อีซาแบลแห่งวาลัว
อีซาแบลแห่งวาลัว สมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษ (อังกฤษ: Isabella of Valois) (9 พฤศจิกายน ค.ศ. 1389 – 13 กันยายน ค.ศ. 1409) อีซาแบลแห่งวาลัวเสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน ค.ศ. 1389 ที่ปารีสในประเทศฝรั่งเศส เป็นพระมเหสีองค์ที่สองของสมเด็จพระเจ้าริชาร์ดที่ 2 แห่งอังกฤษ อีซาแบล เสกสมรสกับสมเด็จพระเจ้าริชาร์ดที่ 2 แห่งอังกฤษ เมื่อพระชนมายุเพียง 7 ชันษา ดังนั้นอีซาแบลและพระเจ้าริชาร์ดไม่มีพระโอรสธิดาด้วยกัน เนื่องจากอีซาแบล อภิเษกสมรสเมื่อพระชนมายุเพียง 7 ชันษา ดังนั้นจึงไม่มีพิธีที่สมบูรณ์ พระเจ้าริชาร์ด กับอีซาแบลเป็นสวามี มเหสีที่เอาใจใส่กัน พระเจ้าริชาร์ด จะนำของขวัญมาให้อีซาแบลเสมอ คำตรัสสุดท้ายของพระเจ้าริชาร์ด ที่ตรัสกับพระมเหสี คือ " ลาก่อน มาดาม เราคงจะพบกันอีกครั้ง " หลังจากที่พระสวามีถูกปลงพระชนม์ (ไม่แน่ชัด) อีซาแบลก็ทรงเสกสมรสกับชาร์ล ดยุกแห่งออร์เลอ็อง (Charles, Duke of Orléans) เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน ค.ศ. 1406 อีซาแบลสิ้นพระชนม์ในการให้กำเนิดพระราชธิดา ฌานแห่งวาลัว (Jeanne of Valois) เมื่อวันที่ 13 กันยายน ค.ศ. 1409 ที่ปราสาทคิมโบลตัน ในราชอาณาจักรอังกฤษ เมื่อพระชนมายุได้ 21 พรรษา
อีซาแบลแห่งวาลัว | |
---|---|
ดัชเชสแห่งออร์เลอ็อง | |
สมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษ | |
ดำรงพระยศ | 1 พฤศจิกายน ค.ศ. 1396 - 29 กันยายน ค.ศ. 1399 |
ราชาภิเษก | 8 มกราคม ค.ศ. 1397 |
ประสูติ | 9 พฤศจิกายน ค.ศ. 1389 ปารีส ในประเทศฝรั่งเศส |
สิ้นพระชนม์ | 13 กันยายน ค.ศ. 1409 (19 ปี) ปราสาทคิมโบลตัน ในราชอาณาจักรอังกฤษ |
พระราชสวามี |
|
พระราชบุตร | ฌานแห่งวาลัว ดัชเชสแห่งอาล็องซง |
ราชวงศ์ | วาลัว |
พระราชบิดา | พระเจ้าชาร์ลที่ 6 แห่งฝรั่งเศส |
พระราชมารดา | เอลีซาเบ็ทแห่งบาวาเรีย-อิงก็อลชตัท |
ประวัติ
แก้พระมเหสีคนที่สองของพระเจ้าริชาร์ดที่ 2 แห่งอังกฤษ อีซาแบลแห่งวาลัว เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน ค.ศ. 1389 ที่พระราชวังลูฟร์ในปารีส ประเทศฝรั่งเศส พระองค์เป็นคนที่สาม แต่เป็นคนโตที่สุดที่รอดชีวิต ในบรรดาพระโอรสธิดา 12 คนของพระเจ้าชาร์ลที่ 6 แห่งฝรั่งเศสกับเอลีซาเบ็ทแห่งบาวาเรีย-อิงก็อลชตัท
ตั้งแต่พระชนมายุยังน้อย อีซาแบลเป็นส่วนหนึ่งของแผนการแต่งงานของราชวงศ์ฝรั่งเศส ตอนพระชนมายุ 2 พรรษา พระองค์ถูกหมั้นหมายกับจอห์น บุตรชายและทายาทวัย 6 ปีของปีแตร์ที่ 2 ดยุคแห่งอาลองซง แต่ข้อเสนอแต่งงานครั้งนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่นานหลังการสิ้นพระชนม์ของพระมเหสีคนแรก แอนน์แห่งโบฮีเมีย ในปี ค.ศ. 1394 พระเจ้าริชาร์ดที่ 2 แห่งอังกฤษผู้ไร้พระโอรสธิดาเริ่มมองหาพระมเหสีคนใหม่ ทรงหันไปหาฝรั่งเศสเพื่อสานสัมพันธไมตรี และหลังจากเจรจาตกลง การอภิเษกสมรสถูกจัดเตรียมขึ้นระหว่างอีซาแบลกับริชาร์ดที่แก่กว่าเจ้าสาวของพระองค์ 22 ปี การแต่งงานมีผู้ต่อต้านมากมาย โดยเฉพาะหลุยส์ที่ 1 ดยุคแห่งเออร์ลีย็องส์ พระอนุชาของกษัตริย์ฝรั่งเศส และโธมัสแห่งวูดสตอก ดยุคแห่งกลอสเตอร์ พระปิตุลาของกษัตริย์อังกฤษ อย่างไรก็ดีในวันที่ 1 พฤศจิกายน ค.ศ. 1396 ที่โบสถ์นักบุญนิโคลัสในกาเลส์ อิซาเบลลาวัย 7 พรรษาอภิเษกสมรสกับริชาร์ดวัย 29 พรรษา ริชาร์ดกับอีซาแบลออกเดินทางไปอังกฤษในไม่กี่วันต่อมาในวันที่ 23 พฤศจิกายน ค.ศ. 1396 อีซาแบลได้รับการสวมมงกุฎที่เวสต์มินสเตอร์แอบบีย์ในวันที่ 8 มกราคม ค.ศ. 1397 พระองค์ประทับอยู่คนละที่กับริชาร์ด ที่ปราสาทวินด์เซอร์ ริชาร์ดแวะมาหาพระองค์เป็นประจำและความรักใคร่แน่นแฟ้นพัฒนาขึ้นระหว่างสองสามีภรรยาในการแต่งงานที่ยังไม่สมบูรณ์ครั้งนี้
