อาณาจักรพุกาม
21°10′20″N 94°51′37″E / 21.17222°N 94.86028°E
อาณาจักรพุกาม ပုဂံခေတ် | |||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ค.ศ. 849–ค.ศ. 1297 | |||||||||||||||||||
อาณาจักรพุกามประมาณ ค.ศ. 1210 สมัยพระเจ้านรปติสี่ตู่ | |||||||||||||||||||
สถานะ | อาณาจักร | ||||||||||||||||||
เมืองหลวง | พุกาม (ค.ศ. 849–1297) | ||||||||||||||||||
ภาษาทั่วไป | ภาษาพม่าโบราณ, ภาษามอญ, ภาษาปยู | ||||||||||||||||||
ศาสนา | พุทธเถรวาทและมหายาน, วิญญาณนิยม, ศาสนาฮินดู | ||||||||||||||||||
การปกครอง | ราชาธิปไตย | ||||||||||||||||||
พระมหากษัตริย์ | |||||||||||||||||||
• ค.ศ. 1044–77 | พระเจ้าอโนรธามังช่อ | ||||||||||||||||||
• ค.ศ. 1084–1112 | พระเจ้าจานซิต้า | ||||||||||||||||||
• ค.ศ. 1112–67 | พระเจ้าอลองสิธู | ||||||||||||||||||
• ค.ศ. 1174–1211 | พระเจ้านรปติสี่ตู่ | ||||||||||||||||||
• ค.ศ. 1256–87 | พระเจ้านรสีหบดี | ||||||||||||||||||
สภานิติบัญญัติ | รัฐสภาแห่งสหภาพ | ||||||||||||||||||
ยุคประวัติศาสตร์ | สมัยกลาง | ||||||||||||||||||
• เริ่มต้นปฏิทินพม่า | 23 มีนาคม ค.ศ. 640 | ||||||||||||||||||
• ก่อตั้งอาณาจักร | 23 ธันวาคม ค.ศ. 849 | ||||||||||||||||||
• เริ่มต้นใช้ตัวอักษรพม่า | ค.ศ. 984 และ ค.ศ. 1035 | ||||||||||||||||||
• เริ่มสร้างจักรวรรดิ | ค.ศ. 1050–60 | ||||||||||||||||||
• ช่วงรุ่งเรืองสูงสุด | ค.ศ. 1174–1250 | ||||||||||||||||||
• มองโกลรุกรานครั้งแรก | ค.ศ. 1277–87 | ||||||||||||||||||
• รวมอาณาจักรมยีนไซ่ง์ | 17 ธันวาคม ค.ศ. 1297 | ||||||||||||||||||
• มองโกลรุกรานครั้งที่สอง | ค.ศ. 1300–01 | ||||||||||||||||||
ประชากร | |||||||||||||||||||
• ค.ศ. 1210 | 1.5 ถึง 2 ล้านคน | ||||||||||||||||||
สกุลเงิน | จัต | ||||||||||||||||||
|
อาณาจักรพุกาม (พม่า: ပုဂံပြည်, ออกเสียง: [bəɡàɰ̃ kʰɪʔ]) เป็นอาณาจักรพม่าแห่งแรกที่รวมเอาภูมิภาคต่าง ๆ ซึ่งต่อมากลายเป็นพม่าในปัจจุบัน การปกครองของพุกามระยะเวลา 250 ปีเหนือหุบเขาอิระวดีและพื้นที่โดยรอบได้วางรากฐานสำคัญสำหรับการสืบทอดภาษาพม่าและวัฒนธรรม การแพร่กระจายของกลุ่มชาติพันธุ์พม่าในพม่าตอนบนและการเติบโตของศาสนาพุทธนิกายเถรวาทในพม่าและในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แผ่นดินใหญ่[1]
