมตร ขณะที่สมาร์ตโฟนรุ่นระดับสูง รุ่นอื่น ๆ จะใช้กล้องความละเอียด 8 หรือ 13 ล้านพิกเซล โดยขนาดของพิกเซลจะอยู่ที่ประมาณ 1.4 จนถึง 1.0 ไมโครเมตร ถึงแม้ว่าเม็ดพิกเซลจะมีขนาดเล็กกว่า แต่ก็ไม่ได้ถ่ายภาพออกมาได้ดีกว่า ซึ่งจากการทดลอง ภาพอาจจะสั่น หรือมีปริมาณของคลื่นรบกวนที่มากกว่า และการถ่ายภาพในที่แสงน้อยจะทำได้ยากกว่า เนื่องจากมีขนาดของเม็ดพิกเซลที่เล็กกว่า โดยเอชทีซีได้อ้างว่า การออกแบบกล้องของเอชทีซี วัน จะเพิ่มคุณภาพของภาพที่ถ่ายออกมา และการถ่ายในพื้นที่ที่มีแสงน้อยได้ดีกว่า[22][23] รวมไปถึงระบบป้องกันาพสั่นไหว และซอฟต์แวร์กล้องใหม่ รวมไปถึงหน่วยประมวลผลภาพ อิมเมจเซนส์ 2.0[24][20]
ซอฟต์แวร์แก้ไข
เอชทีซี วัน เปิดตัวพร้อมกับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.1.2 "เจลลีบีน" โดยใช้ส่วนต่อประสานกับผู้ใช้ เอชทีซี เซนส์ 5 ซึ่งออกแบบมาใหม่ ทั้งหน้าจอหลัก โดยฟลิปคล็อก (Flip Clock) จากสมาร์ตโฟนของเอชทีซีในรุ่นก่อนนั้น แทนด้วยนาฬิกาดิจิตอลและส่วนแสดงสภาพอากาศปัจจุบัน และด้านล่างนาฬิกานั้นเป็นหน้าหลักแบบใหม่ที่จะมีการรวบรวมข่าว มาให้เลื่อนอ่าน ที่มีชื่อว่า "บลิงก์ฟีด" (BlinkFeed) ซึ่งคล้ายกับ ฟลิปบอร์ด (Flipboard) และหน้าหลักของ วินโดวส์โฟน โดยจะแสดงข่าวเด่น และเนื้อหาจากสังคมออนไลน์ที่เชื่อมต่อไว้ ซึ่งเนื้อหาจะโอนถ่ายข้อมูลใหม่ทุก ๆ 2 ชั่วโมง เมื่อมีการเชื่อมต่อผ่านเครือข่าย หรือผ่านวายฟาย[25] โดย วัน จะใช้หน้าหลัก 2 หน้า คือหน้าบิลงก์ฟีด พร้อมกับนาฬิกาดิจิตอล และหน้าหลักแบบธรรมดาที่มีโปรแกรมต่าง ๆ (เหมือนกับเอชทีซี เซนส์ รุ่นก่อน ๆ)[25][5] โดยโปรแกรมประยุกต์ ที่ติดตั้งไว้ จะแสดงบนหน้าจอขนาด 3×4 แต่สามารถเปลี่ยนกลับมาเป็น 4×5 เหมือนรุ่นก่อน ๆ ได้[22]
โปรแกรมของกล้องนั้น จะมาพร้อมกับ การถ่ายภาพแบบใหม่ที่มีชื่อว่า "โซอี" (Zoe) ซึ่งมาจากคำว่า โซโทรป (zoetrope) หมายถึง ภาพที่มีชีวิต ในภาษากรีก ด้วยวิดีโอ 4 วินาทีที่จะบันทึก และเล่นเป็นภาพเคลื่อนไหวบนแกลลอรี และยังมี "ไฮไลต์" (Highlights) คุณสมบัติที่จะรวมรวมภาพ และวิดีโออัตโนมัติ ออกมาเป็นงานนำเสนอมัลติมีเดียสั้น ๆ และสามารถแบ่งปันผ่นสังคมออนไลน์ผ่านโซอี[22][24] เอชทีซี วัน มีโปรแกรมสำหรับดูโทรทัศน์ ซึ่งมาพร้อมด้วยตารางการออกอากาศ, คำแนะนำต่าง ๆ และการแจ้งเตือน รวมไปถึงยังใช้ วัน เป็นรีโมตคอนโทรล ผ่านอินฟราเรด ที่ซ่อนในปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง ได้อีกด้วย[20][25][22] และโปรแกรมเครื่องเล่นเพลงรุ่นใม่ ที่จะสามารถแสดงเนื้อเพลงบนหน้าจอขณะที่ฟังเพลงอยู่ได้[25] และคุณสมบัติ "เกตสตาร์ต" (Get Started) ที่จะแนะนำตัวเครื่องด้วยเอชทีซี วันเอ็กซ์+ และการโอนถ่ายข้อมูลจากอุปกรณ์ไอโอเอส และอุปกรณ์เอชทีซี ที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.0 ขึ้นไป[25]
