เจมส์ ฟรานซิส เอ็ดเวิร์ด สจวต

เจมส์ ฟรานซิส เอ็ดเวิร์ด สจวต หรือ ผู้อ้างสิทธิเฒ่า(อังกฤษ: James Francis Edward Stuart หรือ The Old Pretender หรือ The Old Chevalier) (10 มิถุนายน ค.ศ. 1688 – 1 มกราคม ค.ศ. 1766) เป็นพระราชโอรสของพระเจ้าเจมส์ที่ 2 แห่งอังกฤษผู้ถูกปลดจากราชบัลลังก์อังกฤษ และ สมเด็จพระราชินีแมรีแห่งโมดีนา ในฐานะที่เป็นพระราชโอรสของพระเจ้าเจมส์ที่ 2 เจมส์ ฟรานซิสจึงอ้างสิทธิในราชบัลลังก์ของราชอาณาจักรอังกฤษ และราชอาณาจักรสกอตแลนด์ในนาม เจมส์ที่ 3 แห่งอังกฤษ และ เจมส์ที่ 8 แห่งสกอตแลนด์ เมื่อพระราชบิดาเสด็จสวรรคตในปี ค.ศ. 1701 พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศสทรงประกาศว่าเจมส์ ฟรานซิสเป็นพระเจ้าแผ่นดินอังกฤษ สกอตแลนด์และไอร์แลนด์โดยชอบธรรม

เจมส์ ฟรานซิส เอ็ดเวิร์ด สจวต
เจ้าชายแห่งเวลส์
Prince James Francis Edward Stuart by Alexis Simon Belle.jpg
พระบรมสาทิสลักษณ์ วาดโดย อเล้กซิส ไซ่ม่อน เบลล์, ประมาณ ค.ศ. 1712
ผู้อ้างสิทธิในราชบัลลังก์สายจาโคไบต์
ระยะเวลาการอ้างสิทธิ16 กันยายน ค.ศ. 1701 – 1 มกราคม ค.ศ. 1766
ก่อนหน้าเจมส์ที่ 2 และ ที่ 7
ถัดไป"ชาร์ลส์ที่ 3"
คู่อภิเษกมาเรีย คลีเม็นทินา โซบิเอสกา
พระราชบุตร
พระนามเต็ม
เจมส์ ฟรานซิส เอ็ดเวิร์ด สจวต
ราชวงศ์สจวต
พระราชบิดาเจมส์ที่ 2 และ ที่ 7
พระราชมารดาแมรีแห่งโมดีนา
ประสูติ10 มิถุนายน ค.ศ. 1688(1688-06-10)
พระราชวังเซนต์เจมส์, ลอนดอน, ราชอาณาจักรอังกฤษ
สวรรคต1 มกราคม ค.ศ. 1766(1766-01-01) (77 ปี)
วังมูติ, โรม, รัฐพระสันตะปาปา
ฝังพระศพมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์, นครรัฐวาติกัน
ศาสนาโรมันคาทอลิก
“เจมส์ ฟรานซิส เอ็ดเวิร์ด สจวต”
มาเรีย คลีเม็นทินา โซบิเอสกา พระชายา
หลุมศพของเจ้าชายเจมส์

กำเนิดแก้ไข

เจ้าชายเจมส์ ฟรานซิส เอ็ดเวิร์ด สจวตทรงเป็นปัญหาตั้งแต่วันที่เกิดที่พระราชวังเซนต์เจมส์ในปี ค.ศ. 1688 ประสูติในรัชสมัยของพระเจ้าเจมส์ที่ 2 และพระราชินีแมรีแห่งโมดีนาผู้เป็นโรมันคาทอลิก พระเจ้าเจมส์ที่ 2 มีพระราชธิดาสองพระองค์ก่อนหน้านั้นผู้ได้รับการเลี้ยงดูอย่างนิกายโปรเตสแตนต์ การที่พระเจ้าเจมส์ที่ 2 มีพระราชโอรสเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ที่กลัวว่าอังกฤษจะกลับไปตกไปอยู่ใต้การปกครองของประมุขที่เป็นโรมันคาทอลิกต้องหาวิธีกำจัด พระเจ้าเจมส์ที่ 2

