สมเด็จพระราชินีนาถอูร์รากาที่ 1 แห่งเลออน

สมเด็จพระราชินีนาถอูร์รากา (ราว ค.ศ. 1680 – 8 มีนาคม ค.ศ. 1126) หรือ อูร์รากาผู้ไม่รอบคอบ[1] เป็นสมเด็จพระราชินีแห่งเลออน, กัสติยาและกาลิเซียตั้งแต่ปี ค.ศ. 1109 จนกระทั่งสวรรคต พระองค์อ้างชื่อจักรพรรดิในฐานะจักรพรรดินีตามกฎหมายแห่งสเปนทั้งหมดและจักรพรรดินีแห่งกาลิเซียทั้งหมด

สมเด็จพระราชินีนาถอูร์รากา
จุลจิตรกรรมในคริสตศตวรรษที่ 13 พระราชินีอูร์รากากำลังปฏิบัติหน้าที่ในราชสำนัก จาก ตุมโบ อา อาสนวิหารซานเตียโกเดกอมโปสเตลา
สมเด็จพระราชินีนาถแห่งเลออน, กัสติยา, และกาลิเซีย
ครองราชย์ค.ศ. 1109 – 1126
ก่อนหน้าพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 6
ถัดไปพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 7
สมเด็จพระราชินีแห่งอารากอน และนาวาร์
ระหว่างค.ศ. 1109 – 1126
พระราชสมภพเมษายน ค.ศ. 1079
บูร์โกส
สวรรคต8 มีนาคม ค.ศ. 1126(1126-03-08) (46 ปี)
ซันดัญญา ตั้งอยู่บนแม่น้ำการ์ริออนในกัสติยา
ฝังพระศพมหาวิหารนักบุญอิซิโดโร
คู่อภิเษกแรมงแห่งบูร์กอญ
พระเจ้าอัลฟอนโซนักรบ
พระราชบุตรซันชา ไรมุนเดซ
พระเจ้าอัลฟอนโซที่ 7 แห่งเลออนและกัสติยา
เฟร์นันโด เปเรศ ฟูร์ตาโด
เอลบิรา เปเรซ เด ลารา
ราชวงศ์ฆิเมเนซ
พระราชบิดาพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 6 แห่งเลออนและกัสติยา
พระราชมารดากงส์ต็องส์แห่งบูร์กอญ
ศาสนาโรมันคาทอลิก

สมเด็จพระราชินีนาถอูร์รากากลายเป็นทายาทของพระราชบิดาเมื่อซันโช (พี่น้องนอกสมรสต่างมารดา) ถูกสังหารที่อูเกลสในปี ค.ศ. 1108 พระองค์เป็นภรรยาม่ายของเคานต์แรมงแห่งบูร์กอญ ทั้งคู่มีพระโอรสด้วยกันหนึ่งคนคือเจ้าชายอัลฟอนโซ รามิเรซ ที่ต่อมาคือพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 7 การให้สตรีสืบทอดต่อตำแหน่งในช่วงวิกฤตอัลโมราวิดนั้นมีความเสี่ยง เพื่อถ่วงดุลอำนาจ การแต่งงานของสมเด็จพระราชินีนาถอูร์รากากับพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 1 (ลูกพี่ลูกน้องลำดับที่สอง) จึงถูกจัดเตรียมขึ้นในปี ค.ศ. 1109 แต่แทนที่จะก่อให้เกิดเสถียรภาพทางการเมือง การแต่งงานครั้งนี้กลับนำไปสู่ยุคอนาธิปไตย ตามข้อตกลงการแต่งงาน สมเด็จพระราชินีนาถอูร์รากาและพระราชสวามีจะเป็นผู้ปกครองร่วมในดินแดนของกันและกัน พระเจ้าอัลฟอนโซจึงส่งทหารรักษาการของอารากอนเข้าไปในหลายเมืองของเลออน กัสติยาและกาลิเซีย เหล่าบุคคลสำคัญจึงตั้งตนเป็นปรปักษ์ สงครามกลางเมืออุบัติขึ้นและดำเนินอยู่หลายปี หลายฝ่ายสนับสนุนการอ้างสิทธิ์ในบัลลังก์ของเด็กน้อยอัลฟอนโซ รามิเรซ แต่ก็ทำได้ยากขึ้นเพราะความเข้ากันไม่ได้ของอูร์รากากับพระสวามีที่ไม่นานก็ขัดแย้งกัน อีกทั้งสมเด็จพระสันตะปาปาปาสคาลที่ 2 ยังทรงประกาศให้การแต่งงานไม่ถูกต้องตามหลักศาสนา สุดท้ายทั้งคู่ก็แยกทางกันในปี ค.ศ. 1112

