เจ้าหญิงมารี-โจเซแห่งเบลเยียม
บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงจากแหล่งที่มาใด |
เจ้าหญิงมารี-โจเซแห่งเบลเยียม (อังกฤษ: HRH Princess Marie-José of Belgium; มารี-โจเซ ชาร์ล็อต โซฟี อาเมลี อ็องเรียต กาเบรียลล์; 4 สิงหาคม พ.ศ. 2449 — 27 มกราคม พ.ศ. 2544) ทรงเป็นสมเด็จพระราชินีพระองค์สุดท้ายของประเทศอิตาลี ในช่วงการดำรงพระอิสริยยศสมเด็จพระราชินีมเหสีเป็นเวลาสามสิบห้าวันในเดือนพฤษภาคม ทำให้มีพระสมัญญาว่า "ราชินีแห่งเดือนพฤษภาคม" (The May Queen)
เจ้าหญิงมารี-โจเซแห่งเบลเยียม | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
เจ้าหญิงมารี-โจเซแห่งเบลเยี่ยม | |||||||||
-เจ้าหญิงแห่งเบลเยียม -สมเด็จพระราชินีแห่งอิตาลี (9 พฤษภาคม พ.ศ. 2489–12 มิถุนายน พ.ศ. 2489) | |||||||||
ประสูติ | 4 สิงหาคม พ.ศ. 2449 เมืองออสเทนด์ ประเทศเบลเยียม | ||||||||
สวรรคต | 27 มกราคม พ.ศ. 2544 เมืองทอเนกซ์ ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ (พระชนมายุ 94 พรรษา) | ||||||||
พระราชสวามี | สมเด็จพระเจ้าอุมแบร์โตที่ 2 แห่งอิตาลี | ||||||||
พระราชบุตร | -เจ้าหญิงมาเรีย ปีอาแห่งบูร์บง-ปาร์มา -เจ้าชายวิคตอริโอ เอ็มมานูเอล เจ้าชายแห่งเนเปิลส์ -เจ้าหญิงมารีอา กาเบรียลลาแห่งซาวอย -เจ้าหญิงมาเรีย เบียทริซแห่งซาวอย | ||||||||
เจ้าหญิงมารี-โจเซแห่งเบลเยี่ยม | |||||||||
| |||||||||
ราชวงศ์ | -ราชวงศ์แซ็กซ์-โคบูร์กและโกธา -ราชวงศ์ซาวอย | ||||||||
พระราชบิดา | สมเด็จพระเจ้าอัลแบร์ที่ 1 แห่งเบลเยียม | ||||||||
พระราชมารดา | เอลิซาเบธแห่งบาวาเรีย สมเด็จพระราชินีแห่งเบลเยียม |
เจ้าหญิงมารี-โจเซ พระราชสมภพ ณ เมืองออสเตนด์ ประเทศเบลเยียม โดยเป็นพระราชธิดาพระองค์เล็กและพระองค์เดียวในสมเด็จพระเจ้าอัลแบร์ที่ 1 แห่งเบลเยียม กับ เอลิซาเบธแห่งบาวาเรีย สมเด็จพระราชินีแห่งเบลเยียม พระมเหสี เมื่อแรกประสูติพระองค์ทรงดำรงพระอิสริยยศเจ้าหญิงแห่งแซ็กซ์-โคบูร์กและก็อตธา และดัชเชสแห่งแซ็กโซนี จนกระทั่งการสิ้นสุดของสงครามโลกครั้งที่ 1
อภิเษกกับเจ้าชายแห่งเพียดมอนต์
แก้เจ้าหญิงทรงอภิเษกสมรสในวันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2473 ณ กรุงโรม กับ เจ้าชายอุมแบร์โต ซึ่งขณะนั้นทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นมกุฎราชกุมารแห่งอิตาลี จากราชวงศ์ซาวอย พระองค์จึงได้ทรงดำรงพระอิสริยยศเป็น สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงพระชายาแห่งเพียดมอนต์ (HRH The Princess of Piedmont) และมีพระโอรสและธิดา 4 พระองค์ดังนี้
