อาร์บีกาซิน (INN; อังกฤษ: Arbekacin) เป็นยาปฏิชีวนะกึ่งสังเคราะห์ในกลุ่มอะมิโนไกลโคไซด์ ใช้ในการรักษาโรคติดเชื้อที่มีสาเหตุมาจากเชื้อแบคทีเรียที่ดื้อยาหลายขนาน (multi-resistant bacteria) รวมถึง เชื้อสแตปฟิโลคอคคัส ออเรียสที่ดื้อต่อยาเมทิซิลลิน (Methicillin-resistant Staphylococcus aureus; MRSA) ด้วย[1][2] อาร์บีกาซินถูกค้นพบครั้งแรกใน ค.ศ. 1973 โดยสังเคราะห์ได้จากไดบีกาซิน และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นยาในญี่ปุ่นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1990 เป็นต้นมา ภายใต้ชื่อการค้า Habekacin[3] ปัจจุบันอาร์บีกาซินได้สิ้นสุดสภาพการคุ้มครองตามสิทธิบัตรยาแล้ว ทำให้มียาสามัญอื่นถูกผลิตออกมาจำหน่ายเพิ่มเติม เช่น Decontasin และ Blubatosine

อาร์บีกาซิน
ข้อมูลทางคลินิก
ชื่อทางการค้าHabekacin, Decontasin, Blubatosine, และอื่นๆ
AHFS/Drugs.comInternational Drug Names
ช่องทางการรับยาการฉีดเข้ากล้ามเนื้อ,
การฉีดเข้าหลอดเลือดดำ
รหัส ATC
กฏหมาย
สถานะตามกฏหมาย
  • In general: ℞ (Prescription only)
ข้อมูลเภสัชจลนศาสตร์
การเปลี่ยนแปลงยาน้อยมาก
การขับออกไต
ตัวบ่งชี้
  • (2S) -4-amino-N-[(1R,2S,3R,4R,5S) -5-amino-2-{[(2S,3R,4S,5S,6R) -4-amino-3,5-dihydroxy-6- (hydroxymethyl) oxan-2-yl]oxy}-4-{[(2R,3R,6S) -3-amino-6- (aminomethyl) oxan-2-yl]oxy}-3-hydroxycyclohexyl]-2-hydroxybutanamide
เลขทะเบียน CAS
PubChem CID
DrugBank
ChemSpider
UNII
KEGG
ChEMBL
ข้อมูลทางกายภาพและเคมี
สูตรC22H44N6O10
มวลต่อโมล552.62 g/mol g·mol−1
แบบจำลอง 3D (JSmol)
  • O=C (N[C@H]3[C@H](O[C@H]1O[C@@H]([C@@H](O) [C@H](N) [C@H]1O) CO) [C@H](O) [C@H](O[C@H]2O[C@H](CN) CC[C@H]2N) [C@@H](N) C3) [C@@H](O) CCN
  • InChI=1S/C22H44N6O10/c23-4-3-12 (30) 20 (34) 28-11-5-10 (26) 18 (37-21-9 (25) 2-1-8 (6-24) 35-21) 17 (33) 19 (11) 38-22-16 (32) 14 (27) 15 (31) 13 (7-29) 36-22/h8-19,21-22,29-33H,1-7,23-27H2, (H,28,34)/t8-,9+,10-,11+,12-,13+,14-,15+,16+,17+,18+,19-,21+,22+/m0/s1 checkY
  • Key:MKKYBZZTJQGVCD-JLZDOWJMSA-N checkY
  7checkY (what is this?)  (verify)
สารานุกรมเภสัชกรรม

เภสัชวิทยา แก้

อาร์บีกาซินได้รับการรับรองให้ใช้ในการรักษาโรคปอดบวมและภาวะพิษเหตุติดเชื้อ ที่มีสาเหตุมาจาก เชื้อสแตปฟิโลคอคคัส ออเรียสที่ดื้อต่อยาเมทิซิลลิน (MRSA) เนื่องจากอาร์บีกาซินจะช่วยเสริมฤทธิ์ของยาปฏิชีวนะกลุ่มเบตาแลคแตมได้ นอกจากนี้อาร์บีกาซินยังเป็นยาปฏิชีวนะอีกชนิดหนึ่งที่ถูกสงวนไว้ใช้สำหรับการติดเชื้อแบคทีเรียแกรมลบที่ดื้อยาหลายขนาน เช่น Pseudomonas aeruginosa และ Acinetobacter baumannii[4]

เภสัชพลนศาสตร์ แก้

เป็นที่ทราบกันดีว่ายากลุ่มอะมิโนไกลโคไซด์ ซึ่งอาร์บีกาซินก็เป็นหนึ่งในยากลุ่มนี้ จะออกฤทธิ์โดยจับกับหน่วยย่อย 30 เอสบนไรโบโซมของแบคทีเรีย ทำให้ขึ้นตอนการแปลรหัสพันธุกรรมของทีอาร์เอ็นเอนั้นเกิดความผิดพลาด ทำให้แบคทีเรียนั้นๆไม่สามารถสังเคราะห์โปรตีนที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตได้ ส่งผลให้เซลล์แบคทีเรียนั้นตายไปในที่สุด ทั้งนี้ เนื่องจากการขนส่งกลุ่มอะมิโนไกลโคไซด์เข้าสู่เซลล์ของเชื้อแบคทีเรียนั้นจำเป็นต้องมีการใช้พลังงาน ซึ่งแบคทีเรียกลุ่มที่ไม่ต้องการออกซิเจนนั้นมีพลังงานไม่มากพอที่จะใช้ในกระบวนการนี้ ทำให้กลุ่มอะมิโนไกลโคไซด์มีผลต้านเชื้อแบคทีเรียกลุ่มนี้ได้น้อย

