เตียโก อัลกันตารา
เตียโก อัลกันตารา โด นัสซิเมนโต (สเปน: Thiago Alcántara do Nascimento; เกิด 11 เมษายน ค.ศ. 1991[1]) เป็นนักฟุตบอลชาวสเปน ปัจจุบันเล่นในตำแหน่งกองกลางให้กับลิเวอร์พูลในพรีเมียร์ลีกและทีมชาติสเปน
![]() เตียโกกับสเปนใน ค.ศ. 2019 | |||
ข้อมูลส่วนตัว | |||
---|---|---|---|
ชื่อเต็ม | เตียโก อัลกันตารา โด นัสซิเมนโต[1] | ||
วันเกิด | 11 เมษายน ค.ศ. 1991 (29 ปี) | ||
สถานที่เกิด | ซานปีเอโตรเวร์โนตีโก อิตาลี | ||
ส่วนสูง | 1.74 เมตร (5 ฟุต 8 1⁄2 นิ้ว)[2] | ||
ตำแหน่ง | กองกลาง | ||
ข้อมูลสโมสร | |||
สโมสรปัจจุบัน | ลิเวอร์พูล | ||
หมายเลข | 6 | ||
สโมสรเยาวชน | |||
1995–1996 | ฟลาเม็งกู | ||
1996–2000 | Ureca | ||
2000–2001 | Kelme | ||
2001–2005 | ฟลาเม็งกู | ||
2005–2008 | บาร์เซโลนา | ||
สโมสรอาชีพ* | |||
ปี | ทีม | ลงเล่น | (ประตู) |
2008–2011 | บาร์เซโลนา เบ | 59 | (3) |
2009–2013 | บาร์เซโลนา | 68 | (7) |
2013–2020 | ไบเอิร์นมิวนิก | 150 | (17) |
2020– | ลิเวอร์พูล | 2 | (0) |
ทีมชาติ‡ | |||
2007 | สเปน อายุไม่เกิน 16 ปี | 1 | (0) |
2007–2008 | สเปน อายุไม่เกิน 17 ปี | 8 | (5) |
2009 | สเปน อายุไม่เกิน 18 ปี | 1 | (1) |
2009–2010 | สเปน อายุไม่เกิน 19 ปี | 11 | (4) |
2010–2013 | สเปน อายุไม่เกิน 21 ปี | 21 | (6) |
2011– | สเปน | 39 | (2) |
* นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้กับสโมสรเฉพาะลีกในประเทศเท่านั้น ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 15:24, 17 ตุลาคม ค.ศ. 2020 (UTC) ‡ ข้อมูลการลงเล่นและประตูให้กับทีมชาติล่าสุด ณ วันที่ 23:47, 6 กันยายน ค.ศ. 2020 (UTC) |
เตียโกเกิดที่อิตาลีโดยมีบิดามารดาเป็นชาวบราซิล บิดาของเขา มาซิญโญ เป็นอดีตนักฟุตบอลในชุดชนะเลิศฟุตบอลโลกและเล่นให้กับเลชเชในเซเรียอาในช่วงที่เขาเกิด เตียโกย้ายร่วมบาร์เซโลนาในวัย 14 ปี และลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรกใน ค.ศ. 2009 หลังจากที่พาทีมชนะเลิศลาลิกาสี่สมัย ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกและฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก เขาได้เซ็นสัญญากับไบเอิร์นด้วยค่าตัว 25 ล้านยูโรใน ค.ศ. 2013 เขาพาไบเอิร์นคว้าถ้วยรางวัลถึง 16 ใบ ซึ่งรวมถึงบุนเดิสลีกาเจ็ดสมัยและยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 2020 โดยแชมเปียนส์ลีกนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของทริปเปิลแชมป์
หลังจากที่พาทีมชาติสเปนรุ่นอายุไม่เกิน 19 และ 20 ปีเข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปเยาวชน เขาลงเล่นให้กับทีมชาติชุดใหญ่ครั้งแรกใน ค.ศ. 2011 เขาเกือบเป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติสเปนในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 แต่ได้ถอนตัวเนื่องจากบาดเจ็บที่เข่า เตียโกถูกเลือกติดทีมชาติในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2016 และฟุตบอลโลก 2018
สโมสรอาชีพแก้ไข
ช่วงแรกแก้ไข
เตียโกเกิดที่ซานปีเอโตรเวร์โนตีโกในอิตาลี ซึ่งในตอนนั้น มาซิญโญ บิดาของเขา (ผู้เล่นทีมชาติบราซิลตั้งแต่ ค.ศ. 1989 ถึง 1994) เล่นให้กับเลชเช เขาเริ่มเล่นฟุตบอลเยาวชนให้กับฟลาเม็งกูในบราซิล ต่อมาเมื่ออายุได้ห้าขวบ เขาได้ย้ายไปสเปนพร้อมกับบิดา และเริ่มเล่นให้กับยูเรชา ทีมในแคว้นกาลิเซีย ใน ค.ศ. 2001 เขาเล่นให้กับเคลเม ในขณะที่บิดาเล่นให้กับเอลเช[3][4] เขาย้ายกลับฟลาเม็งกูเมื่อตอน 10 ขวบ และใน ค.ศ. 2005 ได้ย้ายกลับสเปนอีกครั้งพร้อมเซ็นสัญญากับบาร์เซโลนา ซึ่งลูกพี่ลูกน้องของเขา มารีเอลู ดอส ซังตูส ก็เล่นให้กับสโมสรนี้[5]
บาร์เซโลนาแก้ไข
วันที่ 17 พฤษภาคม ค.ศ. 2009 เตียโกในวัย 18 ปี ลงเล่นนัดแรกให้กับทีมชุดแรกในฐานะตัวสำรองแทนเอย์ดืร์ กวึดยอนแซนในนาทีที่ 74 ในนัดที่แพ้ 1–2 มายอร์กา ซึ่งบาร์เซโลนาคว้าแชมป์ลีกไปเรียบร้อยแล้ว[6] นัดนั้นเป็นการลงเล่นเพียงนัดเดียวของเขาในฤดูกาลนั้น[7]