อาณาจักรนี้เติบโตมาจากการตั้งถิ่นฐานเล็ก ๆ ที่พุกามโดยชาวพม่าช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 9 ในอีกสองร้อยปีต่อมาอาณาจักรเล็ก ๆ แห่งนี้ค่อย ๆ เติบโตขึ้นจนดูดกลืนพื้นที่โดยรอบ จนกระทั่งในช่วงปี ค.ศ. 1050 และ ค.ศ. 1060 เมื่อพระเจ้าอโนรธามังช่อทรงก่อตั้งอาณาจักรพุกาม สันนิษฐานว่าเป็นครั้งแรกที่รวมพื้นที่หุบเขาอิรวดีและพื้นที่โดยรอบไว้ภายใต้การปกครองเดียวกัน ในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 12 ผู้สืบทอดของพระเจ้าอโนรธาได้ขยายอิทธิพลไปทางใต้มากขึ้นจรดถึงคาบสมุทรมลายูตอนบน ไปทางตะวันออกอย่างน้อยจรดถึงแม่น้ำสาละวิน ทางเหนือไกลออกไปจรดถึงพรมแดนจีนตอนใต้ในปัจจุบัน และไปทางตะวันตกจรดยะไข่ตอนเหนือและเนินเขาชีน[2][3] ในคริสต์ศตวรรษที่ 12 และ 13 อาณาจักรพุกามซึ่งอยู่ร่วมสมัยกับอาณาจักรพระนครเป็นหนึ่งในสองอาณาจักรหลักของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แผ่นดินใหญ่[4]
ภาษาและวัฒนธรรมพม่าค่อย ๆ เข้ามามีบทบาทในหุบเขาอิรวดีตอนบน ลดความสำคัญของภาษาปยู มอญและบาลีในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 12 ศาสนาพุทธนิกายเถรวาทเริ่มแพร่หลายไปสู่ระดับหมู่บ้านอย่างช้า ๆ แม้ว่าแนวทางปฏิบัติแบบตันตระ มหายาน พราหมณ์และวิญญาณนิยมจะยังคงฝังรากลึกอยู่ในทุกระดับชั้นทางสังคม ผู้ปกครองของพุกามได้สร้างวัดพุทธมากกว่า 10,000 วัดในเขตโบราณคดีพุกาม ซึ่งปัจจุบันเหลืออยู่มากกว่า 2,000 วัด เศรษฐีบริจาคที่ดินปลอดภาษีให้กับทางศาสนา[5]
อาณาจักรเสื่อมถอยลงในช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 13 จากการเติบโตต่อเนื่องของความมั่งคั่งทางศาสนาที่ปลอดภาษีในช่วงปี ค.ศ. 1280 ส่งผลอย่างรุนแรงต่อความสามารถของกษัตริย์ในการรักษาความภักดีของข้าราชบริพารและทหาร สิ่งนี้ทำให้เกิดความไม่สงบภายในและความท้าทายภายนอกจากชาวยะไข่ มอญ มองโกล และไทใหญ่ การรุกรานของมองโกลซ้ำแล้วซ้ำเล่า (ค.ศ. 1277–1301) ทำให้อาณาจักรซึ่งมีอายุสี่ร้อยกว่าปีนี้ล่มสลายลงใน ค.ศ. 1287 การล่มสลายดังกล่าวตามมาด้วยการแตกแยกทางการเมืองเป็นเวลา 250 ปีซึ่งกินระยะเวลานานจนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 16[6][7]
อาณาจักรพุกามหลังปี พ.ศ. 1830 ถูกมองโกลยึดครองและแบ่งดินแดนออกเป็น 2 มณฑล[8] คือ
- มณฑลเจิ้งเหมี่ยน (จีน: 征緬; เวด-ไจลส์: Cheng-Mien) โดยรวมรัฐทางเหนือของพม่าเข้าด้วยกันมีตะก้อง เป็นศูนย์กลางภายใต้การปกครองของข้าหลวงจีน มีทหารมองโกลประจำ
- มณฑลเหมี่ยนชุง (จีน: 緬中; เวด-ไจลส์: Mien-Chung) อยู่ทางภาคกลางของพม่า มีพุกามเป็นศูนย์กลางจนปี พ.ศ. 1832 จึงได้แต่งตั้งพระเจ้าจะซวา เป็นกษัตริย์ปกครองพุกาม ในฐานะประเทศราชของจีน
รายพระนามกษัตริย์
แก้- ราชวงศ์พุกามตอนต้น
- พระเจ้าปยีน-บย่า ครองราชย์ระหว่างปี พ.ศ. 1389–1419
- ตานแนะ ครองราชย์ระหว่างปี พ.ศ. 1419–1447
