จังหวัดน่าน
น่าน (คำเมือง: ᨶᩣ᩠᩵ᨶ) เป็นจังหวัดหนึ่งในประเทศไทย ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกสุดของภาคเหนือ เป็นที่ตั้งของเมืองที่สำคัญในอดีต เช่น เวียงวรนคร (เมืองพลัว) เวียงศีรษะเกษ (เมืองงั่ว) เวียงภูเพียงแช่แห้ง อีกทั้งยังเป็นแหล่งต้นน้ำของแม่น้ำน่าน
จังหวัดน่าน | |
---|---|
การถอดเสียงอักษรโรมัน | |
• อักษรโรมัน | Changwat Nan |
![]() ตามเข็มนาฬิกาจากบนซ้าย:
| |
คำขวัญ: แข่งเรือลือเลื่อง เมืองงาช้างดำ จิตรกรรมวัดภูมินทร์ แดนดินส้มสีทอง เรืองรองพระธาตุแช่แห้ง | |
![]() แผนที่ประเทศไทย จังหวัดน่านเน้นสีแดง | |
ประเทศ | ![]() |
การปกครอง | |
• ผู้ว่าราชการ | วิบูรณ์ แววบัณฑิต[1] (ตั้งแต่ พ.ศ. 2564) |
พื้นที่[2] | |
• ทั้งหมด | 11,472.072 ตร.กม. (4,429.392 ตร.ไมล์) |
อันดับพื้นที่ | อันดับที่ 13 |
ประชากร | |
• ทั้งหมด | 475,875 คน |
• อันดับ | อันดับที่ 57 |
• ความหนาแน่น | 41.48 คน/ตร.กม. (107.4 คน/ตร.ไมล์) |
• อันดับความหนาแน่น | อันดับที่ 75 |
รหัส ISO 3166 | TH-55 |
ชื่อไทยอื่น ๆ |
|
สัญลักษณ์ประจำจังหวัด | |
• ต้นไม้ | กำลังเสือโคร่ง |
• ดอกไม้ | เสี้ยวดอกขาว |
• สัตว์น้ำ | ปลาปากหนวด |
ศาลากลางจังหวัด | |
• ที่ตั้ง | ภายในศูนย์ราชการจังหวัดน่าน เลขที่ 102 หมู่ที่ 11 ถนนน่าน-พะเยา ตำบลไชยสถาน อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน 55000 |
• โทรศัพท์ | 0 5471 0341 |
• โทรสาร | 0 5471 0341 |
เว็บไซต์ | http://www.nan.go.th/ |
![]() |
จังหวัดน่าน | |
![]() | |
ชื่อภาษาไทย | |
---|---|
อักษรไทย | น่าน |
อักษรโรมัน | Nan |
ชื่อคำเมือง | |
อักษรธรรมล้านนา | ᨶᩣ᩠᩵ᨶ |
อักษรไทย | น๋าน |
ประวัติศาสตร์ แก้ไข
มีประวัติความเป็นมาที่เก่าแก่ยาวนาน มีชื่อเรียกในพงศาวดารว่า นันทบุรี เมืองน่านในอดีตเป็นนครรัฐเล็ก ๆ ก่อตัวขึ้นราวกลางพุทธศตวรรษที่ 18 บริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำน่านและแม่น้ำสาขาในหุบเขาทางตะวันออกของภาคเหนือ
สมัยเมืองล่าง-วรนคร แก้ไข
ประวัติศาสตร์เมืองน่านเริ่มปรากฏขึ้นราว พ.ศ. 1825 ภายใต้การนำของพญาภูคาและนางพญาจำปาผู้เป็นชายา ซึ่งทั้งสองเป็นชาวเมืองเงินยาง ได้เป็นแกนนำพาผู้คนอพยพมาตั้งศูนย์การปกครองอยู่ที่เมืองล่าง ต่อมาเพี้ยนเป็นเมืองย่าง (เชื่อกันว่าคือบริเวณริมฝั่งด้านใต้ของแม่น้ำย่างบริเวณตำบลศิลาเพชร อำเภอปัว เลยไปถึงลำน้ำบั่ว ใกล้ทิวเขาดอยภูคาในเขตบ้านเสี้ยว บ้านทุ่งฆ้อง บ้านลอมกลาง ตำบลยม อำเภอท่าวังผา) เพราะปรากฏร่องรอยชุมชนในสภาพที่เป็นคูน้ำ คันดิน และกำแพงเมืองซ้อนกันอยู่ เห็นชัดเจนที่สุดคือบริเวณข้างพระธาตุจอมพริกบ้านเสี้ยวมีกำแพงเมืองปรากฏอยู่ซึ่งเป็นปราการทิศใต้ และป้อมปราการทิศเหนือลักษณะที่ปรากฏเป็นสันกำแพงดินบนยอดดอยม่อนหลวง บ้านลอมกลาง เป็นกำแพงเมืองสูงถึง 3 ชั้น ในแต่ละชั้นกว้าง 3 เมตร สูง 5 เมตร ขนานไปกับยอดดอยม่อนหลวง ต่อมาพระยาภูคา ได้ขยายอาณาเขตปกครองของตนออกไปให้กว้างขวางยิ่งขึ้น โดยส่งราชบุตรบุญธรรม 2 คนไปสร้างเมืองใหม่ โดยขุนนุ่นผู้พี่ไปสร้างเมืองจันทบุรี (เมืองพระบาง) และขุนฟองผู้น้องสร้างเมืองวรนครหรือเมืองปัว
ภายหลังขุนฟองถึงแก่พิราลัย เจ้าเก้าเถื่อนราชบุตรจึงได้ขึ้นครองเมืองปัวแทน ด้านพญาภูคาครองเมืองย่างมานานและมีอายุมากขึ้น มีความประสงค์จะให้เจ้าเก้าเถื่อนผู้หลานมาครองเมืองย่างแทน จึงให้เสนาอำมาตย์ไปเชิญ เจ้าเก้าเถื่อนเกรงใจปู่จึงยอมไปอยู่เมืองย่างและมอบให้ชายาคือนางพญาแม่ท้าวคำปินดูแลรักษาเมืองปัวแทน เมื่อพญาภูคาถึงแก่พิราลัย เจ้าเก้าเถื่อนจึงครองเมืองย่างแทน ในช่วงที่เมืองปัวว่างจากผู้นำ เนื่องจากเจ้าเก้าเถื่อนไปครองเมืองย่างแทนปู่นั้น พญางำเมืองเจ้าผู้ครองเมืองพะเยา จึงได้ขยายอิทธิพลเข้าครอบครองบ้านเมืองในเขตเมืองน่านทั้งหมด นางพญาแม่เท้าคำปินพร้อมด้วยบุตรในครรภ์ได้หลบหนีไปอยู่บ้านห้วยแร้ง จนคลอดได้บุตรชายชื่อว่าเจ้าขุนใส เติบใหญ่ได้เป็นขุนนางรับใช้พญางำเมืองจนเป็นที่โปรดปราน พญางำเมืองจึงสถาปนาให้เป็นเจ้าขุนใสยศ ครองเมืองปราด ภายหลังมีกำลังพลมากขึ้นจึงยกทัพมาต่อสู้จนหลุดพ้นจากอำนาจเมืองพะเยา และได้รับการสถาปนาเป็นพญาผานอง ขึ้นครองเมืองปัวอย่างอิสระระหว่างปี 1865-1894 รวม 30 ปีจึงพิราลัย