เซนส์ 5.0 ไม่ได้ผลิตมาสำหรับเอชทีซี วัน เพียงรุ่นเดียว โดยเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 เอชทีซีได้ทำการยืนยันว่าจะทำการอัปเดตเซนส์ 5.0 ให้กับบัตเตอร์ฟลาย, วันเอส และวันเอ็กซ์ ในเร็ว ๆ นี้ อย่างไรก็ตาม ด้วยความแตกต่างในด้านของฮาร์ดแวร์ ทำให้รุ่นที่จะได้รับการอัปเดตไม่ได้รับคุณสมบัติที่ครบทุกอย่างเหมือนกับเอชทีซี วัน[26]
การอัปเดตแก้ไข
การอัปเดตซฟอต์แวร์เป็นแอนดรอยด์ 4.2.2 "เจลลีบีน" จะมีขึ้นในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2556 โดยการอัปเดตครั้งนี้จะเพิ่มคุณสมบัติใหม่ ๆ รวมถึงระบบ และการตั้งค่าที่เร็วขึ้น (เหมือนกับแอนดรอยด์ 4.2 บนอุปกรณ์เน็กซัส) รวมไปถึงยังสามารถที่จะแสดงเปอร์เซนต์ หรือร้อยละของแบตเตอรีที่คงเหลืออยู่บนแถบแจ้งเตือน, การนำไอคอนจากหน้าหลักออก และการเข้าใช้หน้าแอปพลิเคชันล่าสุดด้วยการกดปุ่มเมนูค้างไว้[27]
รุ่นแก้ไข
เอชทีซี วัน จะแบ่งรุ่น โดยแยกซอฟต์แวร์ และฮาร์ดแวร์ที่แตกต่างกันตามแต่ละภูมิภาค
รุ่นนักพัฒนาแก้ไข
"รุ่นนักพัฒนา" หรือ "Developer Edition" เป็นเอชทีซี วัน รุ่นความจุ 64 จิกะไบต์ ซึ่งวางขายในปริมาณที่จำกัดในสหรัฐอเมริกา โดยวางขายผ่านทางเว็บไซต์ของเอชทีซี เมื่อวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2556 โดยรุ่นนี้จะปลดล็อกบูตโหลดเดอร์ เพื่อให้นักพัฒนาได้ทำการติดตั้งรอมได้ โดยรุ่นนี้รองรับจีเอสเอ็ม, แอลทีอี ของเอทีแอนด์ที และทีโมบายล์ (แต่ไม่รองรับเอดับเบิลยูเอสของทีโมบายล์)[28]
รุ่นกูเกิลเอ็กซ์พีเรียนซ์แก้ไข
วันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 เอชทีซีได้ทำการยืนยันว่า จะขายเอชทีซี วัน ในรุ่นที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.2 แบบเพียวแอนดรอยด์ (เหมือนกับสมาร์ตโฟนเน็กซัสบนกูเกิล เพลย์ ซึ่งจะแทนที่แอนดรอยด์ 4.1 ที่มาพร้อมกับเอชทีซี เซนส์ และการอัปเดตซอฟต์แวร์นั้นจะได้รับการอัปเดตโดยตรงจากกูเกิล โดยรุ่นนี้จะวางขายในสหรัฐอเมริกา วันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2556 (วันเดียวกันกับการวางขายซัมซุง กาแลคซีเอส 4 รุ่นกูเกิล)[29][30]
รุ่นประเทศจีนแก้ไข
รุ่นของเอชทีซี วัน ที่จะวางขายในประเทศจีน ในปลายเดือนเมษายน พ.ศ. 2556 ผ่านเครือข่าย ไชนายูนิคอม (China Unicom), ไชนาเทเลคอม (China Telecom) และไชนาโมบายล์ (China Mobile) ซึ่งรุ่นนี้จะไม่เหมือนกับรุ่นที่วางขายทั่วโลก โดยรุ่นที่วางขายในประเทศจีนจะสามารถถอดฝาหลังได้ และสามารถใส่ไมโครเอสดีได้ รวมไปถึงยังเป็นรุ่นที่รองรับ 2 ซิมอีกด้วย ด้วยคุณสมบัติเช่นนี้ ทำให้มีรุ่นที่มีฝากหลังเป็นลายหวัง ลี่หง วางขายด้วย[31] เอชทีซี วัน รุ่นประเทศจีน รองรับไมโครเอสดีได้ เนื่องจากฮาร์ดแวร์ในการรับสัญญาณวิทยุนั้น ไม่ได้กินพื้นที่มากเหมือนกับรุ่นที่วางขายทั่วโลก[32]
