อากร ฮุนตระกูล
อากร ฮุนตระกูล (22 สิงหาคม พ.ศ. 2488 — 4 มีนาคม พ.ศ. 2543) นักธุรกิจ อดีตประธานกรรมการโรงแรมเครืออิมพีเรียล อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร และอดีตผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในปี พ.ศ. 2539
อากร ฮุนตระกูล | |
---|---|
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร | |
ดำรงตำแหน่ง 13 กันยายน พ.ศ. 2535 – 26 เมษายน พ.ศ. 2536 (225 วัน) | |
ก่อนหน้า | ลลิตา ฤกษ์สำราญ |
ถัดไป | ลลิตา ฤกษ์สำราญ |
คะแนนเสียง | 49,463 |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 22 สิงหาคม พ.ศ. 2488 |
เสียชีวิต | 4 มีนาคม พ.ศ. 2543 (54 ปี) |
สาเหตุการเสียชีวิต | โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง |
พรรคการเมือง | พลังใหม่ (2518) พลังธรรม (2535) |
คู่สมรส | ชมพูนุช ฮุนตระกูล |
บุตร | ธนกร ฮุนตระกูล |
ประวัติ
แก้อากร ฮุนตระกูล เกิดวันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2488 สำเร็จการศึกษาจาก โรงเรียนเซนต์คาเบรียล
อากรสมรสกับ นางชมพูนุช ฮุนตระกูล มีบุตรชายคือ ธนกร ฮุนตระกูล (สมรสกับ "กอหญ้า" สายสิริ ชุมสาย ณ อยุธยา)
ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2549 ภายหลังจากที่อากรถึงแก่กรรมไป 9 ปี ครอบครัวฮุนตระกูลได้ตัดสินใจบริจาคที่ดินบนเกาะสมุย ที่กว้านซื้อสะสมไว้ประมาณ 4,870 ไร่ ให้กับทางราชการ เพื่อให้รัฐนำไปใช้ประโยชน์จัดทำป่าชุมชน เขตป่าต้นน้ำลำธาร หรือเป็นพื้นที่ป่าสำหรับอนุรักษ์สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ตามเจตนารมย์ของอากร ที่รวบรวมที่ดินดังกล่าวไว้เพื่อเป็นป่าต้นน้ำ เอกสารที่นำมามอบให้ประกอบด้วย สัญญาซื้อขายที่ดิน สำเนาหนังสือภาษีบำรุงท้องที่ (ภบท.5) กว่า 100 แปลง ในพื้นที่ ต.บ่อผุด ต.แม่น้ำ ต.อ่างทอง ต.ลิปะน้อย และ ต.หน้าเมือง อำเภอเกาะสมุย โดยส่วนหนึ่งเป็น น.ส.3 ก. ซึ่งที่ดินดังกล่าวนายอากรได้ซื้อไว้เป็นเวลา 10-15 ปีคิดเป็นเงินประมาณ 40-50 ล้านบาท แต่ที่ดินทั้งหมดคิดเป็นมูลค่าในปัจจุบันได้ถึงประมาณสามพันล้านบาท
การทำงาน
แก้อากรเริ่มทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายสินเชื่อ ธนาคารเชสแมนฮัตตัน ในปี พ.ศ. 2514 และเริ่มทำธุรกิจโรงแรมตั้งแต่ปี พ.ศ. 2516 โดยดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานกรรมการโรงแรมเครืออิมพีเรียล ซึ่งมีโรงแรมในเครือถึง 7 แห่ง คือ โรงแรมนิวอิมพีเรียลควีนส์ปาร์ค (ปัจจุบัน คือ โรงแรมแมริออท ควีนส์ปาร์ค กรุงเทพ) โรงแรมอิมพาล่า (ปัจจุบัน คือ โรงแรมฮิลตัน สุขุมวิท) โรงแรมอิมพีเรียลธารา (ปัจจุบัน คือ โรงแรมดับเบิลทรี บาย ฮิลตัน สุขุมวิท) โรงแรมอิมพีเรียลสมุย โรงแรมธาราแม่ฮ่องสอน โรงแรมเรือและบ้านสมุย และโรงแรมลำปางธานี รวมทั้งยังมีกิจการร้านอาหารทั้งในประเทศและต่างประเทศอีกหลายแห่ง
นายอากรเป็นนักธุรกิจหัวก้าวหน้า มักเปิดโรงแรมให้พวกพ้องนักวิชาการได้สัมมนาวิชาการกันอย่างเต็มที่ และจากการพูดจาที่โผงผาง ทำให้ได้รับการขนานนามว่า "นักอุดมการณ์ขวานผ่าซาก"
หลังจากมีปัญหาด้านสุขภาพโดยตรวจพบมะเร็งในกระเพาะปัสสาวะเมื่อกลางปี พ.ศ. 2537 นายอากรตัดสินใจยุติบทบาททางธุรกิจลง ด้วยการขายกิจการโรงแรมในเครืออิมพีเรียล ซึ่งเป็นกิจการเก่าแก่ของตระกูล ให้กับเจริญ สิริวัฒนภักดี คงเหลือกิจการโรงแรมในมือเพียงไม่กี่แห่ง เช่น โรงแรมบ้านท้องทราย ที่เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี
ผลจากการขายกิจการดังกล่าว ทำให้นายอากรสามารถล้างหนี้สินที่มีอยู่เกือบ 5,900 ล้านบาท จากการลงทุนสร้างโรงแรมอิมพีเรียลควีนส์ปาร์ค ที่ปากซอย สุขุมวิท 24 ที่ได้รับผลกระทบจากสงครามอ่าวเปอร์เซียในปี พ.ศ. 2533 การรัฐประหารโดย คณะรสช. เมื่อปี พ.ศ. 2534 ต่อเนื่องไปถึง เหตุการณ์พฤษภาทมิฬในปี พ.ศ. 2535 โดยหลังจากชำระหนี้แล้ว อากรยังเหลือเงินสดถึงประมาณ 2,300 ล้านบาทอีกด้วย ในขณะที่นักธุรกิจคนอื่น ๆ ต้องแบกรับภาระหนี้สินที่เพิ่มขึ้นอย่างมากมาย หลังการประกาศลอยตัวค่าเงินบาท ในปี พ.ศ. 2540[1]
การเมือง
แก้อากรมีความสนใจในการเมืองมานาน เขาเคยตั้งกลุ่มสามัคคีสมาคม เพื่อแสดงความเห็นทางการเมืองอย่างเสรี อากรเคยเดินขบวนร่วมประท้วงเผด็จการช่วงเหตุการณ์ 14 ตุลา และหลังได้รัฐธรรมนูญปี พ.ศ. 2517 เขายังร่วมกับเพื่อนสนิทอย่างสุทธิชัย หยุ่น และขรรค์ชัย บุนปาน จัดเวทีกลางโรงแรมอิมพีเรียล นำหัวหน้าพรรคการเมืองสำคัญ ๆ มาซักถามเรื่องนโยบายและวิสัยทัศน์ และถ่ายทอดออกโทรทัศน์
ใน การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2518 อากรมีแผนลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานครในนามพรรคพลังใหม่ แต่ด้วยความไม่พร้อมบางประการ จึงไม่ได้ลงสมัคร[2] จนกระทั่งในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป กันยายน พ.ศ. 2535 อากรลงสมัครในสังกัดพรรคพลังธรรม และได้รับเลือกตั้ง พร้อมกับประกาศว่าจะไม่รับตำแหน่งรัฐมนตรีใดๆ แม้คุณสมบัติจะเหมาะสมก็ตาม แต่หลังจากเป็น สส. เพียง 7 เดือน อากรก็ได้ลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากถูก ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวโทษในคดีปั่นหุ้น แม้สมาชิกพรรคจะคัดค้านก็ตาม ซึ่งในที่สุดนายอากรได้รับการตัดสินให้พ้นข้อกล่าวหา
หลังจากสามารถรักษาตัวจนหายจากโรคมะเร็งที่กระเพาะปัสสาวะ อากรได้ลงสมัครรับเลือกตั้งใน การเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2539 แข่งขันกับพิจิตต รัตตกุล, พลตรี จำลอง ศรีเมือง และร้อยเอก กฤษฎา อรุณวงษ์ ณ อยุธยา โดยชูนโยบาย "ทำกรุงเทพให้เล็กลง" แต่ได้รับคะแนนเสียงเป็นอันดับที่ 4 ไม่ได้รับการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม อากรเคยระบุจุดประสงค์การลงสมัครไว้ว่า เพื่อใช้เวทีเลือกตั้ง นำเสนอความคิดต่อสังคมในเรื่องกรุงเทพฯ ควรต้องเล็กลง มากกว่าที่จะต้องการชนะเลือกตั้ง
นอกจากนี้ อากรตั้งใจจะลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา ใน การเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2543 แต่ได้มีอาการป่วยเสียก่อน จึงไม่สามารถสมัครได้
ถึงแก่กรรม
แก้อากรมีอาการป่วยด้วยโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ทำให้ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล จนถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2543 ซึ่งเป็นวันเดียวกันกับที่มีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
แก้- พ.ศ. 2535 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 3 ตริตาภรณ์มงกุฎไทย (ต.ม.)[3]
อ้างอิง
แก้- ↑ อากร ฮุนตระกูลกับวันสบายๆ ที่บ้านท้องทราย
- ↑ "อากร ฮุนตระกูล : ทำกรุงเทพฯ ให้เล็กลง ครั้งหนึ่งของนักการเมืองน้ำดี - ยอดมนุษย์..คนธรรมดา". สืบค้นเมื่อ 2025-04-25.
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๑๐๙ ตอนที่ ๑๕๔ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๕, ๔ ธันวาคม ๒๕๓๕