ในสมัยของพญาการเมือง (กรานเมือง) โอรสของพญาผานอง เมืองปัวได้มีการขยายตัวมากขึ้น ตลอดจนมีความสัมพันธ์กับเมืองสุโขทัยอย่างใกล้ชิด พงศาวดารเมืองน่านกล่าวถึงพญาการเมืองว่า ได้รับเชิญจากเจ้าเมืองสุโขทัย (พระมหาธรรมราชาลิไท) ไปร่วมสร้างวัดหลวงอภัย (วัดอัมพวนาราม) ขากลับเจ้าเมืองสุโขทัย ได้พระราชทานพระธาตุ 7 องค์ พระพิมพ์ทองคำ 20 องค์ พระพิมพ์เงิน 20 องค์ ให้กับพญาการเมืองมาบูชา ณ เมืองปัว ด้วยพญาการเมืองได้ปรึกษาพระมหาเถรธรรมบาลจึงได้ก่อสร้างพระธาตุแช่แห้งขึ้นที่บนภูเพียงแช่แห้ง พร้อมทั้งได้อพยพผู้คนจากเมืองปัวลงมาสร้างเมืองใหม่ที่บริเวณพระธาตุแช่แห้ง เรียกว่า ภูเพียงแช่แห้งในปี พ.ศ. 1902 โดยมีพระธาตุแช่แห้งเป็นศูนย์กลางเมือง หลังจากพญาการเมืองถึงแก่พิราลัย โอรสคือพญาผากองขึ้นครองแทน อยู่มาเกิดปัญหาความแห้งแล้ง จึงย้ายเมืองมาสร้างใหม่ที่ริมแม่น้ำน่านด้านตะวันตกบริเวณบ้านห้วยไค้ คือบริเวณที่ตั้งของจังหวัดน่านในปัจจุบัน เมื่อปี พ.ศ. 1911[7]
ในสมัยเจ้าปู่เข่งครองเมืองระหว่างปี พ.ศ. 1950-1960 ได้สร้างวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร วัดพระธาตุเขาน้อย วัดพญาภู แต่สร้างไม่ทันเสร็จก็ถึงแก่พิราลัยเสียก่อน พญางั่วฬารผาสุมผู้เป็นหลานได้สร้างต่อจนแล้วเสร็จและได้สร้างพระพุทธรูปทองคำปางลีลา ปัจจุบันคือ พระพุทธนันทบุรีศรีศากยมุนี ประดิษฐานอยู่ในวิหารวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร
สมัยล้านนา แก้ไข
ในปี พ.ศ. 1993 พระเจ้าติโลกราชกษัตริย์นครเชียงใหม่ มีความประสงค์จะครอบครองเมืองน่านและแหล่งเกลือบ่อมาง (เขตตำบลบ่อเกลือใต้ อำเภอบ่อเกลือปัจจุบัน) ที่มีอย่างอุดมสมบูรณ์และหาได้ยากทางภาคเหนือ จึงได้จัดกองทัพเข้ายึดเมืองน่าน พญาอินต๊ะแก่นท้าวไม่อาจต้านทานได้จึงอพยพหนีไปอาศัยอยู่ที่เมืองเชลียง (ศรีสัชนาลัย) เมืองน่านจึงถูกผนวกเข้าไว้ในอาณาจักรล้านนาตั้งแต่นั้นมา
ตลอดระยะเวลาเกือบ 100 ปีที่เมืองน่านอยู่ในครอบครองของอาณาจักรล้านนา ได้ค่อย ๆ ซึมซับเอาศิลปวัฒนธรรมของล้านนามาไว้ในวิถีชีวิต โดยเฉพาะการรับเอาศิลปกรรมทางด้านศาสนา ปรากฏศิลปกรรมแบบล้านนาเข้ามาแทนที่ศิลปกรรมแบบสุโขทัยอย่างชัดเจน เช่น เจดีย์วัดพระธาตุแช่แห้ง เจดีย์วัดสวนตาล (มวลสารจากวัดสวนตาลใช้ทำพระสมเด็จจิตรลดา) เจดีย์วัดพระธาตุช้างค้ำ แม้จะเหลือส่วนฐานที่มีช้างล้อมรอบซึ่งเป็นลักษณะศิลปะแบบสุโขทัยอยู่ แต่ส่วนองค์เจดีย์ขึ้นไปถึงส่วนยอดเปลี่ยนเป็นศิลปกรรมแบบล้านนาไปจนหมดสิ้น ในระหว่างปี พ.ศ. 2103-2328 เมืองน่านได้ตกเป็นเมืองขึ้นของพม่าอยู่หลายครั้งและต้องเป็นเมืองร้างไร้ผู้คนถึง 2 ครา คือ ครั้งแรก ปี พ.ศ. 2247-2249 ครั้งที่ 2 ปี พ.ศ. 2321-2344
สมัยรัตนโกสินทร์ แก้ไข
ปี พ.ศ. 2331 เจ้าอัตถวรปัญโญได้ลงมาเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชเพื่อขอเป็นข้าขอบขัณฑสีมา หลังจากขึ้นเจ้าอัตถวรปัญโญก็ยังมิได้เข้าไปอยู่เมืองน่านเสียทีเดียวเนื่องจากเมืองน่านยังรกร้างอยู่ จึงได้ย้ายไปอาศัยอยู่ตามที่ต่าง ๆ คือ บ้านตึ๊ดบุญเรือง เมืองงั้ว (บริเวณอำเภอนาน้อย) เมืองพ้อ (บริเวณอำเภอเวียงสา) จนกระทั่งหลังจากได้บูรณะซ่อมแซมเมืองน่านพร้อมทั้งได้ขอพระบรมราชานุญาตแล้ว จึงกลับเข้ามาอยู่ในเมืองน่านในปี พ.ศ. 2344 ในยุคสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ เมืองน่านมีฐานะเป็นหัวเมืองประเทศราช เจ้าผู้ครองนครน่านในชั้นหลังทุกองค์ต่างปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความเที่ยงธรรม มีความซื่อสัตย์ จงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ราชวงศ์จักรี ได้ช่วยราชการบ้านเมืองสำคัญหลายครั้งหลายคราด้วยกัน นอกจากนี้เจ้าผู้ครองนครน่านต่างได้อุปถัมภ์ค้ำจุนและทำนุบำรุงกิจการพุทธศาสนาในเมืองน่านเป็นสำคัญ ได้สร้างธรรมนิทานชาดก การจารพระไตรปิฎกลงในคัมภีร์ใบลาน นับเป็นคัมภีร์ได้ 335 คัมภีร์นับเป็นผูกได้ 2,606 ผูก ได้นำไปมอบให้เมืองต่าง ๆ มีเมืองลำปาง เมืองลำพูน เมืองเชียงใหม่ เมืองเชียงราย และเมืองหลวงพระบาง
ในปี พ.ศ. 2446 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้มีพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาให้เจ้าสุริยพงษ์ผลิตเดชฯ เลื่อนยศฐานันดรศักดิ์ขึ้นเป็น พระเจ้านครน่าน มีพระนามปรากฏตามสุพรรณปัฏว่า พระเจ้าสุริยพงษ์ผลิตเดช กุลเชษฐมหันต์ ไชยนันทบุรมหาราชวงศาธิบดี สุริตจารีราชนุภาวรักษ์ วิบูลยศักดิ์กิติไพศาล ภูบาลบพิตรสถิตย์ ณ นันทราชวงษ์ เป็นพระเจ้านครน่านองค์แรกและองค์เดียวในประวัติศาสตร์น่าน ภายหลังได้รับการสถาปนาเป็นพระเจ้าน่าน พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ ได้สร้างหอคำ (คุ้มหลวง) ขึ้นแทนหลังเดิมซึ่งสร้างในสมัยของเจ้าอนันตวรฤทธิเดชฯ และด้านหน้าหอคำมีข่วงไว้ทำหน้าที่คล้ายสนามหลวง สำหรับจัดงานพิธีต่าง ๆ ตลอดจนเป็นที่จัดขบวนทัพออกสู้ศึก จัดขบวนนำเสด็จ หรือขบวนรับแขกเมืองสำคัญ และในวันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2474 เมื่อเจ้ามหาพรหมสุรธาดาเจ้าผู้ครองนครน่านถึงแก่พิราลัย ตำแหน่งเจ้าผู้ครองนครก็ถูกยุบเลิกตั้งแต่นั้นมา ส่วนหอคำได้ใช้เป็นศาลากลางจังหวัดน่าน จนปี พ.ศ. 2511 จังหวัดน่านได้มอบหอคำให้กรมศิลปากร ใช้เป็นสถานที่จัดตั้งพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่านจนกระทั่งปัจจุบัน
