อุทยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

สวนสาธารณะในกรุงเทพมหานคร

อุทยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (อังกฤษ: King Rama IX Memorial Park) เป็นสวนสาธารณะระดับย่านบนที่ดินขนาดใหญ่จำนวน 279 ไร่ บริเวณถนนศรีอยุธยา ตรงข้ามสวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต และหน้าแยกนางเลิ้ง จุดตัดระหว่างถนนพิษณุโลกและถนนนครสวรรค์ ในพื้นที่แขวงสวนจิตรลดา เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นเขตพระราชฐานที่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงรับโอนกรรมสิทธิ์มาจากสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ (ปัจจุบันคือสำนักงานพระคลังข้างที่) มาอยู่ภายใต้พระปรมาภิไธยส่วนพระองค์ ในอดีตเคยเป็นที่ตั้งของสนามม้านางเลิ้ง ที่ถูกรื้อถอนหลังจากเจ้าของเดิมคือราชตฤณมัยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ หมดสัญญาเช่าพื้นที่จากสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์เมื่อปี พ.ศ. 2561

อุทยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
ประตูทางเข้าอุทยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ฝั่งถนนศรีอยุธยา
แผนที่
ประเภทสวนสาธารณะระดับย่าน
คำขวัญสวนแห่งความสุขและความยั่งยืน
ที่ตั้งถนนศรีอยุธยา แขวงสวนจิตรลดา เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 10300
พิกัด13°45′46″N 100°31′03″E / 13.762850°N 100.517451°E / 13.762850; 100.517451
พื้นที่279 ไร่ (446,000 ตารางเมตร)
เปิดตัวประมาณ พ.ศ. 2568
ผู้ออกแบบวรรณพร พรประภา และคณะทำงานฝ่ายออกแบบ
ที่มาของชื่อพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (พระบรมราชานุสาวรีย์, โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ)
เจ้าของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
ผู้ดำเนินการสำนักพระราชวัง
สถานะกำลังก่อสร้าง
Terrainป่า
แหล่งน้ำสระน้ำรูปเลข ๙ ไทย พื้นที่ 47 ไร่
พืชมากกว่า 4,500 ต้น จาก 55 พันธุ์ พื้นที่ 104 ไร่
Collectionsพันธุ์ไม้ทรงปลูก 6 พันธุ์
ที่จอดรถ700 คัน (รถยนต์)
9 คัน (รถบัส)
ขนส่งมวลชน ยมราช, โรงพยาบาลรามาธิบดี, อุรุพงษ์

อุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ ก่อตั้งขึ้นตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ที่ทรงตั้งพระราชหฤทัยเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยพระราชทานพื้นที่เขตพระราชฐานส่วนพระองค์ดังกล่าวให้จัดสร้างเป็นสวนสาธารณะที่ออกแบบภูมิสถาปัตยกรรมตามแบบอย่างโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ให้ประชาชนเข้าศึกษาและใช้ประโยชน์จากแนวพระราชดำริของทั้ง 2 พระองค์ ผ่านองค์ความรู้เรื่องน้ำและป่า ซึ่งนำมาเป็นแนวคิดหลักในการออกแบบสวน

อุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ มีจุดหลักคือพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ซึ่งประดิษฐานที่ศูนย์กลางของอุทยาน เพื่อให้ประชาชนน้อมรำลึกและถวายสักการะ การก่อสร้างอุทยานเริ่มต้นจากส่วนนี้เป็นส่วนแรก โดยพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ พระบรมราชินี ทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์แท่นฐานพระบรมราชานุสาวรีย์เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2564 และทรงเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2565 หลังจากนั้น สำนักพระราชวังได้เปิดอุทยานเป็นการเฉพาะกิจ ทุกวันที่ 13 ตุลาคม (วันนวมินทรมหาราช) และวันที่ 5 ธันวาคม (วันพ่อแห่งชาติ) ของทุกปี เพื่อให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ ส่วนพื้นที่อื่น ๆ ภายในอุทยาน ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในช่วงปลายปี พ.ศ. 2568

ประวัติ

แก้

ภูมิหลัง

แก้
 
ทิวทัศน์ภายในอุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ ระหว่างการปรับพื้นที่

