เจ้าหญิงอากิโกะแห่งมิกาซะ
เจ้าหญิงอากิโกะ (ญี่ปุ่น: 彬子女王殿下[1]; โรมาจิ: Akiko Joō Denka; อังกฤษ: Her Imperial Highness Princess Akiko[2]) ทรงดำรงพระฐานันดรศักดิ์เป็น 女王 (Joō) หรือ เจ้าหญิงชั้นรองแห่งราชวงศ์ญี่ปุ่น
เจ้าหญิงอากิโกะ | |
---|---|
เจ้าหญิงชั้นรอง (女王) | |
เจ้าหญิงอากิโกะทรงสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด เมื่อ พ.ศ. 2554 | |
ประสูติ | 20 ธันวาคม พ.ศ. 2524 โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น |
ราชวงศ์ | ญี่ปุ่น |
พระชนก | เจ้าชายโทโมฮิโตะแห่งมิกาซะ |
พระชนนี | เจ้าหญิงโทโมฮิโตะแห่งมิกาซะ |
ทรงเป็นพระธิดาในเจ้าชายและเจ้าหญิงโทโมฮิโตะแห่งมิกาซะ
ทรงสืบเชื้อสายลำดับที่ 3 จากสมเด็จพระจักรพรรดิของญี่ปุ่น (พระราชปนัดดา[3]ในจักรพรรดิไทโช)
สัญลักษณ์ประจำพระองค์ (お印) หิมะ[4]
ที่ประทับ วังมิกาซะตะวันออก เขตพระราชฐานอากาซากะ (赤坂御用地) เขตโมโตะ-อากาซากะ กรุงโตเกียว[5]
พระประวัติ
แก้เจ้าหญิงอากิโกะประสูติเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2524 (ปีโชวะที่ 56) ทรงเป็นพระธิดาในเจ้าชายโทโมฮิโตะแห่งมิกาซะกับเจ้าหญิงโทโมฮิโตะแห่งมิกาซะ
ทรงมีพระขณิษฐา 1 พระองค์ คือ เจ้าหญิงโยโกะ
กฎหมายราชวงศ์ญี่ปุ่น มาตราที่ 6 กำหนดไว้ว่ามีเพียงแค่พระราชธิดาในสมเด็จพระจักรพรรดิ (เชื้อสายลำดับที่ 1) และ พระราชนัดดาในสมเด็จพระจักรพรรดิ (เชื้อสายลำดับที่ 2) เท่านั้น ที่จะดำรงพระฐานันดรศักดิ์เป็น 親王 (Naishinnō) หรือ เจ้าหญิงชั้นเอกแห่งราชวงศ์ญี่ปุ่น[6]
ราชวงศ์หญิงที่เป็นเชื้อสายสมเด็จพระจักรพรรดิในลำดับที่ 3 เป็นต้นไปจะดำรงพระฐานันดรศักดิ์เป็น 女王 (Joō) หรือ เจ้าหญิงชั้นรองแห่งราชวงศ์ญี่ปุ่น ซึ่งหากนับลำดับเชื้อสายของพระองค์แล้ว ทรงเป็นพระราชปนัดดา[3]หรือเชื้อสายลำดับที่ 3 ในจักรพรรดิไทโช จึงทรงดำรงพระฐานันดรศักดิ์นี้ [6]
เจ้าหญิงอากิโกะทรงดำรงพระฐานันดรศักดิ์ 女王 (Joō) หรือ เจ้าหญิงชั้นรองแห่งราชวงศ์ญี่ปุ่นพระองค์แรกภายหลังยุคสงครามหรือภายใต้กฎหมายราชวงศ์ฉบับปัจจุบัน
การศึกษา
แก้- ทรงศึกษาระดับชั้นอนุบาล ที่โรงเรียนอนุบาลโชโต (松濤幼稚園) จากนั้นย้ายไปศึกษาที่โรงเรียนอนุบาลกาคุชูอิน (学習院幼稚園)[7]
- ทรงศึกษาระดับชั้นประถมศึกษา ที่โรงเรียนประถมศึกษากาคุชูอิน (学習院初等科)[7]
- ทรงศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลาย ที่โรงเรียนมัธยมศึกษาหญิงกาคุชูอิน (学習院女子中・高等科)[7]
- พ.ศ. 2542 ทรงเข้าศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยกาคุชูอิน (学習院大学)[7][8]
- พ.ศ. 2544 ทรงเป็นนักศึกษาระยะสั้นที่วิทยาลัยเมอร์ตัน มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด (Merton College, Oxford) สหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นโครงการของมหาวิทยาลัยกาคุชูอิน (学習院大学)[8][9]
- เดือนมีนาคม พ.ศ. 2547 ทรงสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี จากมหาวิทยาลัยกาคุชูอิน (学習院大学)[7]
สัญลักษณ์ประจำพระองค์ หิมะ - พ.ศ. 2554 ทรงเข้าพิธีสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก[8]