รายพระนามเจ้าผู้ครองนครน่าน แก้ไข
- ดูเพิ่มที่: รายพระนามเจ้าผู้ครองนครน่าน
ในยุคประชาธิปไตย จังหวัดน่านยังมีตำนานการเป็นแหล่งกบดานของสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย โดยเฉพาะที่อำเภอทุ่งช้าง ซึ่งเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญอีกแห่งหนึ่ง โดยมีอนุสรณ์สถานวีรกรรมทุ่งช้างเป็นพยานช่วยเตือนความจำให้แก่ชนรุ่นหลัง
ภูมิศาสตร์ แก้ไข
ภูมิประเทศ แก้ไข
จังหวัดน่านมีสภาพภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขาซึ่งวางตัวในแนวเหนือ-ใต้ โดยเฉพาะบริเวณชายแดนด้านเหนือและตะวันออกซึ่งเป็นรอยต่อกับประเทศลาว มีภูเข้ในเขตอำเภอบ่อเกลือ เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในจังหวัด คือมีความสูงถึง 2,079 เมตร[8] และมีดอยภูคาในเขตอำเภอปัว เป็นยอดเขาที่สำคัญของจังหวัด มีความสูง 1,980 เมตร ส่วนพื้นที่ราบจะอยู่บริเวณตอนกลางของจังหวัด และตามลุ่มน้ำต่าง ๆ แหล่งน้ำที่สำคัญของจังหวัดคือแม่น้ำน่าน ซึ่งมีต้นกำเนิดทางตอนเหนือของจังหวัด แล้วไหลลงไปยังเขื่อนสิริกิติ์ในจังหวัดอุตรดิตถ์ และบรรจบกับแม่น้ำปิงที่จังหวัดนครสวรรค์เป็นแม่น้ำเจ้าพระยา นอกจากนี้ยังมีลำน้ำสาขาต่าง ๆ ที่สำคัญ ได้แก่ ลำน้ำสา ลำน้ำว้า ลำน้ำสมุน ลำน้ำปัว ลำน้ำยาว ลำน้ำย่าง ลำน้ำแหง เป็นต้น มีพื้นที่กว้างใหญ่ พื้นที่เต็มไปด้วยภูเขาสูงสลับซับซ้อน ทั้งยังมีประชากรหลายชาติพันธุ์ นับว่าเป็นดินแดนของความหลากหลายอีกแห่งหนึ่งของประเทศ
ภูมิอากาศ แก้ไข
มีลักษณะอากาศแบบทุ่งหญ้าเมืองร้อนแบบ 3 ฤดู คือ ฤดูร้อน ฤดูฝน และฤดูหนาว โดยมีความแตกต่างของฤดูอย่างชัดเจน
- ฤดูร้อน ระหว่างเดือนมีนาคม - พฤษภาคม อากาศร้อนถึงร้อนจัด (สถิติอุณภูมิสูงสุด 44.1 องศาเซลเซียส เมื่อวันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2502)
- ฤดูฝน ระหว่างเดือนมิถุนายน - ตุลาคม มีฝนตกชุก จากอิทธิพลลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้
- ฤดูหนาว ระหว่างเดือนพฤศจิกายน - กุมภาพันธ์ อากาศหนาวถึงหนาวจัด จากอิทธิพลลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ (สถิติอุณภูมิต่ำสุด 2.7 องศาเซลเซียส เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2542) [9]
อาณาเขต แก้ไข
- ทิศเหนือและตะวันออก ติดต่อกับประเทศลาว
- ทิศใต้ ติดต่อกับจังหวัดอุตรดิตถ์
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับจังหวัดพะเยาและจังหวัดแพร่
จังหวัดน่านมีด่านเข้าออกกับประเทศลาวหลายแห่งด้วยกัน เช่น จุดผ่านแดนถาวรสากลห้วยโก๋น-น้ำเงิน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ, จุดผ่อนปรนบ้านใหม่ชายแดน อำเภอสองแคว และจุดผ่อนปรนบ้านห้วยสะแตง อำเภอทุ่งช้าง
พื้นที่ป่า แก้ไข
มีจำนวนอุทยานแห่งชาติ 7 แห่ง, วนอุทยาน 1 แห่ง, เขตห้ามล่าสัตว์ป่า 1 แห่ง และสวนรุกขชาติ 2 แห่ง ได้แก่
- อุทยานแห่งชาติดอยภูคา อุทยานแห่งชาติแห่งแรกของจังหวัดน่าน มีอาณาเขตกว้างขวางเป็นอันดับ 4 ของประเทศ โดยมีพื้นที่ประมาณ 1,065,000 ไร่ หรือ 1,704 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมในท้องที่ 8 อำเภอของจังหวัดน่าน ได้แก่ อำเภอปัว อำเภอท่าวังผา อำเภอทุ่งช้าง อำเภอเชียงกลาง อำเภอบ่อเกลือ อำเภอสันติสุข อำเภอเฉลิมพระเกียรติ และ อำเภอแม่จริม ประกอบด้วยพรรณไม้ที่หลากหลาย มีการค้นพบพืชสำคัญหลายชนิด เช่น เต่าร้างยักษ์ภูคา ก่วมภูคา รางจืดภูคา ที่พบเฉพาะที่นี่เพียงแห่งเดียว รวมถึงต้นชมพูภูคา ซึ่งพบที่นี่เพียงแห่งเดียวเช่นกัน
- อุทยานแห่งชาติศรีน่าน มีพื้นที่ครอบคลุมในท้องที่อำเภอนาหมื่น อำเภอนาน้อย อำเภอเวียงสา ตามแนวสองฟากฝั่งลำน้ำน่าน จนไปสิ้นสุดที่อ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์ มีเนื้อที่ประมาณ 640,237.50 ไร่ หรือ 1,024.38 ตารางกิโลเมตร สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ได้แก่ ดอยเสมอดาว ผาหัวสิงห์ ผาชู้ เสาดิน แก่งหลวง หมู่บ้านประมงปากนาย เป็นต้น