เมื่อเจ้าชายเจมส์ ฟรานซิสประสูติก็มีข่าวลือว่าเจมส์ ฟรานซิสมิใช่พระราชโอรสที่แท้จริง แต่เป็นเด็กที่ถูกลักลอบเข้ามาในถาดถ่านที่ใช้อุ่นเตียงก่อนนอน (bed-warming pan) เข้ามาในห้องที่สมเด็จพระราชินีแมรีแห่งโมดีนาใช้ประสูติเพื่อแทนพระโอรสที่สิ้นพระชนม์หลังประสูติ เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม เพียงไม่ถึงหกเดือนหลังการประสูติสมเด็จพระราชินีแมรีแห่งโมดีนาก็พาพระโอรสหลบหนีไปยังฝรั่งเศสเพื่อความปลอดภัย ขณะที่พระเจ้าเจมส์ที่ 2 ยังประทับอยู่ในอังกฤษเพื่อพยายามรักษาราชบัลลังก์ไว้

เจ้าชายเจมส์ ฟรานซิสและพระขนิษฐาลุยซา มาเรีย เทเรซา สจวตเติบโตในฝรั่งเศส ในฝรั่งเศสพระเจ้าหลุยส์ที่ 14ทรงยอมรับว่าเจ้าชายเจมส์ ฟรานซิสเป็นรัชทายาทของอังกฤษและสกอตแลนด์ เจ้าชายเจมส์ ฟรานซิสกลายเป็นศูนย์กลางของขบวนการสนับสนุนการปกครองโดยราชวงศ์สจวต (จาโคไบต์)

ชิงราชบัลลังก์แก้ไข

เมื่อพระเจ้าเจมส์ที่ 2 เสด็จสวรรคตในปี ค.ศ. 1701 เจ้าชายเจมส์ ฟรานซิสก็ทรงประกาศพระองค์เป็นพระเจ้าแผ่นดินในพระนาม เจมส์ที่ 3 แห่งอังกฤษ และ เจมส์ที่ 8 แห่งสกอตแลนด์และเป็นที่ยอมรับในฝรั่งเศส สเปน วาติกันและโมดีนา รัฐต่างๆ เหล่านี้ไม่ยอมรับว่าพระราชินีนาถแมรีที่ 2 และ พระเจ้าวิลเลียมที่ 3เป็นพระมหากษัตริย์ของอังกฤษโดยชอบธรรม

การแข็งข้อของผู้สนับสนุนการปกครองโดยราชวงศ์สจวตแก้ไข

เจ้าชายเจมส์ ฟรานซิสพยายามชิงพระราชบัลลังก์โดยทรงพยายามที่จะรุกรานอังกฤษเมื่อวันที่ 23 มีนาคม ค.ศ. 1708 โดยขึ้นที่เฟิร์ธออฟฟอร์ธ แต่กองทัพเรือฝรั่งเศสของพระองค์ถูกขับโดยกองทัพเรือของจอร์จ บิง ไวเคานท์ทอร์ริงตัน ถ้าเจ้าชายเจมส์ ฟรานซิสประกาศสละการเป็นโรมันคาทอลิกก็คงทรงมีโอกาสได้เป็นพระเจ้าแผ่นดินอังกฤษ[1] แต่ก็ไม่ทรงยอมทำ เมื่อกองทัพฝรั่งเศสพ่ายแพ้ พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ก็ทรงถูกบังคับให้มีสัมพันธไมตรีกับอังกฤษและพันธมิตรของอังกฤษโดยการลงนามในสนธิสัญญายูเทรกต์ ซึ่งข้อหนึ่งในสนธิสัญญาระบุว่าต้องขับเจ้าชายเจมส์ ฟรานซิสจากฝรั่งเศส