- ระหว่างการศึกษา พระองค์ทรงทำการวิจัยที่มีหัวข้อว่า "ชุดสะสมของวิลเลียม แอนเดอร์สันที่พิพิธภัณฑ์บริติช - ความสนใจศิลปะญี่ปุ่นของตะวันตกในศตวรรษที่ 19" (William Anderson Collection at the British Museum - Western Interest in Japanese Art in the Nineteenth Century)[10]
- ดุษฎีนิพนธ์ของพระองค์มีชื่อว่า "การรวบรวมและจัดแสดง 'ญี่ปุ่น' ในยุควิกตอเรีย: กรณีศึกษาพิพิธภัณฑ์บริติช" (Collecting and Displaying ‘Japan’ in Victorian Britain: The case of the British Museum)[8]
- ทรงเป็นสมาชิกราชวงศ์หญิงพระองค์แรกของญี่ปุ่นที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก[8]
บรรลุนิติภาวะ
แก้วันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2544 ทรงมีพระชนมายุครบ 20 ชัณษา ซึ่งถือว่าทรงบรรลุนิติภาวะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ของญี่ปุ่น โดยพระองค์ทรงมีงานแถลงข่าวการบรรลุนิติภาวะของพระองค์ต่อสื่อมวลชน[11] และในวันเดียวกันพระองค์ทรงได้รับพระราชทาน เครื่องราชอิสริยาภรณ์รัตนมงกุฎ ชั้นทวีติยาภรณ์ (มงกุฎดอกโบตั๋น) หลังจากที่ทรงบรรลุนิติภาวะแล้ว พระองค์จะทรงมีส่วนร่วมในกิจกรรมของราชวงศ์อย่างเต็มพระองค์
ความขัดแย้งระหว่างพระชนกและพระชนนี
แก้- พ.ศ. 2533 เจ้าชายโทโมฮิโตะแห่งมิกาซะ พระชนก ทรงประชวรโรคมะเร็ง[12]
- พ.ศ. 2547 เจ้าหญิงโทโมฮิโตะแห่งมิกาซะ พระชนนี ก็ทรงประชวรเช่นกัน และเป็นจุดเริ่มต้นของการแยกที่ประทับของทั้งสองพระองค์[12]
- สำนักพระราชวังรายงานว่า "ทั้งสองพระองค์มีความขัดแย้งกันเกี่ยวกับการเปิดเผยเรื่องพระอาการประชวร นอกจากนี้เจ้าหญิงโทโมฮิโตะแห่งมิกาซะ (พระชนนี) ยังทรงมีความกังวลเกี่ยวกับสถานะของพระองค์ในฐานะสมาชิกพระราชวงศ์เมื่อพระองค์ประชวรเอง กล่าวกันว่าความรู้สึกเหล่านี้ทำให้เกิดความขัดแย้งในชีวิตคู่"[13]
- มีรายงานว่าพระชนกใช้ความรุนแรงกับคนในครอบครัวเนื่องจากอาการติดสุราของพระองค์[14] แต่เจ้าหญิงอากิโกะได้ออกมาปฏิเสธผ่านนิตยสารรายสัปดาห์ "ชูคัง ชินโช" (週刊新潮) ว่าพระชนกไม่เคยทำร้ายพระชนนีเลยแม้แต่ครั้งเดียว[15]
- วันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2555 พระชนกสิ้นพระชนม์ ด้วยอาการอวัยวะภายในล้มเหลว หลังจากที่ประชวรโรคมะเร็งมานาน โดยในพิธี "โอฟุเนะอิริ" (การเคลื่อนย้ายพระศพ) และ "ไฮเค็ตสึ" (การถวายความเคารพพระศพ) ของพระชนก เจ้าหญิงอากิโกะทรงเป็นประธานในพิธีพระศพในฐานะพระธิดาแทนพระชนนี โดยมีรายงานจากสำนักพระราชวังว่าเป็นรับสั่งของพระชนกก่อนสิ้นพระชนม์[16]
- เมื่อพระชนกสิ้นพระชนม์ โดยธรรมเนียมแล้วเจ้าหญิงโทโมฮิโตะแห่งมิกาซะ (พระชนนี) ในฐานะพระชายา จะต้องเป็นผู้นำตระกูลแทนพระสวามี แต่ทางสำนักพระราชวังเห็นควรที่จะให้เจ้าหญิงอากิโกะ เป็นผู้นำตระกูลมากกว่า การถกเถียงนี้ใช้ระยะเวลากว่า 1 ปีหลังการสิ้นพระชนม์[17]
- อย่างไรก็ตามการกำหนดผู้นำตระกูลคนถัดไปไม่ได้มีข้อบัญญัติชัดเจนในกฎหมายว่าต้องเป็นใคร แต่จะต้องผ่านการรับรองจากคณะกรรมการเศรษฐกิจราชวงศ์[18] ซึ่งมติของคณะกรรมการคือ การยุบให้ตระกูลของเจ้าชายโทโมฮิโตะแห่งมิกาซะ (พระชนก) ไปรวมกับเจ้าชายมิกาซะ (พระอัยกา) ดังเดิม (ซึ่งเจ้าชายมิกาซะเป็นผู้นำตระกูล) แล้วทำการจัดสรรงบประมาณตามสัดส่วนของพระฐานันดรศักดิ์ของแต่ละพระองค์ตามกฎหมายเศรษฐกิจราชวงศ์ (皇室経済法) [19][20]
