อีวาน ราเชล วูด (อังกฤษ: Ivan Rachel Wood; เกิดวันที่ 7 กันยายน ค.ศ. 1987) [1][2] เป็นนักแสดง​, นางแบบ​ และ นักร้องชาวอเมริกัน เคยได้รับรางวัลจากสมาคมนักวิจารณ์ละครโทรทัศน์ และ ได้รับการเสนอชื่อให้เข้าชิงรางวัลไพรม์ไทม์เอมมี 3 ครั้ง รวมถึงเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ​ 3 ครั้ง

อีวาน ราเชล วูด
วูด ในปี ค.ศ. 2019
วูด ในปี ค.ศ. 2019
สารนิเทศภูมิหลัง
เกิด (1987-09-07) 7 กันยายน ค.ศ. 1987 (36 ปี)
ราลี, ​รัฐนอร์ทแคโรไลนา, สหรัฐอเมริกา
บิดาไอรา เดวิด วูด ที่ 3
มารดาซารา ลินน์ มัวร์
คู่สมรสเจมี เบลล์ (สมรส 2012; หย่า 2014)
บุตร1
อาชีพ
ปีที่แสดง1994–ปัจจุบัน
ผลงานเด่นเทรซี หลุยส์ ฟรีแลน
จากเรื่อง วัยห้าว
ลูซี คาร์ริแกน
จากเรื่อง รักนี้ คือทุกสิ่ง
โซฟี-แอนน์ เลเคิล์ก
จากเรื่อง แวมไพร์พันธ์ใหม่
โดโลเรส อเบอร์นาธี
จากเรื่อง เวสต์เวิลด์

วูด เริ่มต้นอาชีพนักแสดงในช่วงยุคคริสต์ทศวรรษ 1990 จากการเป็นนักแสดงเด็กในละครชุด​ทางโทรทัศน์หลายเรื่อง เช่น อเมริกันกอทิก (1995–96) และ Once and Again (1999–2002) เธอได้รับโอกาสในการแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกเมื่ออายุได้เพียง 9 ขวบในเรื่อง Digging to China (1997) รวมทั้งได้แสดงร่วมกับ อัล ปาชิโน ในภาพยนตร์เรื่อง ซิโมน ดิจิตอลอ้อนหัวใจรัก​ (2002)​ ก่อนจะประสบความสำเร็จจากการรับบทนักแสดงนำในเรื่อง วัยห้าว (2003)​ ที่ทำให้เธอได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม ประเภทภาพยนตร์ดรามา[3] นอกจากนี้เธอยังแสดงในภาพยนตร์อิสระ​อีกหลายเรื่อง เช่น เพรตตีเพอร์ซูเอชัน (2005), หุบเขาแห่งรัก (2005), ครอบครัวเพี้ยน ไม่ต้องบำบัด (2006) และ รักนี้ คือทุกสิ่ง​ (2007)

ตั้งแต่ปี 2008 วูด เริ่มรับงานแสดงในภาพยนตร์กระแสหลักมากขึ้น เช่น เพื่อเธอขอสู้ยิบตา (2008), การเมืองกินคน (2011)​ และ ลักเล็กพลิกล็อก (2020) ​นอกจากนี้เธอยังคงมีผลงานในละครชุด​ทางโทรทัศน์ที่ได้รับความนิยมของช่อง เอชบีโอ ​เช่น แวมไพร์พันธุ์ใหม่ (2009–2011), มิลเดร็ด เพียร์ซ หัวอกแม่ (2011) ที่ทำให้เธอได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลไพรม์ไทม์เอมมี​ สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม และ เข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ เป็นสมัยที่ 2 ในสาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม ประเภทละครโทรทัศน์ ต่อมาเธอประสบความสำเร็จและเป็นที่รู้จักในระดับโลกจากการเป็นนักแสดงนำในละครชุดแนว ดิสโทเปีย-​ไซไฟ ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง ​เรื่อง เวสต์เวิลด์ (2016–2020) ที่ทำให้เธอได้รับรางวัลสมาคมนักวิจารณ์ละครโทรทัศน์ สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมประเภทละครโทรทัศน์แนวดรามา และได้รับการเสนอชื่อให้เข้าชิงรางวัลไพร์ไทม์เอมมี 2 สมัยติดต่อกัน อีกทั้งยังทำให้เธอได้เข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำเป็นสมัยที่ 3 ในสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม ประเภทละครโทรทัศน์แนวดรามา