- อุทยานแห่งชาติแม่จริม อยู่ในอำเภอแม่จริม มีเนื้อที่ประมาณ 270,000 ไร่ หรือ 432 ตารางกิโลเมตร มีกิจกรรมการท่องเที่ยวที่เด่นคือ การล่องแก่งลำน้ำว้า
- อุทยานแห่งชาติถ้ำสะเกิน อยู่ในท้องที่อำเภอท่าวังผา อำเภอเชียงกลาง อำเภอทุ่งช้าง อำเภอสองแคว จังหวัดน่าน และอำเภอเชียงคำ อำเภอปง จังหวัดพะเยา มีพื้นที่ประมาณ 155,200 ไร่ หรือ 248.32 ตารางกิโลเมตร
- อุทยานแห่งชาตินันทบุรี มีพื้นที่ครอบคลุมท้องที่อำเภอท่าวังผา อำเภอเมืองน่าน อำเภอบ้านหลวง เนื้อที่ประมาณ 548,125 ไร่ หรือ 877 ตารางกิโลเมตร พื้นที่แห่งนี้เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ สำคัญแห่งหนึ่งในอดีต เคยอยู่ภายใต้อิทธิพลของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย มีการต่อสู้ระหว่างเจ้าหน้าที่ของรัฐกับผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์
- อุทยานแห่งชาติขุนสถาน มีพื้นที่ครอบคลุมป่าฝั่งขวาแม่น้ำน่านตอนใต้ ในท้องที่อำเภอนาน้อย และอำเภอนาหมื่น เนื้อที่ประมาณ 262,000 ไร่ หรือ 419.2 ตารางกิโลเมตร
- อุทยานแห่งชาติขุนน่าน ครอบคลุมพื้นที่อำเภอบ่อเกลือ มีพรรณไม้และสัตว์ป่าที่น่าสนใจมากมาย มีพื้นที่ประมาณ 155,375 ไร่ หรือ 248.6 ตารางกิโลเมตร
- วนอุทยานถ้ำผาตูบ อยู่ในท้องที่บ้านผาตูบ ตำบลผาสิงห์ อำเภอเมืองน่าน มีเนื้อที่ประมาณ 528 ไร่
- เขตห้ามล่าสัตว์ป่าภูฟ้า อยู่ในท้องที่ตำบลบ่อเกลือใต้ ตำบลภูฟ้า อำเภอบ่อเกลือ และตำบลหนองแดง ตำบลน้ำพาง ตำบลแม่จริม อำเภอแม่จริม มีเนื้อที่ประมาณ 74,553 ไร่
- สวนรุกขชาติแช่แห้ง ตั้งอยู่ที่ตำบลม่วงตึ๊ด อำเภอภูเพียง โดยมีอาณาเขตติดกับวัดพระธาตุแช่แห้ง มีเนื้อที่ประมาณ 72 ไร่
- สวนรุกขชาติห้วยน้ำอุ่น อยู่ในท้องที่ตำบลอ่ายนาไลย อำเภอเวียงสา มีเนื้อที่ประมาณ 400 ไร่
การเมืองการปกครอง แก้ไข
สัญลักษณ์ประจำจังหวัด แก้ไข
- ตราประจำจังหวัด: รูปพระธาตุแช่แห้งประดิษฐานบนหลังโคอุศุภราช
- ดอกไม้ประจำจังหวัด: ดอกเสี้ยวดอกขาว (ชื่อวิทยาศาสตร์: Bauhinia variegata Linn.)
- ต้นไม้ประจำจังหวัด: กำลังเสือโคร่ง (ชื่อวิทยาศาสตร์: Betula alnoides Buch.-Ham.)
- คำขวัญประจำจังหวัด: แข่งเรือลือเลื่อง เมืองงาช้างดำ จิตรกรรมวัดภูมินทร์ แดนดินส้มสีทอง เรืองรองพระธาตุแช่แห้ง
รายชื่อผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน แก้ไข
ลำดับ | รายนาม | ระยะเวลาดำรงตำแหน่ง |
---|---|---|
1 | พระยาพิชัยชาญฤทธิ์ | พ.ศ. 2433-2435 |
2 | พระยาสุนทรนุรักษ์ | พ.ศ. 2435-2437 |
3 | หลวงชาญภูเบศร์ (สวัสดิ์ ภูมิรัตน์) | พ.ศ. 2437-2439 |
4 | จมื่นมหาดเล็ก (เรือง ภูมิรัตน์) | พ.ศ. 2439-2444 |
5 | พระยาบรมบาทบำรุง | พ.ศ. 2444-2449 |
6 | พระยาอุไทยมนตรี (พร จารุจินดา) | พ.ศ. 2449-2450 |
7 | พระยาอมรฤทธิ์ธำรง (ฉี่ บุญนาค) | พ.ศ. 2450-2451 |
8 | พระยาทรธนพัฒน์ (เจิม จารุจินดา) | พ.ศ. 2451-2454 |
9 | พระอารีราชการัณย์ (หม่อมราชวงศ์ปาน นพวงศ์) | พ.ศ. 2454-2467 |
10 | พระยาวรวิไชยวุฒิกรณ์ (เลื่อน สนธิรัตน์) | พ.ศ. 2467-2470 |
11 | พระยาอนุบาลพายัพกิจ (ปุ่น อาสนจินดา) | พ.ศ. 2470-2471 |
12 | พระยากรุงศรีสวัสดิ์การ (จำรัส สวัสดิ์-ชูโต) | พ.ศ. 2471-2476 |
13 | พระเกษตรสรรพกิจ (นุ่ม วรรณโกมล) | พ.ศ. 2476-2480 |
14 | พระบริหารทัณฑนิติ (ประเสริฐ เศวตกนิษฐ์) | พ.ศ. 2480-2482 |
15 | พระชาติตระการ (หม่อมราชวงศ์จิตร คเนจร) | พ.ศ. 2482-2482 |
16 | หลวงทรงประศาสน์ (ทองคำ นวลทรง) | พ.ศ. 2482-2488 |
17 | ขุนระดับคดี (ปัญญา รมยานนท์) | พ.ศ. 2488-2488 |
18 | ขุนอักษรสารสิทธิ์ (พินิจ อักษรสารสิทธิ์) | พ.ศ. 2488-2489 |
19 | ขุนวิศิษฐ์อุดรการ (กรี วิศิษฐ์อุดรการ) | พ.ศ. 2489-2490 |
20 | นายชลอ จารุจินดา | พ.ศ. 2490-2490 |
21 | นายนวล มีชำนาญ | พ.ศ. 2490-2496 |
22 | นายมานิต ปุรณพรรค์ | พ.ศ. 2496-2500 |
23 | หลวงอนุมัติราชกิจ (อั๋น อนุมัติราชกิจ) | พ.ศ. 2500-2503 |
24 | นายวิชาญ บรรณโศภิษฐ์ | พ.ศ. 2503-2510 |
25 | นายชิต ทองประยูร | พ.ศ. 2510-2511 |
26 | พลตำรวจตรี ศรีศักดิ์ ธรรมรักษ์ | พ.ศ. 2511-2514 |
27 | นายสุกิจ จุลละนันทน์ | พ.ศ. 2514-2517 |
28 | นายสวัสดิ์ ประไพพานิช | พ.ศ. 2517-2518 |
29 | นายโชดก วีรธรรมพูลสวัสดิ | พ.ศ. 2518-2520 |
30 | นายสายสิทธิ พรแก้ว | พ.ศ. 2520-2521 |
31 | พันโท นายแพทย์ อุดม เพ็ชรศิริ | พ.ศ. 2521-2523 |