วันที่ 20 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2010 เขาลงเล่นเป็นตัวสำรองแทนยาย่า ตูเรในนาทีที่ 76 และทำประตูแรกในนามสโมสรช่วยให้เปิดบ้านเอาชนะราซินเดซันตันเดร์ 4–0[8] ต่อมาเขาทำประตูที่สามในนัดที่พบกับเรอัลโซซิเอดัดเมื่อวันที่ 29 เมษายน นัดนั้นเขาลงเล่นเป็นตัวจริงและบาร์เซโลนาแพ้ไป 2–1[9] เขาจบฤดูกาล 2010–11 ด้วยการลงเล่น 17 นัด ทำ 3 ประตูและ 3 แอสซิสต์ เขามีชื่อเป็นตัวสำรองในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ 2011 ที่พบกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดที่สนามกีฬาเวมบลีย์[10]
เตียโกเริ่มต้นฤดูกาล 2011–12 ด้วยการลงเล่นในซูเปร์โกปาเดเอสปัญญา เลกแรก ที่พบกับเรอัลมาดริด เขาถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 58 และชาบีลงแล่นแทน เขามีชื่อเป็นสำรองในยูฟ่าซูเปอร์คัพ 2011 ที่บาร์เซโลนาเอาชนะโปร์ตู เขาทำประตูในนัดเปิดสนามลาลิกาของบาร์เซโลนาที่เปิดบ้านเอาชนะบิยาร์เรอัล 5–0[11] ต่อมาในวันที่ 18 ธันวาคม เขาลงเล่นเป็นตัวจริงในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลกที่บาร์เซโลนาเอาชนะซังตุสที่สนามกีฬานานาชาติโยโกฮามะ 4–0[12] เตียโกทำประตูที่ห้าของบาร์เซโลนาในนัดที่เอาชนะราโยบาเยกาโน 7–0 เมื่อวันที่ 29 เมษายน[13]
ไบเอิร์นมิวนิกแก้ไข
2013–15: ฤดูกาลแรกและอาการบาดเจ็บแก้ไข
— เปป กวาร์ดิโอลา กล่าวกับสื่อมวลชนก่อนเซ็นสัญญา[14]
วันที่ 14 กรกฎาคม ค.ศ. 2013 เตียโกเซ็นสัญญาสี่ปีกับไบเอิร์นมิวนิกในบุนเดิสลีกาด้วยค่าตัว 25 ล้านยูโร[15] ไบเอิร์นจะจ่ายเงิน 20 ล้านยูโรโดยตรงแก่บาร์เซโลนา และจะจัดเกมกระชับมิตรระหว่างสองทีม เตียโกจะได้รับเงินที่บาร์เซโลนาติดหนี้กับเขาไว้[16] การย้ายตัวเกิดขึ้นแม้ว่าบาร์เซโลนาเพิ่งจะขยายสัญญากับเตียโกใน ค.ศ. 2011 ทำให้เขามีค่าปล่อยตัวสูงถึง 90 ล้านปอนด์[17] บาร์เซโลนาล้มเหลวในการบรรลุเงื่อนไขสัญญาเนื่องจากเขาไม่ได้ลงเล่นด้วยเวลาที่เพียงพอ ค่าซื้อตัวของเขาจึงลดลงเหลือ 18 ล้านยูโร[17] ผู้จัดการทีมคนใหม่ของไบเอิร์น เปป กวาร์ดิโอลา กล่าวก่อนที่เตียโกจะย้ายมาไบเอิร์นว่า "ผมพูดกับสโมสรเกี่ยวกับแนวทางของผมและบอกพวกเขาว่าทำไมผมต้องการเตียโก เขาเป็นผู้เล่นเพียงคนเดียวที่ผมต้องการ ไม่มีใครอื่นนอกจากเขา"[18]
เตียโกลงเล่นนัดแรกให้กับไบเอิร์นในเดเอ็ฟเอ็ล-ซูเพอร์คัพที่พ่ายแพ้ต่อโบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ 4–2 เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม เขาลงเล่นนัดแรกในบุนเดิสลีกาในนัดที่บุกเอาชนะไอน์ทรัคท์ฟรังค์ฟวร์ท 0–1 เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ค.ศ. 2013[19]
วันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 2013 เขาทำประตูแรกให้กับไบเอิร์นในฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 2013 ช่วยให้เอาชนะรายาคาซาบลังกาจากโมร็อกโก 2–0[20] ต่อมาในวันที่ 29 มกราคม ค.ศ. 2014 เขาทำประตูแรกในบุนเดิสลีกาใส่ชตุทท์การ์ท โดยประตูนี้ได้รับการลงคะแนนให้เป็นประตูยอดเยี่ยมประจำเดือน[21] นอกจากนี้ เขายังแอสซิสต์ให้เกลาดิโอ ปิซาร์โรทำประตูแรกช่วยให้ไบเอิร์นเอาชนะ 2–1[22] สี่วันถัดมา ในนัดที่พบกับไอน์ทรัคท์ฟรังค์ฟวร์ท เขาสัมผัสบอลถึง 185 ครั้ง นับเป็นสถิติสูงสุดของบุนเดิสลีกา[23] วันที่ 23 กุมภาพันธ์ เตียโกทำสองประตูช่วยให้ทีมเอาชนะฮันโนเฟอร์ 96 4–0[24] อย่างไรก็ตาม เอ็นเข่าของเขาขาดในนัดที่พบกับ 1899 ฮ็อฟเฟินไฮม์ในอีกหกวันถัดมา[25] ทำให้ต้องจบฤดูกาลด้วยการทำ 2 ประตูจากการลงเล่นในบุนเดิสลีกา 16 นัด[26] นอกจากนี้ เขายังลงเล่นในเยอรมันคัพ 2 นัด[26] แชมเปียนส์คัพ 4 นัด[26] เยอรมันซูเพอร์คัพ 1 นัด[7] และทำหนึ่งประตูจากการลงเล่นในฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 2 นัด[7]
หลังจากที่ต้องหยุดพักเป็นระยะเวลาหนึ่งปีเนื่องจากอาการบาดเจ็บ เตียโกกลับมาลงสนามอีกครั้งในวันที่ 4 เมษายน ค.ศ. 2015 โดยลงเล่นแทนที่ฟิลิปป์ ลาห์มในช่วง 21 นาทีสุดท้ายในนัดที่เอาชนะโบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ 1–0[27] สี่วันถัดมา เขาลงเล่นแทนที่ลาห์มอีกครั้งในเดเอ็ฟเบ-โพคาล รอบก่อนรองชนะเลิศที่พบกับไบเออร์เลเวอร์คูเซิน เขาทำประตูชัยในช่วงการดวลลูกโทษหลังจากที่เสมอกันในเวลาแบบไร้ประตู[28] วันที่ 15 เมษายน เขาทำประตูในแชมเปียนส์ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ เลกแรกที่บุกแพ้โปร์ตู 1–3[29] สี่วันถัดมา เขาโหม่งประตูจากลูกเปิดของฆวน เบร์นัต ช่วยให้ทีมเปิดบ้านล้างแค้นเอาชนะโปร์ตู 6–1 ทำให้ไบเอิร์นผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ[30] วันที่ 26 เมษายน หลังจากที่เฟาเอ็ฟเอ็ล ว็อลฟส์บวร์คแพ้ให้กับโบรุสซีอาเมินเชินกลัทบัค เตียโกชนะเลิศบุนเดิสลีกาสมัยที่สองกับไบเอิร์น[31] เขาจบฤดูกาลด้วยการทำสองประตูจากการลงเล่น 13 นัด[32]