- เจ้าหญิงมาเรีย ปีอาแห่งบูร์บง-ปาร์มา (มาเรีย ปีอา เอเลนา เอลิซาเบธตา มาร์การิตา มิเลนา มาเฟลดา ลูโดวิกา เทลกา เจนารา; ประสูติ 24 กันยายน พ.ศ. 2477)
- อภิเษกสมรสครั้งแรกเมื่อในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2498 ณ เมืองกาชเกช ประเทศโปรตุเกส ต่อมาได้ทรงหย่าร้างกันในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2510 กับ เจ้าฟ้าชายอเล็กซานเดอร์แห่งยูโกสลาเวีย (ประสูติ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2467)
- อภิเษกสมรสครั้งที่สองในวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2546 ณ เมืองมานาลาพัน รัฐฟลอริดา กับ เจ้าฟ้าชายมิเชล มารี ซาวิเยร์ วัลเดมาร์ จอร์จ โรแบรต์ คาร์ล เอย์มาร์แห่งบูร์บง-ปาร์มา (ประสูติ 4 มีนาคม พ.ศ. 2469)
- เจ้าชายวิคตอริโอ เอมานูเอเล เจ้าชายแห่งเนเปิลส์ (วิตตอริโอ เอมานูเอเล อัลแบร์โต คาร์โล เตโอโดโร อุมแบร์โต โบนิฟาชิโอ อาเมเดโอ ดาเมียโน แบร์นาดิโน เจนนาโร มาเรีย; ประสูติ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2480)
- ทรงดำรงพระอิสริยยศเป็น มกุฎราชกุมารแห่งอิตาลี องค์สุดท้าย หลังจากการเสวยราชสมบัติของพระชนก จนกระทั่งการล่มสลายของระบอบกษัตริย์
- ทรงเป็นประมุขแห่งราชวงศ์อิตาลี โดยมีพระอิสริยยศ ดยุคแห่งซาวอย (30 มกราคม พ.ศ. 2527 - 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2549)
- ทรงอภิเษกสมรสเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2514 ณ กรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน กับ มารีนา ริคอลฟี ดอเรีย (เกิด 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2478)
- เจ้าหญิงมารีอา กาเบรียลลาแห่งซาวอย (มารีอา กาเบรียลลา จูเซปปา อัลเดกอนดา อเดเลด มาเกริตา ลูโดวิกา เฟลิซิตา เจนนารา; ประสูติ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2483)
- ทรงอภิเษกสมรสวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2512 ณ เมืองเอซ-ซูร์-แมร์ ประเทศฝรั่งเศส แต่ทรงหย่าร้างเดือนมกราคม พ.ศ. 2533 กับ โรเบิร์ต เซลลิงเกอร์ เด บัลคานี (เกิด 4 สิงหาคม พ.ศ. 2474)
- เจ้าหญิงมาเรีย เบียทริซแห่งซาวอย (มารีอา เบียทริซ เอเลนา มาร์เกริตา ลูโดวิกา คาเทรินา ฟรานซิสกา โรมานา; ประสูติ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2486)
- ทรงอภิเษกสมรสเมื่อวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2514 ณ เมืองกอร์โดบา ประเทศอาร์เจนตินา กับ ลุยซ์ ราฟาเอเล เรย์นา กอร์บาลัน อี ดิลยอน (18 เมษายน พ.ศ. 2472 - 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542)