- ช่วงที่พระชนนีทรงประชวร พระชนนีได้งดการทำพระกรณียกิจตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 พอหลังจากพระชนกสิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ. 2556 พระชนนีก็กลับมาทำพระกรณียกิจอีกครั้งอย่างกระทันหันในรอบ 8 ปี ทำให้เจ้าหญิงอากิโกะรู้สึกไม่พอพระทัย โดยในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2558 พระองค์ทรงเปิดเผยผ่านนิตยสาร "เก็กกัน บุงเกะ ชุนจู" (月刊文藝春秋) ว่าครอบครัวของพระองค์มีปัญหามานานหลายปีแล้ว สาเหตุเกิดจากความบาดหมางอันยาวนานระหว่างพระชนกและพระชนนี ถึงแม้พระชนกจะสิ้นพระชนม์ไปแล้วแต่ปัญหาก็ยังไม่คลี่คลาย พระองค์ก็ไม่ได้พูดคุยกับพระชนนีมานานกว่าสิบปีแล้ว ซึ่งพระองค์ก็พยายามเสนอให้มีการพูดคุยกันอยู่หลายครั้ง แต่ก็ได้รับการปฏิเสธผ่านตัวแทนทุกครั้ง หากพระชนนีกลับมาทำพระกรณียกิจแล้ว ก็ควรอธิบายเหตุผลกับประชาชนที่ทรงหายไป อีกทั้งทรงอยากให้พระชนนีทูลขออภัยต่อเจ้าชายมิกาซะและเจ้าหญิงมิกาซะอีกด้วย[21][22]
- นอกจากที่พระองค์ทรงเป็นประธานในพิธีพระศพของพระชนกแล้ว พระองค์ยังทรงเป็นประธานพิธีพระศพของพระอัยกา (เจ้าชายมิกาซะ) ซึ่งสิ้นพระชนม์เมื่อ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2559 และพระอัยยิกา (เจ้าหญิงมิกาซะ) ซึ่งสิ้นพระชนม์เมื่อ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 ในฐานะพระนัดดาอีกด้วย
- หลังจากการสิ้นพระชนม์ของเจ้าหญิงมิกาซะ (พระอัยยิกา) ก็ยังไม่มีการรายงานข่าวว่าผู้นำของราชวงศ์สาขามิกาซะ ณ ปัจจุบัน เป็นพระองค์ใด[23]
พระกรณียกิจ
แก้งานราชสำนัก
แก้- ทรงตามเสด็จสมเด็จพระจักรพรรดิ และสมเด็จพระจักรพรรดินีออกมหาสมาคม เนื่องในวันขึ้นปีใหม่[24]
- ทรงเข้าร่วมพิธี "อุตาไก ฮาจิเมะ" (歌会始) ซึ่งเป็นธรรมเนียมประจำปีในพระราชสำนัก โดยจะมีการร่วมกันขับร้องบทกวีในท่วงทำนองโบราณตามแบบแผนดั้งเดิมของญี่ปุ่น[25]
- ทรงเข้าร่วมพิธี "โคโช ฮาจิเมะ" (講書始) เป็นพิธีที่จัดขึ้นทุกปีในเดือนมกราคม โดยสมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินี พร้อมสมาชิกราชวงศ์ จะเสด็จออกรับฟังการบรรยายจากผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาวิชามนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และวิทยาศาสตร์[26]
- ทรงเข้าร่วมงานเลี้ยงน้ำชาฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งจัดโดยสมเด็จพระจักรพรรดิ เพื่อเลี้ยงต้อนรับแขกผู้มีเกียรติจากหลากหลายวงการในประเทศญี่ปุ่น ที่เขตพระราชฐานอากาซากะ (赤坂御用地) กรุงโตเกียว[27]
ก่อตั้งองค์กร
แก้- พ.ศ. 2555 ทรงก่อตั้งสมาคมชินยูฉะ (心游舎) และทรงดำรงตำแหน่งประธานสมาคม โดยทางสมาคมจะมีเวิร์กช็อปให้เด็กรุ่นใหม่ได้สัมผัสประสบการณ์วัฒนธรรมญี่ปุ่น เพื่อให้ได้ตระหนักถึงวิถีชีวิตและภูมิปัญญาที่หยั่งรากลึกในสภาพอากาศและวัฒนธรรมของญี่ปุ่น และเพื่อไม่ให้สิ่งเหล่านั้นเลือนหายไป ด้วยการให้พวกเขาได้สัมผัสประสบการณ์จริง[28]
- ประธานสมาคมชินยูฉะ (心游舎)
- ประธานสมาคมญี่ปุ่น-ตุรกี (日本・トルコ協会)
- ประธานสมาคมผู้สอนสกีอาชีพแห่งประเทศญี่ปุ่น (日本職業スキー教師協会)
