เหตุขบวนเสด็จฯ ผ่านที่ชุมนุมบริเวณถนนพิษณุโลก 14 ตุลาคม พ.ศ. 2563

เหตุการณ์ในประเทศไทย

วันที่ 14 ตุลาคม 2563 เกิดเหตุการณ์ผู้ประท้วงคณะราษฎรชูมือเป็นสัญลักษณ์สามนิ้วและตะโกนใส่ขบวนเสด็จฯ ที่มีภาพปรากฏว่าขับฝ่าที่ชุมนุม[1] บริเวณถนนพิษณุโลก หน้าทำเนียบรัฐบาล ในเวลาประมาณ 17.00 น. เกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายเล็กน้อยระหว่างผู้ประท้วงกับเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนและกลุ่มคนเสื้อเหลือง มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย[2]

เหตุการณ์ขบวนเสด็จฯ ผ่านที่ชุมนุมบริเวณถนนพิษณุโลก
วันที่14 ตุลาคม 2563
เวลาประมาณ 17.00 น. (UTC+7)
ที่ตั้งถนนพิษณุโลก เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร
เหตุจูงใจการประท้วงในประเทศไทย พ.ศ. 2563
ผู้เข้าร่วม
  • ขบวนเสด็จฯ และเจ้าหน้าที่ตำรวจคุ้มกัน
  • ผู้ประท้วงคณะราษฎร
  • กลุ่มคนเสื้อเหลือง
ผลประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในกรุงเทพมหานครระหว่าง 15–22 ตุลาคม 2563
ต้องหา5
พิจารณาคดีศาลอาญาพิพากษายกฟ้องทั้ง 5 จำเลย
วิดีโอจากแหล่งข้อมูลภายนอก
ขบวนเสด็จฯ ฝ่าแนวผู้ชุมนุมประท้วง 14 ตุลาคม 2563, วิดีโอเฟซบุ๊ก
1
2
3
4
5
แผนที่เขตดุสิต
1
ถนนพิษณุโลก
2
แยกนางเลิ้ง
3
ถนนราชดำเนินนอก
4
อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
5
ทำเนียบรัฐบาล

หลังจากนั้นมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตกรุงเทพมหานครในวันที่ 15 ตุลาคม โดยอ้างเหตุผู้ชุมนุมขวางขบวนเสด็จฯ มีการจับกุมนักเคลื่อนไหว 2 คนในความผิดฐาน "ประทุษร้ายต่อเสรีภาพของพระราชินี" (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 110) นายตำรวจอาวุโสสามนายถูกสั่งย้ายตำแหน่งและสอบสวน การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ดังกล่าวยังเป็นเหตุการณ์ที่นำไปสู่การสลายการชุมนุมที่แยกปทุมวัน พ.ศ. 2563

ขบวนเสด็จฯ แก้

ขบวนเสด็จฯ ดังกล่าวเป็นขบวนของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ ซึ่งตามหมายกำหนดการ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ แทนพระองค์ไปถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดราชโอรสารามและวัดอรุณราชวรารามในเวลา 17.50 น.[3] โดยกำหนดการว่าจะใช้ถนนราชดำเนิน ไม่ใช่ถนนพิษณุโลก[1]

ในวันที่ 11 ตุลาคม 2563 ตำรวจเตือนผู้ประท้วงว่าอย่าขวางขบวนเสด็จฯ ในวันที่ 14 ตุลาคม[4]

เหตุการณ์ แก้

ก่อนหน้าเหตุการณ์นั้นผู้ประท้วงมีแผนเคลื่อนจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยไปยังทำเนียบรัฐบาล แต่ถูกสกัดอยู่ที่แยกนางเลิ้ง แขวงสวนจิตรลดา​และมีผู้ชุมนุมบางส่วนชุมนุมที่ถนนพิษณุโลก​อยู่ก่อนแล้ว[3]

ในเวลาประมาณ 17.00 น. ของวันที่ 14 ตุลาคม 2563 รถยนต์พระที่นั่งเคลื่อนผ่านที่ชุมนุมบริเวณถนนพิษณุโลก โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งแถวเปิดเส้นทางและวิ่งประกบ ส่วนผู้ประท้วงกลุ่มคณะราษฎรชูมือสัญลักษณ์สามนิ้วจากภาพยนตร์ชุด เกมล่าเกม กับส่งเสียงโห่และเรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ชุมนุมที่ถูกจับกุมไป ขณะที่กลุ่มคนเสื้อเหลืองพยายามกีดกันไม่ให้ผู้ชุมนุมเข้าใกล้ขบวนเสด็จฯ แต่ไม่มีรายงานการปะทะกัน[3] ผู้ประท้วงบางคนยังตะโกนว่า "ภาษีกู"[5]

