หลวงพ่อสงฆ์ จนฺทสโร

พระอธิการสงฆ์ จนฺทสโร

(สงฆ์ จนฺทสโร)
ชื่ออื่นหลวงพ่อสงฆ์ จนฺทสโร , หลวงปู่สงฆ์ จนฺทสโร
ส่วนบุคคล
เกิด30 เมษายน พ.ศ. 2432 [1] (94 ปี)
มรณภาพ2 สิงหาคม พ.ศ. 2526
นิกายมหานิกาย
การศึกษานักธรรมชั้นเอก
ตำแหน่งชั้นสูง
ที่อยู่วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย ชุมพร
บรรพชาพ.ศ. 2450
อุปสมบทพ.ศ. 2452
พรรษา74
ตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดเจ้าฟ้าศาลาลอย

ประวัติ แก้

หลวงพ่อสงฆ์ จนฺทสโร ท่านมีนามเดิมว่า สง เกิดเมื่อวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2432 ณ บ้านหนองหลวง จังหวัดชุมพร [2] บิดาของท่านคือ นายแดง มารดาชื่อ นางนุ้ย มีอาชีพทำเกษตรกรรม ต่อมาเมื่ออายุ 18 ปี ท่านได้เข้าบรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดสวี วัดใกล้บ้าน บวชได้ไม่นานท่านก็ลาสิกขาบทออกมาช่วยบิดามารดาทำนาเกษตรกรรมต่อไป จนกระทั่งในปีพ.ศ. 2452 ขณะที่ท่านมีอายุครบ 20 ปี ท่านได้เข้าอุปสมบทเป็นพระภิกษุ และได้รับความเมตตาจาก หลวงพ่อชื่น เป็นพระอุปัชฌาย์ได้ให้ฉายาว่า จนฺทสโร ภายหลังการอุปสมบท ท่านก็ได้ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมในเรื่องพระธรรมวินัย และได้รู้เกี่ยวกับเรื่องชีวิตเพศพรหมจรรย์ พอสำเร็จแล้ว ท่านก็ได้เริ่มศึกษาสนใจเรื่องการนั่งวิปัสนนากรรมฐาน หลวงพ่อท่านได้กราบลาพระอาจารย์เพื่อออกเดินทางธุดงค์ไปหาพระอาจารย์ที่เชี่ยวชาญทางด้านนี้ หลวงพ่อท่านก็ต้องพบเจอกับป่าไพร และในป่านี้ก็อันตรายมาก แต่ท่านก็มีความอดทน สุดท้ายท่านก็รอดพ้นอุปสรรคทั้งหมดได้ ต่อมาหลวงพ่อท่านได้พบเจอพระอาจารย์รอด วัดโต๊ะแซ หรือตอแซ ซึ่งเป็นพระอาจารย์ที่ทรงมีสมาบัติสูงรูปหนึ่ง ท่านได้ไปฝากตัวเป็นศิษย์กับท่าน และอยู่ปฏิบัติพระกรรมฐาน และสามารถเดินธุดงค์กรรมฐานได้อีกด้วย ด้วยความเพียรพยายาม ท่านก็เดินธุดงค์ไปยังถ้ำ ป่าช้า จงมีประสบการณ์ หลวงปู่ท่านมีประสบการณ์ในการถ่ายทอดความรู้ให้กับลูกศิษย์ลูกหาสายวัดเขาอ้อ หลวงพ่อท่านได้เห็นวัฎสงสาร และเบื่อชีวิตการที่ต้องอยู่ในป่าแบบนี้ ท่านจึงได้ปฏิบัติธรรมกรรมฐาน บำเพ็ญเพียร เดินจงกรม หรือทำสมาธิเพื่อทำให้จิตใจสงบลง เวลาท่านเดินจงกรม ท่านก็กำหนดสติที่มีอยู่ในการกำหนดว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ เมื่อรู้ซึ้งในพระธรรมะแล้ว หลวงพ่อท่านก็นำธรรมะนั้นมาสอนขัดเกลาจิตใจตนเอง และพยายามที่จะหาทางดับทุกข์กิเลสในใจของมนุษย์ ท่านได้เริมทรมานกิเลสในใจของท่านเป็นเวลา 7 ปี ทำให้จิตใจท่านสะอาดบริสุทธิ์ แต่สภาพร่างกายของท่าน ทั้งสบง จีวร ฯลฯ ล้วนขาด หรือตัวท่านเหมือนฤๅษีชีไพร ต่อมาชาวบ้านเดินทางตามเสียงนกมาเจอท่าน และนิมนต์ท่านให้มาอยู่ ณ วัดร้างแห่งหนึ่ง ต่อมาท่านได้ออกจาริกจากป่า มายังวัดร้าง มาจำพรรษาพร้อมกับสร้างบูรณะปฏิสังขรณ์วัด จนเจริญรุ่งเรือง และได้รับการขนานนามว่า วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย [3] ในชีวิตของหลวงพ่อท่าน ก็ได้พบเจอเหตุการณ์ต่าง ๆ ซึ่งแสดงถึงความไม่แน่ไม่นอน และได้สอนให้คนทำแต่ความดี ละเว้นความชั่ว ท่านได้มาจำวัดเจ้าฟ้าศาลาลอยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2462 ท่านได้ปฏิบัติกิจของสงฆ์อย่างเคร่งครัด และเป็นพระผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ และมักจะมีชาวบ้าน ญาติโยมมาขอพร หรือขอความช่วยเหลือจากท่าน ต่อมาสังขารก็ไม่เที่ยง ในวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2526 ท่านได้มีสายน้ำเกลือติดอยู่ที่แขนท่าน และท่านก็นอนสลบไปพักหนึ่ง ต่อมาลูกศิษย์ได้เห็นท่านนิ่งไป จึงขึ้นมาดูอาการ ปรากฏว่า ท่านได้ถึงแก่มรณภาพแล้วด้วยอาการสงบ รวมสิริอายุได้ 94 ปี 74 พรรษา รวมระยะเวลาในการดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสนานถึง 64 ปี มีกำหนดพิธีบำเพ็ญกุศลศพในระหว่างวันที่ 2 - 16 สิงหาคม พ.ศ. 2526 ปิดศพวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2526 [4]

อ้างอิง แก้