32 | นายชัยวัฒน์ หุตะเจริญ | พ.ศ. 2523-2526 |
33 | นายประกอบ แพทยกุล | พ.ศ. 2526-2528 |
34 | นายเฉลิม พรหมเลิศ | พ.ศ. 2528-2530 |
35 | นายกาจ รักษ์มณี | พ.ศ. 2530-2532 |
36 | พันตรี ปรีดา นิสัยเจริญ | พ.ศ. 2532-2533 |
37 | นายอำนวย ยอดเพชร | พ.ศ. 2533-2535 |
38 | นายจิโรจน์ โชติพันธุ์ | พ.ศ. 2535-2536 |
39 | นายประวิทย์ สีห์โสภณ | พ.ศ. 2536-2537 |
40 | นายสุจริต นันทมนตรี | พ.ศ. 2537-2539 |
41 | นายจเด็จ อินสว่าง | พ.ศ. 2539-2541 |
42 | นายเชิดพงษ์ อุทัยสาง | พ.ศ. 2541-2541 |
43 | ร้อยตำรวจตรี ธนะพงษ์ จักกะพาก | พ.ศ. 2541-2545 |
44 | นายสุวัฒน์ โชคสุวัฒนสกุล | พ.ศ. 2545-2548 |
45 | นายปริญญา ปานทอง | พ.ศ. 2548-2550 |
46 | นายสมพงษ์ อนุยุทธพงศ์ | พ.ศ. 2550-2551 |
47 | นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต | พ.ศ. 2551-2552 |
48 | นายวีรวิทย์ วิวัฒนวณิช | พ.ศ. 2552-2553 |
49 | นายเสนีย์ จิตตเกษม | พ.ศ. 2553-2554 |
50 | นายพงษ์ศักดิ์ วังเสมอ | พ.ศ. 2554-2555 |
51 | นายชุมพร แสงมณี | พ.ศ. 2555-2556 |
52 | นายอุกริช พึ่งโสภา | พ.ศ. 2556-2558 |
53 | นายสุวัฒน์ พรมสุวรรณ | พ.ศ. 2558-2559 |
54 | นายไพศาล วิมลรัตน์ | พ.ศ. 2559-2561 |
55 | นายวรกิตติ ศรีทิพากร | พ.ศ. 2561-2563 |
56 | นายนิพันธ์ บุญหลวง | พ.ศ. 2563-2564 |
57 | นายวิบูรณ์ แววบัณฑิต | พ.ศ. 2564-ปัจจุบัน |
หน่วยการปกครอง แก้ไข
การปกครองส่วนภูมิภาค แก้ไข
แบ่งการปกครองแบ่งออกเป็น 15 อำเภอ 99 ตำบล 893 หมู่บ้าน ได้แก่
ที่ | ชื่ออำเภอ | ตัวเมือง | อักษรโรมัน | จำนวนตำบล | จำนวนประชากร[10] |
---|---|---|---|---|---|
1. | เมืองน่าน | Mueang Nan | 11 | 82,060 | |
2. | แม่จริม | Mae Charim | 5 | 16,348 | |
3. | บ้านหลวง | Ban Luang | 4 | 11,511 | |
4. | นาน้อย | Na Noi | 7 | 32,109 | |
5. | ปัว | Pua | 12 | 64,259 | |
6. | ท่าวังผา | Tha Wang Pha | 10 | 50,495 | |
7. | เวียงสา | Wiang Sa | 17 | 69,581 | |
8. | ทุ่งช้าง | Thung Chang | 4 | 18,935 | |
9. | เชียงกลาง | Chiang Klang | 6 | 27,097 | |
10. | นาหมื่น | Na Muen | 4 | 14,256 | |
11. | สันติสุข | Santi Suk | 3 | 15,681 | |
12. | บ่อเกลือ | Bo Kluea | 4 | 15,316 | |
13. | สองแคว | Song Khwae | 3 | 12,466 | |
14. | ภูเพียง | Phu Phiang | 7 | 35,929 | |
15. | เฉลิมพระเกียรติ | Chaloem Phra Kiat | 2 | 9,832 |
การปกครองส่วนท้องถิ่น แก้ไข
ประกอบด้วย องค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 แห่ง เทศบาลเมือง 1 แห่ง เทศบาลตำบล 18 แห่งและองค์การบริหารส่วนตำบล 80 แห่ง ได้แก่
อำเภอเมืองน่าน อำเภอเวียงสา |
อำเภอปัว อำเภอเชียงกลาง อำเภอนาน้อย |
อำเภอทุ่งช้าง อำเภอท่าวังผา อำเภอแม่จริม |
อำเภอนาหมื่น อำเภอสองแคว อำเภอบ่อเกลือ |
ประชากร แก้ไข
กลุ่มชาติพันธุ์ แก้ไข
ประชากรในจังหวัดน่านมีอยู่อย่างเบาบางเป็นอันดับ 3 ของประเทศ (ประมาณ 41 คนต่อตารางกิโลเมตร)[ต้องการอ้างอิง] กระจัดกระจายไปตามสภาพทางภูมิศาสตร์ แบ่งได้เป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ได้แก่
- ชาวไทยวน หรือ คนเมือง ส่วนใหญ่อพยพมาจากเชียงแสนและบริเวณต่าง ๆ ของล้านนา ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของจังหวัด
- ชาวไทลื้อ (ไทลื้อ, ไทยอง) ส่วนใหญ่อพยพมาจากสิบสองปันนาและหัวเมืองต่าง ๆ บริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งมีทั้งอพยพมาด้วยความสมัครใจและอพยพมาเนื่องจากเกิดศึกสงครามทั้งภายในหัวเมืองลื้อเอง และอพยพมามากที่สุดยุคเก็บผักใส่ซ้าเก็บข้าใส่เมืองของเจ้ากาวิลละแห่งเชียงใหม่ และเจ้าอัตถวรปัญโญ ฯ แห่งนครน่าน และยุคของเจ้าสุมนเทวราช อีกทั้งมีการอพยพเข้ามาเรื่อย ๆ ครั้งเกิดการปฏิวัติการปกครองประเทศของจีน ชาวไทลื้ออาศัยตั้งบ้านเรือน อยู่กระจัดกระจายตามลุ่มน้ำต่าง ๆ ในจังหวัดน่านมีมากที่สุด คือ อำเภอปัวแทบทุกตำบล อำเภอท่าวังผา อำเภอสองแคว อำเภอเชียงกลาง และอำเภอทุ่งช้าง เลยไปถึงอำเภอเฉลิมพระเกียรติ
- ภาษาไทลื้อในจังหวัดน่าน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ
- (1) ไทลื้อฝั่งสิบสองปันนาตะวันออก ได้แก่ เมืองล้า เมืองมาง (อาศัยอยู่แถบลุ่มแม่น้ำน่าน บริเวณชุมชนบ้านหนองบัว ตำบลป่าคา อำเภอท่าวังผา และแถวตำบลยอด อำเภอสองแคว) สำเนียงพูดใกล้เคียงกับภาษาไทยอีสานปนลาวพวน