- ประธานศูนย์วัฒนธรรมตะวันออกกลางในญี่ปุ่น
- ประธานมูลนิธิเจ้าชายมิกาซะ
- ประธานมูลนิธิอิจิมูระเพื่อเทคโนโลยีใหม่
- ประธานกิตติมศักดิ์ของสหภาพรักบี้ฟุตบอลแห่งประเทศญี่ปุ่น (日本ラグビーフットボール協会)
- ประธานกิตติมศักดิ์ของคณะกรรมการรางวัลวันคลาสสิก
- ประธานกิตติมศักดิ์ของโคกูกะ เซวาไก
- ประธานกิตติมศักดิ์สมาคมญี่ปุ่น-อังกฤษ (日英協会)
- นักวิจัยทุน มหาวิทยาลัยริตสึเมคัง (立命館大学) พ.ศ. 2552 - พ.ศ. 2555[29]
- รองศาสตราจารย์รับเชิญพิเศษ สถาบันวิจัยคินูกาซะ มหาวิทยาลัยริตสึเมคัง (立命館大学)[28] พ.ศ. 2555 - พ.ศ. 2557[29]
- นักวิจัยด้านศิลปะ ศูนย์ฝึกอบรมของวัดกิงกากูจิ จังหวัดเกียวโต[30] พ.ศ. 2555 - พ.ศ. 2557[7]
- นักวิจัยรับเชิญ สถาบันวิจัยญี่ปุ่นศึกษานานาชาติ มหาวิทยาลัยโฮเซ (法政大学)[30] พ.ศ. 2555[7]
- นักวิจัยรับเชิญ ศูนย์วิจัยจดหมายเหตุ มหาวิทยาลัยศิลปะนครเกียวโต (京都市立芸術大学) พ.ศ. 2557[7]
- นักวิจัยทุน สถาบันวิจัยวัฒนธรรมญี่ปุ่น มหาวิทยาลัยเกียวโตซังเกียว (京都産業大学) พ.ศ. 2558 - พ.ศ. 2561[29]
- ศาสตราจารย์ สถาบันวิจัยวัฒนธรรมญี่ปุ่น มหาวิทยาลัยเกียวโตซังเกียว (京都産業大学) พ.ศ. 2561[29]
- ศาสตราจารย์รับเชิญ มหาวิทยาลัยศิลปะนครเกียวโต (京都市立芸術大学)
- ศาสตราจารย์รับเชิญพิเศษ มหาวิทยาลัยโคกูกักคูอิน (國學院大學)
- ศาสตราจารย์รับเชิญ บัณฑิตวิทยาลัยมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยโคกูชิคัง (国士舘大学)
- นักวิทยาศาสตร์อาวุโส สถาบันภูมิ-จักรวาลวิทยา สถาบันเทคโนโลยีชิบะ (千葉工業大学)[31]
- ศาสตราจารย์พิเศษ สถาบันเทคโนโลยีชิบะ (千葉工業大学)[31]
- ผู้ช่วยนักวิจัยที่สถาบัน Japan Research Centre (JRC) วิทยาลัยบูรพคดีศึกษาและการศึกษาแอฟริกา มหาวิทยาลัยลอนดอน[8]
พระนิพนธ์
แก้เจ้าหญิงอากิโกะทรงพระปรีชาด้านการวิชาการ จึงทรงนิพนธ์ 42 บทความวิจัย, 24 หนังสือและวารสารทางวิชาการ, และ 4 โครงการทางวิชาการ[32] เช่น
บทความ
แก้- พ.ศ. 2562 "การเปลี่ยนแปลงเครื่องแต่งกายของราชวงศ์ฝ่ายหญิง: ผลกระทบจากการรับเอาเครื่องแต่งกายแบบตะวันตกในยุคเมจิ" (女性皇族の衣装の変移について : 明治の洋装化がもたらしたもの)
- พ.ศ. 2563 "วัดโฮรีวจิที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์บริติช: ความสำคัญของภาพจิตรกรรมฝาผนังคนโดะและพระโพธิสัตว์คูดาระ คันนงในฉบับจำลอง" (大英博物館に所蔵された法隆寺―金堂壁画と百済観音の複製の意義についてー)
หนังสือ
แก้- พ.ศ. 2558 "ครุยสีแดงและน้ำเงิน" (赤と青のガウン) ISBN: 9784569904009 เป็นหนังสือที่พระองค์นิพนธ์ถึงประสบการณ์สมัยที่ทรงศึกษาในสหราชอาณาจักร โดยมีการตีพิมพ์อีกครั้ง ใน พ.ศ. 2567 เป็นฉบับพ็อกเก็ตบุ๊ค ซึ่งกลายเป็นหนังสือขายดี มียอดขายถึง 300,000 เล่ม[33][34]
- พ.ศ. 2562 "ตำนานช่างฝีมือคนสุดท้าย" (最後の職人ものがたり) ISBN: 9784093886673
- พ.ศ. 2567 "ถนนแห่งเรื่องเล่าเกียวโต" (京都ものがたりの道) ISBN: 9784620328102
โครงการ
แก้- พ.ศ. 2554 - 2556 "การวิจัยพื้นฐานคอลเลกชันศิลปะญี่ปุ่นที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์บริติช" (大英博物館所蔵日本美術コレクションの基礎研究)
- พ.ศ. 2561 - 2567 "การวิจัยบรรณานุกรมโดยใช้เอกสารคลาสสิกจำลองที่สร้างขึ้นด้วยงานหัตถกรรมดั้งเดิมและเทคโนโลยีขั้นสูง และการเผยแพร่วัฒนธรรมหนังสือสู่โลกกว้าง" (伝統工芸と先端技術による複製古典籍を活用した書誌学研究と書物文化の世界への発信) ทรงเป็นนักวิจัยร่วมกับโคบายาชิ คาซูฮิโกะ
