เชฟโรเลต คอร์เวทท์

เชฟโรเลต คอร์เวทท์ (อังกฤษ: Chevrolet Corvette) มีชื่อเรียกขานคือ เวทท์[1] หรือ เชฟวี คอร์เวทท์ เป็นรถสปอร์ตเครื่องอยู่หน้าขับหลัง, สองประตู, สองผู้โดยสาร ที่ผลิตและทำการตลาดโดยเชฟโรเลต ในการผลิตมากกว่าหกสิบปีและเจ็ดรุ่นของการออกแบบ[2][3] ในฐานะพาหนะเพื่อภาพพจน์ของบริษัทของเชฟโรเลต คอร์เวทท์เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางสำหรับประสิทธิภาพและพลาสติกที่โดดเด่น — ทั้งไฟเบอร์กลาสหรือคอมโพสิต — โครงด้านนอกของรถ

เชฟโรเลต คอร์เวทท์
ตราสัญลักษณ์เชฟโรเลต คอร์เวทท์ เมื่อเวลาผ่านไป
ภาพรวม
บริษัทผู้ผลิตเชฟโรเลต (เจเนรัลมอเตอร์)
เรียกอีกชื่อสติง เรย์ (ค.ศ. 1963–1967)
สติงเรย์ (ค.ศ. 1969–1976, 2014–ปัจจุบัน)
เริ่มผลิตเมื่อค.ศ. 1953–ปัจจุบัน
รุ่นปีค.ศ. 1953–1982, 1984–ปัจจุบัน
แหล่งผลิตสหรัฐ:
ตัวถังและช่วงล่าง
ประเภทรถสปอร์ต/แกรนด์ทัวเรอร์ (S)
รูปแบบตัวถังรถคูเป 2-ประตู
รถเปิดประทุน 2-ประตู
โครงสร้าง
ระบบส่งกำลัง
เครื่องยนต์

ในปี ค.ศ. 1953 เมื่อผู้บริหารของเจเนรัลมอเตอร์กำลังมองหาชื่อรถสปอร์ตเชฟโรเลตใหม่ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ ไมรอน สก็อตต์ ได้แนะนำ คอร์เวทท์ ตามชื่อเรือรบที่คล่องแคล่วขนาดเล็ก — และชื่อดังกล่าวได้รับการอนุมัติ[4] รุ่นแรกคือรถเปิดประทุน ที่ได้รับการแนะนำในงานจีเอ็ม โมโตรามา ในปี ค.ศ. 1953 ในฐานะแนวคิดและสิบปีต่อมา ในปี ค.ศ. 1963 ซึ่งเป็นยุคที่สอง ในรูปแบบรถคูเปและรถเปิดประทุน เดิมทีผลิตในฟลินท์ รัฐมิชิแกน และเซนต์หลุยส์ รัฐมิสซูรี จากนั้น คอร์เวทท์ได้รับการผลิตตั้งแต่ปี ค.ศ. 1981 ในโบว์ลิงกรีน รัฐเคนทักกี

คอร์เวทท์กลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในฐานะ "รถสปอร์ตของอเมริกา"[5] หนังสือพิมพ์ออโตโมทีฟนิวส์ กล่าวว่าหลังจากที่ 'แสดงเป็นตัวเอก' ในรายการโทรทัศน์ช่วงต้นคริสต์ทศวรรษ 1960 อย่าง รูท 66 คอร์เวทท์ได้กลายมาเป็นความหมายพ้องกับ "อิสรภาพและการผจญภัย" ท้ายที่สุดกลายเป็นทั้ง "รถคอนเซปต์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด และเป็นรถสปอร์ตที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประวัติศาสตร์"[6]

