เหตุกราดยิงที่จังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. 2563

เหตุกราดยิงในประเทศไทย

เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 เกิดเหตุกราดยิงที่จังหวัดนครราชสีมา ซึ่ง จ่าสิบเอก จักรพันธ์ ถมมา ใช้ปืนยิงผู้บังคับบัญชาและญาติถึงแก่ความตาย แล้วหลบหนีเข้ามาในตัวเมือง กราดยิงผู้คนตามรายทาง ก่อนเข้าไปซ่อนตัวหลบอยู่ในห้างสรรพสินค้าเทอร์มินอล 21 โคราช จับบุคคลในห้างเป็นตัวประกัน[6] และถ่ายทอดสดตนเองขณะก่อเหตุลงเฟซบุ๊กของตน[7] จนถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญฆาตกรรมในเช้าวันถัดมา[8] สรุปมีผู้เสียชีวิต 31 คน(รวมผู้ก่อเหตุ) บาดเจ็บ 58 คน[3][9] ในจำนวนนี้บาดเจ็บสาหัส 5 คน[10] เหตุการณ์นี้ถือว่าเป็นเหตุกราดยิงที่เลวร้ายที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ไทย[11]

เหตุกราดยิงที่จังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. 2563
แผนที่
สถานที่ตั้งของ พัน.สพ.กระสุน 22 บชร.2 ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ (1), วัดป่าศรัทธารวม (2) และเทอร์มินอล 21 โคราช (3)
สถานที่จังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย
วันที่8–9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563
ประเภทการสังหารหมู่, การกราดยิงหมู่
อาวุธ
ตาย31 ราย (รวมผู้ก่อเหตุ)[3]
เจ็บ58 ราย
ผู้ก่อเหตุจ่าสิบเอก จักรพันธ์ ถมมา[4]
เหตุจูงใจคับแค้นผู้บังคับบัญชาที่ถูกเอาเปรียบเรื่องบ้านพักสวัสดิการ[5]

ผู้ก่อเหตุ

แก้

จ.ส.อ. จักรพันธ์ ถมมา เกิดวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2531 (อายุ 31 ปี) เป็นชาวตำบลหนองสังข์ อำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ สำเร็จการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพล จบการศึกษาวิชาที่ โรงเรียนนายสิบทหารบก เป็นทหารสังกัดกองพันสรรพาวุธกระสุนที่ 22 กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ ตำบลไชยมงคล มีความชำนาญในการยิงปืนระยะไกล[12]

การกราดยิง

แก้

ภูมิหลัง

แก้

จ.ส.อ. จักรพันธ์ ได้ซื้อบ้านในโครงการสวัสดิการทหารที่ตำบลโคกกรวด จำนวน 1,500,000 บาท และได้ให้นางอนงค์ มิตรจันทร์ ดำเนินการเรื่องเอกสารและการจัดตกแต่งภายในบ้านให้ จนมีเงินส่วนเกินที่เหลือ 50,000 บาท นางอนงค์จึงส่งเงินส่วนนี้ให้นายพิทยาซึ่งเป็นนายหน้า จ.ส.อ. จักรพันธ์ จึงได้ขอเงินส่วนนี้คืน[13]

พ.อ. อนันต์ฐโรจน์ กระแสร์ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชา เป็นคนกลาง มีการนัดนางอนงค์มาชี้แจงข้อเท็จจริง รวมถึงนายพิทยา นายหน้า เมื่อมีการพูดคุยกัน นายหน้าเสนอขอจ่ายเงินชดใช้ให้ แต่ไม่มีเงิน เพราะใช้เงินหมดไปแล้ว จึงขอกู้ยืมเงินจากนางอนงค์ แต่เป็นการตกลงจำนวนเงินที่ไม่ลงตัว เพราะก่อนหน้านี้ จ่าสิบเอก จักรพันธ์ เข้าใจว่าตัวเองจะได้เงินคืน 400,000 บาท[14]

