อำเภอสมเด็จ
สมเด็จ เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดกาฬสินธุ์ เดิมเป็นเขตท้องที่ของอำเภอสหัสขันธ์ทั้งหมด ก่อนที่จะขอจัดตั้งเป็นกิ่งอำเภอโดยการปกครองบางส่วนออกจากอำเภอสหัสขันธ์ในวันที่ 11 สิงหาคม 2507[1] และยกฐานะเป็นอำเภอในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2512[2]
อำเภอสมเด็จ | |
---|---|
การถอดเสียงอักษรโรมัน | |
• อักษรโรมัน | Amphoe Somdet |
คำขวัญ: สมเด็จนามมงคล งามเลิศล้นแก่งพฤๅชัย น้ำตกใสแก้งกะอาม ธรรมชาติงามลำถ้ำผาลี่ ฝีมือดีคือเนื้อทุบ งามเหวหุบผาเสวย น่าชมเชยหมอลำซิ่ง | |
![]() แผนที่จังหวัดกาฬสินธุ์ เน้นอำเภอสมเด็จ | |
พิกัด: 16°42′16″N 103°45′0″E / 16.70444°N 103.75000°E | |
ประเทศ | ![]() |
จังหวัด | กาฬสินธุ์ |
พื้นที่ | |
• ทั้งหมด | 454.1 ตร.กม. (175.3 ตร.ไมล์) |
ประชากร (2564) | |
• ทั้งหมด | 61,841 คน |
• ความหนาแน่น | 136.18 คน/ตร.กม. (352.7 คน/ตร.ไมล์) |
รหัสไปรษณีย์ | 46150 |
รหัสภูมิศาสตร์ | 4613 |
ที่ตั้งที่ว่าการ | ที่ว่าการอำเภอสมเด็จ ถนนถีนานนท์ ตำบลสมเด็จ อำเภอสมเด็จ จังหวัดกาฬสินธุ์ 46150 |
![]() |
ประวัติ
แก้ในปีพ.ศ.๒๓๗๙ พระยามหาอำมาตย์(ป้อม)และพระมหาสงคราม ไปตั้งอยู่เมือง นครพนม ได้เกณฑ์ผู้คนข้ามไปเกลี้ยกล่อมญาติพี่น้องแถบเมืองมหาไชย เมืองคำเกิด เมืองคำม่วน ได้ผู้คนมาตั้งถิ่นฐานในเมืองสกลนครและเมืองกาฬสินธุ์จำนวนมาก จึงมีการขอตั้งเมืองบริวารขึ้น คือ เมืองท่าขอนยาง เมืองแซงบาดาล เมืองกุดสิมนารายณ์ เมืองภูแล่นช้าง เมืองกมลาไสย เมืองสหัสขันธ์ และเมืองกันทรวิไชย ในปีพ.ศ.๒๓๓๖ รัชกาลที่ ๑ (พ.ศ.๒๓๒๕-๒๓๕๒) ได้สถาปนาเมืองกาฬสินธุ์ขึ้น และในรัชกาลที่ ๓ พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ยกบ้านบึงกระดานเป็นเมืองแซงบาดาล(พ.ศ.๒๓๗๙ ครัวพระคำแดงจำนวน ๙๓๓คน )
- ในปีพ.ศ.๒๓๘๘ ให้อุปฮาด(คำแดง)เมืองคำม่วนเป็นพระศรีสุวรรณเจ้าเมือง ราชวงศ์(จารย์จำปา)เป็นอุปฮาด ท้าวขุติยะ(พก)เป็นราชวงศ์ ท้าวสุริยะ(จารย์โท)เป็นราชบุตร
ในปีพ.ศ.๒๓๙๑ พระศรีสุวรรณ(พระคำแดง) เจ้าเมืองแซงบาดาลถึงแก่กรรม จึงโปรดให้ตั้งอุปฮาด(จำปา) เป็นพระสุวรรณ ว่าราชการเมืองแซงบาดาลต่อไป
- ในปีพ.ศ.๒๔๐๔ พระศรีสุวรรณ(จำปา)ถึงแก่กรรม ราชวงศ์(พก)ได้รับราชการเป็นพระศรีสุวรรณเจ้าเมือง ท้าวบุญบุตรพระศรีสุวรรณ(จำปา)เป็นอุปฮาด ท้าวขีบุตรพระศรีสุวรรณ(พระคำแดง)เป็นราชวงศ์ ท้าวพรหมบุตรพระศรี ราชบุตร รักษาบัญชาราชการเมืองแซงบาดาล