นอกจากผลงานการแสดงในภาพยนตร์และละครทางโทรทัศน์แล้ว วูด ยังเป็นผู้ให้เสียงตัวละคร "ราชินีอิดูน่า" ในภาพยนตร์แอนิเมชัน​ของ วอลต์ดิสนีย์ ​เรื่อง โฟรเซ่น 2 ผจญภัยปริศนาราชินีหิมะ และยังเป็นหนึ่งในผู้ร้องเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยเพลง "Show Yourself" ที่เธอร้องคู่กับ ไอดินา เมนเซล ในเรื่องโฟรเซ่น 2 ได้รับความนิยมจนเคยขึ้นไปถึงอันดับ 70 ในบิลบอร์ดฮอต 100[4] เธอเคยมีวงดนตรีแนวอิเล็กโทรป็อปของตัวเองชื่อ เรเบล แอนด์ อะ บาสเกตเคส และทำผลงานเพลงคัฟเวอร์ในนาม อีวาน + เซน

วัยเด็ก แก้

วูด เกิดที่เมืองราลี, ​รัฐนอร์ทแคโรไลนา ในครอบครัวของคนในวงการบันเทิง โดยแม่ของเธอ ​ซารา ลินน์ มัวร์​ เป็นอดีตนักแสดงและครูสอนการแสดง ที่ภายหลังได้เปลี่ยนมานับถือศาสนายูดาห์ ทำให้เธอถูกแม่เลี้ยงดูมาตามความเชื่อทางศาสนาอย่างชาวยิว[5][6] ​ส่วนพ่อของเธอ ​ไอรา เดวิด วูด ที่ 3 อยู่ในครอบครัวที่นับถือศาสนาคริสต์​ และเป็นนักเขียนบท, นักแสดงและผู้กำกับละครเวที​ อีกทั้งยังเป็นกรรมการผู้บริหารของโรงละคร​ "เธียร์เตอร์อินเดอะพาร์ก" ในเมืองราลี , พี่ชายของเธอ ไอรา เดวิด วูด ที่ 4 เป็นนักแสดงละครเวที​ และคุณอาของเธอ แครอล วินสตีด วูด เป็นผู้ออกแบบงานสร้างและผู้กำกับงานศิลป์ในภาพยนตร์ฮอลลีวูด​ที่ประสบความสำเร็จหลายเรื่อง[7]

ในวัยเด็กเธอและพี่ชาย ได้ผ่านการแสดงละครเวทีที่โรงละครของพ่ออยู่บ่อยครั้ง โดยเธอมีส่วนร่วมในโรงละครของพ่อเป็นครั้งแรกในละครเวทีที่สร้างจากนวนิยายของชาลส์ ดิกคินส์​เรื่อง อะคริสต์มาสแครอล ​ตั้งแต่มีอายุเพียงไม่กี่เดือน เมื่อเธอโตขึ้นเธอได้แสดงคู่กับแม่ของเธอในละครเวทีที่สร้างจากหนังสืออัตชีวประวัติ​ของ เฮเลน เคลเลอร์ เรื่อง เดอะ มิราเคิล เวิร์คเกอร์ ซึ่งเธอรับบทเป็น เฮเลน เคลเลอร์ นักเขียนผู้พิการทั้งตาบอดและห​ูหนวก ส่วนแม่ของเธอรับบทเป็น แอนน์ ซัลลิแวน​ โดยมีพ่อของเธอเป็นผู้กำกับการแสดง ต่อมาพ่อและแม่ของเธอได้แยกกันอยู่ในปี 1996 ก่อนจะหย่าขาดจากกันในปี 2002 ทำให้เธอต้องย้ายมาอยู่กับแม่ที่ รัฐแคลิฟอร์เนีย

อีวาน ราเชล วูด มีความสนใจและมีความสามารถทางด้านเทควันโด​จนได้ถึงระดับสายดำ ตั้งแต่อายุ 12 ปี[8]

อาชีพนักแสดง แก้

ค.ศ. 1994–2000 แก้

อีวาน ราเชล วูด เริ่มเข้าสู่วงการโทรทัศน์จากการเป็นนักแสดงเด็กของช่องซีบีเอส​ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1994 โดยได้แสดงในละครโทรทัศน์ที่ได้รับความนิยมอย่าง อเมริกันกอทิก​ (ค.ศ. 1995)​ ซึ่งทำให้เธอกลายเป็นนักแสดงเด็กที่ได้รับความสนใจจากวงการบันเทิงสหรัฐ