บ้านพักผู้บังคับบัญชา ค่ายสุรธรรมพิทักษ์และวัดป่าศรัทธารวม

แก้

วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563 เวลาประมาณ 15:30 น. จ.ส.อ. จักรพันธ์ ใช้ปืนยิงผู้บังคับบัญชา คือ พ.อ. อนันต์ฐโรจน์ กระแสร์ อายุ 48 ปี ผู้บังคับกองพันสรรพาวุธกระสุนที่ 22 กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 และนางอนงค์ มิตรจันทร์ อายุ 65 ปี แม่ยายของ พ.อ. อนันต์ฐโรจน์ ถึงแก่ความตายที่บ้านพักในตำบลหนองจะบก อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา[15] ขณะที่นายหน้าวิ่งหนีไป จึงถูกไล่ยิงเข้าข้างหลังแต่ไม่เสียชีวิต[16]

จากนั้น จ.ส.อ. จักรพันธ์ ไปชิงอาวุธสงครามออกมาจากคลังอาวุธกองพันสรรพาวุธกระสุนที่ 22 กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ ตำบลไชยมงคล โดยยิงทหารเวรกองรักษาการณ์ และทหารดูแลคลังอาวุธ มีพลทหารบาดเจ็บ 1 นายเสียชีวิตอีก 1 นาย[15] ต่อมา จ.ส.อ. จักรพันธ์ ขับรถฮัมวีหลบหนีออกไปทางด้านหลังค่าย มุ่งไปทางวัดป่าศรัทธารวม ตำบลหัวทะเล เพราะทราบว่าภรรยาของผู้บังคับบัญชาออกไปทำบุญที่วัดป่าศรัทธารวม[17] ได้กราดยิงผู้คนตามรายทางถึงแก่ความตายรวม 9 คน[18] คนร้ายกราดยิงกระสุนนับร้อยนัด โดยยิงคนในรถเสียชีวิตและบาดเจ็บ ยังยิงเด็กนักเรียนที่ขับขี่รถจักรยานยนต์และยังเดินไปยิงซ้ำอีก จากนั้นมีตำรวจมา 2 นายไม่ทันลงจากรถก็ถูกยิงจนพรุนเสียชีวิต[19] แต่ปรากฏว่า ได้ทราบว่า ภรรยาของผู้บังคับบัญชาไปกินข้าวที่เทอร์มินอล 21 โคราช[17]

เทอร์มินอล 21 โคราช

แก้

จ.ส.อ. จักรพันธ์ ขับรถเข้าไปในตัวเมืองจังหวัดนครราชสีมา มุ่งไปที่ห้างสรรพสินค้าเทอร์มินอล 21 โคราช ซึ่งอยู่ที่ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครราชสีมา โดยกราดยิงผู้คนตามรายทาง และจับผู้คนในห้างเป็นตัวประกัน ทั้งยิงถังแก๊ส ทำให้เกิดระเบิดและเพลิงลุกไหม้ในห้าง[12] จ.ส.อ. จักรพันธ์ ยังถ่ายทอดสดตนเองขณะก่อเหตุลงเฟซบุ๊กของตน[7]

ไทยรัฐ รายงานโดยอ้างถ้อยคำของบุคคลในห้างที่ติดต่อออกมาหาญาติภายนอกว่า ตัวประกันในห้างมี 16 คน[20]

ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต

แก้

โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาแถลงในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 เวลา 23:50 น. ว่ามีผู้เสียชีวิต 20 คน ศพทั้งหมดอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งนี้ แบ่งเป็นผู้เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ 16 คน เสียชีวิตที่โรงพยาบาลแห่งนี้ 3 คน และเสียชีวิตที่โรงพยาบาลกรุงเทพราชสีมา 1 คน ส่วนผู้บาดเจ็บมี 32 คน ในจำนวนนี้ 10 คนอาการหนัก และมีตำรวจ 2 คนถูกยิงที่หลังและขา[6]

