เปลือกโลกภาคพื้นทวีป
เปลือกโลกภาคพื้นทวีป เป็นชั้นของหินอัคนี หินตะกอน หินแปรที่ก่อตัวขึ้นเป็นทวีปและไหล่ทวีป บางครั้งชั้นนี้ว่าชั้นไซอัลเพราะประกอบด้วยซิลิกาและอะลูมิเนียมเป็นจำนวนมาก เปลือกโลกภาคพื้นทวีปมีความหนาแน่นต่ำกว่าเปลือกโลกภาคพื้นสมุทร ชั้นไม่ต่อเนื่องของคอนราดเป็นชั้นระหว่างเปลือกโลกภาคพื้นทวีป (เปลือกโลกชั้นบน) และ เปลือกโลกภาคพื้นสมุทร (เปลือกโลกชั้นล่าง)[1] ทำให้สามารถวัดความลึกของแผ่นเปลือกโลกภาคพื้นทวีปโดยตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงความเร็วของคลื่นไหวสะเทือน
เปลือกโลกภาคพื้นทวีปแบ่งออกเป็นหลายชั้น ส่วนมากประกอบหินประเภทอินเทอมีเดียท (SiO2 wt% = 60.6[2]) มีความหนาแน่นเฉลี่ยอยู่ที่ 2.83 กรัม/ซม.3 [3] หนาแน่นน้อยกว่าเปลือกโลกภาคพื้นสมุทรที่มีความหนาแน่นประมาณ 2.9 กรัม/ซม.3 และอัตราเมฟิกที่เป็นส่วนประกอบในเนื้อโลกที่มีความหนาแน่นประมาณ 3.3 กรัม/ซม.3 เปลือกโลกภาคพื้นทวีปมีความหนาอยู่ที่ 25–70 กิโลเมตร หนากว่าเปลือกโลกภาคพื้นสมุทรที่มีความหนาประมาณ 7–10 กิโลกเมตร ครอบคลุม 40% พื้นผิวโลก[4] และมีปริมาตรคิดเป็น 70% ของเปลือกโลกทั้งหมด[5]
เปลือกโลกภาคพื้นทวีปส่วนมากเป็นพื้นที่ดินเหนือระดับน้ำทะเล ยกเว้นแต่ทวีปซีแลนเดียที่จมอยู่ใต้มหาสมุทรแปซิฟิกกว่า 94%[6] โดยนิวซีแลนด์เป็นพื้นที่ 93% ของพื้นที่ ๆ อยู่เหนือผิวน้ำ
ความสำคัญ
แก้เนื่องจากเปลือกโลกภาคพื้นทวีปทอดตัวเหนือระดับน้ำทะเล ทำให้สิ่งมีชีวิตบนบกวิวัฒนาการมาจากสิ่งมีชีวิตในทะเล การมีอยู่ของพื้นดินทำให้เกิดทะเลภายในและไหล่ทวีป ส่งผลให้สิ่งมีชีวิตที่ซับซ้อนเกิดขึ้นเป็นจำนวนมากในเหตุการ์ณแคมเบรียน เอ็กโพลชั่นช่วงมหายุคพาลีโอโซอิก[7]
กำเนิด
แก้เปลือกโลกทั้งหมดเกิดจากการแข็งตัวของหินหลอมละลายในเนื้อโลกที่ผ่านการตกผลึกลำดับส่วนของหินบะซอลต์ กับการหลอมและขึ้นรูปใหม่ของเปลือกโลกที่มีอยู่เดิม การสร้างเปลือกโลก 2 กระบวนการนี้ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ แต่คาดกันว่าการตกผลึกลำดับส่วนน่าจะเป็นปัจจัยสำคัญ[8] กระบวนการเหล่านี้มักเกินในบริเวณภูเขาไฟรูปโค้งที่เป็นเขตมุดตัวของเปลือกโลก
20% ของเปลือกโลกปัจจุบันก่อตัวขึ้นเมื่อ 3.0 พันล้านปีก่อน[9] หลักฐานตัวอย่างของเปลือกโลกที่มีอายุมากกว่า 3.5 พันล้านปีมีน้อยมาก[10] ช่วง 3.0 ถึง 2.5 พันล้านปีที่แล้วมีการก่อตัวอย่างรวดเร็วของหินฐานทวีป[10] ทำให้ช่วงเวลานี้เกิดการก่อตัวเปลือกโลกเป็นปริมาตรประมาณ 60% ของปัจจุบัน[9] ส่วนอีก 20% ก่อตัวขึ้นในช่วง 2.5 พันล้านปีที่แล้ว
อ้างอิง
แก้- ↑ สง่า ตั้งชวาล. (2541). ธรณีวิศวกรรมขั้นพื้นฐาน,(พิมพ์ครั้งที่ 4). กรุงเทพ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ISBN 974-638-227-6
- ↑ Rudnick, R.L.; Gao, S. (1 January 2014). "Composition of the Continental Crust". Treatise on Geochemistry (ภาษาอังกฤษ). pp. 1–51. doi:10.1016/B978-0-08-095975-7.00301-6. ISBN 9780080983004.