รุ่นประเทศญี่ปุ่นแก้ไข
เอชทีซี วัน รุ่นที่วางขายในประเทศญี่ปุ่น โดยจะรู้จักกันทั่วไปในชื่อ เอชทีซี เจวัน เอชทีแอล22 (HTC J One HTL22) โดยเปิดตัวกับเคดีดีไอ (KDDI) ผู้ให้บริการเครือข่ายญี่ปุ่น ซึ่งเจวันนั้น คล้ายคลึงกับรุ่นที่วางขายในประเทษจีน และยังรองรับการใช้งานเนียร์ฟิลด์คอมมูนิเคชัน ด้วยระบบเฟลิซา (FeliCa)[33]
หลังการวางขายแก้ไข
หลังจากการวางขายเอชทีซี วัน ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ในทางด้านดีมากเป็นส่วนใหญ่ โดยในงานโมบายล์เวิลด์คองเกรส วัน ได้รับรางวัล "อุปกรณ์โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ยอดเยี่ยม" (Best New Mobile Device) ซึ่งเป็นรางวัลจากจีเอสเอ็มเอ (GSMA)[34][35] อีกทั้งยังได้รับรางวัล "โทรศัพท์มือถือยอดเยี่ยม" (Best Phone) และ "โทรศัพท์มือถือที่ดีที่สุด" (Best in Show) จากเทคเรดาร์[36] วอลต์ มอสส์เบิร์ก นักข่าวจากเดอะวอลล์สตรีตเจอร์นัล ได้วิพากษ์วิจารณ์เอชทีซี วัน ว่ามีความชื่นชอบเป็นพิเศษ มากกว่าซัมซุง กาแลคซีเอส 4 และยังดูดีในเรื่องของวัสดุที่เป็นอะลูมิเนียม ซึ่งดูดีกว่ากาแลคซีเอส 4 ที่ใช้วัสดุเครื่องเป็นพลาสติก[37]
อนานด์เทค (AnandTech) ได้ให้รางวัล "มือถือตัวเลือกแรกของผู้เขียน" (Editor's Choice Gold) และระบุว่าเอชทีซี วัน เป็นโทรศัพท์มือถือที่ดี และมีประสิทธิภาพ ทั้งเรื่องนวัตกรรมใหม่และการออกแบบ ส่วนกล้องนั้นเป็นกล้องที่ดีที่สุดของอุปกรณ์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ด้วยการแบ่งพิกเซลและความไวของชัตเตอร์ และยกย่องเอชทีซี ที่ใช้เทคโนโลยีกล้องแบบใหม่ แทนที่การเพิ่มขนาดของภาพด้วยพิกเซลที่มากขึ้น ส่วนโซอีนั้นเป็นคุณสมบัติที่น่าสนใจมากที่สุดตัวหนึ่ง ที่เข้ากันได้ดีกับฮาร์ดแวร์ (เช่นหน้าจอ, กล้อง และลำโพง) ขณะที่กราฟิกในตัวเครื่อง ได้รับการชมว่ามีความคลาสสิคมีเอกลักษณ์[22]
การออกแบบวัสดุและกล้องของเอชทีซี วัน ได้รับการชื่นชมโดยซีเน็ต (CNET) และพีซีแม็กกาซีน (PC Magazine) อย่างไรก็ตาม พีซีแม็กกาซีน ได้วิจารณ์ในเรื่องของโปรแกรมที่ติดตั้งมาพร้อมกับตัวเครื่อง และไม่สามารถนำออกได้ ในรุ่นของเอทีแอนด์ที รวมไปถึงกล้องถ่ายรูป ที่สามารถถ่ายภาพออกมาได้ในขนาดเพียง 4 ล้านพิกเซล ซึ่งยากต่อการนำไปขยายภาพให้ใหญ่ขึ้น ส่วนซีเน็ต ก็ได้วิพากษ์วิจารณ์ในคุณสมบัติบลิงก์ฟีด ที่ขาดแหล่งที่มาของเนื้อหาที่จะนำมาแสดง และไม่สามารถที่จะกำหนดเองได้ แต่ก็ชื่นชมในการอัปเดตของเอชทีซี เซนส์ รุ่นใหม่ และโปรแกรมโทรทัศน์ และก็ได้รับวิจารณ์ในเรื่องของโปรแกรมบนเครื่องของเครือข่ายสปิรนต์ และเอทีแอนด์ที เช่นกัน แต่เอชทีซีได้ตัดสินใจย้ายโปรแกรมของผู้ให้บริการเครือข่ายไปไว้ในโฟลเดอร์รวมกัน[2][3]