รุ่งขึ้น เวลา 04:25 น. สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสรายงานว่า มีตำรวจอรินทราชอีก 2 รายเสียชีวิตจากการปะทะ[21]

วันเดียวกัน เวลา 09:14 น. มีรายงานว่า จ.ส.อ. จักรพันธ์ ผู้ก่อเหตุ ถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญฆาตกรรม[8] ในบริเวณชั้นใต้ดิน โซนเอ ของห้าง[22]

สรุป มีผู้เสียชีวิต 31 คน (รวมผู้ก่อเหตุ) และมีผู้บาดเจ็บ 58 คน[3]พื้นที่ที่มีผู้เสียชีวิตมากถึง 4 ตำบลใน อำเภอเมืองนครราชสีมา

รายชื่อผู้เสียชีวิต[23]

แก้

พลเรือน

แก้
  1. นางสาวกรรณิการ์ การบรรจง อายุ 25​ ปี
  2. นายจักรพันธ์ ชิพิมาย อายุ 44 ปี
  3. นายจิรวัฒน์ รัดกลาง อายุ 41 ปี
  4. นางจุฑารัตน์ ลิมป์สิริวรรณ อายุ 50 ปี
  5. นางชญาภา แสงครบุรี อายุ 62 ปี
  6. นายทัศนะ หริรักษ์ อายุ 35 ปี
  7. นายวันชัย เวชวรรณ์ อายุ 41 ปี
  8. นายสมเกียรติ วิชชุปัญญาพาณิชย์ อายุ 40 ปี
  9. นายสุริยะ ลิมป์รัชตามร อายุ 44 ปี
  10. นางอนงค์ มิตรจันทร์ อายุ 62 ปี
  11. นายศรัณยพงศ์ พงธ์ชะอุ่มดี อายุ 55 ปี
  12. นางนริศรา โชติกลาง อายุ 52 ปี
  13. เด็กชายรัชชานนท์ กาญจนเมธี อายุ 13 ปี
  14. นางสาวอารียา กลีบเมฆ อายุ 40 ปี
  15. นางพัชรา จันทร์เพ็ง อายุ 54 ปี
  16. นายเอกกวิน ยืนทน อายุ 18 ปี
  17. นายอำนาจ บุญเกื้อ อายุ 49 ปี
  18. นายพีรพัฒน์ พละสาร อายุ 25 ปี
  19. นางสาวอภิษณาภา ขันผักแว่น อายุ 45 ปี
  20. นางสาวปภัชญา นวลรักษา อายุ 20 ปี
  21. นายอธิวัฒน์ ​พรมสุข อายุ 25 ปี
  22. เด็กชายปรมะ ลิมป์รัชตามร อายุ 2​ ปี
  23. นายวัชรพล พาณิชย์ อายุ 41 ปี
  24. นายอุทัย ขันอาสา อายุ 38 ปี[24]

ข้าราชการทหารและตำรวจ

แก้
  1. พล.ต.ท.[25]ตระกูล ทาอาษา
  2. พ.ต.ท. [26] ชัชวาลย์ แท่งทอง
  3. พ.ต.ท. [27] เพชรรัตน์ กำจัดภัย
  4. สิบเอก[28] เมธา เลิศศิริ
  5. พ.อ. อนันต์ฐโรจน์ กระแสร์
  6. ร.อ. ศิริวิวัฒน์ แสงประสิทธิ์
  7. จ.ส.อ. จักรพันธ์ ถมมา (ผู้ก่อเหตุ)

ผลที่ตามมา

แก้

การนำออกจากเฟซบุ๊ก

แก้

เฟซบุ๊ก ได้ถอดบัญชีเฟซบุ๊กของผู้ต้องสงสัยว่าเป็นคนร้าย อันเนื่องจากโพสต์ข้อความและวิดีโอสดที่มีเนื้อหารุนแรง ซึ่งขัดหลักกับนโยบายของเฟซบุ๊ก[29] นอกจากนั้นกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้​ขอให้เฟซบุ๊กตรวจสอบและนำภาพการเสียชีวิต รวมถึงคลิปการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ออกจากระบบ[30]