- ในปีพ.ศ.๒๔๑๕ ท้าวโพธิสารว่าที่ผู้ช่วยเมืองกาฬสินธุ์ มีบอกขอตั้งท้าวโคตร เป็นพระศรีสุวรรณเจ้าเมืองแซงบาดาล(วันอังคารขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีมะแม โปรดเกล้าฯตั้งท้าวโคตร เป็นพระศรีสุวรรณเจ้าเมืองแซงบาดาล พระราชทานถาดหมาก คนโทเงิน ๑ สำรับ สัปทนแพรคัน ๑ เสื้อเข้มขาบริ้วขอ แพรสีติดขลิบ ๑ ผ้าส่านวิลาส ๑ แพรขาวห่ม ๑ ผ้าม่วงจีน ๑ เป็นเครื่องยศ
- ในปีพ.ศ.๒๔๒๕ นี้พระศรีสุวรรณ(พก)เจ้าเมืองแซงบาดาล ถึงแก่กรรม ราชวงศ์(ขี) ได้ดูแลรักษาราชการเมืองต่อมาเพียง ๒ ปี ก็ถึงแก่กรรมลงอีก ท้าวจารโคตรบุตรอุปฮาด(พรหม)เป็นพระศรีสุวรรณเจ้าเมือง ให้ท้าวทุมเป็นอุปฮาด(ทุม) ถึงแก่กรรม ท้าวหงส์ได้รับตำแหน่งเป็นอุปฮาดรักษาราชการเมืองต่อไป
- ในปีพ.ศ.๒๔๔๐ รัชกาลที่ ๕ ได้ยกเลิกตำแหน่งระบบการปกครองเดิม โดยพระศรสุวรรณ(โคตร)ได้เป็นผู้ว่าราชการเมือง(๒๔๔๒)
- ในปี ๒๔๔๙จึงเริ่มมีอำเภอเกิดขึ้นอำเภอแซงบาดาล มีขุนบาดาล นิคมเขต(ฮวด)เป็นนายอำเภอ
- ปีพ.ศ.๒๔๕๑ นายขำ เป็นนายอำเภอ
- ปีพ.ศ.๒๔๕๔ การจัดการปกครองแบบหัวเมืองได้ถูกยกเลิกในระหว่างที่จัดตั้งเป็นจังหวัด ตำแหน่งข้าราชการเมืองกาฬสินธุ์ก็เปลี่ยนไปด้วย
- ในปีพ.ศ.๒๔๕๕ รัชกาลที่ ๖ โปรดเกล้าให้ตั้งมณฑลร้อยเอ็ด แยกออกจากมณฑลอีสาน อำเภออุทัยร้อยเอ็ด ที่ตั้งอยู่ในเมืองร้อยเอ็ดให้ออกมาตั้งใหม่ย่านศูนย์การปกครองที่อำเภอดินแดง
- ในปีพ.ศ.๒๔๕๖ อำเภออุทัยร้อยเอ็ดจึงเปลี่ยน เรียกเป็นอำเภอแซงบาดาลเพื่อเป็นอนุสรณ์ที่เมืองแซงบาดาลถูกยุบเป็นตำบล
อำเภอสมเด็จ พื้นที่เดิมอยู่กับตำบลหมูม่น อำเภอสหัสขันธ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ เมื่อปี พ.ศ. 2485 สมเด็จพระมหาวีระวงศ์ (อ้วน ติสโส) เจ้าอาวาสวัดบรมนิวาสน์ จังหวัดพระนคร ประธานสังฆมนตรีฝ่ายธรรมยุติ ได้จาริกมาตรวจเยี่ยม กิจการคณะสงฆ์ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จากอำเภอสหัสขันธ์ เพื่อไป อำเภอกฉินารายณ์ ได้มาหยุดฉันภัตตราหารเพลที่ " บ้านหนองกุง " ได้พิจารณาเห็นภูมิประเทศและทราบนโยบายของทางราชการว่า จะมีการตัดถนนจากจังหวัดกาฬสินธุ์ ไปจังหวัดสกลนคร ซึ่งเส้นทางดังกล่าวจะมาตัดกันเป็นสี่แพร่งในเขตหมู่บ้านหนองกุงและได้ให้ความเห็นว่าพื้นที่บริเวณนี้ต่อไปจะเจริญรุ่งเรืองเป็นบ้านเมืองในอนาคตจึงได้ประทานนามเมืองหนองกุงเสียใหม่ว่า " บ้านหนองกุงสมเด็จ " ตามสมณศักดิ์ของท่าน
