เจ้าหญิงท็อกฮเย
บทความนี้ยังต้องการเพิ่มแหล่งอ้างอิงเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง |
เจ้าหญิงท็อกฮเย (เกาหลี: 덕혜옹주; ฮันจา: 德惠翁主; อาร์อาร์: Deokhye Ongju) หรือ อี ท็อก-ฮเย (이덕혜, 李德惠; 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2455 – 21 เมษายน พ.ศ. 2532) เป็นพระราชธิดาในจักรพรรดิโคจง กับพระสนมบกนย็อง ทรงถูกนำไปประทับที่ประเทศญี่ปุ่น ทรงรับการศึกษาและเสกสมรสที่นั่น ภายหลังจึงนิวัตกลับประเทศเกาหลีใต้ในปัจฉิมวัย
เจ้าหญิงท็อกฮเย | |
---|---|
องจู | |
ประสูติ | 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2455 พระราชวังท็อกซู เคโจ เกาหลีของญี่ปุ่น |
สิ้นพระชนม์ | 21 เมษายน พ.ศ. 2532 (76 ปี) พระราชวังชังด็อก โซล ประเทศเกาหลีใต้ |
ฝังพระศพ | ฮงรยูรึง นัมยังจู จังหวัดคย็องกี ประเทศเกาหลีใต้ |
พระสวามี | ทาเกยูกิ โซ (สมรส 2474; หย่า 2496) |
พระบุตร | มาซาเอะ โซ |
ราชวงศ์ | โชซ็อน |
พระบิดา | จักรพรรดิโคจง |
พระมารดา | พระสนมบกนย็อง |
ขณะประทับอยู่ในประเทศญี่ปุ่น พระองค์ได้รับการขานพระนามหลายอย่าง เช่น ทกเกะ ริ หรือ โทกูเอะ ริ (ญี่ปุ่น: 李徳恵), ทกเกองจุ (トッキェオンジュ), โทกูเอะ โซ (宗徳恵), ยัง ทกเกะ (梁徳恵) และ โทกูเอะฮิเมะ (徳恵姫)
พระประวัติ
แก้พระชนม์ชีพตอนต้น
แก้เจ้าหญิงท็อกฮเยประสูติเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2455 ณ พระราชวังชังด็อก เป็นพระราชธิดาพระองค์เล็กในจักรพรรดิโคจง ที่ประสูติแต่พระสนมยัง หลังประสูติกาลพระราชธิดา[1] จึงได้รับพระราชทานราชทินนามว่าพระสนมบกนย็อง[2] เจ้าหญิงท็อกฮเยเป็นพระธิดาองค์โปรดของพระชนกนาถผู้มีพระชนมายุ 60 พรรษา ทรงก่อตั้งโรงเรียนอนุบาลชุนมย็องดัง (준명당) สำหรับพระราชธิดาทรงพระอักษร ณ ตำหนักฮัมนย็องภายในพระราชวังท็อกซู[1] โดยมีเหล่าธิดาจากครอบครัวชนชั้นสูงร่วมชั้นเรียนด้วย
พ.ศ. 2460 จักรพรรดิโคจงทรงโน้มน้าวให้เทราอูชิ มาซาตาเกะ ผู้ปกครองครองเกาหลีของญี่ปุ่นในขณะนั้น รับรองเจ้าหญิงท็อกฮเยว่ามีพระสถานะเป็นเจ้าและเป็นสมาชิกพระราชวงศ์เกาหลี
พ.ศ. 2462 จักรพรรดิโคจงมีพระราชประสงค์ให้เจ้าหญิงท็อกฮเยหมั้นหมายกับคิม จัง-ฮัน หลานชายของคิม ฮวัง-จิน เจ้าพนักงานกรมวัง เพื่อปกป้องพระราชธิดาจากการคุกคามญี่ปุ่น แต่ทว่าญี่ปุ่นได้เข้าแทรกแซงพระราชพิธีหมั้นนี้ หลังจากนั้นเป็นต้นมาคิม ฮวัง-จินมิได้รับอนุญาตให้เข้าไปในพระราชวังท็อกซูอีก ส่วนจักรพรรดิโคจงเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 21 มกราคมในปีนั้น สองปีต่อมาเจ้าหญิงท็อกฮเยทรงศึกษาต่อ ณ โรงเรียนประถมศึกษาฮีโนแด (Hinodae elementary school) ในเคโจ
ประทับในญี่ปุ่นและการเสกสมรส
