เคมบริดจ์แอนะลิติกา
เคมบริดจ์แอนะลิติกา (อังกฤษ: Cambridge Analytica, ย่อ: CA) เป็นบริษัทที่ปรึกษาการเมืองบริติชซึ่งใช้การทำเหมืองข้อมูล การเป็นนายหน้าข้อมูล (data brokerage) และการวิเคราะห์ข้อมูลร่วมกับการสื่อสารยุทธศาสตร์สำหรับกระบวนการเลือกตั้ง[5][6] บริษัทฯ ก่อตั้งเป็นสาขาหนึ่งของเอสซีแอลกรุ๊ป (SCL Group)[7] ครอบครัวของรอเบิร์ต เมอร์เซอร์ (Robert Mercer) ผู้จัดการกองทุนบริหารความเสี่ยงชาวอเมริกันผู้สนับสนุนอุดมการณ์อนุรักษนิยมทางการเมืองหลายอุดมการณ์ เป็นเจ้าของบริษัทฯ บางส่วน[7][8] ปัจจุบันบริษัทฯ มีสำนักงานในกรุงลอนดอน นครนิวยอร์ก และวอชิงตัน ดี.ซี.[9]
ประเภท | การทำเหมืองข้อมูล, การวิเคราะห์ข้อมูล |
---|---|
ก่อตั้ง | 2013 |
เลิกกิจการ | 1 พฤษภาคม ค.ศ. 2018 |
สำนักงานใหญ่ | กรุงลอนดอน |
บุคลากรหลัก | อเล็กซานเดอร์ นิกซ์ (ซีอีโอ)[1] Robert Mercer (นักลงทุน)[2] Rebekah Mercer (นักลงทุน) สตีฟ แบนนัน (อดีตรองประธาน)[3] |
บริษัทแม่ | เอสซีแอลกรุ๊ป จำกัด[4] |
เว็บไซต์ | cambridgeanalytica |
ซีอีโอ อเล็กซานเดอร์ นิกซ์ (Alexander Nix) กล่าวว่า CA เกี่ยวข้องในการแข่งขันทางการเมืองในสหรัฐ 44 ครั้งในปี 2557;[10] ในปี 2558 บริษัทฯ ให้บริการวิเคราะห์ข้อมูลแก่การรณรงค์ประธานาธิบดีของเท็ด ครูซ ในปี 2559 CA ทำงานให้กับการรณรงค์ประธานาธิบดีของดอนัลด์ ทรัมป์[11] ตลอดจนการรณรงค์ลีฟ.อียูให้การถอนตัวจากสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักร บทบาทของ CA ในการรณรงค์เหล่านี้เป็นข้อโต้เถียงและเป็นหัวข้อการสืบสวนทางอาญาที่กำลังดำเนินอยู่ในสหรัฐและสหราชอาณาจักร[12][13][14] นักรัฐศาสตร์ตั้งคำถามถึงข้ออ้างของ CA เกี่ยวกับประสิทธิภาพของวิธีการการกำหนดเป้าหมายผู้ออกเสียงเลือกตั้งของบริษัทฯ[15][16]
ในเดือนมีนาคม 2561 สื่อหลายสำนักเผยแพร่ข่าววัตรปฏิบัติธุรกิจของเคมบริดจ์แอนะลิติกา เดอะนิวยอร์กไทมส์ และ ดิออฟเซิร์ฟเวอร์ รายงานเรื่องการละเมิดข้อมูลของเฟซบุ๊กและเคมบริดจ์แอนะลิติกา ซึ่งถูกนักวิจัยภายนอกใช้สารสนเทศส่วนบุคคลที่ได้มาจากผู้ใช้เฟซบุ๊กจากบริษัทฯ เพื่อความมุ่งหมายทางการเมือง โดยอ้างว่าเก็บรวบรวมสารสนเทศดังกล่าวเพื่อความมุ่งหมายทางวิชาการ ไม่นานจากนั้น ข่าวช่อง 4 แพร่สัญญาณการสอบสวนนอกไม่เปิดเผยแสดงภาพนิกซ์โอ้อวดเกี่ยวกับการใช้โสเภณี ปฏิบัติการล่อสินบน และฮันนีเทรพ (honey trap) เพื่อทำให้นักการเมืองที่เป็นเป้าหมายของการวิจัยของฝ่ายตรงข้าม (opposition research) เสียชื่อเสียง และกล่าวว่าบริษัทฯ "ดำเนินการรณรงค์ดิจิทัลทั้งหมดของ (ดอนัลด์ ทรัมป์)" กรรมการสารสนเทศสหราชอาณาจักรสนองต่อรายงานของสื่อโดยออกหมายค้นเซิร์ฟเวอร์ของบริษัทฯ[17][18] เฟซบุ๊กแบนเคมบริดจ์แอนะลิติกามิให้โฆษณาบนแพลตฟอร์ม โดยกล่าวว่าเฟซบุ๊กถูกหลอก[19][20] วันที่ 23 มีนาคม 2561 ศาลสูงบริติชอนุมัติหมายค้นของสำนักงานกรรมาธิการสารสนเทศเพื่อค้คนสำนักงานกรุงลอนดอนของเคมบริดจ์แอนะลิติกา[21]
ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ใช้เฟซบุ๊ก 50 ล้านคนได้มาจากผู้ใช้เฟซบุ๊ก 270,000 คนที่แบ่งปันข้อมูลโดยใช้แอพ "ดิสอีสยัวร์ดิจิทัลไลฟ์" (thisisyourdigitallife) โดยอนุญาตให้แอพภายนอกนี้เข้าถึงข้อมูลของพวกเขาได้ย้อนไปในปี 2558 เหตุนี้ยังให้สารสนเทศเกี่ยวกับเครือข่ายเพื่อนกับบุคคลเหล่านั้นแก่แอพ ผู้พัฒนาแอพละเมิดเงื่อนไขการใช้งานของเฟซบุ๊กโดยมอบข้อมูลแก่เคมบริดจ์แอนะลิติกา[22]
อ้างอิง
แก้- ↑ Cheshire, Tom (21 October 2016). "Behind the scenes at Donald Trump's UK digital war room". Sky News.