พื้นที่ของอุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ นั้น เดิมเป็นที่ตั้งของสนามม้านางเลิ้ง ซึ่งราชตฤณมัยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ทำสัญญาเช่าจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ (ชื่อในขณะนั้น) เพื่อให้บริการการแข่งม้าสำหรับคนไทย และกิจการที่เกี่ยวข้องกับม้า โดยหลังจากสัญญาเช่าหมดลงเมื่อปี พ.ศ. 2561 ที่ดินดังกล่าวจึงเปลี่ยนมาอยู่ในพระปรมาภิไธยของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระองค์ทรงผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของเขตพระราชฐานในพระราชวังดุสิตที่มีชื่อเรียกว่า "901 แลนด์"[1][]

ทั้งนี้ ในช่วงก่อนหมดสัญญาเช่า การแข่งขันม้าภายในสนามม้านางเลิ้งเกิดปัญหาเรื่องการพนันและการกำหนดผลการแข่งขันขึ้น ซึ่งพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำริว่าการพนันจะส่งผลเสียเป็นวงกว้าง จนสร้างปัญหาตามมาอีกมาก ซึ่งอาจกระทบไปถึงครอบครัวของผู้เล่นเอง[3] และทรงให้ความสำคัญกับปัญหาสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติและการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน[4] รวมถึงเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จึงพระราชทานพื้นที่นี้ให้เป็นสวนสาธารณะและแหล่งเรียนรู้ให้ประชาชนเข้าศึกษาพระราชกรณียกิจ และใช้ประโยชน์จากโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของทั้ง 2 พระองค์ ผ่านองค์ความรู้เรื่องน้ำและป่า[5]

อนึ่ง หลังจากการปิดสนามม้านางเลิ้งไปไม่นาน สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ได้ระบุข่าวลือผ่านเฟซบุ๊กของตนว่า พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชประสงค์ที่จะทรงสร้างกลุ่มพระราชวังส่วนพระองค์ขึ้นบนพื้นที่สนามม้านางเลิ้งเดิม อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นจริงมิได้เป็นไปตามที่สมศักดิ์ระบุไว้ข้างต้นแต่อย่างใด[6][7]

การก่อสร้าง

แก้

อุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ เริ่มออกแบบและพัฒนาแบบตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 ซึ่งเป็นช่วงคาบเกี่ยวกับการปิดสนามม้านางเลิ้ง หลังราชตฤณมัยสมาคมฯ หมดสัญญาเช่า[8] และเริ่มปรับพื้นที่ในปี พ.ศ. 2564 หลังเสร็จสิ้นการรื้อถอนสนามม้านางเลิ้ง โดยพลตำรวจโท ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลในขณะนั้น ในฐานะหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจรในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ออกข้อบังคับให้จำกัดความเร็วและห้ามใช้เสียงบริเวณโดยรอบเขตพระราชฐาน 901 แลนด์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของโครงการก่อสร้างอุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม[1]

ต่อมาเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน สำนักพระราชวังเผยแพร่วีดิทัศน์เปิดตัวอุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ ผ่านสื่อสังคมต่าง ๆ[8][9][10] และเริ่มต้นการก่อสร้างอย่างเป็นทางการจากพิธีวางศิลาฤกษ์แท่นฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ และการปลูกต้นไม้ 55 พันธุ์ รวม 109 ต้น เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2564[11]

หลังเสร็จสิ้นพิธีเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ยังมีหน่วยงานภาครัฐจัดกิจกรรมปลูกต้นไม้เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ อุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ อีกอย่างน้อย 2 ครั้ง ดังนี้

คาดว่าอุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ จะเปิดให้บริการได้ภายในช่วงปลายปี พ.ศ. 2568 ซึ่งเลื่อนจากกำหนดเดิมเล็กน้อยที่วางไว้ว่าจะเปิดในปลายปี พ.ศ. 2567

ภาพรวม

แก้

อุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ มีพื้นที่ทั้งหมด 279 ไร่ เป็นสวนสาธารณะที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของกรุงเทพมหานครชั้นใน รองจากสวนลุมพินีและสวนเบญจกิติ[14] โดยมีถนนล้อมรอบทั้ง 4 ด้าน ดังนี้

พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ทรงตั้งพระราชหฤทัยเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จึงพระราชทานพระบรมราโชบายในการออกแบบอุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ ไปยังคณะทำงานฝ่ายออกแบบซึ่งนำโดยวรรณพร พรประภา โดยให้ออกแบบภูมิสถาปัตยกรรมตามแบบอย่างโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ด้วยการนำองค์ความรู้เรื่องน้ำ และป่า มาใช้เป็นแนวคิดหลักในการการออกแบบสวนสาธารณะ คือ "น้ำคือชีวิต จากนภา ผ่านภูผา สู่มหานที" เพื่อแสดงถึงความผูกพันและความจงรักภักดีที่ประชาชนมีต่อพระมหากษัตริย์ สะท้อนความสำคัญระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ ช่วยเสริมสร้างคุณภาพชีวิตของประชาชนทั้งร่างกายและจิตใจ ใช้เป็นแก้มลิงรองรับน้ำในฤดูฝน เป็นแหล่งเรียนรู้ให้เด็ก เยาวชน และประชาชนเข้าศึกษาพระราชกรณียกิจด้านสิ่งแวดล้อมของทั้ง 2 พระองค์ และทรงอุทิศให้เป็นปอดแห่งใหม่ของกรุงเทพมหานคร เพื่อให้เกิดประโยชน์ในด้านการเสริมสร้างสุขภาพร่างกายของประชาชน[15] โดยพื้นที่หลัก ๆ ที่มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ประกอบด้วยดังนี้[14]

  • ลานพระบรมราชานุสาวรีย์ เป็นจุดศูนย์กลางของอุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ มีลักษณะเป็นลานรูปไข่ โอบล้อมด้วยป่าผสมผสาน มีพื้นที่ทั้งหมด 2,173 ตารางเมตร บนเนินสูง 7 เมตร[16] ตรงกลางประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ให้ประชาชนขึ้นไปถวายสักการะ[17][8]
  • สระน้ำรูปเลข ๙ ไทย มีจำนวน 47 ไร่ เป็นพื้นที่สำคัญในการศึกษาโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในด้านการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน ตั้งแต่ "ต้นน้ำ" เช่น ฝายชะลอน้ำ, ป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง, หญ้าแฝก, "กลางน้ำ" เช่น พืชชุ่มน้ำ, กังหันน้ำชัยพัฒนา, บ่อปลานิล, เกษตรทฤษฎีใหม่ และ "ปลายน้ำ" เช่น พืชกรองน้ำ, พื้นที่ชุ่มน้ำ เป็นต้น รวมถึงมีการใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศสมัยใหม่มาช่วยออกแบบสระน้ำให้มีลักษณะเป็นแก้มลิง เชื่อมต่อกับคลองผดุงกรุงเกษม คลองเปรมประชากร และคลองสามเสน[18][5] โดยการกักเก็บน้ำทางผิวดินบริเวณกลางสระน้ำและใต้ดิน ก่อนระบายน้ำลงสู่คลองที่เชื่อมต่อทั้ง 3 สาย เพื่อรองรับและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในช่วงฤดูฝนที่มักเกิดขึ้นบ่อยครั้งในกรุงเทพมหานคร[19]
  • สะพานรูปเลข ๙ ไทย เป็นสะพานและทางเดินจากฝั่งทิศใต้ของอุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ โดยเชื่อมต่อจากทางเข้าฝั่งถนนพิษณุโลกติดกับแยกนางเลิ้ง ซึ่งเป็นทางเข้าหลักของสนามม้านางเลิ้งเดิม และตรงเข้าสู่ลานพระบรมราชานุสาวรีย์ทางด้านหลัง[19]
  • สะพานหยดน้ำพระทัย มีการออกแบบอย่างสวยงาม โดยเมื่อสะท้อนเงาจากน้ำจะเห็นเป็นรูปหยดน้ำ สื่อถึงน้ำพระราชหฤทัยพระองค์ที่หล่อเลี้ยงคนไทยมาตลอด 70 ปีแห่งการครองราชย์[14]
  • สะพานไม้เจาะบากง เป็นการจำลองสะพานไม้เจาะบากง จังหวัดนราธิวาส ที่พระองค์เคยเสด็จพระราชดำเนินไปทรงงานเมื่อวันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2524[20] บริเวณโดยรอบออกแบบเป็นท่าน้ำ น้ำตก และลำธารจำลอง ตามแบบป่าฝนเขตร้อน[14]
  • สวนป่าธรรมชาติ มีการปลูกต้นไม้ขนาดใหญ่ 55 พันธุ์ จำนวนมากกว่า 4,500 ต้น บนพื้นที่สีเขียวจำนวน 105 ไร่ ที่ให้ความร่มรื่น สื่อความหมาย และมีประโยชน์ ตามพระราชดำริ "ป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง" และช่วยแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมและมลพิษที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในเมืองขนาดใหญ่ โดยเฉพาะ พีเอ็ม 2.5 และแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ได้ เช่น ต้นไม้โตเร็วเพื่อสร้างร่มเงา, ต้นไม้ประจำจังหวัด, ต้นไม้หายาก, ต้นไม้กรองฝุ่น รวมถึงพืชกันเสียงบางชนิด นอกจากนี้ ยังมีการทำการเกษตรทฤษฎีใหม่ เพื่อให้ประชาชนได้รับความรู้ในหลากหลายด้าน[21]