ชีวิตการอภิเษกสมรสไม่มีความสุข เนื่องจากเจ้าหญิงมารี-โจเซทรงเปิดเผยในการสัมภาษณ์ครั้งหนึ่งอีกหลายปีต่อมาว่า "เราสองคนไม่เคยมีความสุขเลย" โดยมากมาจากการนอกใจและการชอบทั้งสองเพศของเจ้าชายอุมแบร์โต ในช่วงที่พระชนกและชนนีของพระองค์ชี้นำการอภิเษกกับมกุฎราชกุมารแห่งอิตาลีนั้น ไม่มีเชื้อสายของราชวงศ์นิกายคาทอลิกซึ่งมีโอกาสของราชบัลลังก์คนอื่นที่ยังครองโสดอยู่เลย เวลาต่อมาทั้งสองพระองค์ทรงแยกทางกันหลังจากการล่มสลายของระบอบกษัตริย์ในประเทศอิตาลี
การติดต่อกับพันธมิตรช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
แก้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เจ้าหญิงทรงเป็นหนึ่งจำนวนช่องทางการทูตเพียงน้อยนิดระหว่างค่ายเยอรมัน/อิตาลีและประเทศในทวีปยุโรปอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสงคราม ในฐานะที่เป็นพระกนิษฐาในสมเด็จพระราชาธิบดีเลโอโพลด์ที่ 3 แห่งเบลเยียม (ซึ่งทรงถูกจับเป็นตัวประกันโดยกองกำลังเยอรมัน) และในเวลาเดียวกันก็ใกล้ชิดกับรัฐมนตรีบางคนในคณะรัฐบาลของมุสโซลินี นักการทูตชาวอังกฤษคนหนึ่งในกรุงโรมบันทึกไว้ว่าเจ้าหญิงแห่งเพียดมอนต์ทรงเป็นสมาชิกในพระราชวงศ์อิตาลีพระองค์เดียวที่มีการพิจารณาทางการเมืองที่ดี
พระราชินีเพียงหนึ่งเดือน
แก้หลังจากการเอาใจออกห่างฝ่ายพันธมิตรในสงครามโลก พระเจ้าวิคเตอร์ เอ็มมานูเอลที่ 3 พระสัสสุระที่สูญเสียความเชื่อถือของเจ้าหญิงทรงถอนตัวออกจากรัฐบาล ส่วนพระสวามีทรงกลายเป็นผู้ปฏิบัติราชการแทนองค์พระประมุขภายใต้ตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแห่งราชาณาจักร เจ้าหญิงและพระสวามีเสด็จทั่วทั้งอิตาลีที่บอบช้ำจากสงคราม ซึ่งสร้างความประทับใจในทางที่ดีแก่พสกนิกร มีการคาดเด่าว่าถ้ากษัตริย์วิกเตอร์ เอ็มมานูเอลทรงสละราชสมบัติ โดยให้พระสวามีของเจ้าหญิงทรงเป็นกษัตริย์ในปี พ.ศ. 2486 เรื่องที่เกี่ยวกับราชวงศ์คงจะชนะการลงประชามติในประเด็นของการเลือกเป็นสาธารณรัฐหรือราชาธิปไตย อย่างไรก็ดี พระองค์ก็ยังทรงปฏิเสธที่จะสละราชสมบัติ เพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนการลงประชามติ เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดอันส่งผลต่อราชบัลลังก์ของพระโอรส
หลังจากการสละราชสมบัติที่ล่าช้าในตอนสุดท้าย เจ้าหญิงมารี-โจเซทรงเป็นสมเด็จพระราชินีมเหสีแห่งอิตาลี โดยเริ่มตั้งแต่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2489 จนกระทั่งถึงการลงประชามติล้มล้างระบอบกษัตริย์ในวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2489 หลังจากระบอบกษัตริย์พ่ายแพ้อย่างย่อยยับ (มากกว่าที่เจ้าหญิงทรงคาดคิดไว้ พระองค์ได้ทรงเกรงว่ามันอาจจะมีเสียงสนับสนุนเพียงเล็กน้อยราวสิบเปอร์เซนต์) พระองค์และพระสวามีเสด็จออกนอกประเทศเพื่อไปประทับในต่างแดนในวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2489