การทะเลาะเบาะแว้งยังคงดำเนินต่อไป ทั้งระหว่างขุนนางกับผู้ปกครองท้องถิ่น, ระหว่างกลุ่มบุคคลสำคัญที่เป็นอริกัน, ระหว่างอัครมุขนายกแห่งซานเตียโกกับอัครมุขนายกแห่งโตเลโด และระหว่างอูร์รากากับดิเอโก เฆลมิเรซ (อัครมุขนายกแห่งซานเตียโก) อัลฟอนโซ รามิเรซได้รับการสวมมงกุฎจากเฆลมิเรซในปี ค.ศ. 1111 และการครองราชย์ในกาลิเซียของพระองค์เริ่มต้นขึ้นอย่างมีพระปรีชาสามารถ การสวรรคตของสมเด็จพระราชินีนาถอูร์รากาในปี ค.ศ. 1126 ยุติช่วงเวลาหายนะในประวัติศาสตร์การเมืองในสมัยกลางของสเปนยุคคริสเตียน

ต้นชีวิต แก้

 
รูปปั้นแกะสลักของพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 6 โดยฟรันซิสโก ฆาบิเอร์ มาร์ติน เฟร์นันเดซ

สมเด็จพระราชินีนาถอูร์รากาเสด็จพระราชสมภพที่บูร์โกสในเดือนเมษายน ค.ศ. 1079 พระองค์เป็นพระโอรสธิดาคนโตของพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 6กับพระมเหสีคนที่สอง กงสต็องส์แห่งบูร์กอญ และแม้ว่าทั้งคู่จะมีพระโอรสธิดาอีกหลายคน แต่อูร์รากาเป็นคนเดียวที่มีชีวิตรอดจนโต พระเจ้าอัลฟอนโซนั้นอภิเษกสมรสห้าครั้งและเป็นพระบิดาของพระโอรสธิดามากมาย แต่มีเพียงพระธิดาตามกฎหมายสามคนที่มีชีวิตรอด พระองค์ยังมีบุตรชายนอกสมรส ซันโช ที่พระองค์คิดจะแต่งตั้งให้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งต่อซึ่งเป็นการช่วงชิงสิทธิ์โดยชอบธรรมไปจากอูร์รากา แต่นับเป็นโชคดีของอูร์รากาที่เรื่องนี้ไม่เกิดขึ้น เนื่องจากซันโชเสียชีวิตในสมรภูมิในปี ค.ศ. 1108 ก่อนได้รับการแต่งตั้งเป็นทายาทของพระเจ้าอัลฟอนโซ สมเด็จพระราชินีนาถอูร์รากาได้รับการศึกษาอย่างดีและเนื่องจากเป็นไปได้ที่ถึงเวลาหนึ่งพระองค์จะต้องเป็นผู้ปกครอง พระองค์จึงได้รับอนุญาตให้ศึกษาแบบผู้ชายมากกว่าผู้หญิง

การแต่งงานครั้งแรก แก้

สมเด็จพระราชินีนาถอูร์รากาเป็นทายาทโดยสันนิษฐานของกษัตริย์ พระองค์จึงเป็นเจ้าสาวผู้เป็นที่หมายตาอย่างมาก พระองค์แต่งงานเพื่อวัตถุประสงค์ทางการเมืองกับเคานต์แรมงแห่งบูร์กอญตอนพระชนมายุเพียง 8 พรรษา การแต่งงานอาจสมบูรณ์ตอนพระองค์พระชนมายุ 13 พรรษา เนื่องจากทรงให้กำเนิดทารกที่สิ้นพระชนม์ในครรภ์ตอนพระชนมายุ 14 พรรษา พระองค์มีบุตรกับแรมงอีกสองคน เป็นบุตรสาวชื่อเจ้าหญิงซันชากับบุตรชายชื่อเจ้าชายอัลฟอนโซ (ต่อมาคือพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 7) เคานต์แรมงสิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 1107 หลังการประสูติของเจ้าชายอัลฟอนโซไม่นาน