- วันที่ 21 - 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2541 ทรงเสด็จเป็นการส่วนพระองค์ เป็นการเสด็จไปต่างประเทศครั้งแรกและเสด็จเพียงพระองค์เดียว โดยขณะนั้นพระองค์กำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนมัธยมศึกษาหญิงกาคุชูอิน (学習院女子中・高等科)
- วันที่ 18 - 29 มิถุนายน พ.ศ. 2546 ตามเสด็จเจ้าชายโทโมฮิโตะแห่งมิกาซะ เพื่อเยี่ยมชมโบราณสถาน
- วันที่ 7 - 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 ตามเสด็จเจ้าชายโทโมฮิโตะแห่งมิกาซะ เพื่อเข้าร่วมงานพิธีรับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยอังการา (Ankara University) และพิธีเปิดสถาบันโบราณคดีอนาโตเลีย ของมูลนิธิศูนย์วัฒนธรรมตะวันออกกลาง
- วันที่ 23 - 30 เมษายน พ.ศ. 2557 ทรงเข้าร่วมงานคอนเสิร์ตรำลึกถึงเจ้าชายโทโมฮิโตะแห่งมิกาซะ และเยี่ยมชมโบราณสถาน
- วันที่ 8 - 14 กันยายน พ.ศ. 2561 ทรงเข้าร่วมงานรำลึกของมูลนิธิเจ้าชายมิกาซะ
- วันที่ 2 - 7 เมษายน พ.ศ. 2546 ตามเสด็จเจ้าชายโทโมฮิโตะแห่งมิกาซะ เพื่อเข้าร่วมงานครบรอบ 40 ปี การแข่งขันสกีครอสคันทรีสำหรับผู้พิการ (Ridderrennet)
- วันที่ 14 - 21 มกราคม พ.ศ. 2554 ทรงเยี่ยมชมการแข่งขัน Interski ครั้งที่ 19
- วันที่ 17 - 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 ทรงเข้าร่วมกิจกรรมแนะนำวัฒนธรรมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม
- วันที่ 4 - 14 กันยายน พ.ศ. 2556 ทรงเยือนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
- วันที่ 30 พฤษภาคม - 3 มิถุนายน พ.ศ. 2560 ทรงเข้าร่วมงานแสดงศิลปะของเอเชีย
- วันที่ 9 - 19 กันยายน พ.ศ. 2566 ทรงเยือนมหาวิทยาลัยซูริค
- วันที่ 2 - 7 ตุลาคม พ.ศ. 2562 ทรงเข้าร่วมงานนิทรรศการและสัมมนาทางวิชาการ "นาระ: จุดเริ่มต้นแห่งศรัทธาและความงามของญี่ปุ่น" ที่พิพิธภัณฑ์บริติช
- วันที่ 9 - 19 กันยายน พ.ศ. 2566 ทรงเข้าร่วมเยี่ยมชมการแข่งขันรักบี้เวิร์ลคัพปี 2023
- วันที่ 5 - 12 มีนาคม พ.ศ. 2567 ทรงเยือนอย่างไม่เป็นทางการ ตามคำเชิญของสมเด็จพระราชาธิบดีชิกเม เคซาร์ นัมกเยล วังชุก
พระอิสริยยศ
แก้ธรรมเนียมพระยศของ เจ้าหญิงอากิโกะ | |
---|---|
ธงประจำพระอิสริยยศ | |
ตราประจำราชวงศ์สาขา | |
สัญลักษณ์ | หิมะ |
คำยกย่อง | เด็งกะ (殿下) |
ราชวงศ์สาขา | มิกาซะ |
ลำดับโปเจียม | 13 |
ลำดับพระอิสริยยศ
แก้- 20 ธันวาคม พ.ศ. 2524 - ปัจจุบัน: เจ้าหญิงอากิโกะ (ญี่ปุ่น: 彬子女王殿下; โรมาจิ: Akiko Joō Denka; อังกฤษ: Her Imperial Highness Princess Akiko)
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
แก้- เครื่องราชอิสริยาภรณ์รัตนมงกุฎ ชั้นทวีติยาภรณ์ (มงกุฎดอกโบตั๋น) (2544)
ปริญญากิตติมศักดิ์
แก้เกร็ด
แก้- ทรงโปรดการเล่นสกี และทรงเป็นครูสอนสกีมืออาชีพ[8]
- ทรงเรียก เจ้าชายโทโมฮิโตะแห่งมิกาซะ พระชนก แบบลำลองว่า "โอโตมะ" (おとうま) มาจากคำว่า "โอโตซามะ" (お父さま) ที่แปลว่าท่านพ่อ[40]
- เจ้าชายโทโมฮิโตะแห่งมิกาซะ พระชนก ทรงเขียนข้อความถึงพระองค์และเจ้าหญิงโยโกะ (พระขณิษฐา) ก่อนสิ้นพระชนม์ ว่า "จงเป็นสตรีที่งดงาม" (すてきな女になれ) และ "จงใช้ชีวิตอย่างอิสระ" (自由に生きろ)[40]