ต่อมาเธอได้รับโอกาสแสดงภาพยนตร์เป็นครั้งแรกในเรื่อง ดิกกิงทูไชนา (ค.ศ. 1997)​ โดยได้ร่วมงานกับนักแสดงอย่าง เควิน เบคอน ก่อนที่ในปีต่อมาเธอจะมีผลงานภาพยนตร์เรื่องที่สองใน สองสาวพลังรักเมจิก ที่นำแสดงโดย แซนดรา บุลล็อก​ และ นิโคล คิดแมน​ โดยในปีเดียวกันนั้นเองเธอยังได้แสดงในละครชุด​ที่ออกอากาศทางสถานี เอ็นบีซี ​เรื่อง โพรไฟเลอร์​ ฤดูกาลที่ 3–4 (ค.ศ. 1998–1999) รวมถึงได้เป็นนักแสดงหลักในละครโทรทัศน์เรื่อง Once and Again ทางช่อง เอบีซี​ (ค.ศ. 1999)[9]

ค.ศ. 2001–2005 แก้

เมื่ออีวาน ราเชล วูด เข้าสู่ช่วงวัยรุ่น เธอได้รับบทนักแสดงนำเป็นครั้งแรกในภาพยนตร์คอมเมดีเรื่อง ​Little Secrets (ค.ศ. 2001)​ และ แสดงเป็นลูกสาวของนักแสดงรุ่นใหญ่อย่าง อัล ปาชิโน​ ใน ซิโมน ดิติตอลอ้อนหัวใจรัก (ค.ศ. 2002)

ในปี ค.ศ. 2003 เธอประสบความสำเร็จกับภาพยนตร์เรื่อง ​วัยห้าว ที่เธอแสดงนำคู่กับ ฮอลลี ฮันเตอร์​ และทำให้เธอได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ, ​รางวัลแซกอวอร์ดส์​ และรางวัล เอ็มทีวีมูวีแอนด์ทีวีอะวอดส์​ โดยในปีนั้นเธอยังมีผลงานในภาพยนตร์แนวระทึกขวัญเรื่อง เดอะมิซซิ่ง ล่ามัจจุราชแดนเถื่อน ร่วมกับ ทอมมี่ ลี โจนส์​ และ เคต แบลนเชตต์​ รวมทั้งยังได้แสดงในซีรีส์ ซีเอสไอ: ไครม์ซีนอินเวสติเกชัน​ ฤดูกาลที่ 3 จำนวน 1 ตอน

ในปี ค.ศ. 2005 เธอมีผลงานในภาพยนตร์โรแมนติก-คอมเมดี​เรื่อง เติมรักให้เต็มหัวใจ ที่นำแสดงโดย เควิน คอสต์เนอร์​ และแสดงนำในภาพยนตร์อิสระ​เรื่อง เพรตตีเพอร์ซูเอชัน โดยเธอแสดงเป็นเด็กผู้หญิงที่มีบุคคลิกไซโคพาท​ รวมทั้งยังแสดงนำคู่กับ เอ็ดเวิร์ด นอร์ตัน ​ในภาพยนตร์เรื่อง หุบเขาแห่งรัก ที่เธอรับบทเป็น "โทบี" หญิงสาวที่ตกหลุมรักคาวบอย​ที่อายุมากกว่าเธอหลายปี ซึ่งในปี 2005 นอกจากเธอจะมีผลงานภาพยนตร์แล้วเธอยังได้แสดงใน มิวสิกวีดีโอ ​ของวง กรีนเดย์​ ในเพลง Wake Me Up When September Ends

ค.ศ. 2006–2008 แก้

 
วูด ในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโทรอนโต​ ปี ค.ศ. 2007

ในปี 2006 วูด ได้รับโอกาสในการทำงานด้านการพากย์เสียงตัวละครเป็นครั้งแรกในภาพยนตร์แอนิเมชัน​ของประเทศเดนมาร์กที่สร้างจากหนังสือการ์ตูนจาก​ประเทศฝรั่งเศสเรื่อง​ Asterix and the Vikings ในเวอร์ชันภาษาอังกฤษ​ และได้พากย์เสียงภาพยนตร์คอมพิวเตอร์แอนิเมชัน​ของประเทศเกาหลีใต้​เรื่อง Shark Bait -​ ปลาเล็กหัวใจทอร์นาโด อีกทั้งยังได้แสดงร่วมกับ แอนเนตต์ เบนิง​ ในภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จเรื่อง ครอบครัวเพี้ยน ไม่ต้องบำบัด