การทำงานของสื่อมวลชน

แก้

จากเหตุการณ์นี้ สังคมตั้งคำถามถึงการทำงานของสื่อมวลชน เรื่องมีส่วนการขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมถึงความเหมาะสมของเนื้อหาที่ถูกเผยแพร่ มีกระแสในโลกโซเชียลตำหนิสื่อมวลชนจำนวน 3 ช่อง คือช่องวัน, ไทยรัฐทีวี และอมรินทร์ทีวี เนื่องจากบอกรายละเอียดที่ตั้ง แนวการทำงานของเจ้าหน้าที่ สัมภาษณ์และบอกพิกัดของผู้ที่ติดอยู่ในเทอร์มินอล 21 โคราช และสัมภาษณ์สดพ่อของผู้เสียชีวิต ที่สร้างความหดหู่แก่ผู้ชม[31] แม้ กสทช. ออกคำสั่งไปยังสถานีทุกช่องให้งดการนำเสนอภาพข่าว การรายงานสด ที่จะส่งผลกระทบต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติการในเหตุการณ์ ก็ยังพบบางสถานีไม่ได้ปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด[32] อย่างไรก็ตาม ช่องดังกล่าวกลับได้รับผลตอบรับทางด้านเรตติ้งที่สูงมาก[31]

กัมปนาท ตันสิถบุตรกุล จิตแพทย์ ให้ความเห็นเรื่อง การวิเคราะห์สถานการณ์ หรือ วิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ก่อเหตุ ว่า "บางครั้งก็นำผู้ที่ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญมาวิเคราะห์ เป็นการขายข่าวไปวัน ๆ คงไม่เกิดประโยชน์อะไรแถมจะเกิดผลเสียให้กับสังคมอีกมากมาย"[33]

ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 กสทช. ได้สั่งปรับสื่อมวลชนที่ขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 3 ช่อง โดยแบ่งเป็นช่องวัน ถูกปรับ 250,000 บาท เนื่องจากเป็นการทำผิดครั้งแรก ส่วนไทยรัฐทีวีและอมรินทร์ทีวี ถูกปรับเป็นโทษสูงสุด คือช่องละ 500,000 บาท เนื่องจากเคยได้รับโทษในเรื่องการนำเสนอเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม พร้อมทั้งมีการนำเสนอข่าววิธีการกราดยิงซ้ำอีกครั้งในรูปแบบแอนิเมชันซึ่งไม่ใช่การออกข่าวที่แท้จริง[34]

การทำงานของกองทัพและรัฐบาล

แก้

ประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส. นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ตั้งกระทู้สดถามนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ถึงความล่าช้าในการระงับเหตุ และเหตุผลที่ไม่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อควบคุมสถานการณ์[35] โดยไล่เรียงเหตุการณ์ว่า คนร้ายอยู่ในค่ายสุรธรรมพิทักษ์ นาน 50 นาที ก่อนเดินทางไปก่อเหตุ ใกล้วัดป่าศรัทธารวม อีก 50 นาที จากนั้นใช้เวลาเดินทางอีก 30 นาที ไปห้างเทอร์มินอล 21 โดย พล.อ. ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ตอบกลับว่า ช่วงเวลาดังกล่าวได้สั่งให้เตรียมกำลังและร่างประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินไว้หากไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ทั้งนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ตามขั้นตอน[36]