ประวัติรุ่น แก้

รุ่นที่ 1 (C1; 1953–1962) แก้

ปี 1953: รุ่น C1

ในงานโชว์รถครั้งหนึ่งของ General Motors เมื่อปี 1953 C1 Corvette ออกแสดงในฐานะรถต้นแบบ ก่อนที่จะเร่งเข้าสู่กระบวนการผลิตจริงเมื่อเดือนมิถุนายนปีเดียวกัน สนนราคาอยู่ที่ 3,498 เหรียญสหรัฐฯ (หรือเทียบเท่า 3.2 หมื่นเหรียญในปัจจุบัน) รถรุ่นนี้มีผลิตออกมา 300 คัน และขายไปได้กว่า 100 ครั้งในการประมูล โดยมี John Wayne เป็นหนึ่งในบรรดาเจ้าของรุ่นแรกๆ สำหรับรถไฟเบอร์กลาสเปิดประทุนขนาด 2 ที่นั่งรุ่นนี้ใช้เครื่องยนต์ 6 สูบ 150 แรงม้า และผลิตออกมาเฉพาะสีขาว ตกแต่งภายในด้วยสีแดงมีอ็อพชั่นเสริมสุดหรูเพียง 2 ชิ้น คือ ฮีตเตอร์และวิทยุ AM

รุ่นที่ 2 (C2; 1963–1967) แก้

ปี 1963: รุ่น c2

หลังจากที่คลอด Corvette คันแรกมาได้ 10 ปี Chevrolet ก็เปิดตัว Sting Ray รถรุ่นน้องที่มีขนาดเล็กกว่าและสีเงากว่า นอกจากนี้ Corvette รุ่นที่ 2 (หรือ C2) ยังมีเครื่องยนต์กำาลังแรงกว่าด้วย(250 แรงม้า) แต่บานกระจกหลังรถที่มีลักษณะแยกเป็นชั้นก็เรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์พอสมควร อย่างไรก็ตาม แม้ว่ากระจกแบบนี้จะมีอยู่แค่ปีเดียวแต่นักสะสมยุคใหม่กลับให้ราคาสูงมาก สำหรับราคาของ Sting Ray นั้นตั้งไว้ที่ 4,252 เหรียญ (หรือตีคร่าว ๆ ได้เท่ากับ 3.4 หมื่นเหรียญในปัจจุบัน) พร้อมกับทุบสถิติยอดขาย Corvette จากสถิติ 14,531 เหรียญในปี 1962 มาเป็น 21,513 เหรียญในปีต่อมา

รุ่นที่ 3 (C3; 1968–1982) แก้

ปี 1968: รุ่น C3

C3 ซึ่งเป็น Corvette รุ่นที่ 3 ผลิตขึ้นระหว่างปี 1968-1982 โดยมีการรวมเอาลักษณะของรุ่นที่ 2 คือ Stingray (มีการตั้งชื่อใหม่โดยรวม Sting Ray เข้าเป็นคำเดียวกัน) เข้าไว้ด้วย สำหรับรถรุ่นผลิตปี 1968 นั้นมีราคาเริ่มต้นที่ 4,320 เหรียญ (ปัจจุบันเทียบเท่ากับ 3 หมื่นเหรียญ) มีการออกแบบตัวรถใหม่ (แต่ยังคงซ่อนไฟหน้าเหมือนเดิม) และมาพร้อมกับเครื่องยนต์ที่แรงกว่าเดิม โดยมีอ็อพชั่นเครื่องยนต์เทอร์โบ ทั้งนี้ Dirk Diggler ซึ่งเป็นตัวละครที่รับบทโดย Mark Wahlberg ก็ขับ Corvette รุ่นปี 1977 ในภาพยนตร์เรื่อง Boogie Nights นอกจากนี้ Corvette ยังได้รับการมอบหมายหน้าที่รถ Pace Car ในการแข่งขัน Indy 500 ปี 1978 เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 25 ปี

รุ่นที่ 4 (C4; 1984–1996) แก้

ปี 1984: รุ่น C4

ราคา C4 Corvette ยังคงสูงขึ้นไม่หยุด จาก 21,800 เหรียญในปี 1984 ไปจนถึง 37,225 หมื่นเหรียญในปี 1996 ส่งผลให้ยอดขายทรุดฮวบตลอดระยะ 12 ปีที่มีการผลิต (จาก 51,547 เหลือ 21,536) อย่างไรก็ตาม รถรุ่นนี้ยังคงได้รับความนิยมในกลุ่มนักสะสม ภาพล่างคือ Corvette รุ่นปี 1984 ที่ตัวละครซึ่งรับบทโดย Dirk Benedict ขับในภาพยนตร์เรื่อง The A-Team คันนี้มีราคาอยู่ที่ 40,000 เหรียญเมื่อหลายปีก่อน

