เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี

(เปลี่ยนทางจาก เชียงใหม่ ไนท์ซาฟารี)

เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี (อังกฤษ: Chiang Mai Night Safari) เป็นสวนสัตว์เปิดที่ตั้งอยู่ในตำบลแม่เหียะ อำเภอเมืองเชียงใหม่ และ ตำบลหนองควาย อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ บริเวณด้านหลังทางทิศตะวันตกของอุทยานหลวงราชพฤกษ์ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาล เปิดให้เข้าชมเป็นครั้งแรกเมื่อ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2548 และเปิดบริการอย่างเป็นทางการเมื่อ วันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 ในระยะเริ่มแรกอยู่ในภายใต้การดูแลขององค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน[1] ถือเป็นสวนสัตว์กลางคืนแห่งแรกในประเทศไทย และถือเป็นสวนสัตว์กลางคืนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยขนาดพื้นที่ 819 ไร่[1] ในปัจจุบันเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการที่สามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งวัน ทั้งในเวลากลางวัน และในเวลากลางคืน

เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี Chiang Mai Night Safari
ตราสัญลักษณ์
ทางเข้าบริเวณอาคารหลัก
วันที่เปิด6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549
ที่ตั้งจังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย ไทย
พิกัด18°44′32″N 98°55′2″E / 18.74222°N 98.91722°E / 18.74222; 98.91722
พื้นที่819 ไร่
จำนวนสัตว์300+
จำนวนสปีชีส์50+
ส่วนจัดแสดงหลัก
  • โซนเหนือ (นั่งรถ)
  • โซนใต้ (นั่งรถ)
  • โซนเดินชมสัตว์
เว็บไซต์www.chiangmainightsafari.com

ประวัติ แก้

เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เป็นสวนสัตว์ที่เกิดขึ้นตามแนวคิดของ ดร.ทักษิณ ชินวัตร[1] อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ได้ริเริ่มแนวคิดให้มีการศึกษาเพื่อจัดตั้งสวนสัตว์กลางคืนเชียงใหม่ เนื่องจากเห็นว่าเป็นรูปแบบหนึ่งของการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว ดังเช่นของประเทศสิงคโปร์ซึ่งประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงระดับโลก เมื่อมีแนวคิดดังกล่าวเกิดขึ้น นายกรัฐมนตรีจึงแจ้งผ่านนายโกสินทร์ เกษทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ในขณะนั้นเพื่อหาสถานที่เหมาะสมรองรับ ระยะแรกมีผู้เสนอพื้นที่ป่าไม้หลายจุด เช่นบริเวณเขตอำเภอดอยสะเก็ด แต่ที่สุดคณะทำงานก็ได้ข้อยุติที่บริเวณเชิงดอยสุเทพ ซึ่งจุดที่ดีที่สุดอยู่ในเขตตำบลแม่เหียะ อำเภอเมืองเชียงใหม่ ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย

สำนักนายกรัฐมนตรี ได้มีคำส่งที่ 90/2545 ลงวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2545 แต่งตั้งคณะกรรมการศึกษาการจัดตั้งสวนสัตว์กลางคืนจังหวัดเชียงใหม่และกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว (สสค.) และได้มีมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2546 อนุมัติงบประมาณโครงการ "เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี" วงเงิน 1,155.9 ล้านบาท ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นหน่วยเบิกจ่ายงบประมาณ ดำเนินการก่อสร้างโดยกรมการทหารช่าง

9 กันยายน 2547 สำนักนายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งที่ 224/2547 จัดตั้งสำนักงานบริหารโครงการเชียงใหม่ไนทซ์าฟารี โดยมี ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี เป็นผู้อำนวยการ และให้เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเป็นหน่วยงานภายใต้องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) ต่อมาได้โอนไปอยู่ในความดูแลของสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) กระทั่งวันอังคารที่ 8 สิงหาคม 2566 ในการประชุมคณะรัฐมนตรีที่ประชุมมีมติอนุมัติรับหลักการ ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การบริหารไนท์ซาฟารี (องค์การมหาชน) พ.ศ....[2]

บริเวณ แก้

ภายในสวนสัตว์เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ได้แบ่งพื้นที่หลักๆออกเป็นบริเวณต่างๆ ดังนี้

นักท่องเที่ยว แก้

  • อาคารหลัก: ร้านค้า, ห้องประชุม, ลานกิจกรรม, ชานชลารถชมสัตว์อยู่ที่นี่
  • ทะเลสาบ: ในตอนกลางคืน มีการแสดงน้ำพุดนตรี แห่งเดียวในประเทศไทย
  • ร้านอาหารยีราฟ: ร้านอาหารและบาร์ของสวนสัตว์ มีทั้งแบบจานเดียวและบุฟเฟต์
  • บ้านพัก: บ้านพักสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักแรม

การท่องเที่ยว แก้

  • โซนเดิมชมสัตว์: เป็นเส้นทางเดินชมสัตว์รอบทะเลสาบ ระยะทาง 1.2 กิโลเมตร ซึ่งในระหว่างทางยังเป็นที่ตั้งของ
    • สวนสัตว์ดิจิตอล: การแสดงนวัตกรรมและสื่อทางเทคโนโลยี[3]
    • โลกของเด็ก: เครื่องเล่นสำหรับเด็ก [4]
    • อาณาจักรเสือ: แหล่งรวมของเสือหลากหลายสายพันธุ์หายากทั่วโลก [5]
  • โซนเหนือ: เส้นทางนั่งรถชมสัตว์ ประเภทสัตว์นักล่า
  • โซนใต้: เส้นทางนั่งรถชมสัตว์ ประเภทสัตว์กินพืช

ระเบียงภาพ แก้

อ้างอิง แก้

  1. 1.0 1.1 1.2 "เกี่ยวกับเรา: ประวัติความเป็นมา". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-10-01. สืบค้นเมื่อ 2012-10-06.
  2. ครม.อุ้ม "ไนท์ซาฟารี" หลังยุบ สนง.พัฒนาพิงคนคร
  3. "ข้อมูลสำหรับผู้เข้าชม: สวนสัตว์ดิจิตอล". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-10-01. สืบค้นเมื่อ 2012-10-06.
  4. "ข้อมูลสำหรับผู้เข้าชม: โลกของเด็ก". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-10-01. สืบค้นเมื่อ 2012-10-06.
  5. "ข้อมูลสำหรับผู้เข้าชม: อาณาจักรเสือ". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-10-01. สืบค้นเมื่อ 2012-10-06.

แหล่งข้อมูลอื่น แก้