อาเดลาอีดแห่งบูร์กอญ (ฝรั่งเศส: Adélaïde de Bourgogne; ค.ศ. 931 – 16 ธันวาคม ค.ศ. 999 ) เป็นจักรพรรดินีแห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์จากการอภิเษกสมรสกับจักรพรรดิอ็อทโทที่ 1 มหาราช[1] และเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินให้จักรพรรดิอ็อทโทที่ 3 พระราชนัดดา ทรงเป็นหนึ่งในสตรีผู้ทรงอิทธิพลที่สุดของยุโรปในคริสต์ศตวรรษที่ 10

อาเดลาอีดแห่งบูร์กอญ
อาเดอแลดแห่งบูร์กอญบนหน้าต่างกระจกสีของโบสถ์แซ็งต์เดอนีส์แห่งตูรีโดยนิโกลัส โลแร็ง ค.ศ. 1890
จักรพรรดินีโรมันอันศักดิ์สิทธิ์
ครองราชย์2 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 962 – 7 พฤษภาคม ค.ศ. 973
พระราชินีมเหสีแห่งเยอรมนี
ครองราชย์ค.ศ. 951 – 7 พฤษภาคม ค.ศ. 973
พระราชสมภพค.ศ. 931
ออร์บัค
สวรรคต16 ธันวาคม ค.ศ. 999 (68 พรรษา)
เซลซ์
พระราชสวามีออทโทที่ 1 มหาราช
ราชวงศ์เวล์ฟ
พระราชบิดาพระเจ้ารูดอล์ฟที่ 2 แห่งบูร์กอญ
พระราชมารดาแบร์ธาแห่งชวาเบิน

วัยเยาว์ แก้

อาเดลาอีดเสด็จพระราชสมภพในปี ค.ศ. 931 ที่ปราสาทออร์บัคในออร์บัค ราชอาณาจักรบูร์กอญบน เป็นพระราชธิดาของพระเจ้ารูดอล์ฟที่ 2 แห่งบูร์กอญกับแบร์ธาแห่งชวาเบิน[2] เมื่อมีพระชนมายุได้ 2 พรรษา พระบิดาได้จับพระนางหมั้นหมายกับโลธาร์ บุตรชายของอูกแห่งพรอว็องส์ แต่เมื่ออาเดลาอีดมีพระชนมายุถึงวัยที่สามารถสมรสได้ พระเจ้ารูดอล์ฟ พระบิดาของพระองค์กลับสิ้นพระชนม์ พระมารดาของพระองค์สมรสกับอูก ส่วนโลธาร์ แม้จะเป็นกษัตริย์แห่งลอมบาร์ดี (ราชอาณาจักรอิตาลี) แต่ก็อยู่ภายใต้การควบคุมของเบเรนการ์ที่ 2 มาร์เกรฟแห่งอิฟเรอา ผู้อ้างสิทธิ์ฝ่ายตรงข้าม คอนรัด พี่น้องชายของอาเดลาอีดมองว่าการสมรสควรเดินหน้าต่อไป พระเจ้าโลธาร์กับอาเดลาอีดจึงอภิเษกสมรสกับในปี ค.ศ. 947 ทั้งคู่มีพระธิดาด้วยกันหนึ่งคนชื่อเอมมาแห่งอิตาลีซึ่งประสูติในปี ค.ศ. 948

จักรพรรดินีโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ แก้

 
รูปปั้นของอาเดลาอีดกับจักรพรรดิออทโทที่ 1 มหาราช พระสวามีคนที่สองในอาสนวิหารไมเซิน ประเทศเยอรมนี

ต่อมาไม่นานพระเจ้าโลธาร์สิ้นพระชนม์โดยสงสัยกันว่าพระองค์อาจถูกวางยาพิษโดยเบเรนการ์แห่งอิฟเรอาที่ช่วงชิงบัลลังก์มาเป็นของตนและพยายามจับอาเดลาอีดสมรสกับอาดัลเบิร์ต บุตรชายของตนแต่อาเดลาอีดไม่ยอม อิฟเรอาจึงขังพระนางไว้ในปราสาทกลางทะเลสาบการ์ดา พระนางถูกทารุณกรรมโดยวิลลา ภรรยาของอิฟเรอาที่ถูกคนในยุคเดียวกันขนานนามว่าเป็น "เยเซเบลคนที่สอง" ตำนานเล่าว่าพระนางหนีออกมาได้ทางอุโมงค์ใต้ดินโดยมีนักบวชให้การช่วยเหลือ พระนางหนีไปที่ปราสาทกานอสซาและส่งสาส์นถึงพระเจ้าออทโทที่ 1 แห่งเยอรมนี ชายผู้ทรงอำนาจที่สุดในยุโรป เสนอตัวสมรสกับพระองค์เพื่อแลกกับความช่วยเหลือ พระเจ้าออทโทมหาราชจึงเดินทางมาพร้อมกับกองทัพ จับอิฟเรอามาอยู่ภายใต้การปกครอง และอภิเษกสมรสกับอาเดอแลดในปี ค.ศ. 951 ทั้งคู่มีพระโอรสธิดาด้วยกันสี่คน สิบปีต่อมาทั้งคู่ได้ต่อสู้กับอิฟเรอาอีกครั้งตามคำร้องขอของสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์นที่ 12 ที่ได้ฟื้นฟูตำแหน่งของจักรพรรดิชาร์เลอมาญขึ้นมาและสวมมงกุฎให้ทั้งคู่เป็นจักรพรรดิและจักรพรรดินีเป็นการตอบแทน

จักรพรรดิออทโทสิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 973 จักรพรรดิออทโทที่ 2 พระโอรสของอาเดลาอีดได้สืบทอดราชบัลลังก์ อาเดลาอีดโด่งดังจากการมีความสัมพันธ์ที่ย่ำยแย่กับเธโอฟาโน เจ้าหญิงไบเซนไทน์ผู้เป็นพระสุณิสา สุดท้ายจักรพรรดิออทโทได้ส่งพระมารดาออกไปนอกราชสำนัก พระนางไปพำนักอยู่กับคอนรัด พี่น้องชายของตน แต่นักบุญมาเยิลแห่งกลูนีช่วยให้ทั้งคู่คืนดีกัน

ผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน แก้

ปี ค.ศ. 983 จักรพรรดิออทโท พระโอรสของพระนางสิ้นพระชนม์ อาเดลาอีดกับเธโอฟาโนร่วมมือกันรักษาสิทธิ์ในการสืบทอดตำแหน่งให้ออทโท พระโอรสของจักรพรรดิผู้ล่วงลับ เธโอฟาโนขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน ส่วนอาเดลาอีดหันไปให้ความสนใจศาสนา พระนางสร้างอารามและคอนแวนต์หลายแห่ง ทั้งยังพยายามเปลี่ยนศาสนาให้ชาวสลาฟบนพรมแดนทางเหนือของจักรวรรดิ พระนางสนับสนุนมาเยิลเป็นสมเด็จพระสันตะปาปา แต่เขาไม่ขอรับตำแหน่ง เมื่อเธโอฟาโนสิ้นพระชนม์ อาเดลาอีดขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินให้จักรพรรดิออทโทที่ 3 พระนัดดา เมื่อจักรพรรดิโตเป็นผู้ใหญ่ประวัติศาสตร์ก็ซ้ำรอยอีกครั้งเมื่อพระองค์ได้ส่งพระอัยกาออกไปนอกราชสำนักเช่นกัน

พระนางได้เกษียณตัวเข้าวิหารเซลซ์ในอาลซัสและอุทิศชีวิตให้กับการสวดมนต์และปฏิบัติความดี ทรงเชื่อว่าพระคริสต์จะกลับมาอีกครั้งในปี ค.ศ. 1000 พระนางสิ้นพระชนม์ในวันที่ 16 ธันวาคม ค.ศ. 999 เพียงไม่กี่วันก่อนเข้าสู่สหัสวรรษใหม่ที่ทรงเชื่อว่าพระคริสต์จะกลับมาจุติเป็นครั้งที่สอง สมเด็จพระสันตะปาปาเออร์บันที่ 2 ได้ยกย่องพระนางเป็นนักบุญในปี ค.ศ. 1097 แม้จะไม่อยู่ในปฏิทินโรมัน แต่โบสถ์หลายแห่งในประเทศเยอรมนีเฉลิมฉลองในวันที่ 16 ธันวาคมซึ่งเป็นวันฉลองศาสนนามของพระนาง

พระโอรสธิดา แก้

ปี ค.ศ. 947 อาเดลาอีดอภิเษกสมรสกับพระเจ้าโลธาร์ที่ 2 แห่งอิตาลี[3] ทั้งคู่มีพระธิดาด้วยกันหนึ่งคน คือ

ปี ค.ศ. 951 อาเดลาอีดอภิเษกสมรสกับพระเจ้าออทโทที่ 1 แห่งอิตาลีที่ต่อมากลายเป็นจักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์[4] ทั้งคู่มีพระราชโอรสธิดาด้วยกันสี่คน คือ

  • ไฮน์ริช (ประสูติ ค.ศ. 952)[4]
  • บรูโน (ประสูติ ค.ศ. 953)[4]
  • แมทิลเดอ (ประสูติ ค.ศ. 954) ปฐมอธิการิณีแห่งเควดลินบวร์ค[4]
  • ออทโท (ประสูติ ค.ศ. 955) จักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์[4]

อ้างอิง แก้

  1. Campbell, Thomas. "St. Adelaide." The Catholic Encyclopedia. Vol. 1. New York: Robert Appleton Company, 1907. 20 Sept. 2012
  2. Appendix, The New Cambridge Medieval History: Volume 3, C.900-c.1024, ed. Timothy Reuter, Rosamond McKitterick, (Cambridge University Press, 1999), 699.
  3. 3.0 3.1 Ferdinand Holböck, Married Saints and Blesseds: Through the Centuries, transl. Michael J. Miller, (Ignatius Press, 2002), 126.
  4. 4.0 4.1 4.2 4.3 4.4 Ferdinand Holböck, Married Saints and Blesseds: Through the Centuries, 127.