ในปี ค.ศ. 1398 เฮนรี โบลิงโบรก ลูกพี่ลูกน้องลำดับที่ 1 ของพระเจ้าริชาร์ดที่ 2 และบุตรชายคนโตของพระโอรสคนที่ 3 ของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 จอห์นแห่งกอนต์ ขัดแย้งกับโธมัส เดอ มาวบราย ดยุคที่ 1 แห่งนอร์ฟอร์ก ที่กล่าวหาว่าเฮนรีเป็นกบฏ ชายทั้งสองมีแผนจะดวลกัน แต่พระเจ้าริชาร์ดที่ 2 กลับเนรเทศทั้งคู่ออกจากอังกฤษ เฮนรีไปอยู่ที่ฝรั่งเศส จอห์นแห่งกอนต์สิ้นพระชนม์ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1399 และริชาร์ดริบทรัพย์สินที่ดินของพระปิตุลาเป็นของหลวงและระบุว่าเฮนรีต้องมาขอทรัพย์สินที่ดินคืนจากพระองค์ เฮนรีกลับมาอังกฤษในตอนที่ลูกพี่ลูกน้องของตน ริชาร์ด สู้รบทางทหารอยู่ในไอร์แลนด์และเริ่มการสู้รบทางทหารของตนเองขึ้นมา เขาริบทรัพย์สินของผู้ที่ต่อต้านตน จนสุดท้ายพระเจ้าริชาร์ดที่ 2 ก็ถูกผู้สนับสนุนทอดทิ้งและถูกรัฐสภาบีบบังคับในวันที่ 29 กันยายน ค.ศ. 1399 ให้สละราชบัลลังก์ให้ลูกพี่ลูกน้อง เฮนรี ริชาร์ดถูกจองจำที่ปราสาทพอนเตฟรักต์ในยอร์กเชอร์ ทรงสิ้นพระชนม์ที่นั่นราวๆ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1400 เชื่อกันว่าทรงหิวตาย
เฮนรีที่ 4 กักบริเวณอีซาแบล พระมเหสีม่ายวัย 10 พรรษา ไว้ในวังของบิชอปแห่งซัลสบรีบนแม่น้ำเธมส์ในซอนนิง ชุดอัญมณีของอีซาแบลถูกฉกฉวยไปแบ่งให้กับลูกๆ ของพระเจ้าเฮนรีที่ 4 สภาของเฮนรีประกาศว่าอีซาแบลทรงไม่มีสิทธิ์ในมรดกใดๆ ที่จะตกเป็นของพระมเหสีม่าย สุดท้ายการกลับไปฝรั่งเศสของอีซาแบลก็ถูกจัดเตรียมขึ้นมาและทรงเดินทางออกจากอังกฤษในวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 1401 เฮนรีที่ 4 พยายามหลายครั้งที่จะคลุมถุงชนให้อีซาแบลแต่งงานกับพระโอรสและทายาทของพระองค์ อนาคตพระเจ้าเฮนรีที่ 5 แต่ราชวงศ์ฝรั่งเศสไม่ยอม
อีซาแบลแต่งงานกับลูกพี่ลูกน้องของพระองค์ ชาร์ลส์แห่งออร์เลอองส์ ในชอมปาญ ประเทศฝรั่งเศส ในวันที่ 29 มิถุนายน ค.ศ. 1406 ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1407 พระสวามีของอีซาแบลกลายเป็นดยุคแห่งออร์เลอองส์เมื่อบิดาของเขาที่เคยต่อต้านการแต่งงานของอีซาแบลกับริชาร์ดถูกฆาตกรรมตามคำสั่งของจอห์นผู้ไม่กลัวใคร ดยุคแห่งเบอร์กันดี ที่เคยช่วยจัดแจงการแต่งงานครั้งนั้นขึ้นมา
การแต่งงานครั้งที่สองของอีซาแบลเป็นการแต่งงานที่มีความสุขแต่สั้น ตอนพระชนมายุ 19 พรรษา พระองค์สิ้นพระชนม์ในวันที่ 14 กันยายน ค.ศ. 1409 ในบลัวส์ ประเทศฝรั่งเศส ไม่กี่ชั่วโมงหลังประสูติการพระบุตรคนเดียวของพระองค์ พระธิดาชื่อฌวน อีซาแบลถูกฝังที่แอบบีย์นักบุญซอเมอร์ในบลัวส์ ประเทศฝรั่งเศส ในปี ค.ศ. 1624 พระศพที่เหลืออยู่ของอีซาแบลถูกย้ายไปที่โบสถ์เซเลสตินส์ในปารีสที่ถูกทำลายในช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศส
อ้างอิง
แก้แหล่งข้อมูล
แก้http://www.unofficialroyalty.com/isabella-of-valois-queen-of-england/
ดูเพิ่ม
แก้