แก้พ.ศ. 2468 ทางการญี่ปุ่นนำเจ้าหญิงท็อกฮเยไปยังประเทศญี่ปุ่นโดยอ้างว่าให้เจ้าหญิงเสด็จไปศึกษาต่อเช่นเดียวกับมกุฎราชกุมารอึยมินพระเชษฐา โดยศึกษาต่อที่โรงเรียนกากูชูอิง (Gakushuin) พระองค์ประทับอยู่ที่นั่นอย่างเงียบ ๆ เปล่าเปลี่ยว และไม่สบายพระทัย เมื่อได้ทราบข่าวว่าพระชนนีถึงแก่กรรมเมื่อปี พ.ศ. 2472 ทางการญี่ปุ่นจึงอนุญาตให้เจ้าหญิงผู้นิราศกลับไปมาตุภูมิชั่วคราวสำหรับการปลงศพพระชนนีในปี พ.ศ. 2473 แต่ทางญี่ปุ่นไม่อนุญาตให้พระองค์เข้าร่วมพิธีศพด้วยฉลองพระองค์สุภาพ และในปีเดียวกันนั้นพระองค์เริ่มมีปัญหาทางจิตอันแสดงออกด้วยพระอาการละเมอเดิน (sleepwalking) พระองค์จึงเสด็จไปประทับพระราชวังลีในโตเกียวร่วมกับมกุฎราชกุมารอึยมินพระเชษฐา ซึ่งในช่วงนี้เจ้าหญิงทรงเลือนพระสัญญาเรื่องการเสวยพระกระยาหาร แพทย์ประจำพระองค์ลงความเห็นว่าพระองค์ประชวรด้วยภาวะพระสมองเสื่อมก่อนวัย (precocious dementia) หนึ่งปีต่อมาหลังจากนั้นพระอาการของพระองค์ก็ดีขึ้น ซึ่งน่าจะมาจากการอภิบาลอย่างดี
เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2474 เจ้าหญิงท็อกฮเยเสกสมรสกับเคานต์ทาเกยูกิ โซ (宗武志) ขุนนางชาวญี่ปุ่น[3] อันเป็นการคลุมถุงชนในพระราชประสงค์ของจักรพรรดินีเทเมในจักรพรรดิไทโชแห่งญี่ปุ่น ซึ่งเดิมมีกำหนดการที่จะจัดพิธีเสกสมรสในปี พ.ศ. 2473 แต่มกุฎราชกุมารอึยมินทรงคัดค้านเพราะพระขนิษฐายังประชวรอยู่ ครั้นเจ้าหญิงท็อกฮเยทรงหายจากการประชวรในปีต่อมา ทางญี่ปุ่นจึงจัดพิธีเสกสมรสขึ้น โดยพระองค์ได้ให้ประสูติกาลพระธิดาคนเดียวคือเคาน์เตสมาซาเอะ โซ (宗正惠; 14 สิงหาคม 2475 – 2499) หรือชง จ็อง-ฮเย (종정혜, 宗正恵) ในภาษาเกาหลี[1]
หนึ่งปีถัดมาหลังประสูติการพระธิดา เจ้าหญิงท็อกฮเยทรงประชวรด้วยพระอาการทางจิตอีกครั้ง คราวนี้พระองค์มีพระบังคนหนักเล็ดราด หรือกลั้นพระบังคนไม่ได้ (incontinence) ด้วย และใช้เวลายาวนานหลายปีในการรักษาอาการประชวรดังกล่าว
หลังการพ่ายแพ้ของจักรวรรดิญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่สอง เกาหลีกลับมามีเอกราชอีกครั้ง และทาเกยูกิ โซพระภัสดาสูญเสียบรรดาศักดิ์เพราะญี่ปุ่นยกเลิกระบบขุนนางไป ทั้งสองห่างเหินกันและนำไปสู่การหย่าร้างในปี พ.ศ. 2496 ทาเกยูกิได้สมรสใหม่กับโยชิเอะ คัตสึมูระ หญิงสามัญชาวญี่ปุ่นเมื่อปี พ.ศ. 2498 เจ้าหญิงท็อกฮเยทรงเศร้าพระทัยและไร้สุขกับชีวิตรักที่อัปปาง แต่มีเหตุการณ์ที่สร้างความปริวิโยคที่สุดนั่นคือมาซาเอะ พระธิดาเพียงพระองค์เดียวของพระองค์หายสาบสูญในปี พ.ศ. 2499 มีรายงานว่ามาซาเอะได้กระทำอัตวินิบาตกรรมเนื่องจากเสียใจที่บิดามารดาหย่าร้างกัน หลังจากนั้นเป็นต้นมาเจ้าหญิงท็อกฮเยจึงทนทุกข์ทรมานกับพระพลานามัยที่ไม่สู้สมบูรณ์เนื่องจากเสียพระทัยจากเหตุการณ์ร้ายที่เกิดขึ้นไล่เลื่ยกัน
นิวัตเกาหลี
แก้เจ้าหญิงท็อกฮเยได้เสด็จนิวัตเกาหลีตามคำกราบทูลเชิญของรัฐบาลเกาหลีใต้เมื่อวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2505 หลังประทับอยู่ในประเทศญี่ปุ่นนาน 37 ปี[4] เบื้องต้นรัฐบาลเกาหลีปฏิเสธที่จะให้ผู้สืบสายเลือดจากพระราชวงศ์พระองค์สุดท้ายกลับมาตุภูมิ เพราะประธานาธิบดีอี ซึง-มันเกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์วุ่นวายทางการเมือง[5] อย่างไรก็ตามคิม อึล-ฮันได้พบกับเจ้าหญิงท็อกฮเยและชี้ชวนให้ทางการเกาหลีใต้กราบทูลเชิญเจ้าหญิงเสด็จกลับ[6]
เจ้าหญิงทรงกันแสงเมื่อพระองค์นิวัตมาตุภูมิ และประทับ ณ ตำหนักนักซ็อนในพระราชวังชังด็อก[7] ร่วมกับมกุฎราชกุมารอึยมิน, เจ้าหญิงพังจา, เจ้าชายกู, จูเลีย มุลล็อก และพย็อน บกดง นางสนองพระโอษฐ์