ในปี ค.ศ. 2007 วูด มีผลงานการแสดงภาพยนตร์ 3 เรื่อง ได้แก่ภาพยนตร์คอมเมดี-ดรามา เรื่อง ​คิงออฟแคลิฟอร์เนียร์​ โดยเธอรับบทเป็นลูกสาวที่ต้องรับมือกับพ่อซึ่งเป็นนักดนตรีที่มีอาการของโรคไบโพลาร์​ (แสดงโดย ไมเคิล ดักลาส​)​ ซึ่งการแสดงของเธอในบทบาทดังกล่าวได้รับคำชมจากนักวิจารณ์ภาพยนตร์จำนวนมาก, ภาพยนตร์ระทึกขวัญเรื่อง ​The Life Before Her Eyes -​ ก่อนชีวิตปิดฉากลง คู่กับ อูมา เธอร์แมน​ และภาพยนตร์โรแมนติกที่ประสบความสำเร็จด้วยการเข้าชิง 2 รางวัลออสการ์ เรื่อง ​Across The Universe -​ รักนี้ คือทุกสิ่ง โดยเธอรับบทนักแสดงนำคู่กับ จิม สเตอเจส

ในปี 2008 อีวาน ราเชล วูด ได้แสดงในภาพยนตร์ที่กำกับการแสดงโดย ดาร์เรน อโรนอฟสกี เรื่อง ​The Wrestler -​ เพื่อเธอขอสู้ยิบตา โดยภาพยนตร์ได้รับรางวัลสิงโตทองคำ​ในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเวนิส

2009–ปัจจุบัน แก้

 
วูด ในงานฉายรอบปฐมทัศน์ของภาพยนตร์เรื่อง Whatever Works เดือน เมษายน 2009

ในปี 2009 เธอได้แสดงในภาพยนตร์ที่กำกับโดย วูดดี อัลเลน​ เรื่อง ​Whatever Works ซึ่งถึงแม้ตัวภาพยนตร์จะได้รับคำวิจารณ์ที่หลากหลาย แต่วูดได้ออกมาให้สัมภาษณ์ในภายหลังว่าเธอรู้สึกว่าตัวเองทำผิดพลาดในการรับบทในภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว และไม่ขอร่วมงานกับ วูดดี อัลเลน อีก[10] หลังจากนั้นเธอได้กลับไปแสดงละครเวทีที่สร้างจากบทประพันธ์ของ วิลเลียม เชกสเปียร์​ ในเรื่อง โรเมโอและจูเลียต​ ที่โรงละครเธียร์เตอร์อินเดอะพาร์ก ที่พ่อเธอเป็นผู้บริหารอยู่ และถือเป็นการกลับไปแสดงละครเวทีร่วมกับพ่อและพี่ชายของเธออีกครั้ง โดยเธอรับบทเป็น จูเลียต, ไอรา เดวิด วูด ที่ 4 ซึ่งเป็นพี่ชายของเธอรับบทเป็น เมอร์คิวชิโอและเป็นผู้กำกับการแสดง ส่วนพ่อของเธอ ไอรา เดวิด วูด ที่ 3 รับบทเป็น คาปุเล็ต[11][12]

ต่อมา วูด ได้แสดงละครโทรทัศน์ของช่องเอชบีโอ​เรื่อง แวมไพร์พันธุ์ใหม่​ ฤดูกาลที่ 2–4 (ค.ศ.2009–2011) ​โดยเธอรับบทเป็น โซฟี-แอนน์ เลเคิล์ค แวมไพร์​สาวที่มีอายุกว่า 500 ปี รวมทั้งแสดงในภาพยนตร์แนวสืบสวนสอบสวนที่กำกับโดย โรเบิร์ต เรดฟอร์ด​ เรื่อง เปิดปมบงการ สังหารลินคอล์น​ (ค.ศ.2010)​ และแสดงในภาพยนตร์ดรามาอิงการเมืองเรื่อง การเมืองกินคน​ (ค.ศ.2011)[13]

ในปี 2011 วูดแสดงเป็นตัวละครหลักในละครโทรทัศน์ที่นำแสดงโดย เคต วินสเล็ต​ เรื่อง มิลเดร็ด เพียร์ซ หัวอกแม่​ ทางช่องเอชบีโอ ​โดยเธอแสดงเป็นลูกสาวของเคต วินสเล็ต จากผลงานการแสดงในบทดังกล่าวทำให้เธอได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลไพรม์ไทม์เอมมี สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม[14]