2015–17: ดับเบิลแชมป์ในประเทศและความสำเร็จส่วนตัวแก้ไข
วันที่ 27 สิงหาคม ค.ศ. 2015 เตียโกขยายสัญญากับไบเอิร์นอีก 4 ปี[33] ต่อมาในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2016 เขาทำประตูช่วยให้ทีมเอาชนะเฟาเอ็ฟเอ็ล โบคุม 3–0 ในการแข่งขันเดเอ็ฟเบ-โพคาลรอบก่อนรองชนะเลิศ[34] เขาทำสองประตูในนัดที่เปิดบ้านเอาชนะแวร์เดอร์เบรเมิน 5–0 เมื่อวันที่ 12 มีนาคม[35] ต่อมาในวันที่ 17 มีนาคม เตียโกทำประตูช่วยให้ทีมพลิกสถานการณ์จากที่ตามหลังยูเวนตุส 0–2 กลับมาเอาชนะได้ 4–2 ในการแข่งขันยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย[36] เขาจบฤดูกาลด้วยการทำ 4 ประตูและ 7 แอสซิสต์[37] เขาทำ 2 ประตูจากการลงเล่นในบุนเดิสลีกา 27 นัด[38] ทำหนึ่งประตูจากการลงเล่นในเยอรมัน 5 นัด[38] และทำหนึ่งประตูจากการลงเล่นในแชมเปียนส์ลีก 9 นัด[38]
เตียโกเริ่มต้นฤดูกาล 2016–17 ภายใต้การคุมทีมของผู้จัดการทีมคนใหม่อย่างการ์โล อันเชลอตตี ด้วยการพาทีมเอาชนะคู่ปรับตลอดกาลอย่างโบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ 2–0 จนสามารถคว้าแชมป์เดเอ็ฟเอ็ล-ซูเพอร์คัพได้เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ. 2016[39][40] วันที่ 21 กันยายน เขาทำประตูแรกของฤดูกาล ช่วยให้ทีมเอาชนะแฮร์ทา เบเอ็สเซ 3–0[41] เตียโกทำหนึ่งประตูและหนึ่งแอสซิสต์ในนัดที่เอาชนะแอร์เบ ไลพ์ซิช 3–0 เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม ทำให้เขาได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำนัด[42] วันที่ 16 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2017 เขาทำสองประตูและหนึ่งแอสซิสต์ช่วยให้ไบเอิร์นเอาชนะอาร์เซนอล 5–1 ในเลกแรกของยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย[43] วันที่ 28 เมษายน เขาขยายสัญญากับสโมสรอีกสี่ปีหรือจนถึง ค.ศ. 2021[44] เขาทำ 9 ประตูและ 9 แอสซิสต์ตลอดฤดูกาล[45]
2017–20: ผู้เล่นตัวจริงและแชมป์ยุโรปแก้ไข
อาการบาดเจ็บทำให้เตียโกไม่สามารถลงเล่นในการแข่งขันนัดแรกของฤดูกาล 2017–18 ซึ่งเป็นเดเอ็ฟเอ็ล-ซูเพอร์คัพที่ไบเอิร์นเอาชนะโบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ในการยิงลูกโทษ 5–4 เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ. 2017[46][47] ต่อมาในวันที่ 26 ตุลาคม เขาทำประตูตามตีเสมอแอร์เบ ไลพ์ซิช 1–1 ในเดเอ็ฟเบ-โพคาล รอบที่สอง ก่อนที่ไบเอิร์นจะสามารถเอาชนะการยิงลูกโทษไปได้ 5–4[48] วันที่ 23 พฤศจิกายน เขาถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 44 เนื่องจากอาการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อต้นขาในนัดที่ไบเอิร์นบุกเอาชนะอันเดอร์เลคต์ 2–1 ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ยุพ ไฮน์เคิส ผู้จัดการทีม ยืนยันว่าเขาจะต้องพักยาว[49][50] เตียโกกลับมาลงเล่นเป็นตัวจริงอีกครั้งในนัดที่บุกเอาชนะเฟาเอ็ฟเอ็ล ว็อลฟส์บวร์ค 2–1 เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2018[51][52] ต่อมาในวันที่ 4 เมษายน เขาทำประตูขึ้นนำช่วยให้ไบเอิร์นบุกเอาชนะเซบิยา 2–1 ในเลกแรกของยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ[53] เขาจบฤดูกาลด้วยการทำ 7 ประตูจากการลงเล่น 31 นัด[54]
วันที่ 12 สิงหาคม ค.ศ. 2018 เตียโกลงเล่นนัดแรกของฤดูกาลภายใต้การคุมทีมของผู้จัดการทีมคนใหม่อย่างนิคอ คอวัช เขาทำหนึ่งประตูช่วยให้ทีมเอาชนะไอน์ทรัคท์ฟรังค์ฟวร์ท 5–0 พาไบเอิร์นคว้าแชมป์เดเอ็ฟเอ็ล-ซูเพอร์คัพได้สำเร็จ[55] วันที่ 18 พฤษภาคม ค.ศ. 2019 เตียโกพาไบเอิร์นชนะเลิศลีกเป็นสมัยที่หกติดต่อกัน โดยทีมมี 78 คะแนนซึ่งเหนือกว่าดอร์ทมุนท์เพียงสองคะแนนเท่านั้น สัปดาห์ถัดมา เตียโกชนะเลิศเดเอ็ฟเบ-โพคาลเป็นสมัยที่สามของเขา หลังจากที่ไบเอิร์นสามารถเอาชนะแอร์เบ ไลพ์ซิช 3–0 ในนัดชิงชนะเลิศ[56] เขาจบฤดูกาลด้วยการทำ 3 ประตูจากการลงเล่น 42 นัด