ส่วนเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัยคลังอาวุธของกองทัพ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ตอบข้อซักถามนี้กับสื่อมวลชนว่า กองทัพมีมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยและป้องกันคลังอาวุธกระสุนมานานแล้ว ทั้งการติดตั้งกล้องวงจรปิด ยามรักษาการณ์ บางหน่วยมีสุนัขร่วมด้วย แต่ในเหตุการณ์นี้ยอมรับว่า มีหน่วยงานที่หละหลวม อย่างไรก็ดี ผู้ก่อเหตุปฏิบัติราชการในหน่วยงานนั้น มีความเชี่ยวชาญช่ำชองทั้งการใช้อาวุธ และรู้จักพื้นที่เป็นอย่างดี ทั้งนี้จะเพิ่มมาตรการให้รอบคอบรัดกุมยิ่งขึ้น[37]

การตรวจสอบธุรกิจในค่ายทหาร

แก้

ข้อมูลจากการสอบสวนของตำรวจ สันนิษฐานว่าเหตุรุนแรงครั้งนี้มีที่มาจากข้อพิพาทเกี่ยวกับเรื่องเงินและการซื้อขายบ้านที่ผู้ก่อเหตุซื้อจากนางอนงค์ รวมถึงคำยืนยันจากพลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ที่ระบุว่าทหารผู้ก่อเหตุ "ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากผู้บังคับบัญชาและเครือญาติ" จึงเป็นเหตุนำไปสู่การหาความจริงเกี่ยวกับธุรกิจของนางอนงค์ พบว่ามีการทำเป็นขบวนการ คือ เจ้าของโครงการบ้านจัดสรรที่เป็นเครือญาติของนายทหารนำโครงการมาเสนอขายให้ทหารชั้นผู้น้อยในราคาถูก จากนั้นจัดหาเจ้าหน้าที่มาดูแลด้านการอนุมัติเงินกู้ของกรมสวัสดิการทหารบกมาประเมินราคาบ้านให้สูงกว่าความเป็นจริงเพื่อขออนุมัติเงินกู้ในวงเงินที่สูง ๆ โดยผู้บังคับบัญชาเซ็นหนังสือรับรองเพื่อให้อนุมัติเงินได้ง่ายขึ้น แต่ทางกองทัพบกออกมา ปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง ไม่มีขบวนการเงินทอน กองทัพและกรมสวัสดิการทหารบกไม่ได้ประโยชน์จากเงินส่วนต่างในการกู้เงิน และเชื่อว่าความขัดแย้งนี้เป็นเรื่องของตัวบุคคล อย่างไรก็ตาม ต่อมาทางกองทัพบกสั่งตรวจสอบโครงการสวัสดิการทหารและธุรกิจในค่ายทหารทั้งหมด[38]

จากการตรวจสอบในปี 2565 พบว่ากองทัพบกได้โอนกิจการบางส่วนให้เอกชนเข้าดำเนินการแล้ว แต่ปัญหานายทหารเกษียณยังพักอยู่ในบ้านพักหลวงนั้น พบว่ากองทัพบกยังคงปฏิเสธให้ข้อมูลอย่างต่อเนื่อง[39]

ปฏิกิริยา

แก้
  • สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ออกแถลงการณ์ผ่านเพจเฟซบุ๊ก U.S. Embassy Bangkok ต่อเหตุการณ์จ่าสิบเอกจักรพันธ์ ถมมา สังกัดกองพันสรรพาวุธกระสุนที่ 22 กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 ใช้อาวุธปืนไล่ทำร้ายเจ้าหน้าที่และประชาชนในที่สาธารณะในจังหวัดนครราชสีมา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากนั้นว่า สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยจะยืนหยัดเคียงข้างประชาชนไทยเสมอ เรารู้สึกสะเทือนใจอย่างยิ่งต่อเหตุการณ์โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นในจังหวัดนครราชสีมา และขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบ รวมทั้งเพื่อนและครอบครัวของพวกเขา
  • สถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย โพสต์ข้อความว่า สถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อผู้เสียชีวิตและครอบครัวของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นในจังหวัดนครราชสีมา และหวังว่าผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจะฟื้นตัวโดยเร็ว ออสเตรเลียยืนหยัดเคียงข้างประชาชนชาวไทย ในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้
  • สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านในกรุงเทพฯ โพสต์ภาพธงชาติไทยและธงชาติอิหร่าน ระบุว่า "แสดงความเสียใจ จากประชาชนชาวอิหร่านถึงคนไทย" พร้อมแฮชแท็ก #Korat
  • คณะผู้แทนสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย ได้โพสต์ข้อความว่า สำนักงานคณะผู้แทนสหภาพยุโรปประจำประเทศไทยขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่ จ.นครราชสีมา ในวันที่ 8 ก.พ.2563 และขออวยพรให้ผู้ได้รับบาดเจ็บทุกคนสามารถฟื้นจากอาการบาดเจ็บในเร็ววัน พร้อมกันนี้ ขอส่งกำลังใจมายังกัลยาณมิตรชาวไทยทุกคน และขอยืนหยัดร่วมกับท่านในช่วงเวลาแห่งความยากลำบากนี้