ในปี พ.ศ. 2490 - 2492 ได้มีการสำรวจ เส้นทางที่ตัดถนนจากจังหวัดกาฬสินธุ์ ไป จังหวัดสกลนคร และมีกรเปลี่ยนแปลงปรับปรุงเส้นทางสายจาก อำเภอสหัสขันธ์ ไปอำเภอกุฉินารายณ์ เสียใหม่ในบางตอนที่ยังคดเคี้ยวให้เหมาะสมและสะดวกยิ่งขึ้น จึงเกิดเป็นทางสี่แพร่ง(สี่แยก) ขึ้น ผู้ควบคุมงานบุกเบิกทางได้มาตั้งที่พักแรมอยู่บริเวณทางสี่แพร่ง เพื่อสะดวก แก่การแบ่งคนไปทำงานตามเส้นทางต่างๆ จากนั้นก็มีผู้อพยพครอบครัวย้ายเข้ามาอยู่เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะชาวร้อยเอ็ดมารวมตัวกันตั้งบ้านเรือนอยู่จึงเรียกว่า " คุ้มร้อยเอ็ด " พื้นที่ทางสี่แพร่งตัดกันขึ้นอยู่กับ บ้านหนองแวง ทางราชการเรียกว่า " บ้านสี่แยกหนองแวง " ตั้งแต่ ขอตั้งเป็นหมู่บ้าน ชาวบ้านทั่วไปจึงเรียกว่า " บ้านสี่แยก "
ในปี พ.ศ. 2495 บ้านสี่่แยกหนองแวง มีผู้อพยพเข้ามาอยู่แน่นหนามากขึ้น สมควรตั้งเป็นหมู่บ้านได้ ทางราชการจึงได้ขอแยกบ้านสี่แยกหนองแวง ออกจาก บ้านหนองแวง ตั้งเป็นหมู่บ้านใหม่เรียกว่า " บ้านสี่แยก " ขึ้นตรงต่อตำบลหมูม่น อำเภอสหัสขันธ์
จนถึง พ.ศ. 2496 ขุนศรีราชาชสุรากร นายอำเภอสหัสขันธ์ ในขณะนั้นได้พิจารณาเห็นว่า ตำบลหมูม่น มีอาณาเขตกว้างขวางมากสมควร แบ่งเขตการปกครองเป็น 2 ตำบล คือ ตำบลหมูม่น และ ตำบลสมเด็จ โดยใช้นามที่สมเด็จมหาวีระวงศ์
ในเวลาต่อมามีประชาชนอพยพมาจากแหล่งอื่น เข้ามาอาศัยทำมาหากินในพื้นที่แห่งนี้เป็นจำนวนมากทั้งคนไทยและคนต่างด้าว และมีอาคารร้านค้ามากขึ้นจึงได้ตั้งเป็นสุขภิบาล ในปี พ.ศ. 2504 เรียกว่า " สุขาภิบาลสี่แยก " และเนื่องจากหมู่บ้านแห่งนี้มีความหนาแน่นมากขึ้นอย่างรวดเร็วเชื่อว่าจะเจริญต่อไปได้ในภายภาคหน้าทางราชการจึงได้เสนอขอตั้งกิ่งอำเภอขึ้น กระทรวงมหาดไทย จึงประกาศแยกตำบลสมเด็จ ตำบลหมูม่น ตำบลแซงบาดาล ออกจากอำเภอสหัสขันธ์ และยกฐานะขึ้นเป็น " กิ่งอำเภอสมเด็จ " เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2507 อยู่ในความปกครองของอำเภอสหัสขันธ์ โดยตั้งที่ว่าการกิ่งอำเภอที่บ้านสี่แยก ตำบลสมเด็จ
ปี พ.ศ. 2512 ทางราชการพิจารณา เห็นว่า " กิ่งอำเภอสมเด็จ " มีความเจริญและมีผู้อพยพเข้ามาอาศัยทำมาหากินมากขึ้น สมควรยกฐานะเป็นอำเภอได้จึงได้ยกฐานะเป็นอำเภอเมื่อวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2512 โดยมีพระสมเด็ดจมหาวีระวงศ์ ( พิมมพ์ ธัมมธโธ ) เจ้าอาวาสวัดพระ ศรีธาตุ อำเภอบางเขน จังหวัดพระนคร ขณะนั้นได้มาเป็นประธานในพิธีเปิดและเจิมป้ายอำเภอ