- ตอนที่พระองค์ทรงเดินทางไปศึกษาที่สหราชอาณาจักร พระองค์ทรงใช้สายการบินชั้นประหยัด, ใช้หนังสือเดินทางทางการทูตตอนผ่านกระบวนการตรวจคนเข้าเมือง และทรงเคยเข้าเฝ้าสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 [33]
- จุดกำเนิดของพระนิพนธ์ "ครุยสีแดงและน้ำเงิน" (赤と青のガウン) มาจากเงื่อนไขที่พระองค์ตกลงกับพระชนกว่าต้องเขียนบันทึกการใช้ชีวิตประจำวัน[34]
- พระนิพนธ์ "ครุยสีแดงและน้ำเงิน" (赤と青のガウン) ถูกดัดแปลงเป็นมังงะโดยนายอาโออิ อิเกเบะ โดยตีพิมพ์ในนิตยสารโชเซ็ตสึ ชินโจ ฉบับเดือนมกราคม 2568[41]
- วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2567 ทรงเป็นแขกรับเชิญรายการ "เท็ตสึโกะ โนะ เฮยะ" (徹子の部屋) ซึ่งออกอากาศทางช่อง TV Asahi โดยพระองค์ทรงเล่าถึงประสบการณ์การใช้ชีวิตที่สหราชอาณาจักร และความลำบากในการทำธุรกรรมต่างๆเนื่องจากการเป็นสมาชิกราชวงศ์ซึ่งไม่มีนามสกุล[42]
- เนื่องด้วยราชวงศ์ญี่ปุ่นไม่มีนามสกุล พระองค์จึงระบุพระนามในการตีพิมพ์เอกสารทางวิชาการว่า "三笠宮 彬子" (Mikasa-no-Miya Akiko) ส่วนภาษาอังกฤษ พระองค์ใช้เป็น "Princess Akiko of Mikasa"[32]
- วันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2568 ทรงปรากฏพระองค์เป็นผู้ดำเนินรายการพิเศษทางวิทยุชื่อ "All Night Nippon Premium ของเจ้าหญิงอากิโกะ" (彬子女王のオールナイトニッポンPremium) ออกอากาศทางสถานี Nippon Broadcasting System ทรงเล่าถึงชีวิตประจำวัน งานอดิเรก ความหลงใหลในวัฒนธรรมญี่ปุ่น รวมถึงความหลงใหลด้านกีฬาของพระองค์ โดยมีทาเตกาวะ ชิโนฮาจิ (立川志の八) นักแสดงรากูโกะ และคังกูโร นากามูระ (中村勘九郎) นักแสดงคาบูกิ เป็นผู้ช่วยดำเนินรายการ ซึ่งทั้งคู่มีความใกล้ชิดคุ้นเคยกับพระองค์ อีกทั้งในอดีต เจ้าชายโทโมฮิโตะแห่งมิกาซะ พระชนก ก็เคยทรงเป็นผู้ดำเนินรายการนี้เช่นกัน ใน พ.ศ. 2518[43]
- ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555 เป็นต้นมา การแข่งขันสกีชิงแชมป์นักเรียนนักศึกษาทั่วประเทศญี่ปุ่น (全日本学生スキー選手権大会) ทีมชนะเลิศชายจะได้รับรางวัลที่มีชื่อว่า "ถ้วยรางวัลเจ้าชายโทโมฮิโตะ" ส่วนทีมชนะเลิศหญิงจะได้รับ "ถ้วยรางวัลเจ้าหญิงอากิโกะ"[44]
- วันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2559 ทรงเป็นผู้ขว้างลูกเปิดสนาม ในการแข่งขันเบสบอลลีกฤดูใบไม้ร่วง ที่สนามเมจิจิงกู กรุงโตเกียว ในการแข่งขันระหว่างมหาวิทยาลัยโคกูกักคูอิน (國學院大學) และ มหาวิทยาลัยโทโย (東洋大学) ซึ่งพระองค์ทรงสวมเครื่องแบบกีฬาของมหาวิทยาลัยโคกูกักคูอิน (國學院大學) เนื่องจากพระองค์เป็นศาสตราจารย์พิเศษที่มหาวิทยาลัยนี้[45]
พงศาวลี
แก้พงศาวลีของเจ้าหญิงอากิโกะแห่งมิกาซะ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
อ้างอิง
แก้- ↑ อ้างอิงพระนามเต็มจากเว็บไซต์สำนักพระราชวัง https://www.kunaicho.go.jp/about/history/history05.html
- ↑ อ้างอิงพระนามภาษาอังกฤษจากเว็บไซต์สำนักพระราชวัง https://www.kunaicho.go.jp/e-about/history/history05.html
- ↑ 3.0 3.1 เหลน
- ↑ 4.0 4.1 4.2 "三笠宮家". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-06-22.