- (2) ไทลื้อฝั่งสิบสองปันนาตะวันตก ได้แก่ เมืองยู้ เมืองยอง เมืองเชียงลาบ เมืองเสี้ยว (อาศัยอยู่แถบลุ่มแม่น้ำย่าง บริเวณชุมชนตำบลยม ตำบลจอมพระ(บ้านถ่อน) อำเภอท่าวังผา แถบลุ่มแม่น้ำปัว ตำบลศิลาเพชร ตำบลศิลาแลง อำเภอปัว ถึงตำบลห้วยโก๋น อำเภอเฉลิมพระเกียรติ) สำเนียงพูดเหมือนสำเนียงคนยองในจังหวัดลำพูน-เชียงใหม่
- ชาวไทพวน หรือ ลาวพวน อยู่ที่บ้านฝายมูล อำเภอท่าวังผา และบ้านหลับมืนพวน อำเภอเวียงสา
- ชาวไทเขิน หรือ ชาวขึน อพยพมาจากเชียงตุง ปัจจุบันส่วนใหญ่จะถูกกลืนทางวัฒนธรรมจากคนเมือง ทั้งภาษาพูดและเครื่องแต่งกาย แต่บางหมู่บ้านยังมีการนับถือผีเจ้าเมืองของไทเขินอยู่ จึงรู้ว่าเป็นไทเขิน เช่นบ้านหนองม่วง อำเภอท่าวังผา ส่วนบ้านเชียงยืน ตำบลยม อำเภอท่าวังผา ถูกชาวไทลื้อกลืนวัฒนธรรมจนไม่เหลือเค้าของชาวไทเขิน
- ชาวไทใหญ่ หรือ เงี้ยว หรือ ไตโหลง มีถิ่นฐานในรัฐฉาน และเชียงตุง อาศัยอยู่บริเวณแถวอำเภอทุ่งช้าง ในปัจจุบันถูกกลืนวัฒนธรรมจนแทบแยกไม่ออกว่าเป็นชาวไทใหญ่ และยังพบได้ที่บ้านดอนแท่น อำเภอเวียงสาอีกด้วย
นอกจากนี้ในบริเวณที่สูงตามไหล่เขายังเป็นชุมชนของชนกลุ่มน้อยที่เรียกกันว่า "ชาวเขา" ได้แก่ ชาวม้ง, เมี่ยน, ลัวะหรือถิ่น, ขมุ รวมถึงชาวตองเหลืองหรือมาบลี ที่อาศัยอยู่ในบริเวณพื้นที่ตำบลแม่ขะนิง อำเภอเวียงสา
ผู้คนในจังหวัดน่านจึงมีภาษาพูดที่หลากหลายด้วยเช่นกัน แต่ส่วนใหญ่จะพูดภาษาไทยถิ่นเหนือหรือคำเมืองสำเนียงน่าน[ต้องการอ้างอิง]
การขนส่ง แก้ไข
เนื่องด้วยภูมิศาสตร์ของจังหวัดน่านมีพื้นที่ติดต่อกับจังหวัดอื่น ๆ ไม่มาก และเป็นจังหวัดชายแดนติดกับประเทศลาว ดังนั้นการเดินทางมาจังหวัดน่านจึงมีเส้นทางที่จำกัด ไม่มีทางรถไฟ แต่ก็มีท่าอากาศยานน่านนคร รวมทั้งมีถนนสายหลักที่ตัดผ่านตลอดความยาวตั้งแต่เหนือลงมาและมีสภาพผิวถนนที่ดี สามารถใช้งานได้ตลอดปี
ทางถนน แก้ไข
เครือข่ายถนนในจังหวัดประกอบด้วยแนวถนนในแนวเหนือ-ใต้ และแนวตะวันตก-ตะวันออก มีถนนลาดยางจากตัวจังหวัดไปยังอำเภอต่าง ๆ และจังหวัดใกล้เคียง ทางหลวงแผ่นดินที่สำคัญ ได้แก่
- ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 101 (จุดผ่านแดนถาวรห้วยโก๋น–เมืองเงิน)
- ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1081 (ปัว–เฉลิมพระเกียรติ)
- ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1083 (ห้วยน้อยกา–นาน้อย)
- ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1091 (จุน–น่าน)
- ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1148 (ท่าวังผา–บ้านหย่วน)
ระยะทางจากตัวจังหวัดไปอำเภอต่าง ๆ แก้ไข
- อำเภอภูเพียง 6 กิโลเมตร
- อำเภอเวียงสา 22 กิโลเมตร
- อำเภอสันติสุข 33 กิโลเมตร
- อำเภอแม่จริม 40 กิโลเมตร
- อำเภอบ้านหลวง 46 กิโลเมตร
- อำเภอท่าวังผา 46 กิโลเมตร
- อำเภอนาน้อย 60 กิโลเมตร
- อำเภอปัว 62 กิโลเมตร
- อำเภอเชียงกลาง 68 กิโลเมตร
- อำเภอสองแคว 79 กิโลเมตร
- อำเภอทุ่งช้าง 80 กิโลเมตร
- อำเภอนาหมื่น 80 กิโลเมตร
- อำเภอบ่อเกลือ 87 กิโลเมตร
- อำเภอเฉลิมพระเกียรติ 129 กิโลเมตร
รถโดยสารประจำทาง แก้ไข
[บริษัทผู้ให้บริการ]
- บริษัทขนส่ง (บขส) จำกัด มีรถโดยสารปรับอากาศชั้น 2 ,รถปรับอากาศชั้น 1 , รถนอนพิเศษ วีไอพี ออกจากสถานีขนส่งสายเหนือ ถนนกำแพงเพชร 2 สถานีขนส่งรังสิต
- บริษัท นครชัยแอร์ จำกัด มีรถโดยสารปรับอากาศชั้น 1(พิเศษ) รถโดยสารออกจาก ศูนย์บริการนครชัยแอร์ และ สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ(จตุจักร)
- บริษัท เทพสมบัติ จำกัด(สมบัติทัวร์) มีรถโดยสารปรับอากาศชั้น 1 ,รถปรับอากาศชั้น 1(พิเศษ) , รถนอนพิเศษ วีไอพี รถโดยสารออกจาก ศูนย์บริการลูกค้าสมบัติทัวร์วิภาวดี และ สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ(จตุจักร)
- บริษัท บางกอกบัสไลน์ จำกัด รถนอนพิเศษ วีไอพี รถโดยสารออกจาก ศูนย์บริการลูกค้าสมบัติทัวร์วิภาวดี
- บริษัท เชิดชัยทัวร์ รถโดยสารออกจาก สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ(จตุจักร)
- บริษัท บุศราคัมทัวร์ รถโดยสารออกจาก สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ(จตุจักร)
[เส้นทาง]
- สาย 910 กรุงเทพ-น่าน (กรุงเทพ-นครสวรรค์-พิษณุโลก-เด่นชัย-แพร่-ร้องกวาง-เวียงสา-น่าน) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ บขส. สมบัติทัวร์ นครชัยแอร์ เชิดชัยทัวร์ บุศราคัมทัวร์
- สาย 96 กรุงเทพ-น่าน (กรุงเทพ-นครสวรรค์-กำแพงเพชร-สุโขทัย-อุตรดิตถ์-แพร่-ร้องกวาง-เวียงสา-น่าน) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ บขส.