ทรงหย่า
แก้ระหว่างการประทับอยูในต่างแดน สมาชิกทั้งหมดในครอบครัวได้รวมตัวอยู่ด้วยกันเป็นเวลาสั้น ๆ ในประเทศโปรตุเกส แต่เจ้าหญิงกับกษัตริย์อุมแบร์โตทรงตัดสินพระทัยที่จะแยกทางกัน พระองค์และพระโอรสและธิดาทั้งสี่พระองค์เสด็จไปยังประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่ซึ่งพระองค์ได้ประทับอยู่ตลอดช่วงพระชนม์ชีพที่เหลืออยู่ ในขณะที่กษัตริย์อุมแบร์โตยังคงประทับอยู่ในประเทศโปรตุเกส อย่างไรก็ดี ทั้งสองพระองค์ไม่เคยทรงหย่าร้างกัน ส่วนหนึ่งมาจากเหตุผลทางการเมือง โดยกษัตริย์อุมแบร์โตทรงดำรงพระชนม์ชีพอยู่ด้วยความหวัง (แต่ริบหรี่ลงไปในอีกหลายปี) ในกลับคืนสู่ราชบัลลังก์ และการหย่าร้างถือว่าความเสียหายอย่างมากต่อกษัตริย์นิกายคาทอลิก ทั้งสองพระองค์ทรงเคร่งครัดศาสนามาก (ซึ่งผิดธรรมดาสำหรับราชวงศ์อิตาลี อันมีประวัติการต่อต้านคำสอนในศาสนาคริสต์อย่างแรง) นอกจากนี้ยังเกรงว่าการหย่าร้างอาจนำมาซึ่งความสนใจในเรื่องการมีรสนิยมสองเพศของกษัตริย์ ซึ่งได้เอามาใช้กับพระองค์ในการลงประชามติในปี พ.ศ. 2489 และทำให้พระสันตะปาปาไพอัสที่ 17 ที่แม้ว่าทรงนิยมราชวงศ์อย่างเลื่อมใสศรัทธา ได้ระงับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ในปัญหาเกี่ยวกับระบอบราชาธิปไตยออกไป เป็นการตัดสินพระทัยที่พระสันตะปาปาทรงรู้สึกเสียใจอย่างขมขื่นเมื่อระบอบกษัตริย์พ้ายแพ้อย่างย่อยยับ
สิ้นพระชนม์
แก้เจ้าหญิงมารี-โจเซเสด็จนิวัติประเทศอิตาลีหลังจากการเสด็จสวรรคตของพระสวามีเมื่อปี พ.ศ. 2526 และพระองค์ได้สิ้นพระชนม์ลงเมื่อวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2544 ณ เมืองเจนีวา ด้วยโรคมะเร็งในบัปผาสะเมื่อพระชนมายุ 94 พรรษา โดยทรงดำรงพระชนม์ชีพยาวนานกว่าพระเชษฐาทั้งสองและพระภาติยะบางองค์ การสิ้นพระชนม์ของเจ้าหญิงมารี-โจเซเป็นสื่อชักจูงให้รัฐบาลอิตาลีแก้ไขรัฐธรรมนูญและอนุญาตสมาชิกบุรุษในราชวงศ์ซาวอยเสด็จมาเยือนประเทศอิตาลีได้
พระอิสริยยศ
แก้- พ.ศ. 2449 - พ.ศ. 2473: สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงมารี-โจเซแห่งเบลเยียม (Her Royal Highness Princess Marie-José of Belgium)
- พ.ศ. 2473 - พ.ศ. 2489: สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงพระชายาแห่งเพียดมอนต์ (Her Royal Highness The Princess of Piedmont)
- 9 พฤษภาคม - 2 มิถุนายน พ.ศ. 2489: สมเด็จพระบรมราชินีแห่งอิตาลี (Her Majesty The Queen of Italy)
- พ.ศ. 2489 - พ.ศ. 2544: สมเด็จพระราชินีมารี-โจเซแห่งอิตาลี (Her Majesty Queen Marie-José of Italy)