ดูเพิ่ม

แก้

อ้างอิง

แก้
  1. "แฉจ่าคลั่งชอบเล่นปืน ลากเอชเค-M60 ก่อเหตุ พร้อมกระสุนกว่า 700 นัด". ไทยรัฐ. สืบค้นเมื่อ 8 กุมภาพันธ์ 2020.
  2. @CalibreObscura (8 กุมภาพันธ์ 2020). "Some reports indicate that he may have stolen an M60 MG (!) (Looks like an M60E3 to me) and a vehicle too, but unsure if the former was used. Footage didn't appear that it was to me" (ทวีต) – โดยทาง ทวิตเตอร์.
  3. 3.0 3.1 3.2 "สลด ยอดเสียชีวิตพุ่ง 30 ราย เหตุกราดยิงโคราช (16.15 น.)". กรุงเทพธุรกิจ. 9 กุมภาพันธ์ 2020. สืบค้นเมื่อ 9 กุมภาพันธ์ 2020.
  4. "Thai soldier goes on shooting rampage, killing at least 17 people". Al Jazeera. 8 กุมภาพันธ์ 2020.
  5. "จากจิตรลดามือมีด คลั่งยิงโคราช มาถึง อดีตตำรวจสังหารหมู่ หนองบัวลำภู". ประชาชาติธุรกิจ. 6 October 2022. สืบค้นเมื่อ 9 October 2022.
  6. 6.0 6.1 "กราดยิงโคราช: นายทหารชั้นประทวนยิงผู้บังคับบัญชา แล้วโพสต์สดกราดยิงไม่เลือกหน้า เชื่อยังซ่อนอยู่ในห้างเทอร์มินอล 21 ห้างโคราช ยอดตาย-เจ็บจำนวนมาก". บีบีซีไทย. 8 กุมภาพันธ์ 2020. สืบค้นเมื่อ 8 กุมภาพันธ์ 2020.
  7. 7.0 7.1 "20 killed as soldier opens fire in Korat". Bangkok Post. 9 กุมภาพันธ์ 2020. สืบค้นเมื่อ 9 กุมภาพันธ์ 2020.
  8. 8.0 8.1 ตำรวจวิสามัญฆาตกรรม "จักรพันธ์ ถมมา" จ่าคลั่ง กราดยิงประชาชนดับคาห้าง ไทยรัฐ. 9 กุมภาพันธ์ 2563. สืบค้นเมื่อ 9 กุมภาพันธ์ 2563.
  9. ผู้ว่าฯ สกลนคร เป็นประธานในพิธีพระราชทานเพลิงศพนายอุทัย ขันอาสา ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุกราดยิงที่โคราช เก็บถาวร 2020-10-23 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์. 24 สิงหาคม 2563.
  10. "สุดเศร้ารับศพ 3 พ่อแม่ลูก เหยื่อทหารคลั่งโคราช นายกฯเตรียมร่วมพิธีศพ". บ้านเมือง. 11 กุมภาพันธ์ 2020.
  11. Lalit, Sakchai; Vejpongsa, Tassanee (9 กุมภาพันธ์ 2020). "Thai army sergeant who killed at least 26 shot dead in mall, officials say". USA Today. สืบค้นเมื่อ 9 February 2020.
  12. 12.0 12.1 "เปิดประวัติ "จักรพันธ์ ถมมา" ฆ่าไปโพสต์ไป แม่นปืน สุดเจ็บแค้น พาแม่มากล่อม". ไทยรัฐ. 8 กุมภาพันธ์ 2020. สืบค้นเมื่อ 8 กุมภาพันธ์ 2020.