- สาย 47 กรุงเทพ-ทุ่งช้าง (กรุงเทพ-นครสวรรค์-พิษณุโลก-แพร่-เวียงสา-น่าน-ท่าวังผา-ปัว-เชียงกลาง-ทุ่งช้าง) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ บขส. สมบัติทัวร์ เชิดชัยทัวร์ บางกอกบัสไลน์
- สาย 660 ระยอง-แพร่-น่าน (ระยอง-พัทยา-ชลบุรี-ฉะเชิงเทรา-สระบุรี-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-ร้องกวาง-เวียงสา-น่าน) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ นครชัยแอร์
- สาย 587 อุบลราชธานี - น่าน (อุบลราชธานี-ศรีสะเกษ-สุรินทร์-บุรีรัมย์-ชัยภูมิ-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-ร้องกวาง-เวียงสา-น่าน) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ นครชัยแอร์
- สาย 613 พิษณุโลก-น่าน-ทุ่งช้าง (พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-น่าน-ทุ่งช้าง) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ สุโขทัยวินทัวร์ และ นครน่านทัวร์
- สาย 664 นครสวรรค์-น่าน (นครสวรรค์-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-เวียงสา-น่าน) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ นครสวรรค์ยานยนต์ (ถาวรฟาร์มทัวร์)
- สาย 169-2 เชียงใหม่-ทุ่งช้าง (เชียงใหม่-ลำปาง-เด่นชัย-แพร่-ร้องกวาง-น่าน-ท่าวังผา-ปัว-เชียงกลาง-ทุ่งช้าง) บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด
- สาย 113 เชียงใหม่-น่าน (เชียงใหม่-แม่ขะจาน-วังเหนือ-พะเยา-ดอกคำใต้-ปง-เชียงม่วน-น่าน) บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด
- สาย 612 พะเยา-น่าน (พะเยา-ดอกคำใต้-ปง-เชียงม่วน-น่าน) บริษัท พะเยาขนส่ง จำกัด
- สาย 611 เชียงราย-น่าน (เชียงราย-เทิง-เชียงคำ-ท่าวังผา-น่าน) บริษัท ก.สหกิจเดินรถเชียงราย จำกัด
- สาย 143 อ.เฉลิมพระเกียรติ-น่าน-อ.เด่นชัย (ห้วยโก๋น-เฉลิมพระเกียรติ-ทุ่งช้าง-เชียงกลาง-ปัว-ท่าวังผา-น่าน-เวียงสา-ร้องกวาง-แพร่-เด่นชัย) บริษัท นครน่านยานยนต์ขนส่ง จำกัด
[รถโดยสารระหว่างประเทศ]
- สาย 15 น่าน-ไชยะบุรี-หลวงพระบาง (น่าน-ด่านชายแดนห้วยโก๋น อ.เฉลิมพระเกียรติ-ไชยะบุรี(ลาว)-หลวงพระบาง(ลาว)) รถปรับอากาศชั้น 2 (มินิบัส) บริษัทเดินรถ บริษัทขนส่ง จำกัด , บริษัท นาหลวงขนส่งโดยสารและท่องเที่ยว (ลาว)
ทางราง แก้ไข
จังหวัดน่านไม่มีเส้นทางรถไฟผ่าน แต่สามารถเดินทางมาลงที่สถานีรถไฟเด่นชัย อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่่ แล้วเดินทางด้วยถนนระยะทางประมาณ 140 กิโลเมตร ตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 101 มายังตัวจังหวัดได้
ทางอากาศ แก้ไข
มีท่าอากาศยานน่านนครซึ่งเป็นสนามบินพาณิชย์ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของตัวเมืองห่างประมาณ 3 กิโลเมตร มีเที่ยวบินระหว่างท่าอากาศยานดอนเมืองและท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มายัง ท่าอากาศยานน่านนคร สูงสุด 20 เที่ยวบินไปกลับต่อวัน
- - สายการบิน ไทยแอร์เอเชีย ให้บริการสูงสุด 3 เที่ยวบินต่อวัน
- - สายการการบิน นกแอร์ ให้บริการสูงสุด 2 เที่ยวบินต่อวัน เริ่ม
- - สายการการบิน ไทยไลอ้อนแอร์ ให้บริการสูงสุด 2 เที่ยวบินต่อวัน เริ่ม 25 มี.ค. 65
- - สายการบิน การบินไทยสมายล์ ให้บริการสูงสุด 2 เที่ยวบินต่อวัน
- - สายการบิน ไทยแอร์เอเชีย ให้บริการสูงสุด 1 เที่ยวบินต่อวัน
แหล่งท่องเที่ยว แก้ไข
จังหวัดน่านอาจไม่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้น ๆ ของสถานที่ท่องเที่ยว[ต้องการอ้างอิง] แต่ความจริงแล้ว ที่นี่มีแหล่งท่องเที่ยวให้ผู้สนใจได้ท่องเที่ยวมากมายไม่รู้จบ ทั้งสถานที่ทางประวัติศาสตร์ โบราณคดี แหล่งอารยธรรมโบราณ โดยที่เพิ่งค้นพบในเขตอำเภอเมืองน่าน ส่วนโบราณสถานโดยเฉพาะวัดเก่าแก่มีให้เห็นแทบทุกอำเภอ ได้แก่ วัดพระธาตุแช่แห้ง พระธาตุคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดด้าน วัดภูมินทร์ หอคำ วัดหนองบัว วัดบุญยืน ซึ่งล้วนแต่มีอายุนับร้อย ๆ ปี มีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่สวยงามทั้งสิ้น
สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติก็มีความหลากหลาย เช่น เส้นทางชมธรรมชาติหมู่บ้านมณีพฤกษ์ ในอำเภอทุ่งช้าง อุทยานแห่งชาติหลายแห่ง และเสาดินที่อำเภอนาน้อย บ่อเกลือโบราณในอำเภอบ่อเกลือ หรือการล่องแก่งน้ำว้าที่มีทัศนียภาพสวยงามตลอดเส้นทาง เป็นต้น
สำหรับการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในจังหวัดน่าน สามารถท่องเที่ยวได้ทั่วทุกอำเภอ ด้วยมีความหลากหลายทางวัฒนธรรมอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังมีงานบุญประเพณีที่สำคัญ เช่น งานแข่งเรือ งานไหว้พระธาตุ ส่วนผู้ที่ชื่นชอบศิลปะการแสดงก็สามารถชมการแสดงนาฏศิลป์ที่งดงาม รวมทั้งดนตรีที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เช่น ดนตรีวงปี่จุ้ม จ๊อยซอ ฟ้อนแง้น เป็นต้น
พื้นที่อนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่า "เมืองเก่าน่าน" แก้ไข
- ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2548 เห็นชอบมติที่ประชุมของคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า เรื่อง การอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าน่าน ครั้งที่ 3/2548 วันที่ 24 มิถุนายน 2548 ดังนี้