กลไกการออกฤทธิ์ แก้

ยากลุ่มอะมิโนไกลโคไซด์ อย่างอาร์บีกาซินนั้น จะออกฤทธิ์ยับยั้งกระบวนการการสังเคราะห์โปรตีนแบบไม่ผันกลับในเชื้อแบคทีเรียที่มีความไวต่อนี้ โดยยาจะเข้าจับกับหน่วยย่อย 30 เอสบนไรโบโซมของแบคทีเรีย โดยในกรณีของอาร์บีการ์ซินนั้นจะเข้าจับกับนิวคลีโอไทด์ 4 ตัวบนหน่วยย่อย 16 เอส ของไรโบมโซมและหมู่อะมิโนของโปรตีน S12 ซึ่งการเข้าจับนี้จะรบกวนกระบวนการการแปลรหัสพันธุกรรมในส่วนนิวคลีโอไทด์ลำดับที่ 1400 บนหน่วยย่อย 16 เอสของหน่วยย่อย 30 เอสบนไรโบโซม ซึ่งส่วนนี้เป็นส่วนที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการจับเบสคู่สมของทีอาร์เอ็นเอ ผลจากการเข้าจับนี้จะทำให้เอ็มอาร์เอ็นเอการแปลรหัสพันธุกรรมผิดพลาด ส่งผลให้การเรียงลำดับกรดออะโมนิในสายพอลิเปปไทด์ผิดเพี้ยนไป นำไปสู่การได้โปรตีนที่ไม่สามารถทำงานได้หรือเป็นพิษ จนทำให้โพลีไรโบโซม แยกตัวออกจากกันเป็นหน่วยย่อยของไรโบโซมที่ไม่สามารถทำงานได้

การดูดซึม แก้

ยากลุ่มอะมิโนไกลโคไซด์เป็นยาที่ดูดซึมได้ไม่ดีเท่าใดนักในระบบทางเดินอาหาร เป็นเหตุให้ต้องบริหารยากลุ่มนี้โดยการฉีดเข้ากล้ามเนื้อหรือหลอดเลือดดำ หากหวังผลให้ยาออกฤทธิ์บริเวณอื่นนอกเหนือจากในทางเดินอาหาร

ความปลอดภัย แก้

การเกิดพิษต่อการได้ยิน และการเกิดพิษต่อไป เป็นอาการไม่พึงประสงค์ที่รุนแรงจากการใช้ยายากลุ่มอะมิโนไกลโคไซด์ ซึ่งรวมไปถึงอาร์บีกาซินด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่มีการทำงานของไตผิดปกติ และ/หรือได้รับยาอื่นที่ก่อให้เกิดอาการข้างเคียงต่อการได้ยินและไตเหมือนกัน ทั้งนี้ การใช้ยาในกลุ่มนี้เพื่อการรักษาการติดเชื้อแบคทีเรียโรคใดโรคหนึ่ง จำเป็นต้องได้รับยาต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 7 – 10 วัน แต่ในบางรายที่มีอาการของโรครุนแรงและมีความซับซ้อน อาจจำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยยากลุ่มนี้นานกว่าปกติ ซึ่งการใช้ยาเหล่านี้เป็นระยะเวลาต่อเนื่องกันนานเกินกว่า 10 จะทำให้ผู้ป่วยมีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการไม่พึงประสงค์หรือพิษจากยากลุ่มนี้ได้มากขึ้น

อ้างอิง แก้

  1. Inoue, M.; M. Nonoyama; R. Okamoto; T. Ida (1994). "Antimicrobial activity of arbekacin, a new aminoglycoside antibiotic, against methicilin-resistant Staphylococcus aureus". Drugs Exp Clin Res. 20 (6): 233–240. PMID 7758395.
  2. Cordeiro, J. C. R.; Reis, A. O.; Miranda, E. A.; Sader, H. S. (2001). The Arbekacin Study Group. "In vitro antimicrobial activity of the aminoglycoside arbekacin tested against oxacillin-resistant Staphylococcus aureus isolated in Brazilian hospitals". Brazilian J Infectious Diseases. 5 (3): 130–135. doi:10.1590/s1413-86702001000300005. PMID 11506776.
  3. Kobayashi, Y.; Uchida, H.; Kawakami, Y. (1995). "Arbekacin". Intl J Antimicrobial Agents. 5 (4): 227–230. doi:10.1016/0924-8579(95)00014-Y. PMID 18611673.
  4. Matsumoto T (2014). "Arbekacin: another novel agent for treating infections due to methicillin-resistant Staphylococcus aureus and multidrug-resistant Gram-negative pathogens". Clinical Pharmacology: Advances and Applications. 6: 139–148. doi:10.2147/CPAA.S44377. PMC 4186621. PMID 25298740.{{cite journal}}: CS1 maint: uses authors parameter (ลิงก์)