ต่อมาในปี ค.ศ. 2013 เธอแสดงในภาพยนตร์จิตวิทยา-ระทึกขวัญเรื่อง ​ชาร์ลี คันทรีแมน รักนี้อย่าได้ขวาง​ ​ร่วมกับ ไชอา เลอบัฟ และ รูเพิร์ต กรินต์[15]​ และพากย์เสียงตัวละครในภาพยนตร์แอนิเมชันของวอลต์ ดิสนีย์​เรื่อง ​มนตร์มหัศจรรย์​ (ค.ศ.2015)​ อีกทั้งยังได้เป็นพรีเซนเตอร์ผลิตภัณฑ์น้ำหอมของกุชชี​ร่วมกับ คริส อีแวนส์​ ในปี 2016

ในปี 2016 เธอประสบความสำเร็จจากการรับบทนักแสดงนำในละครโทรทัศน์แนวดิสโทเปีย-​ไซไฟ เรื่อง เวสต์เวิลด์​ ที่การแสดงของเธอได้รับคำชื่นชมจำนวนมากส่งผลให้เธอได้รับรางวัลจากไอจีเอ็น ​และ สมาคมนักวิจารณ์ละครโทรทัศน์ สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมทางละครโทรทัศน์ อีกทั้งยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลไพรม์ไทม์เอมมี​ 2 สมัยติดต่อกัน

ปี ค.ศ. 2019 เธอได้เป็นผู้ให้เสียงตัวละคร "ราชินีอิดูนา" ใน โฟรเซ่น 2 ผจญภัยปริศนาราชินีหิมะ[16][17] และได้เป็นผู้ร้องเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้ 2 เพลง ได้แก่เพลง "All is Found" และ "Show Yourself" โดยเพลง "Show Yourself" ที่เธอร้องคู่กับ ไอดินา เมนเซล ได้รับความนิยมจนเคยขึ้นไปถึงอันดับ 70 ในบิลบอร์ดฮอต 100

ชีวิตส่วนตัว แก้

อีวาน ราเชล วูด ถูกเลี้ยงดูและเติบโตมาด้วยความเชื่อทางศาสนายูดาห์ จากแม่ของเธอ[18] โดยเธอเคยให้สัมภาษณ์ไว้ในปี ค.ศ. 2012 ว่าเธอมีความเชื่อในพระเจ้า แต่ไม่ใช่คนเคร่งศาสนา และคำจำกัดความของเธอเกี่ยวกับพระเจ้าไม่ได้จำกัดอยู่ในศาสนาใดโดยเฉพาะ

ช่วงปี ค.ศ. 2005 วูด เคยคบหากับ เจมี เบลล์ นักแสดงชาวอังกฤษ โดยทั้งคู่ได้พบกันจากการถ่ายทำมิวสิกวิดีโอเพลงของวงกรีนเดย์[19] ต่อมาในเดือนมกราคม ค.ศ. 2007 มีการเปิดเผยว่าเธอกำลังคบหากับ มาริลีน แมนสัน นักร้องชื่อดังที่อายุมากกว่าเธอถึง 18 ปี[20] ด้วยวัยของทั้งคู่ที่ห่างกันมากทำให้ มาริลีน แมนสัน เกิดแรงบันดาลใจในการแต่งเพลง "Heart-Shaped Glasses" ซึ่งอยู่ในอัลบั้ม "Eat Me, Drink Me" (ค.ศ. 2007) โดยเขาเคยให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุบีบีซีว่า เพลงดังกล่าวเขาแต่งขึ้นขณะอ่านนวนิยายเรื่อง โลลิตา ของวลาดีมีร์ นาโบคอฟ ที่พูดถึงการหลงรักเด็กที่อายุน้อยกว่ามาก ทำให้เขานึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวเขาและอีวาน ราเชล วูด โดยมิวสิกวิดีโอเพลงนี้เขาได้ให้อีวาน ราเชล วูด แสดงด้วยตัวเอง ก่อนที่ทั้งคู่จะเข้าพิธีหมั้นกันในปี ค.ศ. 2010 แต่กลับเลิกรากันไปในอีก 7 เดือนต่อมา[21]