ที่ตั้งและอาณาเขต
แก้อำเภอสมเด็จ มีอาณาเขตติดต่อกับเขตการปกครองข้างเคียงดังต่อไปนี้
- ทิศเหนือ ติดต่อกับอำเภอคำม่วง และอำเภอภูพาน (จังหวัดสกลนคร)
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับอำเภอภูพาน (จังหวัดสกลนคร) และอำเภอห้วยผึ้ง
- ทิศใต้ ติดต่อกับอำเภอนามนและอำเภอเมืองกาฬสินธุ์
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับอำเภอสหัสขันธ์และอำเภอคำม่วง
การแบ่งเขตการปกครอง
แก้การปกครองส่วนภูมิภาค
แก้อำเภอสมเด็จแบ่งพื้นที่การปกครองออกเป็น 8 ตำบล 94 หมู่บ้าน
1. | สมเด็จ | (Somdet) | 10 หมู่บ้าน | 5. | หมูม่น | (Mu Mon) | 11 หมู่บ้าน | ||||||||||
2. | หนองแวง | (Nong Waeng) | 16 หมู่บ้าน | 6. | ผาเสวย | (Pha Sawoei) | 11 หมู่บ้าน | ||||||||||
3. | แซงบาดาล | (Saeng Badan) | 15 หมู่บ้าน | 7. | ศรีสมเด็จ | (Si Somdet) | 8 หมู่บ้าน | ||||||||||
4. | มหาไชย | (Maha Chai) | 10 หมู่บ้าน | 8. | ลำห้วยหลัว | (Lam Huai Lua) | 10 หมู่บ้าน |
การปกครองส่วนท้องถิ่น
แก้ท้องที่อำเภอสมเด็จประกอบด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 9 แห่ง ได้แก่
- เทศบาลตำบลสมเด็จ ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของตำบลสมเด็จ
- เทศบาลตำบลลำห้วยหลัว ครอบคลุมพื้นที่ตำบลลำห้วยหลัวทั้งตำบล
- เทศบาลตำบลมหาไชย ครอบคลุมพื้นที่ตำบลมหาไชยทั้งตำบล
- เทศบาลตำบลผาเสวย ครอบคลุมพื้นที่ตำบลผาเสวยทั้งตำบล
- เทศบาลตำบลแซงบาดาล ครอบคลุมพื้นที่ตำบลแซงบาดาลทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลสมเด็จ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลสมเด็จ (เฉพาะนอกเขตเทศบาลตำบลสมเด็จ)
- องค์การบริหารส่วนตำบลหนองแวง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลหนองแวงทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลหมูม่น ครอบคลุมพื้นที่ตำบลหมูม่นทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลศรีสมเด็จ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลศรีสมเด็จทั้งตำบล
สถานที่ท่องเที่ยว
แก้- น้ำตกแก้งกะอาม บ้านแก้งกะอาม ตำบลผาเสวย อำเภอสมเด็จ ห่างจากจังหวัดกาฬสินธุ์ ตามเส้นทางกาฬสินธุ์-สกลนครทางหลวงหมายเลข 213 ประมาณ 55 กม. มีทางลูกรังแยกซ้ายไปอีก 300 เมตร มีแก่งหินเรียงรายเป็นแนวยาว มีลานหินกว้างเหมาะแก่การพักผ่อน เป็นน้ำตกที่กำลังได้รับการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้ทางหลวงแผ่นดิน
