เกณฑ์คะแนนเสียงขั้นต่ำ
เกณฑ์คะแนนเสียงขั้นต่ำ (อังกฤษ: electoral threshold) คือจำนวนคะแนนเสียงขั้นต่ำที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งหรือพรรคการเมืองจะต้องได้รับจึงสามารถมีตัวแทนในสภานิติบัญญัติได้ โดยเกณฑ์ข้อจำกัดนี้สามารถกระทำได้ในหลายวิธี ตัวอย่างเช่น ในระบบสัดส่วนแบบบัญชีรายชื่อมีเกณฑ์คะแนนเสียงขั้นต่ำว่าพรรคการเมืองจะต้องได้รับคะแนนเสียงขั้นต่ำจำนวนร้อยละจำนวนหนึ่งของคะแนนเสียงรวมทั้งหมด (เช่น ร้อยละ 5) ในระดับชาติ หรือในระดับเขตใดเขตหนึ่ง จึงจะได้รับการจัดสรรที่นั่งในสภานิติบัญญัติ ในเขตเลือกตั้งที่มีผู้แทนมากกว่าหนึ่งคนซึ่งมักจะใช้ระบบการลงคะแนนแบบจัดลำดับ นอกจากเกณฑ์ขั้นต่ำแล้ว ผู้สมัครจะต้องได้รับคะแนนเสียงถึงจำนวนโควตา ไม่ว่าจะเป็นจากคะแนนในรอบแรก หรือรอบอื่นๆ ก็ตาม โดยขึ้นอยู่กับจำนวนผู้แทนในเขตนั้นๆ จึงจะได้ที่นั่งในสภา
ผลกระทบของเกณฑ์คะแนนเสียงขั้นต่ำนั้นคือการปฏิเสธการมีตัวแทนของพรรคการเมืองขนาดเล็กหรือมิฉะนั้นจะต้องร่วมพันธมิตรเป็นกลุ่มพรรคการเมือง โดยมีข้อสันนิษฐานเพื่อให้ระบบการเมืองมีความเข้มแข็งขึ้นโดยป้องกันไม่ให้เกิดพรรคเศษจำนวนมากเกินไป ผู้ที่สนับสนุนแนวคิดนี้กล่าวว่าการที่พรรคขนาดเล็กมีที่นั่งจำนวนหนึ่งในสภาจะช่วยเพิ่มภาพลักษณ์ของพรรคการเมืองเล็กได้ดีขึ้น แต่หากจะให้พรรคที่มีเสียงสนับสนุนเพียงร้อยละ 1 ของทั้งหมดมามีส่วนร่วมในสภา รวมทั้งมีเสียงในการยับยั้งนั้นไม่ค่อยเหมาะสม[1] อย่างไรก็ตาม ผู้วิจารณ์ได้โต้แย้งว่าหากไม่มีการใช้ระบบการลงคะแนนแบบจัดลำดับ เสมือนว่าผู้สนับสนุนพรรคเล็กนั้นถูกตัดสิทธิในการเลือกผู้แทนที่ตัวเองเป็นผู้เลือก
เกณฑ์ในประเทศต่างๆ
แก้ในโปแลนด์ เยอรมนี และนิวซีแลนด์นั้นล้วนมีเกณฑ์คะแนนเสียงขั้นต่ำในการเลือกสภาผู้แทนราษฎร คือร้อยละ 5 (ในโปแลนด์หากเป็นพรรคพันธมิตรร่วมตั้งแต่สองพรรคขึ้นไปในแต่ละเขตเลือกตั้งจะปรับขึ้นเป็นร้อยละ 8) อย่างไรก็ดีในเยอรมนีและนิวซีแลนด์ หากพรรคการเมืองนั้นชนะการเลือกตั้งในแบบแบ่งเขตอย่างน้อยจำนวนหนึ่งแล้ว ได้แก่ 3 ที่นั่งในเยอรมนี และ 1 ที่นั่งในนิวซีแลนด์ เกณฑ์คะแนนเสียงขั้นต่ำจะไม่ถูกบังคับใช้ ในอิสราเอลใช้เกณฑ์ที่ร้อยละ 3.25 (ในอดีตเคยใช้ร้อยละ 1 ก่อนปีค.ศ. 1992 ต่อมาเพิ่มเป็นร้อยละ 1.5 ในช่วงปีค.ศ. 1992-2003 และร้อยละ 2 ในช่วงปีค.ศ. 2003-2014) และตุรกีจำนวนร้อยละ 10 ในโปแลนด์นั้นพรรคการเมืองที่เป็นตัวแทนกลุ่มชาติพันธุ์ชนกลุ่มน้อยได้รับการยกเว้นและจึงจะมีผู้แทนจำนวนหนึ่งมาจากชนกลุ่มน้อยเยอรมันในรัฐสภาโปแลนด์ในทุกสมัย ในโรมาเนียกำหนดเกณฑ์ขั้นต่ำสำหรับพรรคการเมืองตัวแทนกลุ่มชาติพันธุ์แตกต่างจากเกณฑ์ปกติสำหรับการเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎร
ในหลายประเทศที่ใช้การเลือกตั้งระบบสัดส่วนไม่มีการกำหนดเกณฑ์ขั้นต่ำไว้ อาทิเช่น โปรตุเกส แอฟริกาใต้ ฟินแลนด์ เนเธอร์แลนด์ และนอร์ทมาซิโดเนีย ถึงแม้ว่าเนเธอร์แลนด์จะมีกฎเพิ่มเติมว่าที่นั่งแรกนั้นห้ามเป็นที่นั่งปัดเศษ ซึ่งหมายความว่ามีการคำนวนเกณฑ์คะแนนขั้นต่ำที่ 100% หารด้วยจำนวนที่นั่งทั้งหมด (150 ที่นั่ง จึงได้เกณฑ์คะแนนเสียงขั้นต่ำที่ร้อยละ 0.67) ในสโลวีเนียนั้นในการเลือกตั้งปีค.ศ. 1992 และ 1996 มีการกำหนดเกณฑ์ขั้นต่ำไว้ที่ 3 ที่นั่ง ซึ่งหมายความว่าพรรคการเมืองจะต้องชนะคะแนนอย่างน้อยร้อยละ 3.2 เพื่อจะผ่านเกณฑ์ ต่อมาในปีค.ศ. 2000 เกณฑ์ถูกปรับขึ้นเป็นร้อยละ 4 ของคะแนนเสียงทั้งหมด
ในสวีเดนมีเกณฑ์คะแนนเสียงขั้นต่ำที่ร้อยละ 4 ในคะแนนระดับชาติ แต่หากพรรคการเมืองใดได้รับคะแนนเสียงในเขตเลือกตั้งใดเกินกว่าร้อยละ 12 จะได้รับการจัดสรรที่นั่งของเขตนั้นไป อย่างไรก็ตามในการเลือกตั้งปีค.ศ. 2014 ไม่มีผู้สมัครรายใดได้รับเลือกจากเกณฑ์ร้อยละ 12 เลย ในนอร์เวย์มีเกณฑ์คะแนนเสียงขั้นต่ำในระดับชาติร้อยละ 4 ซึ่งใช้ในการปรับที่นั่งเท่านั้น พรรคการเมืองใดที่ได้รับคะแนนเสียงเพียงพอในระดับเขตนั้นยังสามารถชนะการเลือกตั้งได้ถึงแม้คะแนนของพรรคจะไม่ถึงเกณฑ์ ในการเลือกตั้งปีค.ศ. 2009 พรรคเสรีนิยมชนะ 2 ที่นั่งจากการใช้เกณฑ์นี้
ในออสเตรเลียซึ่งใช้ระบบการเลือกตั้งระบบสัดส่วนแบบถ่ายโอนคะแนนเสียง โดยเลือกที่จะไม่ตั้งเกณฑ์คะแนนขั้นต่ำแต่มีการกำหนดเขตเลือกตั้งที่มีขนาดเล็กแบบมีผู้แทนหลายคนจึงทำให้พรรคการเมืองต้องได้คะแนนโควตามากเป็นพิเศษจึงจะได้รับเลือกตั้ง นอกจากนี้ในออสเตรเลียยังใช้การลงคะแนนแบบจัดลำดับด้วยจึงทำให้ผู้สนับสนุนพรรคการเมืองเล็กไม่ถูกละเลยเพราะคะแนนเสียงทุกคะแนนจะถูกแจกจ่ายให้กับผู้สมัครตามลำดับความชอบของผู้ลงคะแนนแต่ละคน
ในสหรัฐอเมริกา เนื่องจากการเลือกตั้งส่วนใหญ่ใช้ระบบแบ่งเขตคะแนนสูงสุดจึงไม่มีเกณฑ์คะแนนขั้นต่ำตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม เริ่มมีการใช้เกณฑ์คะแนนเสียงขั้นต่ำในหลายรัฐสำหรับพรรคการเมืองเพื่อจะขอให้มีการเข้าถึงบัตรลงคะแนนอัตโนมัติสำหรับการเลือกตั้งทั่วไปสมัยหน้าโดยไม่ต้องให้ผู้ลงคะแนนยื่นเรื่องต่อทางการ
ในบางประเทศอาจมีมากกว่าหนึ่งเกณฑ์ อาทิเช่น เยอรมนีนั้นมีเกณฑ์ปกติที่ร้อยละ 5 แต่พรรคการเมืองใดที่ชนะการเลือกตั้งในแบบแบ่งเขตมากกว่า 3 ที่นั่งจะสามารถมีผู้แทนได้ในสภาถึงแม้ว่าคะแนนเสียงโดยรวมจะไม่ถึงเกณฑ์ร้อยละ 5 ส่วนประเทศอื่นๆ ที่พิจารณาใช้มากกว่าหนึ่งเกณฑ์นั้นส่วนใหญ่อยู่ในระหว่างการศึกษา โดยเกณฑ์คะแนนเสียงขั้นต่ำมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเป็นการเสริมสร้างความมั่นคงในระบบการเมือง
ยุโรป
แก้ประเทศ | สำหรับแต่ละพรรคการเมือง | สำหรับประเภทอื่นๆ |
---|---|---|
อัลแบเนีย | 3% | 5% สำหรับพันธมิตรกลุ่มพรรคการเมืองในระดับเขตเลือกตั้ง[2] |
อันดอร์รา | 7.14% (1/14 ของคะแนนเสียงทั้งหมด)[3] | |
อาร์มีเนีย | 5% | 7% สำหรับพันธมิตรกลุ่มพรรคการเมือง |
ออสเตรีย | 4% หรือ Grundmandat ในเขตเลือกตั้งระดับภูมิภาค | |
เบลเยียม | 5% (ในระดับเขตเลือกตั้ง และไม่มีเกณฑ์ขั้นต่ำในระดับชาติ) | |
บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา | 3% | |
บัลแกเรีย | 4% | |
โครเอเชีย | 5% | |
ไซปรัส | 3.6% | 5% สำหรับนอร์เทิร์นไซปรัส |
สาธารณรัฐเช็ก | 5% | 8% สำหรับพันธมิตรกลุ่มพรรคการเมืองแบบสองพรรค และ 11% สำหรับพันธมิตรกลุ่มพรรคการเมืองแบบหลายพรรค |
เอสโตเนีย | 5% | |
เดนมาร์ก | 2% or direct mandate[4][5] | |
เยอรมนี | 5% ของคะแนนบัญชีรายชื่อพรรค ในการมีตัวแทนในสภา (หรือชนะอย่างน้อยสามที่นั่งในระดับเขต) |
0% (ชนกลุ่มน้อยทางชาติพันธุ์), 0% (การเลือกตั้งสภายุโรป) |
จอร์เจีย | 3%[6] | |
กรีซ | 3% | |
ฮังการี | 5% | 10% สำหรับพันธมิตรกลุ่มพรรคการเมืองแบบสองพรรค, 15% สำหรับพันธมิตรกลุ่มพรรคการเมืองแบบหลายพรรค และ 0.26% สำหรับชนกลุ่มน้อยทางชาติพันธุ์ (ที่นั่งแรกเท่านั้น) |
ไอซ์แลนด์ | 5% (สำหรับการชดเชยที่นั่ง)[7] | |
อิตาลี | 3% | 10% (สำหรับพันธมิตรกลุ่มพรรคการเมือง) แต่บัญชีรายชื่อจะต้องได้รับอย่างน้อย 3%, 1% (ของแต่ละพรรคในกลุ่มพันธมิตร), 20% หรือชนะใน 2 เขตเลือกตั้ง (กลุ่มชาติพันธุ์) |
คาซักสถาน | 7% | |
ลัตเวีย | 5% | |
ลิกเตนสไตน์ | 8% | |
ลิธัวเนีย | 5% | 7% สำหรับพันธมิตรกลุ่มพรรคการเมือง |
มอลโดวา | 5% | 3% (อิสระ), 12% (สำหรับพันธมิตรกลุ่มพรรคการเมือง) |
โมนาโค | 5%[8] | |
มอนเตเนโกร | 3% | มีกฎพิเศษสำหรับบัญชีรายชื่อของชนกลุ่มน้อยทางชาติพันธุ์[9] |
เนเธอร์แลนด์ | 0.667% (จำนวนร้อยละของคะแนนเสียงที่ต้องการสำหรับหนึ่งที่นั่ง)[10] | |
นอร์เวย์ | 4% (สำหรับการชดเชยที่นั่ง) | |
โปแลนด์ | 5% | 8% (สำหรับพันธมิตรกลุ่มพรรคการเมือง; ซึ่งไม่สามารถใช้ได้กับการเลือกตั้งสภายุโรป); 0% (ชนกลุ่มน้อยทางชาติพันธุ์) |
โรมาเนีย | 5% | 10% (สำหรับพันธมิตรกลุ่มพรรคการเมือง) |
รัสเซีย | 5% | |
ซานมารีโน | 5%[11] | |
สกอตแลนด์ | 5% | |
สเปน | 3% (ระดับเขต) ส่วนเซวตาและเมลียาใช้การลงคะแนนระบบแบ่งเขตคะแนนสูงสุด โดยไม่มีเกณฑ์ขั้นต่ำสำหรับวุฒิสภาและการเลือกตั้งสภายุโรป 5% สำหรับการเลือกตั้งท้องถิ่น และหลายเกณฑ์ในการเลือกตั้งระดับแคว้น | |
สวีเดน | 4% (ระดับชาติ) 12% (ระดับเขต) |
|
เซอร์เบีย | 3%[12] | ไม่มีเกณฑ์ขั้นต่ำสำหรับบัญชีรายชื่อระดับชาติของกลุ่มชาติพันธุ์[13][12] |
สโลวาเกีย | 5% | 7% สำหรับพันธมิตรกลุ่มพรรคการเมืองสองพรรค, 10% สำหรับพันธมิตรกลุ่มพรรคการเมืองมากกว่าสองพรรค |
สโลวีเนีย | 4% | |
ตุรกี | 10% | 10% สำหรับพันธมิตรกลุ่มพรรคการเมือง ซึ่งพรรคการเมืองที่อยู่ในพันธมิตรจะไม่ต้องมีเกณฑ์ขั้นต่ำในระดับชาติเป็นรายพรรค ไม่มีเกณฑ์ขั้นต่ำสำหรับผู้สมัครอิสระ |
ยูเครน | 5% | |
เวลส์ | 5% |
ทวีปอื่นๆ
แก้ประเทศ | สำหรับแต่ละพรรคการเมือง | สำหรับประเภทอื่นๆ |
---|---|---|
อาร์เจนตินา | 3% ของผู้มีสิทธิลงคะแนน[14] | |
บราซิล | 1.5% | |
โบลีเวีย | 3% | |
บุรุนดี | 2%[15] | |
โคลอมเบีย | 3% | |
ติมอร์ตะวันออก | 4%[16][17][18] | |
ฟิจิ | 5% | |
อินโดนีเซีย | 4% (สำหรับแค่สภาผู้แทนราษฎร)[19] | |
อิสราเอล | 3.25% | |
คีร์กีซสถาน | 9% และ 0.7% ของคะแนนเสียงทั้งหมดในแต่ละแคว้นทั้งเจ็ด | |
โมซัมบิก | 5%[20] | |
เนปาล | 3% ของคะแนนเสียงทั้งหมดในระบบสัดส่วน และอย่างน้อย 1 ที่นั่งจากระบบแบ่งเขตคะแนนสูงสุด | |
นิวซีแลนด์ | 5% (หรือชนะอย่างน้อย 1 ที่นั่งในแบบแบ่งเขต) | |
เปรู | 5%[21] | |
ปาเลสไตน์ | 2% | |
ฟิลิปปินส์ | 2% สำหรับที่นั่งแบบบัญชีรายชื่อจำนวน 20% ของที่นั่งทั้งหมดในสภาล่าง | พรรคการเมืองอื่นๆ สามารถได้รับที่นั่งหากจำนวนที่นั่ง 20% นี้ยังจัดสรรได้ไม่ครบ |
เกาหลีใต้ | 3% (หรือชนะอย่างน้อย 5 ที่นั่งในแบบแบ่งเขต)[22][23] | 5% (การเลือกตั้งสภาท้องถิ่น)[24] |
รวันดา | 5% | |
ไต้หวัน | 5%[25] | |
ทาจิกิสถาน | 5%[26] | |
อุรุกวัย | 1% (สภาผู้แทนราษฎร) 3% (วุฒิสภา) |
อ้างอิง
แก้- ↑ Reynolds, Andrew (2005). Electoral system design : the new international IDEA handbook. Stockholm, Sweden: International Institute for Democracy and Electoral Assistance. p. 59. ISBN 978-91-85391-18-9. OCLC 68966125.
- ↑ The Electoral Code of the Republic of Albania เก็บถาวร 31 มีนาคม 2010 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, Artikel 162; vor der Wahl 2009 waren es bei völlig anderem Wahlsystem 2,5 % bzw. 4 % der gültigen Stimmen auf nationaler Ebene (nur für die Vergabe von Ausgleichssitzen; Direktmandate wurden ohne weitere Bedingungen an den stimmenstärksten Kandidaten zugeteilt)
- ↑ OSCE (2020-02-19). "PRINCIPALITY OF ANDORRA PARLIAMENTARY ELECTIONS 7 April 2019 ODIHR Needs Assessment Mission Report". สืบค้นเมื่อ 2020-02-19.
- ↑ "Folketingsvalgloven". สืบค้นเมื่อ 24 February 2014.
- ↑ Bille, Lars; Pedersen, Karina (2004). "Electoral Fortunes and Responses of the Social Democratic Party and Liberal Party in Denmark: Ups and Downs". ใน Mair, Peter; Müller, Wolfgang C.; Plasser, Fritz (บ.ก.). Political parties and electoral change. SAGE Publications. p. 207. ISBN 0-7619-4719-1.
- ↑ "New Constitution of Georgia comes into play as the presidential inauguration is over". Agenda.ge. 17 December 2018. สืบค้นเมื่อ 6 January 2019.
- ↑ [1], Election to Altthingi Law, Act no. 24/2000, Article 108
- ↑ "Election Profile". IFES. สืบค้นเมื่อ 2013-02-11.
- ↑ "These rules apply to lists representing a minority nation or a minority national community with a share of the total population of up to 15 per cent countrywide or 1.5 to 15 per cent within each municipality. If no minority list passes the 3 per cent threshold, but some lists gain 0.7 per cent or more of the valid votes, they are entitled to participate in the distribution of up to 3 mandates as a cumulative list of candidates based on the total number of valid votes. Candidate lists representing the Croatian minority are entitled to 1 seat if they obtain at least 0.35 per cent of the valid votes." Source: OSCE, 2016, Montenegro Parliamentary Elections 2016: OSCE/ODIHR Election Observation Mission Final Report
- ↑ "Who can vote and for whom? How the Dutch electoral system works". DutchNews.nl (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). สืบค้นเมื่อ 2019-11-18.
- ↑ "OSCE report on 2019 parliamentary elections".
- ↑ 12.0 12.1 "Parliament agrees to 3% electoral threshold". Serbian Monitor (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 2020-02-10. สืบค้นเมื่อ 2020-03-05.
- ↑ OSCE. "REPUBLIC OF SERBIA PARLIAMENTARY ELECTIONS Spring 2020 ODIHR Needs Assessment Mission Report".
- ↑ Código Electoral Nacional, Article 160
- ↑ Electoral system IPU
- ↑ Electoral system Inter-Parliamentary Union
- ↑ [2] เก็บถาวร 2018-06-19 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Fourth amendment to the Law on Election of the National Parliament. Article 13.2
- ↑ Timor Agora: PN APROVA BAREIRA ELEISAUN PARLAMENTAR 4%, 13. Februar 2017, abgerufen am 23. März 2017.
- ↑ "New election bill, new hope for democracy".
- ↑ Electoral system IPU
- ↑ "Peru's small political parties scramble to survive". April 2016.
- ↑ "국가법령정보센터".
- ↑ 공직선거법 제189조 제1항(The first clause of Article 189 of the Public Official Election Act)
- ↑ 공직선거법 제190조의2 제1항(The first clause of Article 190-2 of the Public Official Election Act)
- ↑ "Archived copy". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 9 April 2014. สืบค้นเมื่อ 20 June 2014.
{{cite web}}
: CS1 maint: archived copy as title (ลิงก์) - ↑ "Tajikistan ruling party to win polls, initial count shows". สืบค้นเมื่อ 2 March 2020.