และในเรื่องของการซ่อมแซม ไอฟิกอิต (iFixit) ได้ให้คะแนนเอชทีซี วัน 1 คะแนน จาก 10 คะแนน ซึ่งถูกตั้งข้อสังเกตว่า จะต้องใช้วิธีการที่ยากมากหรือแทบจะเป็นไปไม่ได้ ในการเปิดอุปกรณ์ออกมาโดยที่ตัวเครื่องไม่เป็นรอย และการซ่อมหน้าจอที่แตกนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะซ่อมได้ อย่างไรก็ตาม ก็ได้รับการวิจารณ์ว่า โลหะอะลูมิเนียมที่ครอบไว้มีความทนทานสูง ทำให้ยากที่จะแกะซ่อมได้ โดยไอโฟน 5 และซัมซุง กาแลคซีเอส 4 ได้คะแนนจากไอฟิกอิตมากกว่าเอชทีซี วัน[38]
การวางขายแก้ไข
ในวันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 เดอะวอลล์สตรีตเจอร์นัล' ได้รายงานว่าเอชทีซี วัน ได้ทำยอดขายไป 5 ล้านเครื่องทั่วโลก ตั้งแต่การเปิดตัวในเดือนมีนาคม หากเปรียบเทียบกับไอโฟน 5 โดยไอโฟน 5 ทำยอดขาย 5 ล้านเครื่องภายใน 3 วัน[39] และซัมซุง กาแลคซีเอส 4 ที่วางขาย 10 ล้านเครื่องภายในเดือนแรกหลังจากวางขาย[1]
ดูเพิ่มแก้ไข
อ้างอิงแก้ไข
- ↑ 1.0 1.1 "5 million HTC One sales is good news for Taiwanese firm". TechRadar. Future Publishing. สืบค้นเมื่อ 23 May 2013.
- ↑ 2.0 2.1 "HTC One Review". CNET. CBS Interactive. สืบค้นเมื่อ 06 May 2013. Check date values in:
|accessdate=
(help) - ↑ 3.0 3.1 "HTC One (AT&T) Review". PC Magazine. Ziff Davis. สืบค้นเมื่อ 06 May 2013. Check date values in:
|accessdate=
(help) - ↑ 4.0 4.1 "HTC One looks great. But will anyone care?". CNET. CBS Interactive. สืบค้นเมื่อ 20 March 2013.
- ↑ 5.0 5.1 "HTC One reboots Sense and hopes for a comeback". CNET. CBS Interactive. สืบค้นเมื่อ 19 February 2013.
- ↑ 6.0 6.1 "HTC's Peter Chou seen holding the upcoming M7". Pocket-lint. สืบค้นเมื่อ 2 February 2013.
- ↑ "More HTC M7 details emerge, focusing on design and Sense 5.0". Unwired View. สืบค้นเมื่อ 2 February 2013.
- ↑ "HTC One coming to Sprint, T-Mobile, AT&T in the US, arriving in UK on EE, Vodafone and O2 Mobile". Engadget. AOL. สืบค้นเมื่อ 19 February 2013.
- ↑ "HTC One coming to Verizon this summer". The Verge. สืบค้นเมื่อ 3 June 2013.
- ↑ "HTC One X Available Exclusively from AT&T Beginning May 6 for $199.99". สืบค้นเมื่อ May 4, 2012.
- ↑ "HTC vaguely confirms the One's impending availability". TechRadar. Future Publishing. สืบค้นเมื่อ 22 April 2013.
- ↑ "HTC One Launch Delayed Until Late April". All Things D. Dow Jones & Company. สืบค้นเมื่อ 22 March 2013.
- ↑ "HTC One faces shipment delays, may hit stores in April". CNET. CBS Interactive. สืบค้นเมื่อ 20 March 2013.
- ↑ "PSA: HTC One available today at AT&T and Sprint". Engadget. AOL. สืบค้นเมื่อ 22 April 2013.