- ประกาศเขตพื้นที่เมืองเก่าน่าน และเวียงพระธาตุแช่แห้ง เป็นพื้นที่อนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่า (ข้อ 9(1) ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า พ.ศ. 2546 มีผลเมื่อได้รับการประกาศโดยคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า แล้ว และได้มีการประกาศเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2549)
- แผนแม่บทและผังแม่บทการอนุรักษ์และพัฒนาบริเวณเมืองเก่าน่าน
- การแต่งตั้งคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าน่านดำเนินงานในพื้นที่เมืองเก่าน่าน โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน
- ไม่มีการแต่งตั้งคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าน่านดำเนินงานในพื้นที่เมืองเก่าน่าน ตามมติของคณะรัฐมนตรี แต่คณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนาโกสินทร์ และเมืองเก่า ได้มีคำสั่งที่ 1/2549 เรื่อง การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าน่าน ลงวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2549 โดยจังหวัดน่านได้เสนอแต่งตั้งคณะอนุกรรมการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าน่าน เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2550 ซึ่งได้ยืนยันการแต่งตั้งคณะกรรมการฯ ตามมติคณะรัฐมนตรีอีกครั้งเมื่อ 14 กันยายน 2553 และมติที่ประชุมคณะกรรมการอนุรักษ์กรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า ครั้งที่ 1/2553 วันที่ 27 ธันวาคม 2553 มีมติไม่เห็นด้วยกับการแต่งตั้งคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าน่าน ตามมติของคณะรัฐมนตรีตามที่จังหวัดเสนอ
การศึกษา แก้ไข
|
|
บุคคลที่มีชื่อเสียง แก้ไข
|
อย่างเสริมพลัง Community Empowermental Evaluation ของ สสส. สำนักเปิดรับทั่วไปและนวัตกรรม
|
อ้างอิง แก้ไข
- ↑ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
- ↑ ศูนย์สารสนเทศเพื่อการบริหารและงานปกครอง. กรมการปกครอง. กระทรวงมหาดไทย. "ข้อมูลการปกครอง." [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: http://www.dopa.go.th/padmic/jungwad76/jungwad76.htm เก็บถาวร 2016-03-10 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน [ม.ป.ป.]. สืบค้น 18 เมษายน 2553.
- ↑ กรมการปกครอง. กระทรวงมหาดไทย. "ประกาศสำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง เรื่อง จำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักร แยกเป็นกรุงเทพมหานครและจังหวัดต่าง ๆ ตามหลักฐานการทะเบียนราษฎร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564." [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: [1] 2564. สืบค้น 20 กุมภาพันธ์ 2565.
- ↑ http://stat.bora.dopa.go.th/stat/statnew/statTDD/views/showProvinceData.php
- ↑ http://thainationhistory2.blogspot.com/p/blog-page_6789.html?m=1
- ↑ http://123.242.178.83/webjo/index.php?option=com_content&view=article&id=7&Itemid=28
- ↑ แสนหลวงราชสมภาร (2461). เรื่องราชวงษปกรณ์ พงษาวดารเมื่องน่าน. ประชุมพงษาวดาร ภาคที่ ๑๐. กรุงเทพ ฯ: หอพระสมุดวชิรญาณ. p. 83-84.
- ↑ “Phou Khe – Climbing, Hiking & Mountaineering”
- ↑ ข้อมูลอุตุนิยมวิทยา อุณหภูมิสูงสุดและต่ำสุดภาคเหนือ ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ. เข้าถึงได้จาก: http://www.cmmet.tmd.go.th
- ↑ จำนวนประชากรและบ้าน จำแนกเป็นรายอำเภอ และรายตำบล จังหวัดน่าน ณ เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2564, สำนักบริหารทะเบียน กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย
- ↑ ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง จัดตั้งองค์การบริหารส่วนตำบลดู่ใต้ อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน เป็นเทศบาลตำบลดู่ใต้[ลิงก์เสีย]
- ↑ ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง จัดตั้งองค์การบริหารส่วนตำบลกองควาย อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน เป็นเทศบาลตำบลกองควาย[ลิงก์เสีย]
- ↑ ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง จัดตั้งองค์การบริหารส่วนตำบลศีรษะเกษ อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน เป็นเทศบาลตำบลศีรษะเกษ[ลิงก์เสีย]
- ↑ ข้อกำหนดมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เรื่อง การจัดตั้งวิทยาลัยสงฆ์นครน่าน พุทธศักราช ๒๕๕๕
ดูเพิ่ม แก้ไข
แหล่งข้อมูลอื่น แก้ไข
- เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของจังหวัด เก็บถาวร 2010-10-19 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
พิกัดภูมิศาสตร์: 18°47′N 100°46′E / 18.78°N 100.77°E
- แผนที่และภาพถ่ายทางอากาศของ จังหวัดน่าน
- แผนที่ จาก มัลติแมป โกลบอลไกด์ หรือ กูเกิลแผนที่
- ภาพถ่ายทางอากาศ จาก เทอร์ราเซิร์ฟเวอร์
- ภาพถ่ายดาวเทียม จาก วิกิแมเปีย