อวย เกตุสิงห์
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ เรือโท นายแพทย์ อวย เกตุสิงห์ เป็นแพทย์ชาวไทย เกิดเมื่อวันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2451 เป็นชาวจังหวัดพระนคร สำเร็จการศึกษาแพทยศาสตรบัณฑิต เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง จาก คณะแพทยศาสตร์และศิริราชพยาบาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แล้วได้ทุนไปศึกษาเพิ่มเติมที่มหาวิทยาลัยในประเทศเยอรมนี ก่อนจะกลับมาเป็นอาจารย์ที่ภาควิชาสรีรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล อวยได้รับการยกย่องว่าเป็นนายแพทย์ที่มีความรู้ทางพระพุทธศาสนาสูง รู้จักประยุกต์ใช้คำสอนของพระพุทธศาสนาเพื่อประโยชน์ทางการบำบัดผู้ป่วยกับวิชาแพทย์แผนใหม่รุ่นบุกเบิกของไทย ในขณะเดียวกัน ท่านยังเป็นนายแพทย์ผู้บุกเบิกเอาวิชาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ และแพทยศาสตร์มาประยุกต์และได้รับสมญานามว่าเป็น บิดาแห่งแพทย์แผนไทยประยุกต์
อวย เกตุสิงห์ | |
---|---|
![]() | |
เกิด | อวย เกตุสิงห์ ตำบลรังสิต อำเภอรังสิต จังหวัดพระนคร |
สัญชาติ | ไทย |
ชาติพันธุ์ | ไทย |
อาชีพ | แพทย์, อาจารย์ |
องค์การ | คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ |
ศาสนา | พุทธ |
คู่สมรส | พญ.ม.ร.ว.ส่งศรี เกษมศรี (2452–2552) |
ประวัติแก้ไข
อวยเกิดเมื่อวันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2451 ณ ตำบลรังสิต อำเภอรังสิต จังหวัดพระนคร เป็นบุตรคนที่สองของรองอำมาตย์เอก หลวงศรีนาวาพล (อู่ เกตุสิงห์) และนางลูกจันทร์ ศรีนาวาพล มีพี่น้องรวม 7 คน อวยได้รับการศึกษาภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และกวีนิพนธ์จากบิดาแต่ก่อนครั้งเข้าวัยเรียน และได้รับการหล่อหลอมให้เป็นผู้มีคุณธรรม จริยธรรมจากคุณยาย อวยเริ่มต้นการศึกษาในระดับประถมศึกษา ณ โรงเรียนประถมจักรวรรดิ และศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษา ณ โรงเรียนมัธยมวัดบพิตรภิมุขและโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยตามอันดับ และเข้าสอบชิงทุนศึกษา ณ ต่างประเทศ แต่พลาดทุนดังกล่าวจึงเปลี่ยนมุ่งหมายสู่การศึกษาด้านแพทยศาสตร์
อวยเข้าศึกษา ณ โรงเรียนเตรียมแพทย์ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในคณะอักษรศาสตร์และวิทยาศาสตร์ และศึกษาต่อในคณะแพทยศาสตร์และศิริราชพยาบาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเมื่อเริ่มฝึกปฏิบัติ ณ โรงพยาบาลศิริราชนั้น ได้ศึกษาในแผนกวิชาสรีรวิทยา อวยเป็นเด็กที่เรียนเก่งจนได้รับทุนของพระยาอุเทนเทพโกสินทร์สำหรับการสอบได้เป็นอันดับหนึ่ง เมื่อจบการศึกษาแล้วนั้น (เวชชบัณฑิต) ได้รับรางวัลเหรียญทองสำหรับการเรียนยอดเยี่ยมตลอดหลักสูตรและรางวัลเหรียญทองแดงสำหรับความเป็นเยี่ยมในวิชาสรีรวิทยา พยาธิวิทยา อายุรศาสตร์ ศัลยศาตร์ และสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา
อวยเข้ารับราชการเป็นอาจารย์และทำงานพร้อมศึกษาต่อ ณ คณะแพทยศาสตร์และศิริราชพยาบาล และสอบได้ปริญญาแพทยศาสตรดุษฎีบัณฑิตใน พ.ศ. 2478 ในปีต่อมาอวยสามารถสอบทุนอเล็กซานเดอร์ ฟอน ฮุมโบลท์ ไปศึกษาเพิ่มเติมในวิชาสรีรวิทยา เภสัชวิทยา และเคมี ณ มหาวิทยาลัยฮัมเบิร์ก ประเทศเยอรมนี ภายหลังสำเร็จการศึกษาแล้วนั้น อวยได้กลับมาปฏิบัติหน้าที่เป็นอาจารย์คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล โดยได้ดำรงตำแหน่งสำคัญต่างๆ อาทิ หัวหน้าแผนกสรีรวิทยา, รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ (มหาวิทยาลัยมหิดลในปัจจุบัน), หัวหน้าแผนกเภสัชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์, คณบดีคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ (ปัจจุบันสังกัดจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย), รักษาการผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬาองค์การส่งเสริมกีฬาแห่งประเทศไทย นอกจากนี้ อวยยังเป็นบิดาแห่งแพทย์แผนไทยประยุกต์ เป็นผู้บุกเบิกก่อตั้ง อายุรเวทวิทยาลัย ให้ความสำคัญแก่วิธีการรักษาแบบตะวันออก ตามแนวของหมอชีวกโกมารภัจจ์
เขาเคยได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในปี พ.ศ. 2516[1]
อวยสมรสกับแพทย์หญิง หม่อมราชวงศ์ส่งศรี เกษมศรี ธิดาในหม่อมเจ้าปฏิพัทธเกษมศรี เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2486 มีบุตรสาว 1 คน คือ ดร.ศิวพร เกตุสิงห์
เครื่องราชอิสริยาภรณ์แก้ไข
- พ.ศ. 2525 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นสูงสุด มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)[2]
- พ.ศ. 2508 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นสูงสุด มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)[3]
- พ.ศ. 2516 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ (ท.จ.ว.)[4]
- พ.ศ. 2509 - เหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา (ร.ด.ม.(ศ))[5]
- พ.ศ. 2501 - เหรียญจักรพรรดิมาลา (ร.จ.พ.)
- พ.ศ. 2483 เหรียญช่วยราชการเขตหลัง (กรณีพิพาทอินโดจีน)
- พ.ศ. 2509 เหรียญลูกเสือสดุดี
- พ.ศ. 2513 ดาส โกรสเซ่ แฟร์ดีนสทครอยทซ์ - สหพันธรัฐเยอรมัน
อ้างอิงแก้ไข
- ↑ พระบรมราชโองการ แต่งตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
- ↑ แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา,แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เล่ม 82 ตอนที่ 111 วันที่ 23 ธันวาคม 2508
- ↑ แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา, เล่ม ๘๓, ตอน ๑๓ ง, ๑๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๐๙, หน้า ๗๗๐