เหรียญลูกเสือยั่งยืน

เหรียญลูกเสือยั่งยืน เป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่สร้างขึ้นตามพระราชบัญญัติลูกเสือ พ.ศ. 2551 หมวด 5 เหรียญลูกเสือและการยกย่องเชิดชูเกียรติ[1] จัดสร้างขึ้นสำหรับพระราชทานเป็นบำเหน็จความชอบในราชการให้แก่บุคคลากรทางการลูกเสือเท่านั้น

เหรียญลูกเสือยั่งยืน
มอบโดย พระมหากษัตริย์ไทย
ประเภทเหรียญราชอิสริยาภรณ์ประเภทบำเหน็จในราชการ
วันสถาปนา26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551
ประเทศไทย ราชอาณาจักรไทย
ภาษิตเสียชีพอย่าเสียสัตย์
จำนวนสำรับไม่จำกัดจำนวน
แพรแถบ
ผู้สมควรได้รับบุคคลากรทางการลูกเสือที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 15 ปี
สถานะยังพระราชทานอยู่
ผู้สถาปนาพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
ประธานพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
สถิติการมอบ
รายแรกกฤตภพ ทับทิมพัชรากร
14 ธันวาคม พ.ศ. 2564
รายล่าสุด20 ตุลาคม พ.ศ. 2566
ลำดับเกียรติ
สูงกว่าเหรียญลูกเสือสดุดี ชั้นที่ 3
รองมาไม่มี (เหรียญบำเหน็จในราชการลำดับต่ำสุด)

ลักษณะของเหรียญ แก้

ตามพระราชบัญญัติลูกเสือ พ.ศ. 2551 มาตรา 62 [2] ได้กำหนดลักษณะของเหรียญลูกเสือยั่งยืน ไว้ว่า เหรียญลูกเสือยั่งยืน มีลักษณะเป็นเหรียญเงินรูปหกเหลี่ยมตัวเหรียญหมุนได้ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 3.3 เซนติเมตร มีมุมแหลมอยู่ด้านบนติดกับห่วงห้อยร้อยแพรแถบมีขอบสองชั้น ด้านหน้ากลางเหรียญมีหน้าเสือประกอบวชิระทำเป็นลายดุน ภายในกรอบเป็นวงกลม ยกระดับพ่นทรายด้าน ด้านหลังเป็นตราคณะลูกเสือแห่งชาติ ขอบเหรียญเบื้องล่างมีข้อความว่า “บำเหน็จแห่งความยั่งยืน” อยู่บนพื้นพ่นทรายด้าน ด้านบนแพรแถบเป็นเข็มกลัดมีลักษณะเป็นแถบโลหะสีเงิน ภายในมีข้อความว่า “เสียชีพอย่าเสียสัตย์” ล้อมด้วยรูปเกลียวเชือกผูกเป็นปมเงื่อนพิรอด แพรแถบกว้าง 3 เซนติเมตร มีริ้วสีแดงกว้าง 11 มิลลิเมตร อยู่กลาง ริมทั้งสองข้างมีริ้วสีดำกว้าง 3 มิลลิเมตร ถัดจากริ้วสีดำเป็นริ้วสีขาวกว้าง 2 มิลลิเมตร และริ้วสีเหลืองอยู่ริมแพรแถบกว้าง 4.5 มิลลิเมตร ประดับที่อกเสื้อเหนือปกกระเป๋าเบื้องซ้าย

เงื่อนไขการรับพระราชทาน แก้

ตามพระราชบัญญัติลูกเสือ พ.ศ. 2551 มาตรา 61 [3] ได้กำหนดไว้ว่า ให้มีเหรียญลูกเสือยั่งยืนเป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ไว้สำหรับพระราชทานเป็นบำเหน็จความชอบในราชการให้แก่บุคลากรทางการลูกเสือที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่าสิบห้าปี (15 ปี) ด้วยความวิริยะอุตสาหะ ทำงานด้วยความเรียบร้อย ไม่เกิดความเสียหาย ก่อให้เกิดผลดีต่อกิจการลูกเสือ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติกำหนด แต่ในปัจจุบันยังไม่มีหลักเกณฑ์การรับพระราชทานตามที่ระบุไว้ในกฎหมาย

อ้างอิง แก้

  1. พระราชบัญญัติลูกเสือ พ.ศ. 2551 ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 125 ตอนที่ 42 ก หน้า 111 4 มีนาคม พ.ศ. 2551
  2. พระราชบัญญัติลูกเสือ พ.ศ. 2551 (http://kormor.obec.go.th/act/act071.pdf เก็บถาวร 2016-03-04 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน)
  3. พระราชบัญญัติลูกเสือ พ.ศ. 2551 (http://kormor.obec.go.th/act/act071.pdf เก็บถาวร 2016-03-04 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน)