ฮิเดโยะ โนงูจิ
ฮิเดโยะ โนงูจิ (ญี่ปุ่น: 野口英世; โรมาจิ: Noguchi Hideyo; 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2419 – 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2471) นักวิทยาแบคทีเรียชาวญี่ปุ่น ผู้สามารถเพาะเชื้อก่อโรคซิฟิลิส ได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตสาขาแพทยศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเกียวโต ในปี 2454 และสาขาวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโตเกียวในปี 2457 และรัฐบาลญี่ปุ่นได้ออกธนบัตรแบบหนึ่งพันเยนชุดใหม่โดยมีรูปเหมือนของเขาอยู่ที่ด้านหน้าธนบัตรในปี 2547
ฮิเดโยะ โนงูจิ 野口英世 | |
---|---|
![]() ฮิเดโยะ โนงูจิ | |
เกิด | 09 พฤศจิกายน ค.ศ. 1876 อินาวาชิโระ จังหวัดฟูกูชิมะ จักรวรรดิญี่ปุ่น |
เสียชีวิต | พฤษภาคม 21, 1928 อักกรา โกลด์โคสต์ จักรวรรดิอังกฤษ | (51 ปี)
สัญชาติ | ญี่ปุ่น |
มีชื่อเสียงจาก | ซิฟิลิส Treponema pallidum |
อาชีพทางวิทยาศาสตร์ | |
สาขา | วิทยาแบคทีเรีย |
ฮิเดโยะ โนงูจิ | |||||
ชื่อภาษาญี่ปุ่น | |||||
---|---|---|---|---|---|
คันจิ | 野口 英世 | ||||
ฮิรางานะ | のぐち ひでお | ||||
|


ชีวิตวัยเยาว์
แก้โนงูจิเกิดมาในครอบครัวชาวนาฐานะยากจนที่เมืองอินาวาชิโระ จังหวัดฟูกูชิมะ เดิมเคยใช้ชื่อตามที่บิดามารดาตั้งให้ว่า เซซากุ โนงูจิ (ญี่ปุ่น: 野口清作; โรมาจิ: Noguchi Seisaku) ตอนอายุประมาณ 1 ขวบครึ่ง เขาได้พลัดตกลงไปในเตาหลุม ทำให้มือซ้ายถูกไฟลวกอย่างรุนแรงจนไม่สามารถใช้การได้ เมื่อเข้าเรียนชั้นประถมในโรงเรียนประถมมิตสึวะ โนงูจิจึงต้องอดทนกับการถูกเพื่อนๆ กลั่นแกล้งและล้อเลียนเรื่องมือซ้ายทุกวัน แต่เขาก็ตั้งใจเล่าเรียนจนสามารถสอบได้คะแนนสูงสุดของชั้น และได้เข้าเรียนต่อในชั้นประถมปลายอินาวาชิโระด้วยความช่วยเหลือจากคุณครูซากาเอะ โคบายาชิ (ญี่ปุ่น: 小林 栄; โรมาจิ: Kobayashi Sakae) ในปี 2432
จากนั้นในปี 2434 คุณครูโคบายาชิและเพื่อนร่วมชั้นของโนงูจิก็ช่วยกันเรี่ยไรเงินเป็นค่าผ่าตัดรักษามือซ้ายให้กับโนงูจิ โดยผู้ที่ทำการผ่าตัดให้เขาคือคานาเอะ วาตานาเบะ (ญี่ปุ่น: 渡部 鼎; โรมาจิ: Watanabe Kanae) นายแพทย์ที่สำเร็จการศึกษาจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งจากการผ่าตัดในครั้งนี้ ทำให้โนงูจิรู้สึกชื่นชมในอาชีพแพทย์ และตัดสินใจว่าในอนาคตจะประกอบอาชีพเป็นแพทย์เพื่อช่วยเหลือผู้คนยากไร้ที่เจ็บไข้ได้ป่วย
การทำงาน
แก้เมื่อเรียนจบชั้นประถมปลายในปี 2436 โนงูจิก็เดินทางไปที่เมืองไอซูวากามัตสึ และขอร้องให้คานาเอะ วาตานาเบะรับเขาไว้ทำงานที่โรงพยาบาลไกโย โดยระหว่างที่ทำงานอยู่ที่โรงพยาบาล โนงูจิได้ศึกษาวิชาแพทย์ อีกทั้งยังหัดเรียนภาษาเยอรมัน อังกฤษ ฝรั่งเศสด้วยตัวเองควบคู่ไปด้วย
ทว่าในปี 2439 เนื่องจากไม่มีเงินทุนเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย โนงูจิจึงเดินทางเข้าโตเกียว มาหาโมริโนซูเกะ ชิวากิ (ญี่ปุ่น: 血脇守之助; โรมาจิ: Chiwaki Morinosuke) ทันตแพทย์จากโรงเรียนทันตแพทย์ทากายามะ (ปัจจุบันคือ มหาวิทยาลัยทันตแพทย์โตเกียว) ที่เคยได้พบกันที่โรงพยาบาลไกโย ชิวากิช่วยให้โนงูจิได้เข้าศึกษาวิชาแพทย์ที่โรงเรียนกวดวิชาไซเซ เพื่อเข้ารับการทดสอบความรู้ทางด้านแพทยศาสตร์ภาคแรก ซึ่งโนงูจิสามารถสอบผ่านโดยทำคะแนนได้เป็นอันดับที่ 1 และต่อมาในปีเดียวกัน โนงูจิก็ผ่านการทดสอบในภาคหลัง เขาจึงได้เป็นแพทย์อย่างเต็มตัวในขณะที่มีอายุเพียงแค่ 20 ปีเท่านั้น
ปี 2440 โนงูจิทำงานเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่โรงเรียนทันตแพทย์ทากายามะ ต่อมาก็เข้าทำงานเป็นผู้ช่วยที่โรงพยาบาลจุนเท็นโด แต่ทำได้ไม่นานก็ได้ไปทำงานที่สถาบันวิจัยโรคระบาดของชิบาซาบูโร คิตาซาโตะซึ่งเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยนักวิจัยชั้นหัวกะทิจากมหาวิทยาลัยโตเกียวเตโกกุ (มหาวิทยาลัยโตเกียวในปัจจุบัน) ทำให้โนงูจิผู้ไม่ได้เรียนจบจากมหาวิทยาลัยไม่ได้รับการยอมรับและถูกปฏิบัติอย่างเย็นชาจากเพื่อนร่วมสถาบัน แต่ระหว่างที่ทำงานอยู่ที่นั่น เขาก็ได้มีโอกาสทำหน้าที่เป็นล่ามให้กับไซมอน เฟลกซ์เนอร์ ศาสตราจารย์ทางด้านพยาธิวิทยา แห่งมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ ซึ่งเดินทางมาดูงานที่ญี่ปุ่น เฟลกซ์เนอร์รู้สึกถูกใจในตัวโนงูจิ และได้ชักชวนให้เขาไปที่สหรัฐอเมริกาหากมีโอกาส
เปลี่ยนชื่อ ไปอเมริกา
แก้ปี 2441 โนงูจิได้ทราบข่าวว่าภรรยาของซากาเอะ โคบายาชิ คุณครูผู้มีพระคุณได้ล้มป่วย เขาจึงรีบกลับไปยังบ้านเกิด ซึ่งในระหว่างรอดูอาการนั้น โนงูจิมีโอกาสได้อ่านนิยายเรื่อง “จิตใจนักเรียนในยุคปัจจุบัน” (当世書生気質) ที่ประพันธ์โดย โชโย สึโบอูจิ และได้พบว่า เซซากุ โนโนงูจิ (ญี่ปุ่น: 野々口精作; โรมาจิ: Nonoguchi Seisaku) ตัวเอกในนิยายเรื่องนี้มีชื่อที่คล้ายคลึงกับเขามาก ทว่ากลับเป็นคนชอบเที่ยวเตร่และไม่เอาการเอางาน โนงูจิรู้สึกทนไม่ได้ที่ชื่อของเขาไปคล้ายกับตัวละครตัวนี้ ซากาเอะ โคบายาชิ ครูผู้มีพระคุณในสมัยเด็กจึงได้ตั้งชื่อใหม่ให้กับเขาว่า ฮิเดโยะ ซึ่งมีความหมายตรงตัวว่า ผู้เก่งกล้าของโลก
หลังจากนั้นไม่นาน โนงูจิก็ถูกส่งไปทำงานที่ด่านกักกันโรค เมืองท่าโยโกฮามะ และได้ตรวจพบตรวจเชื้อกาฬโรคในเลือดของผู้ป่วย ทำให้ชื่อเสียงของโนงูจิเริ่มเป็นที่รู้จักของผู้คน และจากผลงานในครั้งนี้ โนงูจิจึงได้ถูกรับเลือกให้เป็น 1 ในคณะแพทย์จากนานาประเทศ เดินทางไปยังประเทศจีน เพื่อยับยั้งกาฬโรคที่กำลังระบาดอย่างหนัก เมื่อกลับมาญี่ปุ่นในปี 2443 โนงูจิก็ตัดสินใจที่จะเดินทางไปสหรัฐอเมริกา