นอกจากนี้ การออกแบบอุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ ยังประยุกต์ใช้แนวคิดของสวนสมัยใหม่ (Modern Park) เพื่อให้ประชาชนใช้ประโยชน์ได้อย่างทั่วถึง โดยเฉพาะการส่งเสริมคุณภาพชีวิตด้วยการออกกำลังกาย ตามพระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เช่น ทางจักรยาน, ทางวิ่ง ที่เชื่อมต่อถึงกัน, สนามเด็กเล่น, ลานกิจกรรมสำหรับเล่นสเกตบอร์ด บาสเกตบอล เซปักตะกร้อ รวมถึงพื้นที่ออกกำลังกายสำหรับบุคคลในวัยกลางคนและผู้สูงอายุ เช่น โยคะ[19] และอุปกรณ์ออกกำลังกายชนิดอื่น ๆ นอกจากนี้ยังมีภัตตาคาร ร้านกาแฟ พื้นที่ริมน้ำ ท่าเรือ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ สำหรับทั้งประชาชนและคนพิการ ที่สามารถรองรับการใช้งานได้ในทุกรูปแบบอีกด้วย[5][9]

พระบรมราชานุสาวรีย์

แก้
พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
 
พระบรมราชานุสาวรีย์หลังเสร็จสิ้นพิธีเปิด เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2565
 
ที่ตั้งอุทยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ถนนศรีอยุธยา แขวงสวนจิตรลดา เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 10300
ผู้ออกแบบสำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร
ประเภทพระบรมราชานุสาวรีย์
วัสดุสัมฤทธิ์, หินอ่อน
ความสูง
  • พระบรมรูป: 7.70 เมตร (25.3 ฟุต)
  • รวมฐาน: 19.45 เมตร (63.8 ฟุต)
เริ่มก่อสร้าง5 ธันวาคม 2564 (2564-12-05)
สร้างเสร็จ10 ตุลาคม 2565 (2565-10-10)
การเปิด13 ตุลาคม 2565 (2565-10-13)
อุทิศแด่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เป็นพระบรมราชานุสาวรีย์ที่เป็นจุดหลักสำคัญและศูนย์กลางของอุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดสร้างขึ้นเพื่อถวายพระเกียรติยศแด่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ประดิษฐานบนลานรูปไข่ โอบล้อมด้วยป่าผสมผสาน มีช่องเปิดเพื่อเป็นร่องลมและเป็นแกนนำสายตาจำนวน 9 แกนตามเลขรัชกาล[19] ทำให้ประชาชนที่อยู่บริเวณโดยรอบอุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ และถนนภายนอกสามารถมองเห็นพระบรมราชานุสาวรีย์ได้ทั้งหมด[8]