- ↑ "Hot, hot, hot: HTC One production doubling to meet demand". TechRadar. Future Publishing. สืบค้นเมื่อ 24 May 2013.
- ↑ "Nokia granted preliminary injunction against HTC in the Netherlands over high-amplitude mics". Engadget. AOL. สืบค้นเมื่อ 22 April 2013.
- ↑ "After injunction over smartphone part, HTC plans switch to new microphone". The Verge. Vox Media. สืบค้นเมื่อ 25 April 2013.
- ↑ 18.0 18.1 "HTC One aims to make good first impression with all-metal body". CNET. สืบค้นเมื่อ 19 February 2013. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่สมเหตุสมผล มีนิยามชื่อ "cnet-metal" หลายครั้งด้วยเนื้อหาต่างกัน - ↑ 19.0 19.1 "Hands On With the HTC One". PC Magazine. Ziff Davis. สืบค้นเมื่อ 19 February 2013. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่สมเหตุสมผล มีนิยามชื่อ "pcmag-handson" หลายครั้งด้วยเนื้อหาต่างกัน - ↑ 20.0 20.1 20.2 20.3 "HTC One announced: a 4.7-inch, 1080p Android flagship with an 'UltraPixel' camera". The Verge. Vox Media. สืบค้นเมื่อ 19 February 2013.
- ↑ "HTC One review (2013)". Engadget. AOL. สืบค้นเมื่อ 20 April 2013.
- ↑ 22.0 22.1 22.2 22.3 22.4 "The HTC One Review". AnandTech. AnandTech Inc. สืบค้นเมื่อ 5 May 2013.
- ↑ "HTC explains why 4 megapixels are better than 8". CNET. CBS Interactive. สืบค้นเมื่อ 19 February 2013.
- ↑ 24.0 24.1 "HTC One imaging in depth: UltraPixel camera and Zoe Share". Engadget. AOL. สืบค้นเมื่อ 19 February 2013.
- ↑ 25.0 25.1 25.2 25.3 25.4 "HTC One software hands-on: Sense 5, BlinkFeed, Sense TV and new Sync Manager". Engadget. AOL. สืบค้นเมื่อ 19 February 2013.
- ↑ "HTC: One X, One S, Butterfly will be updated to Sense 5". Pocket-lint. Pocket-lint Ltd. สืบค้นเมื่อ 28 February 2013.
- ↑ "HTC One Android 4.2.2 update adds UI features, sticks with Sense 5.0". Engadget. AOL. สืบค้นเมื่อ 3 June 2013.
- ↑ "HTC does what Google wouldn't: sell an LTE phone that sidesteps AT&T". The Verge. Vox Media. สืบค้นเมื่อ 10 May 2013.
- ↑ "HTC One with stock Android announced, launching June 26th for $599". The Verge. สืบค้นเมื่อ 30 May 2013.
- ↑ "Google turns the Samsung Galaxy S4 into a Nexus phone, coming June 26th for $649". The Verge. สืบค้นเมื่อ 15 May 2013.
- ↑ "HTC One announced in China. Gets dual SIM, micro-SD, removable back-cover, but no removable battery". Unwired View. สืบค้นเมื่อ 6 May 2013.
- ↑ "Why no HTC One on Verizon, microSD for US and UK? HTC explains". TechRadar. Future Publishing. สืบค้นเมื่อ 28 May 2013.
- ↑ "KDDI's HTC J One variant packs a microSD slot (updated)". Engadget. AOL. สืบค้นเมื่อ 23 May 2013.
- ↑ "Winners 2013". GSM Accociation. สืบค้นเมื่อ 29 April 2013.
- ↑ "HTC One wins award for best new mobile handset, device or tablet at MWC 2013". PhoneArena. สืบค้นเมื่อ 7 May 2013.
- ↑ "HTC One beats Xperia Tablet Z to Best in Show at MWC 2013". TechRadar. Future Publishing. สืบค้นเมื่อ 29 April 2013.
- ↑ Mossberg, Walt. "Galaxy S 4 Is a Good, but Not a Great, Step Up". All Things D. Dow Jones & Company. สืบค้นเมื่อ 19 May 2013.
- ↑ "Try not to break your HTC One. It's harder to fix than the iPhone". TechRadar. Future Publishing. สืบค้นเมื่อ 28 May 2013.
- ↑ Graham, Jefferson (September 24, 2012). "Apple: Weekend sales top 5 million for iPhone 5". USA Today. สืบค้นเมื่อ October 26, 2012.