ท่ามกลางสื่อที่ประโคมข่าวอย่างหนักว่าเขามีโอกาสย้ายไปลิเวอร์พูล[57] เตียโกลงเล่นให้กับไบเอิร์นในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ ที่พบกับทีมเก่าของเขาอย่างบาร์เซโลนา สุดท้ายแล้ว ไบเอิร์นสามารถเอาชนะทีมจากแคว้นกาตาลันไปได้อย่างขาดลอย 8–2[58] เตียโกลงเล่นเป็นตัวจริงในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ ที่พบกับปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง โดยเขาได้ลงเล่น 86 นาทีก่อนถูกเปลี่ยนตัวออก บาเอิร์นชนะเลิศแชมเปียนส์ลีกเป็นสมัยที่ 6 และจบฤดูกาลด้วยการคว้าทริปเปิลแชมป์ ซึ่งก่อนหน้านี้ทีมชนะเลิศบุนเดิสลีกาและเอาชนะไบเออร์เลเวอร์คูเซินในเดเอ็ฟเบ-โพคาล นัดชิงชนะเลิศ[59][60][61]
ลิเวอร์พูลแก้ไข
ในวันที่ 18 กันยายน ค.ศ. 2020 เตียโกย้ายมาร่วมทีมลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัว 25 ล้านปอนด์ เซ็นสัญญา 4 ปี[62] โดยเตียโกได้สวมเสื้อหมายเลข 6[63] ต่อมา ในวันที่ 20 กันยายน ค.ศ. 2020 เตียโกลงเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล เป็นนัดแรก โดยถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรอง ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เชลซี ที่สแตมฟอร์ดบริดจ์ 2-0[64] ผลงานของเตียโกในนัดนี้สถิติโดยรวมก็คือผ่านบอลสำเร็จ 75 ครั้งในเวลาแค่ 45 นาทีมากกว่านักเตะทุกคนของเชลซี ที่ลงเล่นตลอดทั้งเกม และนับตั้งแต่มีการเก็บสติติการผ่านบอลในปี 2003 เป็นต้นมา เตียโกเป็นผู้เล่นที่สามารถผ่านบอลสำเร็จได้มากที่สุดในพรีเมียร์ลีก สำหรับผู้เล่นที่อยู่ในสนามไม่เกิน 45 นาที[65]
ในวันที่ 29 กันยายน ค.ศ. 2020 สโมสรลิเวอร์พูลได้ประกาศว่าเตียโกได้ติดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
ทีมชาติแก้ไข
ชุดเยาวชนแก้ไข
เขาลงเล่นให้กับทีมชาติสเปนในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี 2008 โดยทำประตูในนัดชิงชนะเลิศ ช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ในรายการนั้น[66] เตียโกทำประตูด้วยการยิงฟรีคิกในระยะ 40 หลาใส่สวิตเซอร์แลนด์ในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี 2011 ช่วยให้สเปนเอาชนะ 2–0 และคว้าแชมป์รายการนั้น[67] เขายังได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำนัดชิงชนะเลิศ
วันที่ 18 มิถุนายน ค.ศ. 2013 เขาทำแฮตทริกในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี 2013 นัดชิงชนะเลิศ ช่วยให้สเปนเอาชนะอิตาลี 4–2 และคว้าแชมป์รายการนี้เป็นสมัยที่สี่[68]
ชุดใหญ่แก้ไข
เขาลงเล่นนัดแรกให้กับทีมชาติสเปนชุดใหญ่ในนัดกระชับมิตรที่พบกับอิตาลีเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม ค.ศ. 2011 ส่วนนัดการแข่งขันนัดแรกที่เขาได้ลงเล่นเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 กันยายน ค.ศ. 2011 ในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2012 รอบคัดเลือกที่สเปนเอาชนะลิกเตนสไตน์ 6–0 อย่างไรก็ตาม อาการบาดเจ็บทำให้เขาพลาดการลงเล่นในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2012 และโอลิมปิกฤดูร้อน 2012 ที่ลอนดอน[69]
วันที่ 13 พฤษภาคม ค.ศ. 2014 เตียโกมีชื่อติดทีมชาติชุดเบื้องต้น 30 คน สำหรับการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014[70] อย่างไรก็ตาม สองวันถัดมา เขาถอนตัวจากการแข่งขันเนื่องจากเอ็นเข่าขาดในตอนที่เล่นให้กับไบเอิร์นเมื่อเดือนมีนาคม ผู้บริหารของไบเอิร์น Karl-Heinz Rummenigge กล่าวว่า "ชายหนุ่มผู้ต้องการกลับมาเล่นในฟุตบอลโลกซึ่งความฝันของเขาพังทลายลง พวกเราจะดูแลเขาให้ดีและจะทำให้มั่นใจได้ว่าเขาจะพร้อมสำหรับการเปิดฤดูกาล"[71]
วันที่ 2 ตุลาคม ค.ศ. 2015 เตียโกถูกบิเซนเต เดล โบสเกเรียกติดทีมชาติเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่เขาได้รับบาดเจ็บ[72] สิบวันถัดมา เขาได้ลงเล่นและช่วยให้สเปนบุกเอาชนะยูเครนในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2016 รอบคัดเลือก 1–0 ต่อมาในวันที่ 6 ตุลาคม ค.ศ. 2017 เขาทำประตูแรกในนามทีมชาติในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกนัดที่พบกับแอลเบเนีย ประตูนี้เกิดจากอัลบาโร โอดริโอโซลาส่งบอลเข้าจากฝั่งขวาของกรอบเขตโทษและเตียโกโหม่งบอลเข้าไป[73]
ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2018 เขามีชื่อติดทีมชาติชุดเบื้องต้น 24 คน สำหรับการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย[74] และเมื่อตัดรายชื่อเหลือ 23 คน เขาก็ยังคงมีชื่ออยู่ในนั้น[75] เตียได้ลงเล่นในรายการนี้สองนัดในการพบกับโปรตุเกสและโมร็อกโก[76]
สถิติอาชีพแก้ไข
สโมสรแก้ไข
- ณ วันที่ 17 ตุลาคม 2020
สโมสร | ฤดูกาล | ลีก | ถ้วยแห่งชาติ[a] | ลีกคัพ | ทวีป | อื่น ๆ | รวม | อ้างอิง | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ระดับ | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | |||
บาร์เซโลนา เบ | 2007–08 | เตร์เซราดิบิซิออน | 5 | 0 | — | — | — | — | 5 | 0 | |||||
2008–09 | เซกุนดาดิบิซิออน เบ | 25 | 0 | — | — | — | — | 25 | 0 | ||||||
2009–10 | 13 | 2 | — | — | — | 5[b] | 1 | 18 | 3 | ||||||
2010–11 | เซกุนดาดิบิซิออน | 11 | 0 | — | — | — | — | 11 | 0 | [7] | |||||
รวม | 54 | 2 | — | — | — | 5 | 1 | 59 | 3 | — | |||||
บาร์เซโลนา | 2008–09 | ลาลิกา | 1 | 0 | 0 | 0 | — | 0 | 0 | 0 | 0 | 1 | 0 | [7] | |
2009–10 | 1 | 1 | 1 | 0 | — | 0 | 0 | 0 | 0 | 2 | 1 | [7] | |||
2010–11 | 12 | 2 | 3 | 1 | — | 1[c] | 0 | 1[d] | 0 | 17 | 3 | [7] | |||
2011–12 | 27 | 2 | 8 | 2 | — | 7[c] | 0 | 3[e] | 0 | 45 | 4 | [7] | |||
2012–13 | 27 | 2 | 7 | 1 | — | 2[c] | 0 | 0 | 0 | 36 | 3 | [7] | |||
รวม | 68 | 7 | 19 | 4 | — | 10 | 0 | 4 | 0 | 101 | 11 | — | |||
ไบเอิร์นมิวนิก | 2013–14 | บุนเดิสลีกา | 16 | 2 | 2 | 0 | — | 4[c] | 0 | 3[f] | 1 | 25 | 3 | [7][26] | |
2014–15 | 7 | 0 | 2 | 0 | — | 4[c] | 2 | 0 | 0 | 13 | 2 | [32] | |||
2015–16 | 27 | 2 | 5 | 1 | — | 9[c] | 1 | 1[g] | 0 | 42 | 4 | [7][38] | |||
2016–17 | 27 | 6 | 4 | 1 | — | 9[c] | 2 | 1[g] | 0 | 41 | 9 | [7][45] | |||
2017–18 | 19 | 2 | 3 | 2 | — | 10[c] | 3 | 0 | 0 | 32 | 7 | [54][77] | |||
2018–19 | 30 | 2 | 6 | 0 | — | 5[c] | 0 | 1[g] | 1 | 42 | 3 | [55][78] | |||
2019–20 | 24 | 3 | 5 | 0 | — | 10[c] | 0 | 1[g] | 0 | 40 | 3 | [79][80] | |||
รวม | 150 | 17 | 27 | 4 | — | 51 | 8 | 7 | 2 | 235 | 31 | — | |||
ลิเวอร์พูล | 2020–21 | พรีเมียร์ลีก | 2 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 2 | 0 | [7] |
รวมทั้งหมด | 279 | 26 | 48 | 8 | 0 | 0 | 61 | 8 | 11 | 3 | 397 | 45 | — |
- ↑ โกปาเดลเรย์ เดเอ็ฟเบ-โพคาล และเอฟเอคัพ
- ↑ ลงเล่นในเซกุนดาดิบิซิออน เบ รอบเพลย์ออฟ
- ↑ 3.0 3.1 3.2 3.3 3.4 3.5 3.6 3.7 3.8 3.9 ลงเล่นในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก
- ↑ ลงเล่นในซูเปร์โกปาเดเอสปัญญา
- ↑ ลงเล่นในซูเปร์โกปาเดเอสปัญญาและฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก
- ↑ ลงเล่นในเดเอ็ฟเอ็ล-ซูเพอร์คัพและฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก
- ↑ 7.0 7.1 7.2 7.3 ลงเล่นในเดเอ็ฟเอ็ล-ซูเพอร์คัพ
ทีมชาติแก้ไข
- ณ วันที่ 6 กันยายน 2020[81]
ทีมชาติ | ปี | ลงเล่น | ประตู |
---|---|---|---|
สเปน | 2011 | 3 | 0 |
2012 | 0 | 0 | |
2013 | 1 | 0 | |
2014 | 1 | 0 | |
2015 | 2 | 0 | |
2016 | 11 | 0 | |
2017 | 7 | 1 | |
2018 | 9 | 1 | |
2019 | 3 | 0 | |
2020 | 2 | 0 | |
รวม | 39 | 2 |
ประตูในนามทีมชาติแก้ไข
# | วันที่ | สนาม | คู่แข่ง | ประตู | ผล | รายการแข่งขัน |
---|---|---|---|---|---|---|
1. | 6 ตุลาคม 2017 | สนามกีฬาโฆเซริโกเปเรซ อาลิกันเต สเปน | แอลเบเนีย | 3–0 | 3–0 | ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก |
2. | 27 มีนาคม 2018 | หวันต้าเมโตรโปลิตาโน มาดริด สเปน | อาร์เจนตินา | 4–1 | 6–1 | กระชับมิตร |
เกียรติประวัติแก้ไข
สโมสรแก้ไข
บาร์เซโลนา[1]
- ลาลิกา: 2010–11, 2012–13[82]
- โกปาเดลเรย์: 2011–12
- ซูเปร์โกปาเดเอสปัญญา: 2010, 2011
- ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก: 2010–11
- ยูฟ่าซูเปอร์คัพ: 2011
- ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก: 2011
ไบเอิร์นมิวนิก[1]
- บุนเดิสลีกา: 2013–14, 2014–15, 2015–16, 2016–17, 2017–18, 2018–19, 2019–20
