เจี่ยง จิงกั๋ว (27 เมษายน ค.ศ. 1910 – 13 มกราคม ค.ศ. 1988) เป็นนักการเมืองแห่งสาธารณรัฐจีน เป็นลูกชายคนโตและลูกชายเพียงคนเดียวของเจียง ไคเชก อดีตประธานาธิบดี เขาดำรงตำแหน่งหลายตำแหน่งในรัฐบาลสาธารณรัฐจีน เขาทำหน้าที่เป็นนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐจีน ในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 1972 และ 1978 และเป็นประธานาธิบดีสาธารณรัฐจีน ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1978 จนกระทั่งเขาถึงแก่อสัญกรรมในปี ค.ศ. 1988

เจี่ยง จิงกั๋ว
ประธานาธิบดีสาธารณรัฐจีน
ดำรงตำแหน่ง
20 พฤษภาคม 2521 – 13 มกราคม 2531
หัวหน้ารัฐบาลสฺวี ชิ่งจง (รักษาการ)
ซุน ยฺวิ่นเสฺวียน
ยฺหวี กั๋วหฺวา
รองประธานาธิบดีเซี่ย ตงหมิ่น
หลี่ เติงฮุย
ก่อนหน้าหยาน เจียก้าน
ถัดไปหลี่ เติงฮุย
นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐจีน
ดำรงตำแหน่ง
29 พฤษภาคม 2515 – 20 พฤษภาคม 2521
ประธานาธิบดีหยาน เจียก้าน
ก่อนหน้าหยาน เจียก้าน
ถัดไปสฺวี ชิ่งจง (รักษาการ)
รองนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐจีน
ดำรงตำแหน่ง
1 มิถุนายน 2512 – 1 มิถุนายน 2515
หัวหน้ารัฐบาลหยาน เจียก้าน
ตนเอง
ก่อนหน้าหวง เฉากู่
ถัดไปสฺวี ชิ่งจง
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด27 เมษายน 2453
เฟิงหัว เจ้อเจียง ราชวงศ์ชิง
เสียชีวิต13 มกราคม 2531 (77 ปี)
โรงพยาบาลทหารผ่านศึกไทเป ไทเป ไต้หวัน
พรรคการเมืองพรรคก๊กมินตั๋ง
คู่สมรสเจี่ยง ฟางเหลียง

เจี่ยง จิงกั๋วในวัยรุ่นได้ถูกส่งไปเรียนหนังสือในสหภาพโซเวียตในช่วงแนวร่วมที่หนึ่ง(First United Fron) ในปี ค.ศ. 1925 เมื่อพรรคชาตินิยมจีนของพ่อของเขาและพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้เป็นพันธมิตรกัน เขาเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยที่นั่น แต่พรรคชาตินิยมจีนได้ทำการหักหลังคอมมิวนิสต์จีนด้วยการปราบปรามอย่างรุนแรง สตาลินได้ส่งเขาไปใช้แรงงานในโรงงานเหล็กกล้าในเทือกเขายูรัล ที่นั่น, เจียงได้พบและแต่งงานกับ Faina Vakhreva เมื่อสงครามระหว่างจีนและญี่ปุ่นกำลังใกล้เข้ามาในปี ค.ศ. 1937 สตาลินได้ส่งทั้งสองสามีภรรยากลับไปยังประเทศจีน ในช่วงสงคราม พ่อของเจี่ยง จิงกั๋วก็ค่อย ๆ เชื่อใจเขาและมอบงานให้เขาที่มีความรับผิดชอบเพิ่มมากขึ้นรวมไปถึงงานด้านการบริหารปกครอง ภายหลังจากญี่ปุ่นยอมจำนน เจี่ยง จิงกั๋วได้รับมอบหมายให้ไปจัดการการทุจริตคอรัปชั่นในเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเขาโจมตีอย่างมีประสิทธิภาพและไร้ความปราณี ชัยชนะของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในปี ค.ศ. 1949 ได้ขับไล่เจียงและรัฐบาลของเขาไปยังเกาะไต้หวัน เจี่ยง จิงกั๋วได้รับหน้าที่เป็นผู้ควบคุมตำรวจลับ ตำแหน่งนี้เขาได้สงวนไว้จนกระทั่งปี ค.ศ. 1965 และเขาได้ใช้ในการจับกุมโดยตามอำเภอใจและทำการทรมานเพื่อให้แน่ใจว่ามีการควบคุมได้อย่างเข้มงวด เขาได้ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (ค.ศ. 1965–1969), รองนายกรัฐมนตรี (ค.ศ. 1969–1972) และนายกรัฐมนตรี (ค.ศ. 1972–1978) ภายหลังจากพ่อของเขาเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1975 เขาได้ขึ้นเป็นผู้นำแห่งพรรคชาตินิยมในฐานะประธาน และรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีในปี ค.ศ. 1978 และอีกสมัยในปี ค.ศ. 1984

ภายใต้การปกครองของเขาในรัฐบาลสาธารณรัฐจีน ในขณะที่เผด็จการกลายเป็นสิ่งที่เปิดกว้างมากขึ้นและอดทนต่อความขัดแย้งทางการเมือง เจียงได้ประจบผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวไต้หวันและลดความนิยมของผู้ที่มาจากแผ่นดินใหญ่ในช่วงหลังสงคราม ในช่วงสุดท้ายของชีวิตของเขา เจียงได้ผ่อนปรนให้รัฐบาลทำการควบคุมสื่อและการพูด และอนุญาตให้ชาวฮั่นไต้หวันเข้ามามีอำนาจ รวมทั้งผู้สืบทอดต่อจากเขาอย่างนาย หลี่ เติงฮุย[1]

อ้างอิง แก้