สิบห้าแก้ไข

ปีต่อมาผู้สนับสนุนการปกครองโดยราชวงศ์สจวต (จาโคไบต์) ก็ริเริ่ม สงครามฟื้นฟูราชวงศ์สจวต (The Fifteen Jacobite rising) ในสกอตแลนด์เพื่อกู้ราชบัลลังก์ให้แก่เจ้าชายเจมส์ ฟรานซิส ในปี ค.ศ. 1715 เจ้าชายเจมส์ ฟรานซิสก็ได้ขึ้นฝั่งที่สกอตแลนด์หลังศึกเชอริฟเมอร์ แต่ก็ทรงผิดหวังกับกำลังที่สนับสนุน แทนที่จะเข้าพิธีราชาภิเศกที่สโคน เจ้าชายเจมส์ ฟรานซิสเสด็จกลับฝรั่งเศสทางเรือจากมอนท์โรส แต่ไม่ทรงได้รับการต้อนรับในฝรั่งเศสหลังจากที่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เสด็จสวรรคตไปแล้ว

ชีวิต “ผู้อ้างสิทธิ”แก้ไข

สมเด็จพระสันตะปาปาคลีเมนต์ที่ 11ประทานวังมูติในกรุงโรมให้เป็นที่ประทับของเจ้าชายเจมส์ ฟรานซิส สมเด็จพระสันตะปาปาอินโนเซนต์ที่ 13ก็ทรงสนับสนุนเจ้าชายเจมส์ ฟรานซิสเช่นกัน นอกจากนั้นคาร์ดินัลฟิลลิปโป อันโตนิโอ กุอัลเทริโอยังเจรจาตกลงให้ทางวาติกันจ่ายเงินประจำปึตลอดชีพปีละ 8,000 โรมันซึ่งเป็นจำนวนที่พอเพียงสำหรับการตั้งราชสำนักจัคโคไบต์ที่โรมได้

การแต่งงานแก้ไข

เมื่อวันที่ 3 กันยายน ค.ศ. 1719 เจ้าชายเจมส์ ฟรานซิสก็ทรงเสกสมรสกับมาเรีย เคลเม็นทินา โซบิเอสกา (Maria Klementyna Sobieska) ผู้เป็นพระนัดดาของพระเจ้ายันที่ 3 ซอบีแยสกีแห่งโปแลนด์ มีพระโอรสด้วยกันสององค์

  1. ชาร์ลส์ เอ็ดเวิร์ด สจวต (Charles Edward Stuart), (31 ธันวาคม ค.ศ. 1720 – 31 มกราคม ค.ศ. 1788) หรือที่รู้จักกันในนาม บอนนีพรินซ์ชาร์ลี (Bonnie Prince Charlie)
  2. เฮนรี เบนเนดิค สจวต (Henry Benedict Stuart), (11 มีนาคม ค.ศ. 1725 – 13 กรกฎาคม ค.ศ. 1807) ต่อมาเป็นคาร์ดินัล

บอนนีพรินซ์ชาร์ลีแก้ไข

หลังจากที่เจ้าชายเจมส์ ฟรานซิสไม่ประสบความสำเร็จก็ทรงหันไปสนับสนุนพระโอรสในการพยายามยึดราชบัลลังก์อังกฤษและสกอตแลนด์ ความพยายามในปี ค.ศ. 1745 เกือบได้รับความสำเร็จ แต่ความพ่ายแพ้ครั้งที่สองทำให้ความหวังในการยึดราชบัลลังก์อังกฤษและสกอตแลนด์เป็นอันต้องสิ้นสุดลง

สิ้นพระชนม์แก้ไข

เจ้าชายเจมส์ ฟรานซิสสิ้นพระชนม์ที่กรุงโรมเมื่อวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1766 พระศพถูกฝังไว้ที่มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ ในวันที่ 14 มกราคม ค.ศ. 1766 รัฐบาลวาติกันก็ยอมรับราชวงศ์ฮันโนเฟอร์ว่าเป็นราชวงศ์ที่ปกครองอังกฤษและไอร์แลนด์โดยชอบธรรม

ข้อมูลเพิ่มเติมแก้ไข

อ้างอิงแก้ไข

  1. Sir Winston Churchill, A History of the English-Speaking Peoples, Vol. 2, Dodd, Mead & Co., NY 1957, pp. 97-98.