- ↑ "仙洞御所・宮邸". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-06-22.
- ↑ 6.0 6.1 "e-Gov 法令検索". laws.e-gov.go.jp. สืบค้นเมื่อ 2025-06-22.
- ↑ 7.0 7.1 7.2 7.3 7.4 7.5 7.6 7.7 แปลจากวิกิพีเดียภาษาญี่ปุ่น https://ja.wikipedia.org/wiki/彬子女王
- ↑ 8.0 8.1 8.2 8.3 8.4 8.5 8.6 8.7 "Her Imperial Highness Princess Akiko of Mikasa (2004) | Merton College - Oxford". www.merton.ox.ac.uk (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2025-06-23.
- ↑ "Princess Akiko cleared for Oxford". The Japan Times. 2001-08-08. สืบค้นเมื่อ 2009-04-14.
- ↑ "Oriental Studies Research Students". 2009-01-22. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 22 August 2009. สืบค้นเมื่อ 2009-04-14.
- ↑ "彬子女王殿下の記者会見の内容(要旨) - 宮内庁". www.kunaicho.go.jp. สืบค้นเมื่อ 2025-06-23.
- ↑ 12.0 12.1 "宮内庁関係者「寛仁さまと妻・信子さまに夫婦間の衝突も」". NEWSポストセブン (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-06-29.
- ↑ "宮内庁関係者「寛仁さまと妻・信子さまに夫婦間の衝突も」". NEWSポストセブン (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-06-21.
- ↑ "「菊のタブー」を解く 三笠宮家 母と娘「愛と憎しみ」の10年 @gendai_biz". 現代ビジネス (ภาษาญี่ปุ่น). 2015-06-15. สืบค้นเมื่อ 2025-06-22.
- ↑ "三笠宮彬子様と母親信子さまの確執はなぜ?母娘断絶20年の別居生活!". すなおじゃーなる (ภาษาญี่ปุ่น). 2025-04-01. สืบค้นเมื่อ 2025-06-22.
- ↑ "信子さま「皇族費は月10万円しか受け取っていない」と訴えていたことも 彬子さまとの母娘の溝と三笠宮家「新当主」の行方". AERA DIGITAL(アエラデジタル) (ภาษาญี่ปุ่น). 2024-11-23. สืบค้นเมื่อ 2025-06-29.
- ↑ "寛仁親王家母娘確執 彬子さまは「公務励んだのは自分たち…」". NEWSポストセブン (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-06-29.
- ↑ "信子さま「皇族費は月10万円しか受け取っていない」と訴えていたことも 彬子さまとの母娘の溝と三笠宮家「新当主」の行方 | AERA DIGITAL(アエラデジタル)". AERA DIGITAL(アエラデジタル) (ภาษาญี่ปุ่น). 2024-11-23. สืบค้นเมื่อ 2025-06-21.
- ↑ "Prince's 2012 passing reduces Imperial household families by one | The Japan Times". The Japan Times (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-04-26. สืบค้นเมื่อ 2025-06-21.
- ↑ 和郎, 八幡 (2022-06-08). "寬仁親王殿下十年式年祭と信子妃の不在". アゴラ 言論プラットフォーム (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-06-21.
- ↑ "信子さま「皇族費は月10万円しか受け取っていない」と訴えていたことも 彬子さまとの母娘の溝と三笠宮家「新当主」の行方 | AERA DIGITAL(アエラデジタル)". AERA DIGITAL(アエラデジタル) (ภาษาญี่ปุ่น). 2024-11-23. สืบค้นเมื่อ 2025-06-21.
- ↑ Corporation, L. Y. "三笠宮さまのご心労になっていた長男・寬仁さまの「DV」と信子妃と彬子さまの「対立」週刊女性PRIME11/2(水)12:30配信 - 三..." Yahoo!知恵袋 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-06-21.
- ↑ "「皇族費は現状の倍額の3050万円に」 信子さまが新たな家を創設なさる可能性も 「彬子さまとのあつれきが表面化するのは必至」(2ページ目)". デイリー新潮 (ภาษาญี่ปุ่น). 2024-12-01. สืบค้นเมื่อ 2025-06-22.
- ↑ "【写真まとめ】3年ぶりに新年一般参賀 過去には宮内庁玄関上からも:朝日新聞". 朝日新聞 (ภาษาญี่ปุ่น). 2023-01-02. สืบค้นเมื่อ 2025-06-29.