- ↑ Christensen, Nikolas I.; Mooney, Walter D. (1995). "Seismic velocity structure and composition of the continental crust: A global view". Journal of Geophysical Research: Solid Earth (ภาษาอังกฤษ). 100 (B6): 9761–9788. Bibcode:1995JGR...100.9761C. doi:10.1029/95JB00259. ISSN 2156-2202.
- ↑ Cogley 1984
- ↑ Hawkesworth et al. 2010
- ↑ Mortimer, Nick; Campbell, Hamish J. (2017). "Zealandia: Earth's Hidden Continent". GSA Today. 27: 27–35. doi:10.1130/GSATG321A.1. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2017.
- ↑ Ben Waggoner; Allen Collins. "The Cambrian Period". University of California Museum of Paleontology. สืบค้นเมื่อ 30 November 2013.
- ↑ Klein, Benjamin; Jagoutz, Oliver (1 January 2018). "On the importance of crystallization-differentiation for the generation of SiO2-rich melts and the compositional build-up of arc (and continental) crust". American Journal of Science (ภาษาอังกฤษ). 318 (1): 29–63. Bibcode:2018AmJS..318...29J. doi:10.2475/01.2018.03. ISSN 1945-452X. S2CID 134674805.
- ↑ 9.0 9.1 McCann, T. (editor) (2008). The Geology of Central Europe: Volume 1: Precambrian and Palaeozoic. London: The Geological Society. p. 22. ISBN 978-1-86239-245-8.
{{cite book}}
:|author=
มีชื่อเรียกทั่วไป (help) - ↑ 10.0 10.1 Hart, P. J., Earth's Crust and Upper Mantle, American Geophysical Union, 1969, pp. 13–15 ISBN 978-0-87590-013-1
บรรณานุกรม
แก้- Armstrong, R.L. (1991). "The Persistent Myth of Crustal Growth" (PDF). Australian Journal of Earth Sciences. 38 (5): 613–630. Bibcode:1991AuJES..38..613A. CiteSeerX 10.1.1.527.9577. doi:10.1080/08120099108727995.
- Bowring, S A; Williams, I S (1999). "Priscoan (4.00–4.03 Ga) orthogneisses from northwestern Canada". Contributions to Mineralogy and Petrology. 134 (134): 3–16. Bibcode:1999CoMP..134....3B. doi:10.1007/s004100050465. S2CID 128376754.
- Butler, Rob (2011). "Making new continents". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 1 มีนาคม 2006. สืบค้นเมื่อ 29 มกราคม 2006.
- Cogley, J. Graham (1984). "Continental Margins and the Extent and Number of Continents". Reviews of Geophysics. 22 (2): 101–122. Bibcode:1984RvGSP..22..101C. doi:10.1029/RG022i002p00101.
- Condie, Kent C. (2002). "The supercontinent cycle: are there two patterns of cyclicity?". Journal of African Earth Sciences. 35 (2): 179–183. Bibcode:2002JAfES..35..179C. doi:10.1016/S0899-5362(02)00005-2.
- Clift, P; Vannuchi, P (2004). "Controls on Tectonic Accretion versus Erosion in Subduction Zones: Implications for the Origin and Recycling of the Continental Crust". Reviews of Geophysics. 42 (RG2001): RG2001. Bibcode:2004RvGeo..42.2001C. doi:10.1029/2003RG000127. hdl:1912/3466.
- Hawkesworth, C.J.; Dhuime, B.; Pietranik, A.B.; Cawood, P.A.; Kemp, A.I.S.; Storey, C.D. (2010). "The generation and evolution of the continental crust". Journal of the Geological Society. 167 (2): 229–248. Bibcode:2010JGSoc.167..229H. doi:10.1144/0016-76492009-072. S2CID 131052922.
- Saal, A.L.; Rudnick, R.L.; Ravizza, G.E.; Hart, S.R. (1998). "Re–Os isotope evidence for the composition, formation and age of the lower continental crust". Nature. 393 (6680): 58–61. Bibcode:1998Natur.393...58S. doi:10.1038/29966. S2CID 4327383.
- Walther, John Victor (2005). Essentials of Geochemistry. Jones & Bartlett. p. 35. ISBN 978-0-7637-2642-3. (Diagram entitled "Model of growth of continental crust through time" by Taylor, S.R.; McLennan, S.M. (1995). "The geochemical evolution of the continental crust". Rev. Geophys. 33 (2): 241–265. Bibcode:1995RvGeo..33..241T. doi:10.1029/95RG00262.)
- von Huene, Roland; Scholl, David W. (1991). "Observations at convergent margins concerning sediment subduction, subduction erosion, and the growth of continental crust". Reviews of Geophysics. 29 (3): 279–316. Bibcode:1991RvGeo..29..279V. doi:10.1029/91RG00969.