รายละเอียด

แก้

พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร เป็นผู้ปั้นต้นแบบพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีความสูง 7.70 เมตร คิดเป็น 4 เท่าครึ่งของพระองค์จริง หล่อด้วยโลหะสัมฤทธิ์[22] ลักษณะพระอิริยาบถประทับยืน ทรงฉลองพระองค์เครื่องแบบทหารเต็มยศของกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ พระหัตถ์ขวาทรงถือพระคทาจอมทัพภูมิพล พระหัตถ์ซ้ายทรงถือกระบี่และสายยงยศจอมทัพไทย หันพระพักตร์ไปทางพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต ซึ่งเป็นที่ประทับถาวรของพระองค์ขณะทรงพระชนม์[23] ประดิษฐานเหนือแท่นหินอ่อนแกะสลักฐานเป็นรูปบัวทรงสี่เหลี่ยมย่อมุม มีตราพระปรมาภิไธยย่อ ภ.ป.ร. หล่อด้วยโลหะสัมฤทธิ์ ประดิษฐานด้านหน้าแท่น รองรับด้วยฐานหินอ่อนลักษณะผังแปดเหลี่ยม[24] ตามคติของพระที่นั่งอัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ในเบื้องแรกของการประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก[5] มีความหมายว่า ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเปี่ยมด้วยพระบรมเดชานุภาพ มีผู้แทนประชาชนชาวไทยทั้ง 8 ทิศ น้อมเกล้าฯ ถวายแผ่นดินด้วยความจงรักภักดี[15]

แท่นฐานพระบรมราชานุสาวรีย์มีความสูงทั้งหมด 9.05 เมตร บริเวณด้านหน้าของฐานทั้ง 8 ด้าน ยังประดับแผ่นคำจารึกหล่อด้วยโลหะสัมฤทธิ์ 8 แผ่น เรียงลำดับทวนเข็มนาฬิกา จารึกพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ และพระเกียรติคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร[25] รวมทั้งพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวในการจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ของสมเด็จพระบรมชนกนาถขึ้น รวม 8 หัวข้อ ได้แก่ พระราชประวัติ, พระราชาผู้ทรงธรรม, กลางใจราษฎร์, ปราชญ์ของแผ่นดิน, พระภูมินทร์บริบาล, นวมินทร์โลกกล่าวขาน, สืบสาน รักษา และต่อยอด และ บรมราชสดุดี[22] รวมถึงมีแท่นหินอ่อนวางพานพุ่มหล่อด้วยโลหะสัมฤทธิ์ประดับเป็นเครื่องสักการะประกอบทั้ง 4 ทิศ[24]

ฐานชั้นที่ 2 มีความสูง 1.50 เมตร เป็นฐานหินอ่อนสี่เหลี่ยมย่อมุม มีขอบกั้นเป็นรั้ว เปิดทางขึ้นลงด้านหน้าและด้านหลัง และฐานชั้นที่ 1 มีความสูง 1.20 เมตร เป็นฐานหินอ่อนรูปทรงวงรี มีขอบกั้นเป็นรั้ว เปิดทางขึ้นลงด้านหน้าและด้านหลังเช่นกัน ทำให้ประชาชนที่เข้ามาภายในอุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ ทั้งจากทางเข้าหลักฝั่งถนนศรีอยุธยา (ประตูหลัก) และจากทางเข้าฝั่งถนนพิษณุโลก (ตามสะพานรูปเลข ๙ ไทย) สามารถขึ้นไปสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ได้โดยสะดวก รวมถึงมีอ่างน้ำพุหินอ่อนทรงกลมประดับไว้ทั้ง 4 มุม รวมความสูงของพระบรมราชานุสาวรีย์ทั้งหมด 19.45 เมตร แสดงความหมายว่า 19 คือ 1 + 9 = 10 หมายถึง รัชกาลที่ 10 และ 0.45 คือ 4 + 5 = 9 หมายถึง รัชกาลที่ 9[15]

การก่อสร้างและพิธีเปิด

แก้

วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2564 เวลา 16.30 น. พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา และเจ้าคุณพระสินีนาถ พิลาสกัลยาณี ไปทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์แท่นฐานพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ณ อุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ[11]

วันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 เวลา 19.00 น. พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ไปยังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทรงเททองหล่อพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ส่วนพระเศียร ซึ่งจะนำมาประกอบเป็นพระบรมราชานุสาวรีย์ที่จะอัญเชิญไปประดิษฐาน ณ อุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ[26]

วันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2565 เวลา 16.33 น. พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ไปยังอุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ ทรงประกอบพิธีบวงสรวงอัญเชิญพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ขึ้นประดิษฐานบนแท่นฐานพระบรมราชานุสาวรีย์[27]

วันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2565 เวลา 17.53 น. พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ไปยังอุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ ทรงเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร อย่างเป็นทางการ[28]

หลังจากนั้น สำนักพระราชวังได้เปิดอุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ ให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์โดยเฉพาะเป็นการชั่วคราว เมื่อวันที่ 14–16 ตุลาคม พ.ศ. 2565 หลังจากนั้นจึงกลับมาปิดอุทยานเพื่อปรับภูมิทัศน์ให้สมพระเกียรติ ก่อนจะกลับมาเปิดอีกครั้งตามกำหนดการเปิดอุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ ที่วางไว้เดิมต่อไป[29]

อย่างไรก็ตาม แม้การปรับภูมิทัศน์ภายในอุทยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร จะยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ พระบรมราชินี ก็จะเสด็จพระราชดำเนินไปทรงวางพวงมาลาหรือพุ่มดอกไม้ถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ ณ อุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ เป็นประจำทุกปี ในวันที่ 13 ตุลาคม และวันที่ 5 ธันวาคม ซึ่งตรงกับวันคล้ายวันสวรรคต (วันนวมินทรมหาราช) และวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ (วันพ่อแห่งชาติ) ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ตามลำดับ โดยสำนักพระราชวังยังได้เปิดอุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ เป็นการเฉพาะกิจ เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐ เอกชน และประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์เป็นประจำทุกปี ในทั้ง 2 วันข้างต้น มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2566 อีกด้วย

พันธุ์ไม้ภายในอุทยาน

แก้

พันธุ์ไม้ที่มีการเพาะปลูกในอุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ มีทั้งหมด 55 พันธุ์ แบ่งเป็นพันธุ์ไม้ทรงปลูก 6 พันธุ์ และพันธุ์ไม้อื่น ๆ อีก 49 พันธุ์ ดังนี้[30]

พันธุ์ไม้ทรงปลูก

แก้

พันธุ์ไม้ทรงปลูกในปัจจุบันมีจำนวน 6 พันธุ์ โดย 5 พันธุ์แรก ทรงปลูกโดยพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว, สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี, สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา, สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา และเจ้าคุณพระสินีนาถ พิลาสกัลยาณี เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2564 ภายหลังเสร็จสิ้นพิธีวางศิลาฤกษ์แท่นฐานพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และทอดพระเนตรนิทรรศการอุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ[11] ภายหลังทรงปลูกเพิ่มอีก 1 พันธุ์โดยสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2565 ภายหลังเสร็จสิ้นพิธีบวงสรวงอัญเชิญพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ขึ้นประดิษฐานบนแท่นฐานพระบรมราชานุสาวรีย์[25]

พันธุ์ไม้อื่น ๆ

แก้

สถานที่ใกล้เคียง

แก้

ดูเพิ่ม

แก้

หมายเหตุ

แก้
  1. เป็นรหัสซึ่งหน่วยงานของตำรวจและทหารใช้เป็นสัญญาณเรียกขานพระบรมวงศานุวงศ์ทางวิทยุสื่อสาร โดยรหัส 901 แทนพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร[2]
  2. ต่อมาเป็นพันธุ์ไม้ทรงปลูกพันธุ์ที่ 6 ของอุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ ทรงปลูกโดยสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2565 ภายหลังทรงประกอบพิธีบวงสรวงอัญเชิญพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ขึ้นประดิษฐานบนแท่นฐานพระบรมราชานุสาวรีย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว[25]