  13. "เมีย พ.อ. เปิดใจ "นายหน้า" เป็นต้นเหตุพา "จ่า" เที่ยวนักร้อง ผลาญเงิน 5 หมื่นทำคลั่ง (คลิป)". อมรินทร์ทีวี. 10 กุมภาพันธ์ 2020. สืบค้นเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2020.
  14. "เพื่อนจ่าโหดเผยปมคลั่ง เงินส่วนแบ่งซื้อบ้านหาย 4 แสน ไม่ใช่ 5 หมื่น (คลิป)". อมรินทร์ทีวี. 11 กุมภาพันธ์ 2020. สืบค้นเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2020.
  15. 15.0 15.1 "ย้อนไทม์ไลน์สะเทือนขวัญ จ.ส.อ.คลั่ง กราดยิงประชาชนไม่เลือก ทั่วเมืองโคราช". ช่อง 7. 9 กุมภาพันธ์ 2020. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 ตุลาคม 2020. สืบค้นเมื่อ 9 กุมภาพันธ์ 2020.
  16. "แฉปม จ.ส.อ.คลั่ง ส่วนต่างค่าที่ "ล่องหน"". คมชัดลึก. 10 กุมภาพันธ์ 2020. สืบค้นเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2020.
  17. 17.0 17.1 "คนใกล้ชิดมือกราดยิงโคราช แจงปมทำไมเลือกก่อเหตุ วัดป่าศรัทธารวม-ห้างเทอร์มินอล 21". ช่อง 3. 12 กุมภาพันธ์ 2020. สืบค้นเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2020.
  18. "ลำดับเหตุช็อกคนไทยทั้งประเทศ เหตุกราดยิงทั่วนครราชสีมา". สำนักข่าวไทย. 9 กุมภาพันธ์ 2020. สืบค้นเมื่อ 6 ตุลาคม 2022.
  19. "พระลูกวัดป่าศรัทธารวม-แม่ชียังผวา! เล่านาทีระทึกจ่าคลั่งกราดยิง". ไทยโพสต์. 10 กุมภาพันธ์ 2020. สืบค้นเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2020.
  20. "คาด "จักรพันธ์ ถมมา" ทหารคลั่ง จับตัวประกันในห้าง 16 คน". ไทยรัฐ. 8 กุมภาพันธ์ 2020. สืบค้นเมื่อ 8 กุมภาพันธ์ 2020.
  21. "สดุดี 3 ตำรวจผู้กล้า พลีชีพเหตุกราดยิงโคราช". ไทยพีบีเอส. 9 กุมภาพันธ์ 2020.
  22. "เปิดภาพ พ่อ-ลูกชายเคียงบ่าเคียงไหล่ ระงับเหตุกราดยิงโคราช". เนชั่นสุดสัปดาห์. 9 กุมภาพันธ์ 2020. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-10-21. สืบค้นเมื่อ 9 กุมภาพันธ์ 2020.
  23. จดหมายเหตุกรณีกราดยิง ณ ศูนย์การค้าเทอร์มินอล21นครราชสีมา
  24. "พระราชทานเพลิงศพ หนุ่ม รปภ. เหยื่อกราดยิงโคราช". บ้านเมือง. 24 สิงหาคม 2020.