รุ่นที่ 5 (C5; 1997–2004) แก้

ปี 1997: รุ่น C5

ก้าวเข้าสู่ปีที่ 45 Corvette ก็มีการยกเครื่องครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่มีการเปิดตัวรุ่นแรกเมื่อปี 1953 ซึ่งในที่สุดก็ทำให้ได้ที่เก็บของขนาดใหญ่หลังรถ สำหรับรุ่นที่ 5หรือ C5 สนนราคาอยู่ที่ 37,495 เหรียญ มาพร้อมกับขีดความสามารถที่เหนือกว่า โดยเร่งความเร็วสูงสุดได้ 175 ไมล์ต่อชั่วโมง ในภาพยนตร์เรื่อง Mr. Deeds เมื่อปี 2002 Adam Sandler ได้แจก Corvette สีแดง (C5 รุ่นปี 2002) ให้กับทุกคนในเมืองหลังจากที่ได้ฟังเพลงของ Prince

รุ่นที่ 6 (C6; 2005–2013) แก้

ปี 2005: รุ่น C6

C6 Corvette ผลิตขึ้นระหว่างปี 2005-2013 มาพร้อมกับตัวรถใหม่ และมีการเปิดเผยไฟหน้าเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1962 สำหรับ C6 ในการผลิตรุ่นแรกๆ นั้นสนนราคาอยู่ที่ 44,245เหรียญ ตลอดระยะเวลาการผลิตนั้นมีการเสริมคุณสมบัติต่างๆ เพื่อรองรับการแข่งขันยิ่งไปกว่านั้นยังใช้เครื่องยนต์ V8 ขนาด 6 ลิตร ให้กำาลัง 400 แรงม้า

รุ่นที่ 7 (C7; 2014–2019) แก้

ค.ศ.2013: รุ่น C7

หลังจากหายหน้าหายตาไป 38 ปี เจ้า Stingray ก็หวนคืนวงการ ครั้งนี้มาพร้อมกับฝากระโปรงที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ และแผงควบคุมที่ทำจากอะลูมิเนียม เพื่อให้ตัวรถมีน้ำหนักเบาโดยมีการตั้งราคาจำหน่ายไว้ที่ 51,995 เหรียญ Corvette รุ่นนี้ยิ่งทวีกำาลังแรงกว่าเดิมด้วยเครื่องยนต์ 455 แรงม้า

Carbon Fiber 65 แก้

ในโอกาสฉลองวันเกิดครบรอบ 65 ปี Chevrolet ได้เปิดตัว Carbon Fiber 65 รุ่น Grand Sport 3LT และรุ่น Z06 3LZ ไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา แต่ต้องโชคดีจริงๆ ถึงจะมีสิทธิ์เป็นเจ้าของ เนื่องจาก Chevy จะผลิตป้อนเข้าทุกตลาดรวมแล้วเพียงรุ่นละ 650 คันเท่านั้น สำหรับรุ่น Grand Sport ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 81,490 เหรียญ ส่วน Z06 ราคาเริ่มต้นที่ 99,490 เหรียญ ว่าแล้วก็เตรียมโบกมือลา C7 ได้เลย เพราะ Corvette รุ่นที่ 8 กำลังจะนำออกจำหน่ายปีหน้าแล้ว

รุ่นที่ 8 (C8; 2020–) แก้

 
เชฟโรเลต คอร์เวทท์ C8

เมื่อ 2 ปีได้มีภาพหลุดของ Chevrolet Corvette เจเนอเรชั่นที่ 8 (C8) ขณะกำลังทดสอบบนถนน มาวันนี้มีการเปิดตัวหนึ่งในรถสปอร์ตที่ทำตลาดมาอย่างยาวนานที่สุดนับตั้งแต่เจนฯ C1 ถูกเปิดตัวมาในปี 1953 อย่างเป็นทางการ