อ้างอิง

แก้
  1. 1.0 1.1 "ข้อบังคับหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจรในเขตกรุงเทพมหานคร ว่าด้วยการจำกัดความเร็วและห้ามใช้เสียง บริเวณโดยรอบเขตพระราชฐาน (๙๐๑ แลนด์) พ.ศ. ๒๕๖๔" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 138 (พิเศษ 102 ง): 41. 13 พฤษภาคม 2021. สืบค้นเมื่อ 24 กุมภาพันธ์ 2023.{{cite journal}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  2. "จิตอาสา 904 คืออะไร และมีความเป็นมาอย่างไร". 2019-11-22. สืบค้นเมื่อ 2022-12-05.
  3. "'ผู้พันเบิร์ด' เผยที่มา 'อุทยานเฉลิมพระเกียรติ ร.9' จากแนวพระราชดำริในหลวง". ไทยโพสต์. 13 ตุลาคม 2022. สืบค้นเมื่อ 21 ตุลาคม 2022.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  4. "จาก "สนามม้านางเลิ้ง" สู่อุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ พระราชประสงค์ในหลวงร.10 ลดปัญหาผลกระทบจากการพนัน". กรุงเทพธุรกิจ. 13 ตุลาคม 2022. สืบค้นเมื่อ 21 ตุลาคม 2022.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  5. 5.0 5.1 5.2 5.3 "รู้จัก พระบรมราชานุสาวรีย์ ร.9 แห่งอุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ เขตดุสิต". ไทยรัฐ. 13 ตุลาคม 2022. สืบค้นเมื่อ 13 ตุลาคม 2022.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  6. "ย้อนดู "สมศักดิ์ เจียม" บิดเบือนใส่ร้ายสถาบัน ทุบสนามม้าสร้างวังคอมเพล็กซ์". ท็อปนิวส์. 13 ตุลาคม 2022. สืบค้นเมื่อ 19 สิงหาคม 2023.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  7. ศักดิ์วรวิชญ์, อานนท์ (31 พฤษภาคม 2023). "พระราชขันติต่อข่าวลือวชิราลงกรณ์คอมเพล็กซ์". ผู้จัดการออนไลน์. สืบค้นเมื่อ 19 สิงหาคม 2023.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  8. 8.0 8.1 8.2 8.3 "จากสนามม้านางเลิ้ง สู่อุทยานเฉลิมพระเกียรติ ร.9". บีบีซีไทย. 5 ธันวาคม 2021. สืบค้นเมื่อ 5 ธันวาคม 2021.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  9. 9.0 9.1 "เปิดภาพแบบจำลอง อุทยานเฉลิมพระเกียรติ ร.9 "สนามม้านางเลิ้ง" เดิม". ประชาชาติธุรกิจ. 18 พฤศจิกายน 2021. สืบค้นเมื่อ 24 กุมภาพันธ์ 2023.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  10. "เผยโฉม! "อุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ" ในพื้นที่สนามม้านางเลิ้ง". ไทยพีบีเอส. 18 พฤศจิกายน 2021. สืบค้นเมื่อ 5 ธันวาคม 2021.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  11. 11.0 11.1 11.2 ""ร.10-ราชินี" ทรงวางศิลาฤกษ์แท่นฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ ร.9". ไทยรัฐ. 5 ธันวาคม 2021. สืบค้นเมื่อ 5 พฤษภาคม 2025.
  12. "พล.อ.อ. สถิตย์พงษ์ สุขวิมล นำหน่วยงานปลูกต้นไม้เฉลิมพระเกียรติในหลวง". กรุงเทพธุรกิจ. 29 พฤษภาคม 2024. สืบค้นเมื่อ 3 มิถุนายน 2024.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  13. "รัฐบาลจัดกิจกรรมปลูกต้นไม้ เฉลิมพระเกียรติ รัชกาลที่ 10 ในโอกาสพระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุเท่ารัชกาลที่ 1". ผู้จัดการออนไลน์. 31 มกราคม 2025. สืบค้นเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2025.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  14. 14.0 14.1 14.2 14.3 ""อุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ รัชกาลที่ ๙" ปอดแห่งใหม่กลางกรุง กับ 9 เรื่องน่ารู้". ฐานเศรษฐกิจ. 13 ตุลาคม 2022. สืบค้นเมื่อ 20 พฤศจิกายน 2022.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  15. 15.0 15.1 15.2 "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จ ฯ ไปทรงเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ณ อุทยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร". หน่วยราชการในพระองค์. 2022-10-14. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-12-08. สืบค้นเมื่อ 2022-12-03.