- ซะเลงะคเว่ ครองราชย์ระหว่างปี พ.ศ. 1447–1477
- เต้นโค ครองราชย์ระหว่างปี พ.ศ. 1477–1499
- ญองอู้ ซอยะฮ่าน ครองราชย์ระหว่างปี พ.ศ. 1499–1544
- กู้นซอจ้องพยู ครองราชย์ระหว่างปี พ.ศ. 1544-1564
- จีนโซ่ ครองราชย์ระหว่างปี พ.ศ. 1564-1581
- โซะกะเต้ ครองราชย์ระหว่างปี พ.ศ. 1581-1587
- สมัยจักรวรรดิ
- พระเจ้าอโนรธามังช่อ ครองราชย์ระหว่างปี พ.ศ. 1587-1620
- พระเจ้าซอลู ครองราชย์ระหว่างปี พ.ศ. 1620-1627
- พระเจ้าจานซิต้า ครองราชย์ระหว่างปี พ.ศ. 1627-1655/1656
- พระเจ้าอลองสิธู ครองราชย์ระหว่างปี พ.ศ. 1655/1656-1710
- พระเจ้านะระตู ครองราชย์ระหว่างปี พ.ศ. 1710-1714
- พระเจ้านรสิงขะ ครองราชย์ระหว่างปี พ.ศ. 1714-1717
- พระเจ้านรปติสี่ตู่ ครองราชย์ระหว่างปี พ.ศ. 1717-1754
- พระเจ้าไชยสิงขะ ครองราชย์ระหว่างปี พ.ศ. 1754-1778
- นรสิงหอุซะนา ครองราชย์ระหว่างปี พ.ศ. 1774/1778-1778 (เทียบเท่าผู้ว่าการแทน)
- พระเจ้าจะซวา ครองราชย์ระหว่างปี พ.ศ. 1778-1792
- พระเจ้าอุซะนา ครองราชย์ระหว่างปี พ.ศ. 1792-1799
- พระเจ้านรสีหบดี ครองราชย์ระหว่างปี พ.ศ. 1799-1830
พุกามในปัจจุบัน
แก้ดูบทความหลักที่ พุกาม
ปัจจุบันพุกามเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงทางด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของพม่า พุกามได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งทะเลเจดีย์หรือดินแดนแห่งเจดีย์ เพราะในช่วงรุ่งเรืองสูงสุดของอาณาจักรระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 11 ถึง 13 มีวัด เจดีย์ และอาราม กว่า 10,000 แห่ง ที่ถูกสร้างขึ้นบนที่ราบพุกามเพียงแห่งเดียว[9] ซึ่งยังคงมีวัดและเจดีย์กว่า 2,200 แห่งที่ยังคงอยู่รอดมาจนถึงปัจจุบัน[10] ในปี พ.ศ. 2562 พุกามได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโกให้เป็นแหล่งมรดกโลกแห่งใหม่[11]
หมายเหตุ
แก้- อาณาจักรมองโกลได้เริ่มรุกรานและคุกคามพุกามมาตั้งแต่สมัยพระเจ้านรปติสินธุ หลังจากนั้นกษัตริย์อีก 3-4 พระองค์ถัดมาครองราชย์แต่เพียงสั้น ๆ ไม่ปรากฏผลงานที่โดดเด่น จนในที่สุดอาณาจักรพุกามก็ล่มสลายถึงที่สุดในสมัยพระเจ้านรสีหบดี ก็ตกเป็นประเทศราชของราชวงศ์หยวนของกุบไลข่าน
อ้างอิง
แก้- ↑ Lieberman 2003: 88–123
- ↑ Lieberman 2003: 90–91, 94
- ↑ Aung-Thwin 1985: 197
- ↑ Lieberman 2003: 24
- ↑ Lieberman 2003: 92–97
- ↑ Lieberman 2003: 119–120
- ↑ Htin Aung 1967: 63–65
- ↑ "อาณาจักรที่สำคัญของพม่า". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-07-19. สืบค้นเมื่อ 2008-04-23.