- เดเอ็ฟเบ-โพคาล: 2013–14, 2015–16, 2018–19, 2019–20
- เดเอ็ฟเอ็ล-ซูเพอร์คัพ: 2016, 2017, 2018
- ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก: 2019–20[83]
- ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก: 2013
ทีมชาติแก้ไข
- ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี: 2008
- ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี: 2011, 2013
รางวัลส่วนตัวแก้ไข
- ผู้เล่นยอดเยี่ยมในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี: 2013[84]
- รองเท้าเงินในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี: 2013[85]
- ทีมยอดเยี่ยมในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี: 2013[84]
- Goal of the Month in Germany: January 2014[21]
- FIFA FIFPro World11: 2020
- FIFA FIFPro World11 ทีมที่ 5: 2015, 2017[86][87]
- ทีมยอดเยี่ยมแห่งฤดูกาลของบุนเดิสลีกา: 2016–17[88]
- ทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของสื่อกีฬายุโรป: 2016–17[89]
- ทีมยอดเยี่ยมแห่งฤดูกาลของยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก: 2019–20[90]
อ้างอิงแก้ไข
- ↑ 1.0 1.1 1.2 1.3 1.4 "Thiago Alcântara". Soccerway.com. สืบค้นเมื่อ 18 July 2014.
- ↑ "2018 FIFA World Cup Russia – List of Players" (PDF). FIFA.com. Fédération Internationale de Football Association. 4 June 2018. สืบค้นเมื่อ 20 June 2018.
- ↑ "Kelme official website". Kelme. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 28 June 2012. สืบค้นเมื่อ 17 April 2012.
- ↑ "Thiago Alcántara, la nueva perla azulgrana" (ภาษาสเปน). suite101.net. 30 July 2011. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 15 September 2012. สืบค้นเมื่อ 17 April 2012.
- ↑ "THIAGO ALCÂNTARA DO NASCIMENTO" (ภาษาโปรตุเกส). PortalBARRA. สืบค้นเมื่อ 3 July 2011.
- ↑ Villalobos, Fran (17 May 2009). "El Barça pierde la guerra de Eto'o" [Barça lose the war of Eto'o]. Marca (ภาษาสเปน). สืบค้นเมื่อ 15 March 2015.
- ↑ 7.00 7.01 7.02 7.03 7.04 7.05 7.06 7.07 7.08 7.09 7.10 7.11 7.12 "Thiago » Club matches". World Football. สืบค้นเมื่อ 15 August 2018.
- ↑ "FC Barcelona vs Racing de Santander". Goal.com. 20 February 2010. สืบค้นเมื่อ 12 July 2013.
- ↑ "Barcelona stumble against Real Sociedad to miss out on record". The Guardian. 29 April 2012. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2 April 2015. สืบค้นเมื่อ 14 May 2014.
- ↑ McNulty, Phil (28 May 2011). "Barcelona 3 – 1 Man Utd". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 15 March 2015.
- ↑ Gonzalez, Roger (29 August 2011). "Barcelona 5–0 Villarreal: Messi, Fabregas & Alexis Sanchez all on target as champions cruise to victory". Goal.com. สืบค้นเมื่อ 3 October 2012.
- ↑ "Match Report" (PDF). FIFA.com. Fédération Internationale de Football Association. สืบค้นเมื่อ 28 May 2012.
- ↑ Sinanan, Keeghann (29 April 2012). "Rayo Vallecano 0–7 Barcelona: Messi and Pedro both net doubles as Catalan giants romp to resounding victory". Goal.com. สืบค้นเมื่อ 14 May 2014.
- ↑ Staunton, Peter (17 October 2014). "Bayern will never truly be Pep's team without Thiago Alcantara". Goal.com. สืบค้นเมื่อ 24 April 2015.
- ↑ "Thiago Alcántara sold to Bayern Munich for 25 million euros". FC Barcelona. 14 July 2013. สืบค้นเมื่อ 15 July 2013.
- ↑ "FC Bayern verpflichtet Thiago Alcántara" (ภาษาเยอรมัน). FC Bayern Munich. 14 July 2013. สืบค้นเมื่อ 16 January 2016.
- ↑ 17.0 17.1 Hayward, Ben (19 June 2013). "Barcelona blunder makes €18m Thiago the bargain of the summer". goal.com. สืบค้นเมื่อ 12 July 2013.
- ↑ "Thiago Alcantara: from promising Pep pup to world-class Number 10". bundesliga.com. สืบค้นเมื่อ 8 December 2018.
- ↑ "Mandzukic sorgt für Frankfurts Fehlstart". kicker (ภาษาเยอรมัน). 17 August 2013. สืบค้นเมื่อ 14 May 2014.