หลังจากเลิกรากับมาริลีน แมนสัน ได้ไม่นาน วูดได้ออกมาเปิดเผยว่าเธอมีรสนิยมรักร่วมสองเพศหรือไบเซ็กชวล ในปี ค.ศ. 2011[22] ต่อมาเธอได้กลับไปคบหากับเจมี เบลล์ อีกครั้ง[23] จนกระทั่งทั้งคู่ตัดสินใจแต่งงานกันในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2012 ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย[24] และมีบุตรชายด้วยกัน 1 คนชื่อ "แจ็ค แมตฟิน เบลล์" ในปี ค.ศ. 2013

ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2014 อีวาน ราเชล วูด และเจมี เบลล์ ประกาศว่าทั้งคู่ได้ตัดสินใจหย่ากัน โดยบุตรชายของทั้งคู่อยู่ในความดูแลของเธอที่ลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย[25] ก่อนที่เธอจะมีผลงานเพลงในแนวอิเล็กโทรป็อปภายใต้ชื่อวง "เรเบล แอนด์ อะ บัสเกตเคส" ร่วมกับ แซค บียา นักแสดงและนักดนตรีชาวอเมริกัน-เม็กซิกัน[26][27][28] ซึ่งเธอได้คบหากับแซค บียา ที่เป็นเพื่อนร่วมวงของเธอจนหมั้นหมายกันในปี ค.ศ. 2017 ก่อนจะเลิกรากันไปในปีเดียวกัน พร้อมกับการยุบวง

ในปี ค.ศ. 2021 เจมี เบลล์ ได้ยื่นคำร้องต่อศาลขอเป็นผู้มีอำนาจปกครองบุตรชายร่วมกับ อีวาน ราเชล วูด โดยเขาอ้างว่าเธอหลีกเลี่ยงไม่ยอมให้เขาได้พบกับบุตรชายและยังได้พาบุตรชายของเขาย้ายออกจากนครลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ไปยังเมืองแนชวิลล์ รัฐเทนเนสซี โดยไม่ได้รับความยินยอมจากเขาที่เป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งวูดได้โต้แย้งว่าเธอทำไปเพราะคำนึงถึงความปลอดภัยของบุตรชายเนื่องจากเธอและบุตรชายถูกคุกคามโดยมาริลีน แมนสัน จนไม่สามารถอยู่ที่ลอสแองเจลิสได้อย่างปกติสุข

ผลงานการแสดง แก้

ภาพยนตร์ แก้

ปี เรื่อง บทบาท หมายเหตุ
1997 ดิกกิงทูไชน่า แฮเรียต ฟรานโควิตซ์
1998 สองสาวพลักรักเมจิก ไคลี โอเวนส์
1998 เดอตูร์ ดานีเอลลา โรเจอส์
2001 ลิตเติลซีเครต เอมิลี ลินด์สตรอม
2002 ซิโมน ดิจิตอลอ้อนหัวใจรัก เลนี คริสเตียน
2003 วัยห้าว เทรซี หลุยส์ ฟรีแลนด์
2003 เดอะมิซซิ่ง ล่ามัจจุราชแดนเถื่อน ลิลี กิลเคสัน
2005 เพรตตี เพอร์ซูเอชัน คิมเบอร์ลี จอยซ์
2005 เติมรักให้เต็มหัวใจ ลาเวนเดอร์ "ป๊อปอาย" วูลฟ์เมเยอร์
2005 หุบเขาแห่งรัก โทบี
2006 แอสเทอริกซ์แอนด์เดอะไวกิงส์ แอบบา (พากย์เสียง) ฉบับภาษาอังกฤษ
2006 ปลาเล็กหัวใจทอร์นาโด คอร์ดีเลีย (พากย์เสียง)
2006 ครอบครัวเพี้ยน ไม่ต้องบำบัด นาตาลี ฟินช์
2007 คิงออฟแคลิฟอร์เนีย มิแรนดา
2007 ก่อนชีวิตปิดฉากลง ไดอานา แม็คฟี
2007 แบทเทิลฟอร์เทอร์รา มาลา (พากย์เสียง)
2007 รักนี้ คือทุกสิ่ง ลูซี คาร์ริแกน
2008 เพื่อเธอขอสู้ยิบตา สเตฟานี แรมซินสกี
2009 วอตเอเวอร์เวิกส์ เมโลดี เซนต์แอน เซเลสทีน
2010 เปิดปมบงการ สังหารลินคอล์น แอนนา เซอร์แรต
2011 การเมืองกินคน มอลลี สเติร์นส์
2013 ชาร์ลี คันทรีแมน รักนี้อย่าได้ขวาง กาบี อิบาเนสคู
2013 อะเคสออฟยู เบอร์ดี ฮาเซล
2014 แบร์ฟุ๊ต เดซี เคนซิงตัน
2015 มนตร์มหัศจรรย์ มาริแอนน์ (พากย์เสียง)
2015 อินทูเดอะฟอร์เรสต์ เอวา
2017 อัลลัวร์ ลอรา เดรก
2018 วัยแห่งฝันงดงาม อี หลิน (พากย์เสียง) ตอน: "Chiisana Fashion Show"
ฉบับภาษาอังกฤษ
2019 โฟรเซ่น 2 ผจญภัยปริศนาราชินีหิมะ ราชินีอิดูนา (พากย์เสียง)
2020 ลักเล็กพลิกล็อก โอลด์ โดลิโอ ไดน์
2020 โชว์บิซ คิดส์ ตัวเอง ภาพยนตร์สารคดีของเอชบีโอ
2020 วิเอนาแอนด์เดอะแฟนโตมส์ ซูซี