ทั้งนี้ ไม่มีประกาศล่วงหน้าว่าจะมีการใช้เส้นทางดังกล่าว กลุ่มผู้ชุมนุมไม่ทราบว่าจะมีขบวนเสด็จฯ ผ่าน และจู่ ๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ใช้กำลังกะทันหัน[1]

หนังสือพิมพ์ ผู้จัดการ ลงภาพขณะมีผู้ชูนิ้วกลางใส่ขบวนเสด็จฯ 2 คน[6]

ปฏิกิริยา แก้

อานนท์ นำภากล่าวหาว่ามีผู้จงใจจัดขบวนเสด็จฯ ฝ่ากลุ่มผู้ชุมนุม[7] สุชาติ สวัสดิ์ศรี อดีตศิลปินแห่งชาติ กล่าวหาว่าพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง และว่าตนสงสัยว่าอาจเกิดรัฐประหาร[8] ด้าน นพเก้า คงสุวรรณ ผู้สื่อข่าวประจำหนังสือพิมพ์ข่าวสด​ ตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดไม่มีการเคลียร์เส้นทางตามแบบปฏิบัติมาแต่รัชกาลก่อน และไม่ใช่เส้นทางอื่นโดยรอบที่ไม่มีผู้ชุมนุม[9]

คืนวันเดียวกัน ประยุทธ์กล่าวหาว่าผู้ประท้วงขวางขบวนเสด็จฯ และมีการดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ และเป็นการชุมนุมที่ไม่สงบ[10] วันที่ 15 ตุลาคม ตั้งแต่เวลา 4.00 น. ประยุทธ์ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตกรุงเทพมหานครโดยอ้างเหตุขวางขบวนเสด็จฯ ดังกล่าว[11] และสลายการชุมนุมของคณะราษฎรบริเวณรอบทำเนียบรัฐบาลไทย[12][13] และมีผู้ถูกจับกุม 20 คน เป็นแกนนำ 3 คน[14] มีการตั้งกองอำนวยการร่วมแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง (กอร.ฉ.) และสั่งห้ามเผยแพร่สื่อที่เผยแพร่เนื้อหาเข้าข่ายเป็นภัยต่อความมั่นคง[14] นายตำรวจ 3 นายถูกสั่งย้ายและสอบสวน[15]

มีนักกิจกรรม 2 คนถูกจับกุมฐานพยายาม "ประทุษร้ายต่อเสรีภาพของพระราชินี" (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 110)[16][17] ซึ่งต่อมาได้รับประกันตัว[18]

หลังจากนั้นการประท้วงยังดำเนินต่อไป แม้ว่าตำรวจแจ้งว่าเป็นการฝ่าฝืนข้อกำหนดของ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ในวันที่ 16 ตุลาคม มีการสลายการชุมนุมอย่างสงบที่แยกปทุมวันด้วยปืนฉีดน้ำแรงดันสูง[19][20] และผู้บัญชาการตำรวจนครบาลแจ้งว่ามีผู้ถูกจับกุมอย่างน้อย 100 คน[21]

รัฐบาลประกาศยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในวันที่ 22 ตุลาคม 2563[22][23] และออกพระราชกฤษฎีกาเปิดสมัยประชุมวิสามัญ[24] ซึ่งพรรคร่วมฝ่ายค้านแถลงว่า เป็นการเปิดญัตติเฉพาะเรื่องขบวนเสด็จเท่านั้น เป็นการจงใจใส่ร้ายผุ้ชุมนุม[25] ด้านพรรคก้าวไกลเตรียมยื่นญัตติตั้งคณะกรรมาธิการสอบสวนการจัดเส้นทางขบวนเสด็จฯ[26]

กลุ่มและสื่อฝ่ายขวาใช้เหตุการณ์นี้โจมตีผู้ประท้วง[27][28] ผู้นิยมเจ้าซึ่งมักเป็นผู้สูงอายุมีความเห็นว่า จะต่อต้านรัฐบาลอย่างไรก็ได้ แต่ห้ามต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์[29]