- ↑ 優子, 緒方 (2024-01-21). "日常、家族、思い出…皇室の方々が三十一文字に込められた思い 歌会始の裏側とは". 産経新聞:産経ニュース (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-06-29.
- ↑ https://koredeii.com/archives/14968
- ↑ 中山知子. "【園遊会】彬子女王、春らしい色彩の着物姿で招待客と歓談 4月21日のANNPでは軽快トークご披露 - 社会 : 日刊スポーツ". nikkansports.com (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-06-29.
- ↑ 28.0 28.1 "日本人の忘れもの 第2部". pr.kyoto-np.jp. สืบค้นเมื่อ 2025-06-28.
- ↑ 29.0 29.1 29.2 29.3 "Her Imperial Highness Princess Mikasa and her family". The Imperial Household Agency (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2025-06-29.
- ↑ 30.0 30.1 "日本人の忘れもの 知恵会議 | 知恵会議・交流会". 日本人の忘れもの 知恵会議 ~未来を拓く京都の集い~ (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-06-28.
- ↑ 31.0 31.1 31.2 "彬子女王殿下に名誉博士の称号を贈呈 彬子女王殿下に名誉博士の称号を贈呈 | 千葉工業大学". chibatech.jp (ภาษาญี่ปุ่น). 2024-12-27. สืบค้นเมื่อ 2025-06-28.
- ↑ 32.0 32.1 "彬子女王". (No Title).
- ↑ 33.0 33.1 "【単独インタビュー】三笠宮家の彬子さま語る"プリンセスの日常"「留学記」が10万部突破「すごくうれしくてニヤニヤしてしまう」|FNNプライムオンライン". FNNプライムオンライン. 2024-06-04. สืบค้นเมื่อ 2025-06-28.
- ↑ 34.0 34.1 "彬子女王:著書が30万部のベストセラーに きっかけは父・寬仁親王殿下との約束 「徹子の部屋」で". MANTANWEB(まんたんウェブ) (ภาษาญี่ปุ่น). 2024-09-15. สืบค้นเมื่อ 2025-06-28.
- ↑ "天皇・皇族の外国ご訪問一覧表(平成元年~平成10年) - 宮内庁". www.kunaicho.go.jp. สืบค้นเมื่อ 2025-06-29.
- ↑ "天皇・皇族の外国ご訪問一覧表(平成11年~平成20年) - 宮内庁". www.kunaicho.go.jp. สืบค้นเมื่อ 2025-06-29.
- ↑ "天皇・皇族の外国ご訪問一覧表(平成21年以降) - 宮内庁". www.kunaicho.go.jp. สืบค้นเมื่อ 2025-06-29.
- ↑ "天皇・皇族の外国ご訪問一覧表(令和元年以降)". 宮内庁 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-06-29.
- ↑ "彬子女王殿下に名誉博士学位を贈呈|国士舘大学". 国士舘大学 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-06-29.
- ↑ 40.0 40.1 https://archive.is/20121209152926/http://webcache.googleusercontent.com/search#selection-1085.2-1121.43
- ↑ Inc, Natasha. "池辺葵が彬子女王殿下のエッセイ「赤と青のガウン」マンガ化 小説新潮で連載(コメントあり)". コミックナタリー (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-06-28.
- ↑ "彬子女王「銀行口座開くときは?」「住民票は?」黒柳徹子から次々質問 ユーモアたっぷり驚きの回答/デイリースポーツ online". デイリースポーツ online (ภาษาอังกฤษ). 2025-06-29. สืบค้นเมื่อ 2025-06-28.
- ↑ 編集ラグリパ編集部 (2025-04-21). "日本ラグビー協会名誉総裁・彬子女王殿下が「オールナイトニッポン」に初出演。 - ラグビーリパブリック" (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-06-29.
- ↑ https://www.isj.gr.jp/2010/2013/juyoshiki20121204.pdf
- ↑ INC, SANKEI DIGITAL (2016-09-22). "東都大学野球連盟創立85周年で彬子さま始球式/東都". サンスポ (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2025-06-29.
แหล่งข้อมูลอย่างเป็นทางการ
แก้- เว็บไซต์สำนักพระราชวังอิมพีเรียล (Imperial Household Agency) ภาษาอังกฤษ https://www.kunaicho.go.jp/eindex.html
- เว็บไซต์สำนักพระราชวังอิมพีเรียล (Imperial Household Agency) ภาษาญี่ปุ่น https://www.kunaicho.go.jp/
- ประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่อง หลักเกณฑ์การทับศัพท์ภาษาเยอรมัน สเปน ญี่ปุ่น และมลายู ลงวันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2561
ก่อนหน้า | เจ้าหญิงอากิโกะแห่งมิกาซะ | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
เจ้าหญิงโทโมฮิโตะแห่งมิกาซะ | ลำดับโปเจียมแห่งราชวงศ์ญี่ปุ่น (ลำดับที่ 13) |
เจ้าหญิงโยโกะ |