ที่นั่น โนกุจิได้รับมอบหมายจาก ดร.เฟลกซ์เนอร์ ให้ศึกษาวิจัยเรื่องพิษงู และเขาก็สามารถวิจัยพิษงูออกมาเป็นผลสำเร็จภายในระยะเวลาเพียง 1 ปี หลังจากนั้นชื่อของโนกุจิก็เป็นที่ยอมรับไปทั่วสหรัฐอเมริกาและในระดับโลก โนกุจิยังคงศึกษาวิชาการแพทย์อย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะด้านระบาดวิทยา โดยในปี 2454 เขาประสบความสำเร็จในการเพาะเชื้อ Spirochete ของโรคซิฟิลิศได้เป็นคนแรกของโลก
ปี 2461 โนกุจิเดินทางไปยังเอกวาดอร์ และพบกับเชื้อโรคไข้เหลือง (Yellow Fever) จึงได้ศึกษาวิจัยและพัฒนายารักษาโรคนี้จนสำเร็จ แต่แล้วในปี 2470 โรคไข้เหลืองก็ระบาดไปทั่วทั้งทวีปแอฟริกาอีกครั้งและรุนแรงกว่าเดิม ยารักษาโรคก็ใช้ไม่ได้ผล ทำให้โนกุจิต้องเดินทางไปทวีปแอฟริกาเพื่อวิจัยให้แน่ชัดว่าเพราะเหตุใด แม้ว่าก่อนเดินทางจะมีคนคัดค้านเพราะเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยก็ตาม หลังจากเดินทางมาที่ทวีปแอฟริกา โนกุจิก็พบว่าโรคไข้เหลืองที่กำลังระบาดนั้นเป็นเชื้อโรคคนละตัวกับครั้งก่อน เขาจึงเริ่มลงมือค้นคว้าวิจัยอย่างหนักจนกระทั่งตัวเองได้รับเชื้อไข้เหลืองไปด้วย และเสียชีวิตในเวลาต่อมาด้วยโรคดังกล่าว ในปี 2471 ที่เมืองอักกรา (Accra) ประเทศกานา
บรรณานุกรม
แก้ภาษาไทย
แก้- คุณหมอนักสู้ โนกุจิ ฮิเดโยะ, มาซาโอะ บาบะ (ผู้แต่ง) , พรอนงค์ นิยมค้า (ผู้แปล) , สำนักพิมพ์ ส.ส.ท. เยาวชน, 2542
ภาษาญี่ปุ่น
แก้- 野口英世の青春 เก็บถาวร 2007-05-02 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน (ญี่ปุ่น)
- 野口清作から野口英世へ เก็บถาวร 2007-05-01 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน (ญี่ปุ่น)
ภาษาอังกฤษ
แก้- D'Amelio, Dan. Taller Than Bandai Mountain: The Story of Hideyo Noguchi.[ลิงก์เสีย] New York: Viking Press. 10-ISBN 9-997-50238-8; 13-ISBN 978-9-997-50238-4 (cloth) [OCLC 440466]
- Flexner, James Thomas. (1996). Maverick's Progress. New York: Fordham University Press. 10-ISBN 0-823-21661-6; 13-ISBN 978-0-823-21661-1 (cloth)
- Flexner, Simon. (1929). "Hideyo Noguchi: A Bographical Sketch," in Science, Vol. 69, p. 653.
- Kita, Atsushi. (2005). Dr. Noguchi's Journey: A Life of Medical Search and Discovery (tr., Peter Durfee). Tokyo: Kodansha. 10-ISBN 4-770-02355-3; 13-ISBN 978-4-770-02355-1 (cloth)
- Noguerea, J J (October 2007). "[Hideyo Noguchi and trachoma (Inawashiro, Japan, 1876--Accra, Ghana, 1928]". Archivos de la Sociedad Española de Oftalmología. Spain. 82 (10): 661–2. ISSN 0365-6691. PMID 17929213.
