เสรี สุวรรณภานนท์
เสรี สุวรรณภานนท์ (เกิด 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2499) สมาชิกวุฒิสภาไทย ชุดที่ 12 และ สมาชิกวุฒิสภาไทย ชุดที่ 8 โดยเป็นประธานกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา เคยเป็นกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ) เป็นอดีตประธานกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) เป็นอดีตประธานกรรมาธิการปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม สภาปฏิรูปแห่งชาติ เป็นอดีตสมาชิกวุฒิสภากรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2543 – 2549 โดยเป็นประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 เป็นรองประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ (คนที่หนึ่ง) อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2539 (สสร.) และอดีตเลขาธิการสภาทนายความ (ประเทศไทย)
เสรี สุวรรณภานนท์ | |
---|---|
เสรีใน พ.ศ. 2567 | |
สมาชิกวุฒิสภา | |
ดำรงตำแหน่ง 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 – 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 (5 ปี 60 วัน) | |
ดำรงตำแหน่ง 22 มีนาคม พ.ศ. 2543 – 21 มีนาคม พ.ศ. 2549 (5 ปี 364 วัน) | |
เขตเลือกตั้ง | กรุงเทพมหานคร |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2499 กรุงเทพมหานคร |
การเข้าร่วม พรรคการเมืองอื่น | ประชาสันติ (2554–2555) |
ประวัติ
เสรี สุวรรณภานนท์ เกิดเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2499 จบการศึกษาจากโรงเรียนบางปะอินราชานุเคราะห์ 1, โรงเรียนวัดนวลนรดิศ ปริญญาตรีและปริญญาโท สาขานิติศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง เนติบัณฑิตไทย วิทยาลัยตลาดทุน รุ่นที่ 5
การทำงาน
เสรี สุวรรณภานนท์ เริ่มทำงานเป็นทนายความ และเป็นหัวหน้าสำนักกฎหมายเสรี เคยดำรงตำแหน่งเป็นเลขาธิการสภาทนายความ พ.ศ. 2534 – 2540 และในปี พ.ศ. 2539 ได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญไทย พ.ศ. 2539 ต่อมาในการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2543 ได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา กรุงเทพมหานคร และเป็นประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) ต่อจากนั้นได้เข้ารับตำแหน่งเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญไทย พ.ศ. 2550 และมีตำแหน่งเป็นรองประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ คนที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มให้มีการอภิปรายในการประชุมวุฒิสภา ด้วยการจัดระบบการจำกัดเวลาอภิปรายให้สมาชิกแต่ละคน และได้ใช้แนวทางนี้มาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งต่อมา สภาผู้แทนราษฎรก็ใช้แนวทางการจำกัดเวลาให้สมาชิกได้อภิปรายเช่นกัน รวมทั้ง เป็นผู้ริเริ่มการกำหนดอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมาธิการแต่ละคณะของวุฒิสภาให้มีความชัดเจน และต่อมา สภาผู้แทนราษฎรก็แก้ไขข้อบังคับให้มีการกำหนดอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมาธิการแต่ละคณะให้มีความชัดเจนเช่นกันและได้ใช้มาจนถึงปัจจุบัน
ในช่วงเดือนมีนาคม พ.ศ. 2554 ได้เข้าร่วมงานการเมืองกับพรรคธรรมาธิปัตย์ (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นพรรคประชาสันติ) โดยชักชวน ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ เป็นหัวหน้าพรรค[1] แต่ต่อมา ปุระชัย ได้ออกไปจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ ทำให้เสรี สุวรรณภานนท์ ได้เข้ารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาสันติแทน[2]
ในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2554 ได้ลงสมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 ของพรรคประชาสันติ โดยมีหมายเลขประจำพรรค คือ หมายเลข 33[3] แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง และได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคในเวลาต่อมา[4]
รางวัล
- พ.ศ. 2542 รับโล่เกียรติคุณในฐานะอาสาสมัครดีเด่น ประเภทแก้ไขปัญหาสังคมของสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
- พ.ศ. 2542 รับโล่เกียรติคุณ “คนดีของสังคม” จากสถานีวิทยุชุมชนร่วมด้วยช่วยกัน
- พ.ศ. 2550 รับรางวัล “คนดีศรีรามฯ” จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง
- พ.ศ. 2550 ได้รับรางวัลแห่งเกียรติยศของนักธุรกิจ “BOSS OF THE YEAR 2007” (ผู้บริหารดีเด่นประจำปี พ.ศ. 2550)
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
- พ.ศ. 2566 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นสูงสุด มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)[5]
- พ.ศ. 2563 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นสูงสุด มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)[6]
- พ.ศ. 2558 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ชั้นที่ 2 ทุติยดิเรกคุณาภรณ์ (ท.ภ.)[7]
อ้างอิง
- ↑ "เสรี สุวรรณภานนท์" เปิดตัวพรรคประชาสันติ เม.ย.นี้. เก็บถาวร 13 กันยายน 2012 ที่ archive.today จาก มติชน.
- ↑ "ประชาสันติ"เปิดตัวผู้สมัคร"เสรี สุวรรณภานนท์"เบอร์ 1. เก็บถาวร 9 กรกฎาคม 2012 ที่ archive.today จาก สยามรัฐ.
- ↑ รายชื่อผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พร้อมนโยบายของพรรคการเมือง. เก็บถาวร 26 มิถุนายน 2011 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน จากเว็บไซต์ สำนักงาน กกต. สืบค้นวันที่ 3 มิถุนายน 2554.
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา. ประกาศนายทะเบียนพรรคการเมือง เรื่อง ตอบรับการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการบริหารพรรคประชาสันติ (จำนวน 7 ราย). เล่ม 129 ตอนที่ 43 ง หน้า 31. 3 พฤษภาคม 2555.
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระบรมราชโองการ ประกาศ เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นสายสะพาย ประจำปี ๒๕๖๖, เล่ม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๔ ข หน้า ๒, ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๖
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ประจำปี ๒๕๖๓, เล่ม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๑ ข หน้า ๑๔, ๒๒ มกราคม ๒๕๖๔
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ประจำปี ๒๕๕๘, เล่ม ๑๓๒ ตอนที่ ๓๒ ข หน้า ๒๔, ๔ ธันวาคม ๒๕๕๘
แหล่งข้อมูลอื่น
- บัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน เก็บถาวร 17 สิงหาคม 2019 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