  16. "ปชช.ร่วมพิธีเปิดคึกคัก พระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 9". ทีเอ็นเอ็น 16. 2022-10-13. สืบค้นเมื่อ 2022-12-03.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  17. "ชมวีดิทัศน์อุทยานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร". กรุงเทพธุรกิจ. 18 พฤศจิกายน 2021. สืบค้นเมื่อ 2021-12-05.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  18. "เผยโฉม…อุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ รัชกาลที่ 9 รวม 297 ไร่ พื้นที่ 'สนามม้านางเลิ้ง'เดิม". มติชนสุดสัปดาห์. 18 พฤศจิกายน 2021. สืบค้นเมื่อ 5 ธันวาคม 2021.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  19. 19.0 19.1 19.2 19.3 "แรงบันดาลใจ วรรณพร พรประภา ทีมออกแบบอุทยานฯ ร.9 พื้นที่แห่งอนาคต". ประชาชาติธุรกิจ. 16 ธันวาคม 2021. สืบค้นเมื่อ 20 พฤศจิกายน 2022.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  20. "ส่งเสริมท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์เดินตามรอยพ่อ ณ สะพานไม้'บ้านเจาะบากง'สุไหงโก-ลก". แนวหน้า. 2 สิงหาคม 2022. สืบค้นเมื่อ 17 มีนาคม 2025.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  21. "สวนป่า ปอดแห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพมหานคร อุทยานเฉลิมพระเกียรติ รัชกาลที่ 9". สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์. 5 ธันวาคม 2021. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 20 พฤศจิกายน 2022. สืบค้นเมื่อ 20 พฤศจิกายน 2022.
  22. 22.0 22.1 "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และทรงบำเพ็ญพระราชกุศล เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต 13 ตุลาคม". ข่าวช่อง 7HD. 2022-10-13. สืบค้นเมื่อ 2022-10-14.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  23. "สมพระเกียรติ พระบรมรูป รัชกาลที่ 9 ในฉลองพระองค์ชุด "ทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์" ทรง "พระคฑาจอมทัพภูมิพล" ความสูง 4 เท่าของพระองค์จริง". เฟซบุ๊ก ใต้ร่มฉัตร. 2022-10-11. สืบค้นเมื่อ 2023-02-12.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  24. 24.0 24.1 "กรมสมเด็จพระเทพฯ ทรงประกอบพิธีบวงสรวงอัญเชิญ พระบรมรูป ในหลวง ร.9 ประดิษฐานบนแท่นฐานพระบรมราชานุสาวรีย์". ฝ่ายข่าว ช่อง 3 เอชดี. 10 ตุลาคม 2022. สืบค้นเมื่อ 5 พฤษภาคม 2025.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  25. 25.0 25.1 25.2 Weerachokesathit, Tamonwan (2022-10-11). "รายละเอียด พระบรมรูป ร.9 อุทยานเฉลิมพระเกียรติรัชกาลที่ 9". HELLO! Magazine Thailand. สืบค้นเมื่อ 2022-10-13.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  26. "ในหลวง ทรงเททองหล่อพระบรมรูป ร.9 ส่วนพระเศียร เพื่ออัญเชิญไปประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์". ผู้จัดการออนไลน์. 2022-07-13. สืบค้นเมื่อ 2022-07-13.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  27. "กรมสมเด็จพระเทพ ทรงประกอบพิธีบวงสรวงอัญเชิญพระบรมรูป ร.๙ ขึ้นประดิษฐานบนแท่น ณ อุทยานเฉลิมพระเกียรติ". mgronline.com. 2022-10-10.
  28. หนึ่ง (2022-10-13). "'ในหลวง-พระราชินี' ทรงเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์ ร.9 เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต 13 ตุลาคม".
  29. "เปิดให้ประชาชนสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ร.9 วันที่ 14-16 ต.ค.นี้". ฐานเศรษฐกิจ. 2022-10-13. สืบค้นเมื่อ 2022-10-13.
  30. "เปิด 55 พันธุ์ไม้ ในอุทยานเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ก่อนเปิดเข้าชมปี 2567". ประชาชาติธุรกิจ. 2022-01-01. สืบค้นเมื่อ 2022-09-25.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)

แหล่งข้อมูลอื่น

แก้

13°45′46″N 100°31′03″E / 13.762850°N 100.517451°E / 13.762850; 100.517451