- ↑ "Bayern Munich manager Pep Guardiola targets more silverware after Club World Cup victory". The Daily Telegraph. 22 December 2013. สืบค้นเมื่อ 9 March 2014.
- ↑ 21.0 21.1 "Thiago erzielt Tor des Monats" (ภาษาเยอรมัน). FC Bayern Munich. 23 February 2014. สืบค้นเมื่อ 18 July 2014.
- ↑ "VfB Stuttgart 1–2 Bayern Munich". BBC Sport. 29 January 2014. สืบค้นเมื่อ 9 March 2014.
- ↑ "5:0 – Bayern dominiert gegen Frankfurt nach Belieben". Die Welt (ภาษาเยอรมัน). 2 February 2014. สืบค้นเมื่อ 14 May 2014.
- ↑ "Bayern Munich and Thomas Müller crush Hannover with ruthless efficiency". The Guardian. Press Association. 23 February 2014. สืบค้นเมื่อ 14 May 2014.
- ↑ "Bayern Munich 3–3 1899 Hoffenheim". BBC Sport. 29 March 2014. สืบค้นเมื่อ 14 May 2014.
- ↑ 26.0 26.1 26.2 26.3 "Thiago" (ภาษาเยอรมัน). kicker.de. สืบค้นเมื่อ 19 May 2018.
- ↑ "Bor Dortmd 0–1 Bayern Mun". BBC Sport. 4 April 2015. สืบค้นเมื่อ 5 April 2015.
- ↑ "Bayer Leverkusen 0–0 Bayern Munich AET (3–5 pens): Neuer and Thiago the shoot-out heroes". Goal.com. 8 April 2015. สืบค้นเมื่อ 8 April 2015.
- ↑ Hafez, Shamoon (15 April 2015). "FC Porto 3–1 Bayern Mun". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 15 April 2015.
- ↑ Uersfeld, Stephan (21 April 2015). "Bayern Munich 6–1 FC Porto". ESPN. สืบค้นเมื่อ 21 April 2015.
- ↑ "Bayern Munich: Pep Guardiola's side win 25th Bundesliga title". BBC Sport. 26 April 2015. สืบค้นเมื่อ 26 April 2015.
- ↑ 32.0 32.1 "Thiago". kicker.de (ภาษาเยอรมัน). kicker. สืบค้นเมื่อ 15 August 2018.
- ↑ "Thiago verlängert bis 2019" (ภาษาเยอรมัน). Bayern Munich. 27 August 2015. สืบค้นเมื่อ 16 January 2016.
- ↑ "Bayern down brave Bochum to reach DFB Cup last four". Bundesliga. สืบค้นเมื่อ 5 August 2018.
- ↑ "Bayern Munich hit Werder Bremen for five as Thomas Müller bags brace". The Guardian. สืบค้นเมื่อ 5 August 2018.
- ↑ "Bayern Munich 4–2 Juventus (AET, agg 6–4): Brilliant comeback sends hosts through". Goal.com. สืบค้นเมื่อ 5 August 2018.
- ↑ "Thiago Player Profile". ESPN FC. สืบค้นเมื่อ 5 August 2018.
- ↑ 38.0 38.1 38.2 38.3 "Thiago". kicker.de (ภาษาเยอรมัน). kicker. สืบค้นเมื่อ 15 August 2018.
- ↑ "German Supercup, 2016, final". Deutscher Fußball-Bund (DFB). สืบค้นเมื่อ 5 August 2018.
- ↑ "Bayern best Dortmund to claim Supercup". Bundesliga. สืบค้นเมื่อ 5 August 2018.
- ↑ "Flawless Bayern too good for Hertha". Bundesliga. สืบค้นเมื่อ 5 August 2018.
- ↑ "Irresistible Bayern sweep past Leipzig". Bundesliga. สืบค้นเมื่อ 5 August 2018.
- ↑ "Thiago comes out on top vs Mesut Ozil as Bayern blow Arsenal away". Goal.com. สืบค้นเมื่อ 5 August 2018.
- ↑ "Thiago pens new deal until 2021". FC Bayern Munich. สืบค้นเมื่อ 5 August 2018.
- ↑ 45.0 45.1 "Thiago Player Profile". ESPN FC. สืบค้นเมื่อ 5 August 2018.
- ↑ "James and Thiago sidelined". FC Bayern Munich. สืบค้นเมื่อ 5 August 2018.
- ↑ "Bayern Munich beat Dortmund on penalties to retain Supercup". Bundesliga. สืบค้นเมื่อ 5 August 2018.
- ↑ "RB Leipzig 1 Bayern Munich 1 (aet, 4–5 pens): Ulreich denies Werner on night of spot-kick drama". Goal.com. สืบค้นเมื่อ 7 August 2018.
- ↑ "Thiago suffers 'serious muscle injury' in Bayern's win over Anderlecht". ESPN FC. สืบค้นเมื่อ 7 August 2018.
- ↑ "Injury update on Thiago and Robben". FC Bayern Munich. สืบค้นเมื่อ 7 August 2018.
- ↑ "Thiago set to return against 'highly motivated Wolves". FC Bayern Munich. สืบค้นเมื่อ 7 August 2018.
- ↑ "Wolfsburg 1 Bayern Munich 2: Lewandowski spot-on after Robben's penalty miss". Goal.com. สืบค้นเมื่อ 7 August 2018.
- ↑ "Sevilla 1 Bayern Munich 2: Bundesliga giants battle back to win in Spain". Goal.com. สืบค้นเมื่อ 7 August 2018.
- ↑ 54.0 54.1 "Thiago". kicker.de (ภาษาเยอรมัน). kicker. สืบค้นเมื่อ 15 August 2018.
- ↑ 55.0 55.1 "FCB gewinnt Supercup – Lewandowski macht den Unterschied". kicker.de (ภาษาเยอรมัน). kicker. สืบค้นเมื่อ 13 August 2018.
- ↑ "Robert Lewandowski hits brace as Bayern Munich beat RB Leipzig in DFB Cup final to seal the double". bundesliga.com. สืบค้นเมื่อ 26 May 2019.