การแต่งงานครั้งที่สอง แก้

 
พระเจ้าอัลฟอนโซที่ 1 โดยฟรันซิสโก ปราดิยา อี ออร์ติซ

สมเด็จพระราชินีนาถอูร์รากาพระชนมายุเพียง 28 พรรษาตอนเป็นม่ายและกลายเป็นหญิงม่ายที่โด่งดังที่สุดในเวลานั้น ขุนนางหลายคนชิงชัยกันเพื่อให้ได้แต่งงานกับพระองค์ แต่ก่อนที่จะได้คนที่จะมาแต่งงานกับอูร์รากา พระเจ้าอัลฟอนโซที่ 6 กลับสวรรคต เชื่อกันว่าการจากไปของพระองค์เกิดขึ้นในช่วงระหว่างวันที่ 29 มิถุนายน ถึงวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 1109 ราชอาณาจักรไม่ควรอยู่แบบไร้ผู้ปกครอง อูร์รากาวัย 30 พรรษาจึงกลายเป็นพระราชินี จากนั้นพระองค์ก็ฝืนใจอภิเษกสมรสกับพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 1 แต่พระองค์ไม่มีความสุขกับการแต่งงาน พระองค์คัดค้านการแต่งงานกับชายผู้นี้ แต่ด้วยเป็นความประสงค์ของพระบิดา พระองค์จึงจำยอมต้องแต่งงานหลังการสวรรคตของกษัตริย์

พระองค์ไม่ใช่คนเดียวที่ไม่ยินดีกับการอภิเษกสมรส ข่าวการแต่งงานจุดชนวนการก่อกบฏในกาลิเซีย ขุนนางจำนวนมากในเลออน, กัสติยา และกาลิเซียต่อต้านการแต่งงานครั้งนี้ ทว่าการก่อกบฏของกาลิเซียใหญ่โตจนพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 1 ต้องยกทัพไปที่กาลิเซียและโจมตีปราสาทโมนเตร์โรโซในปี ค.ศ. 1110 สมเด็จพระราชินีนาถอูร์รากาไม่เห็นชอบในเรื่องนี้ พระองค์กล่าวหาว่าอัลฟอนโซทำร้ายร่างกายและทิ้งพระสวามีไป สถานะของพระองค์ในฐานะพระราชินีและนักการเมืองแข็งแกร่งพอจนไม่จำเป็นต้องมีผู้ชายมาหนุนหลัง แต่ไม่นานอูร์รากาก็มีคนรักคือเคานต์โกเมซ กอนซาเลซ แต่เขาเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1111 ในสมรภูมิกันเดสปินา พระองค์มีคนรักอีกคนชื่อเปโดร กอนซาเลซ เด ลารา และทั้งคู่มีบุตรนอกสมรสด้วยกันสองคนเป็นบุตรชายชื่อเฟร์นันโด เปเรซ ฟูร์ตาโด กับบุตรสาวชื่อเอลบิรา เปเรซ เด ลารา ในปี ค.ศ. 1112 การแต่งงานระหว่างอูร์รากากับอัลฟอนโซถูกประกาศให้เป็นโมฆะ

การรวมตัวกันของราชอาณาจักรของอูร์รากา แก้

 
รูปปั้นแกะสลักของสมเด็จพระราชินีนาถอูร์รากาใน ปาร์เกเดลบูเอนเรติโร กรุงมาดริด ประเทศสเปน

ในช่วงที่ปกครอง สมเด็จพระราชินีนาถอูร์รากาสามารถกอบกู้ดินแดนกลับคืนมา หาทางแก้ไขปัญหาอย่างสันติ และมีการทูตที่ยอดเยี่ยม ทำให้ราชอาณาจักรของพระองค์เจริญรุ่งเรือง นับเป็นโชคดีของพระองค์ที่มีเครือข่ายผู้สนับสนุนขนาดใหญ่ในกัสติยา พระองค์สวรรคตในปี ค.ศ. 1126 ด้วยพระชนมายุ 45 พรรษา อาจจะจากการคลอดบุตรซึ่งในตอนนั้นเป็นสาเหตุการตายโดยทั่วไปของผู้หญิง ทรงทิ้งเลออนและกัสติยาไว้ให้พระราชโอรส เจ้าชายอัลฟอนโซ ร่างของพระองค์ถูกฝังที่มหาวิหารนักบุญอิซิโดโรในประเทศสเปน

อ้างอิง แก้