ละครโทรทัศน์ แก้

ปี เรื่อง บทบาท หมายเหตุ
1994 In the Best of Families: Marriage, Pride & Madness Little Susie ภาพยนตร์ทางโทรทัศน์
1994 Search for Grace Young Sarah / Robin ภาพยนตร์ทางโทรทัศน์
1995 Father for Charlie, AA Father for Charlie Tessa ภาพยนตร์ทางโทรทัศน์
1995 Death in Small Doses แอนนา ภาพยนตร์ทางโทรทัศน์
1995–96 อเมริกันกอทิก โรส รัสเซลล์ 3 ตอน
1997 Get to the Heart: The Barbara Mandrell Story Jaime Dudney - Age 8 ภาพยนตร์ทางโทรทัศน์
1998–99 โปรไฟเลอร์ โคลอี วอเตอส์ 6 ตอน
1999 Down Will Come Baby Robin Garr ภาพยนตร์ทางโทรทัศน์
1999–2002 Once and Again Jessie Sammler ตัวละครหลัก 55 ตอน
2000 Touched by an Angel Sarah Radcliff Episode: "Pandora's Box"
2002 เดอะเวสต์วิง โฮแกน เครก ตอน: "The Black Vera Wang"
2003 ซีเอสไอ: ไครม์ซีนอินเวสติเกชัน โนรา อีสตัน ตอน: "Got Murder?"
2009–11 แวมไพร์พันธุ์ใหม่ โซฟี แอนน์ เลอเคิร์ก 8 ตอน
2011 มิลเดร็ด เพียร์ซ หัวอกแม่ เวดา เพียร์ซ
2013 Robot Chicken Travis' Girlfriend / Mother (voice) Episode: "Botched Jewel Heist"
2015 Doll & Em Evan 5 episodes
2016–ปัจจุบัน เวสต์เวิล์ด โดโลเรส อเบอร์นาธี ตัวละครหลัก; 3 ฤดูกาล
2018–19 Drunk History หลายบทบาท 2 ตอน
2019 What We Do in the Shadows Evan the Immortal Princess of the Undead Episode: "The Trial"
2022 ฟีนิกซ์ ไรซ์ซิง ตัวเอง ภาพยนตร์สารคดี