- ↑ Cadwalladr, Carole (18 มีนาคม 2018). "'I made Steve Bannon's psychological warfare tool': meet the data war whistleblower". The Guardian. สืบค้นเมื่อ 18 มีนาคม 2018.
- ↑ Illing, Sean (16 October 2017). "Cambridge Analytica, the shady data firm that might be a key Trump-Russia link, explained". Vox. สืบค้นเมื่อ 24 March 2018.
- ↑ "Cambridge Analytica LLC: Private Company Information". Bloomberg. สืบค้นเมื่อ 20 March 2018.
- ↑ Editorial, Reuters (20 March 2018). "Factbox: Who is Cambridge Analytica and what did it do?". U.S. สืบค้นเมื่อ 23 March 2018.
- ↑ "Exposed: Undercover secrets of Trump's data firm". Channel 4 News. 20 March 2018. สืบค้นเมื่อ 22 March 2018.
- ↑ 7.0 7.1 Issenberg, Sasha (12 พฤศจิกายน 2015). "Cruz-Connected Data Miner Aims to Get Inside U.S. Voters' Heads". Bloomberg. สืบค้นเมื่อ 2 กุมภาพันธ์ 2016.
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อpolitico
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อca
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อwpost
- ↑ Alex Altman (10 October 2016). "Silent Partners". Time: 44.
- ↑ Confessore, Nicholas; Hakim, Danny (6 มีนาคม 2017). "Data Firm Says 'Secret Sauce' Aided Trump; Many Scoff". The New York Times. ISSN 0362-4331. สืบค้นเมื่อ 7 มีนาคม 2017.
- ↑ Reinbold, Fabian; Schnack, Thies (6 ธันวาคม 2016). "Ich ganz allein habe Trump ins Amt gebracht". Der Spiegel.
- ↑ Doward, Jamie; Cadwalladr, Carole; Gibbs, Alice (4 มีนาคม 2017). "Watchdog to launch inquiry into misuse of data in politics". The Guardian. ISSN 0261-3077. สืบค้นเมื่อ 14 มิถุนายน 2017.
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ:1
- ↑ Trump, Kris-Stella (23 March 2018). "Analysis | Four and a half reasons not to worry that Cambridge Analytica skewed the 2016 election". Washington Post (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). ISSN 0190-8286. สืบค้นเมื่อ 23 March 2018.
- ↑ "Cambridge Analytica CEO 'admits to dirty tricks'". The Week.
- ↑ "Cambridge Analytica Boasted of Disappearing Emails in Campaigns". Bloomberg L.P. 20 March 2018.
- ↑ Rosenberg, Matthew; Confessore, Nicholas; Cadwalladr, Carole (17 มีนาคม 2018). "How Trump Consultants Exploited the Facebook Data of Millions". The New York Times. ISSN 0362-4331. สืบค้นเมื่อ 17 มีนาคม 2018.
- ↑ Cadwalladr, Carole; Graham-Harrison, Emma (17 มีนาคม 2018). "Revealed: 50 million Facebook profiles harvested for Cambridge Analytica in major data breach". The Guardian. สืบค้นเมื่อ 18 มีนาคม 2018.
- ↑ CNBC (23 March 2018). "UK High Court grants Cambridge Analytica search warrant to ICO". CNBC. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-03-23. สืบค้นเมื่อ 23 March 2018.
- ↑ "Here's how Facebook allowed Cambridge Analytica to get data for 50 million users". Recode. สืบค้นเมื่อ 27 March 2018.