การเปิดตัว Chevrolet Corvette C8 ในเจนฯ นี้ได้มีสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงไปจากเจนฯ ก่อนหน้าที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน คือการตัดสินใจออกแบบให้รถสปอร์ตรุ่นนี้ใช้เครื่องยนต์แบบวางกลาง ซึ่งเป็นการสานฝันของ Zora Arkus-Duntov ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นบิดาผู้ให้กำเนิดเจ้าปลากระเบนให้เป็นจริงขึ้นมา เมื่อมองดูภายนอกมีความสวยงามตามที่ใครหลายคนคาดไว้ เมื่อ Chevrolet Corvette 2020 มาพร้อมด้านหน้ารูปทรงสามเหลี่ยมสุดดุดันที่สอดรับกับช่องดักอากาศขนาดใหญ่ นอกจากนั้นยังมีสปอยเลอร์ขนาดเล็กติดตั้งอยู่ด้านล่าง และมีไฟหน้าที่เพรียวบาง ความสปอร์ตยังไม่หมดเพียงแค่นั้นเมื่อด้านข้างมีช่องดักอากาศขนาดใหญ่ซึ่งจะช่วยให้ลมไหลเข้าสู่เครื่องยนต์

 
เชฟโรเลต คอร์เวทท์ เจเนอเรชั่นที่ 8 VIN #0001 (C8)

ตอนที่ Chevrolet เปิดตัว Corvette เจนเนอเรชั่นล่าสุดหรือ C8 ออกมาได้มีการระบุว่า Corvette Stingray VIN #0001 หรือคันแรกจากสายการผลิตจะถูกนำออกไปประมูลเพื่อการกุศลใน 49th Annual Barrett-Jackson Scotdale Auction ซึ่งผลการประมูลออกมาแล้วโดยเคาะราคาสุดท้ายที่ 3 ล้านดอลล่าร์ (ราวๆ 91,164,000 บาท)

Chevrolet Corvette Stingray C8 คันแรกจากสายการผลิตถูกนำออกประมูลก่อนเริ่มมีการส่งมอบรถไปตามดีลเลอร์ต่างๆ หนึ่งสัปดาห์ โดยมีราคาเปิดการประมูลที่ 200,000 ดอลล่าร์ จากนั้นราคาที่ถูกยื่นเข้ามาก็ขยับขึ้นตั้งแต่ 250,000 ดอลล่าร์, 500,000 ดอลล่าร์จนทะลุ 1 ล้านดอลล่าร์ และ 2 ล้านดอลล่าร์ แต่อย่างไรก็ตามราคาสุดท้ายของรถสปอร์ตคันแรกจากสายการผลิตนี้ไปจบที่ 3 ล้านดอลล่าร์จากการเสนอของ Rick Hendrick เจ้าของทีมแนสคาร์และนักสะสมรถ

2021 Chevrolet Corvette Stingray (เชฟโรเลต คอร์เวตต์ สติงเรย์) เปิดตัวเป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยผู้นำเข้าอิสระ AEY Auto Import ที่ถูกจองไปแล้ว 8 คัน แม้ในตลาดเมืองไทย Chevrolet จะเลิกกิจการไปแล้ว แต่ในต่างประเทศยังมีรถใหม่ทำตลาดต่อเนื่องอยู่ หนึ่งในนั้นคือ Corvette Stingray รถสปอร์ตรุ่นใหญ่สุดจากค่ายโบว์ไท โดยมีราคาอยู่ที่ประมาณ 8 ล้านบาท

Corvette Z06 (C8; 2023–) แก้

 
2023 เชฟโรเลต คอร์เวทท์ C8 Z06 at 2022 Chicago Auto Show

Chevrolet เปิดตัว Corvette Z06 อย่างเป็นทางการ Corvette เจนเนอเรชั่นที่ 8 นี้ เป็นซูเปอร์คาร์ คันแรกในประวัติศาสตร์ของแบรนด์ ที่เป็นเครื่องวางกลาง