เจ้าหญิงท็อกฮเยสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2532 ณ ตำหนักซูกัง พระราชวังชังด็อก สิริพระชันษา 76 ปี ปลงพระศพ ณ ฮงรยูรึงในนัมยังจูใกล้กรุงโซล
ในวัฒนธรรมสมัยนิยม
แก้ภาพยนตร์และโทรทัศน์
แก้- ภาพยนตร์เรื่อง ท็อกฮเย ความหวังสุดท้ายของโชซอน (The Last Princess) รับบทโดยซน เย-จิน (พ.ศ. 2559)[8][9]
หนังสือ
แก้- อัตชีวประวัติเจ้าหญิงท็อกฮเย (A biography for Princess Deokhye) โดยยาซูโกะ ฮมมะ (本馬恭子)
- เจ้าหญิงท็อกฮเย (Princess Deokhye) โดยคว็อน บี-ย็อง (Kwon Bi-young)
เพลง
แก้- โฮ ชิม-นัม (Ho Shim-nam) นักร้องชาวเกาหลีใต้ แต่งเพลงจากพระประวัติของเจ้าหญิงท็อกฮเย เมื่อปี พ.ศ. 2506
- "กุหลาบแห่งน้ำตา" (눈물꽃, The Rose of Tears) โดยโฮ จิน-ซ็อล แต่งเพลงจากพระประวัติของเจ้าหญิงท็อกฮเย เมื่อปี พ.ศ. 2553
ละครเวที
แก้- มีการแสดงละครเรื่อง "เจ้าหญิงท็อกฮเย" (Princess Deokhye) ณ ศูนย์ศิลปะโซล เมื่อปี พ.ศ. 2538
- มีการแสดงละครเพลงเรื่อง "ท็อกฮเย เจ้าหญิงองค์สุดท้าย" (덕혜옹주) จากพระประวัติของเจ้าหญิงท็อกฮเย เมื่อปี พ.ศ. 2556[10][11]
พงศาวลี
แก้พงศาวลีของเจ้าหญิงท็อกฮเย | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
อ้างอิง
แก้- ↑ 1.0 1.1 1.2 "덕혜옹주 (Deokhye Ongju)". Doosan Corporation. สืบค้นเมื่อ 3 March 2016.
- ↑ "Musical "Deokhye, The Last Princess"". world.kbs.co.kr. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-01-22. สืบค้นเมื่อ 10 March 2016.
- ↑ Chung, Ah-young. "Life of Joseons Last Princess Revisited". Korean Times. สืบค้นเมื่อ 19 November 2012.
- ↑ "Late Joseon Princess Deokhye's life revealed". www.asiaone.com. สืบค้นเมื่อ 19 November 2012.
- ↑ "덕혜옹주". www.doopedia.co.kr. สืบค้นเมื่อ 10 March 2016.
- ↑ "The Last Princess of the Joseon Dynasty, Deokhye". The Korea Blog (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-10. สืบค้นเมื่อ 10 March 2016.
- ↑ "Princess' belongings to return to Korea :: Korea.net : The official website of the Republic of Korea". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-01-22. สืบค้นเมื่อ 10 March 2016.
- ↑ Ahn Sung-mi (28 March 2016). "'The Last Princess' wraps up filming". K-Pop Herald. สืบค้นเมื่อ 13 April 2016.
- ↑ "The Last Princess "ซอนเยจิน" รับบทเจ้าหญิงองค์สุดท้ายของเกาหลี". MGR Online. 10 กรกฎาคม 2559. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-07-13. สืบค้นเมื่อ 14 กรกฎาคม 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "Musical "Deokhye, The Last Princess"". 27 May 2014. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-01-22. สืบค้นเมื่อ 10 March 2016.
- ↑ Lim Jeong-yeo (2 March 2015). "Crayon Pop's Choa takes lead role in musical". K-Pop Herald. สืบค้นเมื่อ 12 March 2016.
แหล่งข้อมูลอื่น
แก้- วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ เจ้าหญิงท็อกฮเย