คดีความ แก้

ตำรวจออกหมายจับผู้ต้องหารวม 5 ราย อัยการส่งฟ้องคดีต่อศาลในวันที่ 31 มีนาคม 2564 โดยศาลให้ประกันตัวโดยวางเงินเป็นหลักประกันคนละ 2–3 แสนบาท[30]

ในวันที่ 28 มิถุนายน 2566 ศาลอาญาอ่านคำพิพากษาระบุใจความสำคัญ เห็นว่าในวันเกิดเหตุ (14 ตุลาคม 2563) ตำรวจไม่ได้จัดการเส้นทางเสด็จให้เรียบร้อย โดยพบว่าเส้นทางยังมีรถจอดอยู่ริมถนน และไม่มีการแสดงสัญลักษณ์หรือประกาศแจ้งก่อนการเคลื่อนขบวนเสด็จ

จากการสืบพยาน พบว่าความเข้าใจของผู้อยู่ในเหตุการณ์ไม่เท่ากัน แม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน (คฝ.) ในที่เกิดเหตุ ก็เพิ่งทราบว่าจะมีขบวนเสด็จ และไม่ทราบว่าเป็นขบวนเสด็จของพระองค์ใด ขณะขบวนเสด็จเคลื่อนผ่าน มีการชักล้อมรถของเจ้าหน้าที่ประชาชนจึงเข้าใจว่าจะมีการสลายการชุมนุม จึงได้ตะโกนโห่ร้องและชูสามนิ้วเพื่อประท้วงตำรวจ ไม่ใช่ประท้วงต่อขบวนเสด็จ เมื่อประชาชนทราบว่าเป็นขบวนเสด็จ ก็เคลื่อนผ่านไปได้ ไม่ได้มีการขว้างปาสิ่งของหรือขัดขวางขบวนเสด็จ [31]