Corvette Z06 มีจัดจำหน่ายสองตัวถังทั้งแบบคูเป้และแบบเปิดประทุน มีการออกแบบให้ตามหลักอากาศที่ดีที่สุด ซึ่งทั้ง 2 รุ่นจะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ V8 ขนาด 5.5 ลิตร DOHC แบบไร้ระบบอัดอากาศ รหัสใหม่ LT6 ที่ให้กำลัง 670 แรงม้าที่ 8,600 รอบต่อนาทีและแรงบิด 623 นิวตันเมตรที่ 6,300 รอบต่อนาที เครื่องยนต์ Corvette Z06 ทำมาจากอะลูมิเนียมทั้งหมด แต่ยังคง เอกลักษณ์ของตระกูล Chevy เพลาลูกเบี้ยว ได้รับการออกแบบใหม่ ห้องเผาไหม้และพอร์ตไอดีใช้เครื่องจักรในการทำให้หมดแบบ CNC ฝาครอบวาล์วทาสีแดงเพื่อความโดดเด่น นอกจากนี้ ลูกสูบแบบหัวนูนอลูมิเนียมหลอม และก้านสูบไทเทเนียมหลอม ที่มีความแข็งแกร่งที่มากขึ้น ท่อร่วมไอดีแบบแยกส่วนแบบแอ็คทีฟมีลิ้นปีกผีเสื้อคู่ขนาด 87 มม. (3.4 นิ้ว) ในขณะที่ไอเสียไหลผ่านเฮดเดอร์สแตนเลส สี่เป็นสองเป็นหนึ่งผ่านวาล์วไอเสีย

ด้านการออกแบบภายนอก Corvette Z06 จะแตกต่างจากรุ่นมาตรฐานด้วยซุ้มล้อที่กว้างขึ้นและกันชนหน้าแบบใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก C8.R ซึ่งการออกแบบนี้ทำให้ Z06 สามารถรับอากาศเข้ามาเพื่อระบายความร้อนในส่วนต่างๆของรถได้ดียิ่งขึ้น ตัวรถ Corvette Z06 มีการตกแต่งจากชุด ดิฟฟิวเซอร์ด้านหน้าแบบใหม่ เพื่อเก็บอากาศพร้อมเพิ่มแรงกดในความเร็วสูง และยังมีสปอยเลอร์หลังที่สร้างแรงกดรวมได้มาถึง 165.6 กิโลกรัม ที่ความเร็ว 299.3 กม./ชม. แต่อย่างไรก็ตาม หากติดตั้งแพ็คเกจคาร์บอนไฟเบอร์จะได้รับดิฟฟิวเซอร์ด้านหน้าที่ใหญ่ขึ้น, คานาร์ดที่มุมกันชนหน้าเเละสปอยเลอร์หลังที่ใหญ่ขึ้นเพื่อเพิ่มแรงกดและความโหดให้มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีล้อหน้าขนาด 20x10 นิ้ว ที่รัดด้วยยางขนาด 275/30ZR20 เเละล้อหลังขนาด 21x13 นิ้ว ที่รัดด้วยยางขนาด 345/25ZR21 ซึ่งยางตามมาตรฐานนั้นจะใช้ยางจาก Michelin Pilot Sport 4S Zp แต่ถ้าติดตั้งแพ็คเกจ Z07 จะเปลี่ยนเป็น Michelin Sport Cup 2 R ZP แทน ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อการลดน้ำหนัก Chevrolet เสนอล้อคาร์บอนไฟเบอร์ที่ช่วยลดการรับน้ำหนักของสปริงได้อีก 18.6 กก.

ด้านระบบเบรกจะมาพร้อมจานเบรกที่ด้านหน้าขนาด 370 มม. พร้อมคาลิปเปอร์ 6 พอทและด้านหลังจะใช้จานเบรกขนาด 380 มม. พร้อมคาลิปเปอร์ 4 พอท

อ้างอิง แก้

  1. "Vette magazine - Super Chevy".
  2. "2017 Corvette Stingray: Sports Cars - Chevrolet". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-08-16. สืบค้นเมื่อ 2018-11-18.
  3. Ray Miller; Glenn Embree (1975). The Real Corvette: An Illustrated History of Chevrolet's Sports Car. ISBN 978-0913056066.
  4. Falconer, Tom (2003). The Complete Corvette. Crestline. p. 9. ISBN 978-0-7603-1474-6. สืบค้นเมื่อ Sep 30, 2012.
  5. Thos L. Bryant (November 6, 2012). "America's Sports Car". Road & Track.
  6. Jerry Burton (October 31, 2011). "Corvette: A pop culture classic". Automotive News.
  • Nichols, Richard. Corvette: 1953 to the Present. London: Bison Books, 1985. ISBN 0-86124-218-1.

แหล่งข้อมูลอื่น แก้