- ผาเสวย อยู่บนเทือกเขาภูพาน เขตบ้านแก้งกะอาม ตำบลผาเสวย อำเภอสมเด็จ ห่างจากที่ว่าการอำเภอสมเด็จ 17 กม. หรืออยู่ห่างจากจังหวัดกาฬสินธุ์ ประมาณ 58 กม. เส้นทางสายสมเด็จ-สกลนคร เดิมชาวบ้านเรียกว่า "ผารังแร้ง" เมื่อ พ.ศ. 2497 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จผ่าน และเสวยพระกระยาหารกลางวัน จึงเรียกที่ประทับนั้นว่า "ผาเสวย" ลักษณะตั้งอยู่บนเหวลึก หน้าผาสูงชันชาวบ้านเรียกว่า "เหวหำหด" บนหน้าผาเสวยสามารถชมทัศนียภาพและเป็นที่พักผ่อนได้เป็นอย่างดี และมีอีกสาม แห่งคือผาลี้อยู่ในตำบลมหาชัยลักษนะเหมือนแกรนด์แคนยอนย่อส่วนและอีกที้คือแก่งพฤชัยลักษณอางเก็บน้ำขนาดใหญ่มีน้ำตลอดปีสวยงามมากและที้สุดท้ายที่จะแนะนำคืออ่างเก็บน้ำหว้ยสังเคียบลักษณะเป็นอางเก็บนำขนาดใหญ่มีภูเขาล้อมลอบมีบริการอาหารเครื่องดื่มแต่ละร้านจะมีแพไม้ไผ่ใว้บริการราคาอาหารไม่แพงและตรงกลางแม่น้ำมีพระพุทธรูปและมีสพานข้ามไปกราบไหว้และในเกาะกลางน้ำที้มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่เขาจะแกะรูปปั่นเจ้าเมืองต่างๆๆในจังหวัดกาฬสินธ์น่าไปสักการะอย่างยิ่ง
การศึกษา
แก้- โรงเรียนสมเด็จพิทยาคม
- โรงเรียนเมืองสมเด็จ
- โรงเรียนบ้านสี่แยกสมเด็จ
- โรงเรียนบ้านหนองบัวโดน"วรนาถรประชานุกูล"
- โรงเรียนสมเด็จประชานุเคราะห์
- โรงเรียนเอกปัญญา
- วิทยาลัยสมเด็จเทคโนโลยีพานิชยการ
- โรงเรียนคุรุมิตรประสิทธิ์ศิลป์
- โรงเรียนบ้านโนนสะอาด
- โรงเรียนชุมชนบ้านบอนวิทยา
อ้างอิง
แก้- ↑ "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง แบ่งท้องที่การปกครองอำเภอสหัสขันธ์ตั้งเป็นกิ่งอำเภอ" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 81 (74 ง): 2102. August 11, 1964. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2012-03-24. สืบค้นเมื่อ 2021-03-26.
- ↑ "พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งอำเภอสมเด็จ อำเภอสีชมพู อำเภอหนองบัวแดง อำเภอบ้านแท่น อำเภอดอนตูม อำเภอนากลาง อำเภอศรีบุญเรือง และอำเภอป่าติ้ว พ.ศ. ๒๕๑๒" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 86 (16 ก): 225–228. February 25, 1969. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2012-03-24. สืบค้นเมื่อ 2021-03-26.