อ้างอิง แก้

  1. 1.0 1.1 1.2 "PM Orders Prosecution of Protesters Who 'Blocked Royal Convoy'". Khaosod English. 14 October 2020. สืบค้นเมื่อ 22 October 2020.
  2. ชุมนุม 14 ตุลา: ประมวลเหตุการณ์ จากปะทะ "เสื้อเหลือง" สู่ ชูสามนิ้วใส่ขบวนเสด็จฯ
  3. 3.0 3.1 3.2 "สรุปการชุมนุม 14 ตุลา จากปะทะ "เสื้อเหลือง" สู่ ชูสามนิ้วรับขบวนเสด็จฯ". BBC ไทย. 14 October 2020. สืบค้นเมื่อ 22 October 2020.
  4. "Bangkok police warn protesters not to block King's motorcade in October 14 protest". The Thaiger (ภาษาอังกฤษ). 11 October 2020. สืบค้นเมื่อ 22 October 2020.
  5. ""ผมไม่มีเจตนาอาฆาต" ตัน สุรนาถ ผู้กล่าวหาประทุษร้ายพระราชินี". VoiceTV. สืบค้นเมื่อ 22 October 2020.
  6. ""ชูสามนิ้ว" ว่าหนักแล้ว หนักกว่านี้ก็มี สะพัดภาพย่ำยีหัวใจคนไทย "ชูนิ้วกลาง" ใส่ขบวนเสด็จฯ". ผู้จัดการออนไลน์. 16 October 2020. สืบค้นเมื่อ 22 October 2020.
  7. "เกาะติด "คณะราษฎร" ชุมนุม 14 ตุลา "ราษฎรจะเดินนำ ที่ราชดำเนิน" – บีบีซีไทย". BBC Thai. สืบค้นเมื่อ 14 October 2020.
  8. "เฒ่าเพราะอยู่นาน'ศิลปิน3นิ้ว'ลามปาม!อ้างไอ้โม่งที่ส่ง'ขบวนเสด็จ'เข้าพื้นที่ชุมนุมไม่ใช่'ประยุทธ์'". Thai Post. สืบค้นเมื่อ 22 October 2020.
  9. "นักข่าวฝ่ายปลดแอก อ้างม็อบ "ไม่ขวางขบวนเสด็จ" ถามตำรวจทำไมใช้เส้นทางเปราะบาง". ผู้จัดการออนไลน์. สืบค้นเมื่อ 22 October 2020.
  10. "นายกฯ สั่งดำเนินคดีผู้ชุมนุมขัดขวางขบวนเสด็จฯ". Thai PBS. 14 October 2020. สืบค้นเมื่อ 22 October 2020.
  11. ""บัวแก้ว"แจงทูตใช้พรก.ฉุกเฉินม็อบส่งรุนแรง-กระทบขบวนเสด็จ". โพสต์ทูเดย์ (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 22 October 2020.
  12. Vegpongsa, Tassannee (14 October 2020). "Thai Leader Declares 'Severe' State of Emergency in Bangkok as Anti-Government Protests Continue". Time.com. AP. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-10-21. สืบค้นเมื่อ 21 October 2020.
  13. "Police clear protest as emergency decree bans gatherings". Bangkok Post. Reuters. 15 October 2020. สืบค้นเมื่อ 21 October 2020.
  14. 14.0 14.1 "Twenty protesters arrested, planned Thursday rally prohibited". Bangkok Post. สืบค้นเมื่อ 15 October 2020.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  15. English, Khaosod (15 October 2020). "3 Senior Policemen Removed for Motorcade Bedlam". Khaosod English.
  16. Beech, Hannah (16 October 2020). "Thailand Steps Up Response as Antigovernment Protests Escalate". The New York Times. สืบค้นเมื่อ 17 October 2020.
  17. Regan, Helen (16 October 2020). "Two Thai protesters could face life imprisonment for violence against the Queen". CNN. สืบค้นเมื่อ 16 October 2020.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  18. Thepgumpanat, Patpicha Tanakasempipat, Panarat (17 October 2020). "Tens of thousands protest across Thailand in defiance of ban". Reuters (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 17 October 2020.
  19. "Thai police resort to teargas, arrest warrants against protesters". Nikkei Asia. สืบค้นเมื่อ 16 October 2020.
  20. "Thailand protests: Riot police fire water cannon as protesters defy rally ban". BBC News (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 16 October 2020. สืบค้นเมื่อ 16 October 2020.
  21. "พรรคก้าวไกล เจรจา ผบช.น. เข้าพื้นที่ชุมนุม พาคนเจ็บออกจากม็อบ". ประชาชาติธุรกิจ. 16 October 2020. สืบค้นเมื่อ 16 October 2020.
  22. "State of emergency ends in Bangkok". Bangkok Post. 22 October 2020. สืบค้นเมื่อ 22 October 2020.
  23. Regan, Helen (22 October 2020). "Thailand's Prime Minister lifts state of emergency. Protesters give him three days to resign". CNN.com. สืบค้นเมื่อ 22 October 2020.
  24. "โปรดเกล้าฯ พระราชกฤษฎีกา เรียก ประชุมสมัยวิสามัญ แห่งรัฐสภา". The Bangkok Insight. 21 October 2020. สืบค้นเมื่อ 22 October 2020.
  25. "6 พรรคฝ่ายค้าน จำใจร่วมอภิปรายวิสามัญ วิปรัฐบาลไม่ขวางหากพูดเรื่องสถาบัน". ประชาชาติธุรกิจ. 22 October 2020. สืบค้นเมื่อ 22 October 2020.
  26. "'ก้าวไกล' จ่อยื่นญัตติด่วนตั้ง กมธ.ศึกษาความบกพร่องจัดเส้นทางขบวนเสด็จ". ประชาไท. สืบค้นเมื่อ 22 October 2020.
  27. "เอาแล้ว! 'ลุงกำนัน' เหลืออดม็อบคุกคามขบวนเสด็จ ชวนพี่น้องร่วมอุดมการณ์ปกป้องสถาบัน". Thai Post. สืบค้นเมื่อ 22 October 2020.
  28. "ชาวเน็ตสาป!! กลุ่มขวางขบวนเสด็จฯ". เนชั่น. 15 October 2020. สืบค้นเมื่อ 22 October 2020.
  29. "Thai monarchy's 'motorcade moment' heckling shows growing youth disdain". South China Morning Post (ภาษาอังกฤษ). 19 October 2020. สืบค้นเมื่อ 22 October 2020.
  30. "อัยการสั่งฟ้อง 5 ผู้ต้องหาคดี "ขวางขบวนเสด็จฯ-ประทุษร้ายองค์ราชินี"". BBC ไทย. 31 March 2021. สืบค้นเมื่อ 31 March 2021.
  31. "ศาลอาญาพิพากษายกฟ้อง 5 จำเลย ไม่มีความผิดทุกข้อกล่าวหา กรณีถูกฟ้องผิด ม.110 ปมขบวนเสด็จ จากเหตุเมื่อปี 2563". THE STANDARD. 2023-06-28.