- Liu, Pinghui V (September 2004). "Noguchi's contributions to science". Science. United States. 305 (5690): 1565. doi:10.1126/science.305.5690.1565a. PMID 15361606.
- Takeda, Yoshifumi (November 2003). "[Great Japanese bacteriologists in the Meiji, Taisho and Showa era]". Nippon Saikingaku Zasshi. Japan. 58 (4): 645–55. ISSN 0021-4930. PMID 14699855.
- Takazoe, Ichiro (October 2002). "[Achievement by Hideyo Noguchi]". Nippon Naika Gakkai Zasshi. Japan. 91 (10): 2887–90. ISSN 0021-5384. PMID 12451642.
- Haniu, J. "Dr. Noguchi's laboratory". Scalpel & tongs : American journal of medical philately. UNITED STATES. 44: 97. ISSN 0048-9255. PMID 11624705.
- Koide, S S (May 2000). "Hideyo Noguchi's last stand: the Yellow Fever Commission in Accra, Africa (1927-8)". Journal of Medical Biography. ENGLAND. 8 (2): 97–101. ISSN 0967-7720. PMID 11042776.
- Misawa, M (1991). "[Dr. Hideyo Noguchi and Hajime Hoshi] (Jpn)". Yakushigaku zasshi. The Journal of Japanese history of pharmacy. JAPAN. 26 (2): 113–20. ISSN 0285-2314. PMID 11623303.
- Misawa, M (1991). "[Dr. Hideyo Noguchi and Hajime Hoshi]". Yakushigaku zasshi. The Journal of Japanese history of pharmacy. JAPAN. 26 (2): 113–20. ISSN 0285-2314. PMID 11623302.
- Lederer, S E (March 1985). "Hideyo Noguchi's luetin experiment and the antivivisectionists". Isis; an international review devoted to the history of science and its cultural influences. UNITED STATES. 76 (281): 31–48. doi:10.1086/353736. ISSN 0021-1753. PMID 3888912.
- Bendiner, E (February 1984). "Noguchi: many triumphs and a brilliant failure". Hosp. Pract. (Off. Ed.). UNITED STATES. 19 (2): 222–3, 227, 231 passim. ISSN 8750-2836. PMID 6421835.
- Masaki, T (1978). "[Hideyo Noguchi and oral spirochaete]". Shikai tenbo = Dental outlook. AUSTRALIA. 51 (6): 1265. ISSN 0011-8702. PMID 394992.
- Dolman, C E. "Hideyo Noguchi (1876-1928): his final effort". Clio medica (Amsterdam, Netherlands). ENGLAND. 12 (2–3): 131–45. ISSN 0045-7183. PMID 72623.
- "[Hideyo Noguchi--pioneer bacteriologist]". Orvosi hetilap. HUNGARY. 118 (4): 213–5. January 1977. ISSN 0030-6002. PMID 319394.
- CLARK, P F. "Hideyo Noguchi, 1876-1928". Bulletin of the history of medicine. Not Available. 33 (1): 1–20. ISSN 0007-5140. PMID 13629181.
- Sri Kantha S. Hideyo Noguchi's research on yellow fever (1918-1928) in the pre-electron microscopic era. Kitasato Archives of Experimental Medicine, April 1989; 62(1): 1-9.
แหล่งข้อมูลอื่น
แก้- สถาบันวิจัยโนงูจิ ในสหรัฐอเมริกา (ญี่ปุ่น)
- มูลนิธิรำลึก ฮิเดโยะ โนงูจิ ในสหรัฐอเมริกา (ญี่ปุ่น)
- หอรำลึก ฮิเดโยะ โนงูจิ (ญี่ปุ่น)
- Hideyo Noguchi Memorial at Find A Grave
- Japanese Government Internet TV: streaming video, "Hideyo Noguchi Africa Prize," 2007/04/26 (5 mins.)
- Fukushima Prefecture: "The Dreamer, Hideyo Noguchi," slide show เก็บถาวร 2015-08-10 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Cabinet Office, Government of Japan: Hideyo Noguchi Africa Prize เก็บถาวร 2009-11-22 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Japan Society for the Promotion of Science (JSPS): Purpose and Description of the Noguchi Prize
- National Diet Library: NDL portrait
- Yomiuri Shimbun: Noguchi -- slightly less than 90% name recognition amongst primary school students in Japan เก็บถาวร 2013-05-14 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, 2008.