- ↑ Harris, Peter (16 August 2020). "Thiago Alcantara Liverpool transfer . story so far, all the rumours and everything that has been said". Liverpool Echo. สืบค้นเมื่อ 16 August 2020.
- ↑ Steinberg, Jacob (14 August 2020). "Bayern Munich deliver Champions League demolition of dismal Barcelona". The Guardian. สืบค้นเมื่อ 16 August 2020.
- ↑ Johnston, Neil (16 June 2020). "Bayern Munich win eighth successive Bundesliga title after beating Werder Bremen". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 16 June 2020.
- ↑ "4:2 gegen Leverkusen: 20. Pokalsieg für den FC Bayern" [4–2 against Leverkusen: 20th cup win for FC Bayern]. DFB.de (ภาษาเยอรมัน). German Football Association. 4 July 2020. สืบค้นเมื่อ 5 July 2020.
- ↑ "Bayern beat PSG to win Champions League". BBC Sport (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2020-09-17.
- ↑ ลิเวอร์พูลยืนยันการเซ็นสัญญาคว้าตัวติอาโก้ อัลกันทารา
- ↑ ติอาโก้ อัลกันทารา จะสวมเสื้อเบอร์ 6 ให้กับลิเวอร์พูล
- ↑ Match Report: มาเน่เบิ้ลให้ลิเวอร์พูลคว้าสามแต้มเหนือเชลซี
- ↑ การทำลายสถิติของติอาโก้ในเกมประเดิมสนาม
- ↑ 66.0 66.1 Saffer, Paul (16 May 2008). "Stupendous Spain win U17 crown". UEFA. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 30 June 2012. สืบค้นเมื่อ 13 August 2015.
- ↑ "European Under-21 Championship: Spain win tournament with victory over Switzerland". Daily Telegraph. 27 June 2011. สืบค้นเมื่อ 27 June 2011.
- ↑ Magowan, Alistair (18 June 2013). "Italy 2 Spain 4". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 18 June 2013.
- ↑ "Del Bosque: "Pensamos que para nuestros intereses es mejor Negredo"" (ภาษาสเปน). rtve.es. 28 May 2012. สืบค้นเมื่อ 28 May 2012.
- ↑ "World Cup 2014: Diego Costa and Fernando Torres in Spain squad". BBC Sport. 13 May 2014. สืบค้นเมื่อ 14 May 2014.
- ↑ "Thiago Alcantara: Spain midfielder to miss World Cup". BBC Sport. 15 May 2014. สืบค้นเมื่อ 15 May 2014.
- ↑ "Spain coach Vicente Del Bosque drops Diego Costa, recalls Thiago Alcantara". IBN. Reuters. 2 October 2015. สืบค้นเมื่อ 24 October 2015.
- ↑ "Spain 3-0 Albania". BBC. สืบค้นเมื่อ 25 September 2020.
- ↑ "OFICIAL – Estos son los 24 convocados para los encuentros ante Alemania y Argentina". sefutbol.com (ภาษาสเปน). สืบค้นเมื่อ 21 May 2018.
- ↑ "Julen Lopetegui names Spain World Cup 2018 squad: as it happened". en.as.com. สืบค้นเมื่อ 8 December 2018.
- ↑ "Thiago bio". fifa.com. สืบค้นเมื่อ 8 December 2018.
- ↑ "Thiago". kicker.de (ภาษาเยอรมัน). สืบค้นเมื่อ 3 August 2019.
- ↑ "Thiago". kicker.de (ภาษาเยอรมัน). สืบค้นเมื่อ 3 August 2019.
- ↑ "Sancho glänzt in doppelter Rolle: BVB gewinnt Supercup". kicker.de (ภาษาเยอรมัน). 3 August 2019. สืบค้นเมื่อ 3 August 2019.
- ↑ "Thiago". kicker.de (ภาษาเยอรมัน). สืบค้นเมื่อ 23 August 2020.
- ↑ "Thiago Alcântara do Nascimento". EU-football.info. สืบค้นเมื่อ 29 March 2017.
- ↑ "Thiago". fussballdaten.de (ภาษาเยอรมัน). สืบค้นเมื่อ 9 October 2016.
- ↑ "Bayern win the champions league". espn.com. 23 July 2020. สืบค้นเมื่อ 23 July 2020.
- ↑ 84.0 84.1 "Thiago leads all-star squad dominated by Spain". UEFA. 21 June 2013. สืบค้นเมื่อ 12 July 2013.
- ↑ "Morata wins Golden Boot in Spanish clean sweep". UEFA. 18 June 2013. สืบค้นเมื่อ 19 June 2013.
- ↑ "2016 World 11: the reserve teams – FIFPro World Players' Union". FIFPro.org. 9 January 2017. สืบค้นเมื่อ 1 October 2017.
- ↑ "2016–2017 World 11: the Reserve Teams – FIFPro World Players' Union". FIFPro.org. 23 October 2017. สืบค้นเมื่อ 23 October 2017.
- ↑ "Official Bundesliga Team of the Season for 2016/17". bundesliga.com. 26 May 2017. สืบค้นเมื่อ 29 May 2017.
- ↑ ESM Top-Elf: Ein Bayern-Star in Europas Elite. Abendzeitung (ภาษาเยอรมัน). 8 June 2017. สืบค้นเมื่อ 12 June 2017.
- ↑ "UEFA Champions League Squad of the Season". UEFA.com. 28 August 2020. สืบค้นเมื่อ 28 August 2020.
แหล่งข้อมูลอื่นแก้ไข
คอมมอนส์ มีภาพและสื่อเกี่ยวกับ: เตียโก อัลกันตารา |
- เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
- FC Barcelona profile
- ประวัติของ เตียโก อัลกันตารา ที่ BDFutbol
- National team data at BDFutbol
- เตียโก อัลกันตารา ที่ National-Football-Teams.com
- เตียโก อัลกันตารา – สถิติการลงแข่งจากสหภาพสมาคมฟุตบอลยุโรป (UEFA) (อังกฤษ)