อ้างอิง แก้

​​​​​​

  1. "How Evan Rachel Wood's Personal Demons Prepped Her for 'Westworld'". November 17, 2016. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 18, 2017. สืบค้นเมื่อ August 17, 2017.
  2. Hibbard, Laura (September 7, 2011). "September 7 Famous Birthdays: Evan Rachel Wood, Michael Emerson & Buddy Holly (PHOTOS)". สืบค้นเมื่อ August 17, 2017 – โดยทาง Huff Post.
  3. "Wood re-lives high school bullying for inspiration". DailyIndia.com. June 17, 2006. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 1, 2006. สืบค้นเมื่อ June 17, 2006.
  4. "Idina Menzel Chart History (Hot 100)". Billboard. สืบค้นเมื่อ December 17, 2020.
  5. Wolf, Jeanne (November 16, 2009). "Evan Rachel Wood: Dating Older Men 'Works For Me'". Parade. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 21, 2012. สืบค้นเมื่อ November 29, 2009.
  6. Bloom, Nate (23 June 2009). "Interfaith Celebrities: Stallone's Jewish Grandfather". InterfaithFamily.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 4 April 2012. สืบค้นเมื่อ 1 June 2021.
  7. McDowell, Robert W. (December 1, 2004). "Preview: Theatre in the Park Preview: A Christmas Carol, Starring David Wood as Scrooge, Will Have New Scenery and New Choreography". Classical Voice of North Carolina. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 9, 2013. สืบค้นเมื่อ August 15, 2010.
  8. Marlow Stern (April 24, 2013). "Evan Rachel Wood On Tribeca Film 'Case Of You,' Coming Out As Bisexual, Her Pregnancy, and More". The Daily Beast.
  9. "Jessie Sammler (Character)". IMDb. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 4, 2017. สืบค้นเมื่อ October 29, 2017.
  10. Rachel Wood, Evan (December 4, 2016). "That was years before I read Dylan's letter. Unfortunately, I can't say that I would again. @juicybombon". Twitter. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 27, 2020. สืบค้นเมื่อ January 18, 2018.
  11. Hudson, Shane (February 19, 2009). "Auditions Set for Evan Rachel Wood Led Romeo & Juliet Benefit Run". BroadWayWorld. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 14, 2009. สืบค้นเมื่อ August 13, 2009.
  12. https://www.theatreinthepark.com/about/past-shows/season-2008-2009/romeo-juliet.html
  13. Rapkin, Mickey (October 2011). "Evan Rachel Wood, Uncut". GQ. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 5, 2011. สืบค้นเมื่อ December 16, 2011.
  14. "Mildred Pierce". Emmy Awards. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 5, 2018. สืบค้นเมื่อ June 6, 2018.
  15. "Rupert Grint star 'The Necessary Death of Charlie Countryman'". hypable.com. May 29, 2012. สืบค้นเมื่อ November 1, 2016.
  16. @EvanRachelWood (August 25, 2019). "FINALLY!! I can announce I will be voicing Anna & Elsa's mother 'Queen Iduna' in #disney's #frozen2 This is an absolutely DREAM COME TRUE. Here is a sneak peek! @disney @disneyfrozen" (ทวีต). สืบค้นเมื่อ August 25, 2019 – โดยทาง ทวิตเตอร์.
  17. @DisneyFrozen (August 25, 2019). "Just Announced: @SterlingKBrown (Lieutenant Matthias) and @EvanRachelWood (Queen Iduna) have joined the cast of #Frozen2, coming to theaters November 22. #D23Expo" (ทวีต). สืบค้นเมื่อ August 27, 2019 – โดยทาง ทวิตเตอร์.
  18. ="https://people.com/tv/evan-rachel-wood-shares-more-details-alleged-abuse-marilyn-manson/เก็บถาวร กุมภาพันธ์ 6, 2021 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
  19. "Evan Rachel Wood On Tribeca Film 'Case Of You,' Coming Out As Bisexual, Her Pregnancy, and More". The Daily Beast. March 24, 2013. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 31, 2020. สืบค้นเมื่อ July 25, 2019.
  20. Lee, Ken (January 9, 2007). "Marilyn Manson Dating Evan Rachel Wood". People. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 30, 2013. สืบค้นเมื่อ January 19, 2012.
  21. Garcia, Jennifer; Jessica Herndon (August 17, 2010). "Marilyn Manson and Evan Rachel Wood Call It Quits (Again!)". People. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 1, 2013. สืบค้นเมื่อ August 17, 2010.
  22. "Evan Rachel Wood Interview". Marie Claire. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 21, 2013. สืบค้นเมื่อ May 10, 2013.
  23. "Wood, Bell rekindle romance". Toronto Sun. July 1, 2011. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 1, 2012. สืบค้นเมื่อ January 10, 2012.
  24. "Evan Rachel Wood and Jamie Bell Get Married". People. October 31, 2012. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 1, 2013. สืบค้นเมื่อ October 31, 2012.
  25. Blumm, K. C. (May 28, 2014). "Evan Rachel Wood and Jamie Bell Separate". People. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 29, 2014. สืบค้นเมื่อ May 28, 2014.
  26. "Bio". rebelandabasketcase.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 29, 2016. สืบค้นเมื่อ November 1, 2016.
  27. Richard Bienstock (June 8, 2016). "Evan Rachel Wood on How 'Breakfast Club,' Karaoke Habit Informed New Band". Rolling Stone. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-06-22. สืบค้นเมื่อ November 26, 2016.
  28. Shire Karsen (June 13, 2016). "Evan Rachel Wood & Zach Villa on Their New Band, How David Bowie Saved Wood's Life & More: Exclusive". Billboard. สืบค้นเมื่อ November 26, 2016.