  25. ในหลวงโปรดเกล้าพระราชทานยศ3ตำรวจเป็นกรณีพิเศษ
  26. ในหลวงโปรดเกล้าพระราชทานยศ3ตำรวจเป็นกรณีพิเศษ
  27. ในหลวงโปรดเกล้าพระราชทานยศ3ตำรวจเป็นกรณีพิเศษ
  28. ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 24 ร่วมพิธีสวดพระอภิธรรม พลทหารเมธา เลิศศิริ
  29. "สื่อนอกประโคมข่าว #กราดยิงโคราช - ยืนยันเฟซบุ๊กลบบัญชีมือปืนแล้ว". สนุก.คอม. 9 กุมภาพันธ์ 2020. สืบค้นเมื่อ 9 กุมภาพันธ์ 2020.
  30. ""เฟซบุ๊ก" ตอบรับ "ดีอีเอส" นำภาพ-คลิป กราดยิงโคราชออกจากระบบ". สปริงนิวส์. 9 กุมภาพันธ์ 2020. สืบค้นเมื่อ 9 กุมภาพันธ์ 2020.
  31. 31.0 31.1 "วันที่กระแสสังคม สวนทางกับเรตติ้ง". ทีวีดิจิตอลวอตช์. 11 กุมภาพันธ์ 2020. สืบค้นเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2020.
  32. "ฟาดแหลกสื่อไลฟ์เก่ง "กสทช." ง้างดาบฟัน "สื่อมวลชน" ปฏิบัติไม่เหมาะสมรายงานเหตุการณ์ #กราดยิงโคราช". นิว 18. 9 กุมภาพันธ์ 2020. สืบค้นเมื่อ 9 กุมภาพันธ์ 2020.
  33. "ทำไมต้องรีบวิเคราะห์กราดยิงโคราช!? จิตแพทย์ดังกระตุกสังคมไทย". สยามรัฐออนไลน์. 9 กุมภาพันธ์ 2020. สืบค้นเมื่อ 9 กุมภาพันธ์ 2020.
  34. ผู้จัดการออนไลน์ (26 กุมภาพันธ์ 2020). "บอร์ดกสทช. สั่งปรับ 3 ช่องทีวี กรณีการออกอากาศเหตุการณ์กราดยิงโคราช". mgronline.com. สืบค้นเมื่อ 24 เมษายน 2020.
  35. "ถอดบทเรียน "โคราชวิปโยค" ในห้วงการเมืองร้อน : สะท้านกองทัพ สะเทือนรัฐบาล". ไทยรัฐ. 16 กุมภาพันธ์ 2020. สืบค้นเมื่อ 16 กุมภาพันธ์ 2020.
  36. "ส.ส.โคราช เพื่อไทย ตั้งข้อสังเกตความล่าช้าระงับกราดยิง". พีพีทีวี. 13 กุมภาพันธ์ 2020. สืบค้นเมื่อ 16 กุมภาพันธ์ 2020.
  37. "กราดยิงโคราช : ผบ.ทบ. ปาดน้ำตา อย่าด่ากองทัพบก-ทหาร "ให้ด่า พล.อ.อภิรัชต์" แต่ไม่ลาออก". บีบีซีไทย. 11 กุมภาพันธ์ 2020. สืบค้นเมื่อ 16 กุมภาพันธ์ 2020.
  38. กุลธิดา สามะพุทธิ (15 กุมภาพันธ์ 2020). "กราดยิงโคราช : ความสูญเสียจากเหตุกราดยิง นำมาสู่การตรวจสอบธุรกิจในค่ายทหาร". บีบีซีไทย. สืบค้นเมื่อ 16 กุมภาพันธ์ 2020.
  39. "2 ปี กราดยิงโคราช เหตุสลดที่เริ่มจากปัญหาในกองทัพ การปฏิรูปตามคำสัญญาไปถึงไหนแล้ว?". The MATTER. 8 February 2022. สืบค้นเมื่อ 7 October 2022.