- ↑ Stadtner 2011: 216
- ↑ Köllner, Bruns 1998: 117
- ↑ "Seven more cultural sites added to UNESCO's World Heritage List". UNESCO. 6 July 2019.
บรรณานุกรม
แก้- Aung-Thwin, Michael (1985). Pagan: The Origins of Modern Burma. Honolulu: University of Hawai'i Press. ISBN 0-8248-0960-2.
- Aung-Thwin, Michael (2005). The mists of Rāmañña: The Legend that was Lower Burma (illustrated ed.). Honolulu: University of Hawai'i Press. ISBN 9780824828868.
- Charney, Michael W. (2006). Powerful Learning: Buddhist Literati and the Throne in Burma's Last Dynasty, 1752–1885. Ann Arbor: University of Michigan.
- Coedès, George (1968). Walter F. Vella (บ.ก.). The Indianized States of Southeast Asia. trans.Susan Brown Cowing. University of Hawaii Press. ISBN 978-0-8248-0368-1.
- Cooler, Richard M. (2002). "The Art and Culture of Burma". Northern Illinois University. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-12-26. สืบค้นเมื่อ 2016-11-22.
- Dijk, Wil O. (2006). Seventeenth-century Burma and the Dutch East India Company, 1634–1680 (illustrated ed.). Singapore: NUS Press. ISBN 9789971693046.
- Hall, D.G.E. (1960). Burma (3rd ed.). Hutchinson University Library. ISBN 978-1-4067-3503-1.
- Harvey, G. E. (1925). History of Burma: From the Earliest Times to 10 March 1824. London: Frank Cass & Co. Ltd.
- Htin Aung, Maung (1967). A History of Burma. New York and London: Cambridge University Press.
- Kala, U (1720). Maha Yazawin Gyi (ภาษาพม่า). Vol. 1–3 (2006, 4th printing ed.). Yangon: Ya-Pyei Publishing.
- Köllner, Helmut; Axel Bruns (1998). Myanmar (Burma) (illustrated ed.). Hunter Publishing. pp. 255. ISBN 9783886184156.
- Kyaw Thet (1962). History of Burma (ภาษาพม่า). Yangon: Yangon University Press.
- Lieberman, Victor B. (2003). Strange Parallels: Southeast Asia in Global Context, c. 800–1830, volume 1, Integration on the Mainland. Cambridge University Press. ISBN 978-0-521-80496-7.
- Moore, Elizabeth H. (2007). Early Landscapes of Myanmar. Bangkok: River Books. ISBN 974-9863-31-3.
- Myint-U, Thant (2006). The River of Lost Footsteps—Histories of Burma. Farrar, Straus and Giroux. ISBN 978-0-374-16342-6.
- Pan Hla, Nai (1968). Razadarit Ayedawbon (ภาษาพม่า) (8th printing, 2004 ed.). Yangon: Armanthit Sarpay.
- Ricklefs, M.C.; Bruce McFarland Lockhart; Albert Lau; Portia Reyes; Maitrii Aung-Thwin; Bruce Lockhart (2010). A New History of Southeast Asia. Palgrave Macmillan. p. 544. ISBN 978-0230212145.
- Royal Historical Commission of Burma (1829–1832). Hmannan Yazawin (ภาษาพม่า). Vol. 1–3 (2003 ed.). Yangon: Ministry of Information, Myanmar.
- Than Tun (December 1959). "History of Burma: A.D. 1300–1400". Journal of Burma Research Society. XLII (II).
- Than Tun (1964). Studies in Burmese History (ภาษาพม่า). Vol. 1. Yangon: Maha Dagon.
- Wicks, Robert S. (1992). Money, markets, and trade in early Southeast Asia: the development of indigenous monetary systems to AD 1400. SEAP Publications. ISBN 9780877277101.