สโมสรฟุตบอลนราธิวาส

สโมสรฟุตบอลจังหวัดนราธิวาส เป็นอดีตสโมสรฟุตบอลอาชีพในประเทศไทย โดยเป็นทีมจากจังหวัดนราธิวาส

นราธิวาส เอฟซี
สโมสรฟุตบอลนราธิวาส
ชื่อเต็มสโมสรฟุตบอลจังหวัดนราธิวาส
ฉายากอและพิฆาต
ก่อตั้งพ.ศ. 2545
สนามสนามกีฬากลางจังหวัดนราธิวาส
ความจุ10,000 ที่นั่ง
ประธานไทย มูฮัมหมัดซอและห์ หะยีดาโอะ
ผู้จัดการไทย กูเซ็ง ยาวอหะซัน
ผู้ฝึกสอนไทย นริศ สุทธิกลัด
สีชุดทีมเยือน

ประวัติสโมสร

แก้

ฟุตบอลนราธิวาสในอดีต

แก้

หากพูดถึงทีมฟุตบอล นราธิวาส แฟนบอลอาวุโสหลายคนในยุคนั้น อาจจะเฉยๆ น้อยคนนักที่จะประหวั่นพรั่นพรึงถึงพิษสงและความน่ากลัวของทีมชายแดนใต้ทีมนี้ แม้กระทั่งในภาคใต้เอง ทีมนี้...ก็อยู่ภายใต้ร่มของยักษ์ใหญ่ในอดีต อย่าง นครศรีธรรมราช, ตรัง, กระบี่, สตูล,สุราษฏร์ธานี, พังงา และสงขลา แม้กระทั่งปัตตานี ที่สับเปลี่ยนหมุนเวียน ขึ้นมาครองความยิ่งใหญ่ โดยตลอดในยุคที่กีฬาแห่งชาติ ได้ชื่อว่าเป็นกีฬาเขต จะเห็นได้ว่าในยุค 60-70 นราธิวาส ไม่เคยเฉียดสัมผัสตำแหน่งแชมป์บอลโล่พระราชทานฯ เลยแม้แต่ครั้งเดียว เป็นเครื่องตอกย้ำความจริงข้อนี้ได้เป็นอย่างดี มีบ้างที่หักปากกาเซียน ในยุคของผู้บริหารทีมจากยี่งอ เป๊าะนิอาแซ ที่นำนรา ไปแข่งกีฬาเขต และยามาฮ่าไทยแลนด์คัพ รอบสุดท้ายที่กทม.ในยุค 80 โดยได้โค้ชอดีตทีมชาติ คุณ แก้ว โตอติเทพ จากสโมสรราชวิถี เข้ามาช่วยให้นักเตะนรามีพัฒนาการที่ดีขึ้น

ต่อมาในยุค 90 เมื่อขั้วอำนาจถูกย้ายฝั่งไปที่ อ.สุไหงโก-ลก ฟุตบอลนราก็วงเวียนอยู่แค่ระดับภาคใต้ตอนล่างและรัฐทางตอนเหนือของประเทศมาเลเซียเท่านั้น กระทั่งจุดเปลี่ยน ทำให้นราธิวาส เริ่มเห็นแสงสว่างรำไรที่ปลายอุโมงค์แห่งความฝัน นั่นก็คือ ในระหว่างปี 97-99 ทีมฟุตบอลของโรงเรียนนราสิกขาลัย ในนามทีม มาโซบาติก โดยการนำของ อ.นิมิตร ลิ่วตระกูล ประกาศศักดาความยิ่งใหญ่คับจังหวัด ด้วยการคว้าถ้วยรางวัลมาทั่วหล้า และนักเตะยุคนั้น ได้กระจายไปเล่นในสโมสรต่างๆทั่วภาคใต้ อีกทั้งยังมีโอกาสเป็นตัวแทนเขต เข้าร่วมแข่งกีฬาเยาวชนแห่งชาติรอบสุดท้าย ก่อนสร้างผลงานได้อย่างน่าพอใจ

ยุคโปรลีก

แก้

จึงเกิดเป็นแรงบันดาลใจให้ 2 สหายจากมะนังตายอ สส.วัชระ ยาวอฮะซัน และ โค้ชอ๊อด พิทยา พิมานแมน เข้ามาทำทีมฟุตบอลอย่างจริงจังในเวลาต่อมา ในช่วงปี 2000 โดยมีนักเตะเยาวชนจาก ร.ร.นราสิกขาลัย เป็นฟันเฟืองหลักในความสำเร็จ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ยังเวทีน้อยใหญ่มากมายทั่วภาคใต้ ก่อนจะประสบความสำเร็จระดับภาคเป็นครั้งแรกในศึก ไทคัพ และไพรม์มินิสเตอร์ คัพ ปี 2002 ช่วงที่ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพบอลโลก ร่วมกัน จากนั้น 2 ปีต่อมา ได้ประสบความสำเร็จต่อเนื่องด้วยการผ่านเข้ารอบสุดท้าย กีฬาแห่งชาติที่ ราชบุรี ในปี 2004 และสามารถฝ่าด่านมหากาฬของรอบแรก สำเร็จในประวัติศาสตร์จังหวัด

แม้ว่าปีนั้นจะเป็นฝ่ายปราชัยให้กับทีมสุพรรณบุรี ระดับโปรลีก ในรอบแปดทีมสุดท้ายก็ตาม แต่นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะเป็นแรงโหมสำคัญทำให้เรือกอและแห่งบางนรา ทะยานไปอย่างต่อเนื่อง ด้วยการได้เข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลโปรวินเชียลลีก ดิวิชั่น 2 ในปี 2005 ก่อนจะได้สิทธ์ขึ้นชั้นสำเร็จในปีต่อมา ทันที่ได้ขึ้นไปเล่น โปรเฟสชั่นแนลลีก เป็นครั้งแรกในระบบลีกอาชีพ ปี 2006 ทีมนราก็ได้สร้างปรากฏการสำคัญให้กับวงการฟุตบอลไทย ซึ่งถือว่าเป็นคุนูปการให้กับสมาคมฟุตบอลไทยและแฟนบอลท้องถิ่นเป็นอย่างยิ่ง เมื่อเป็นทีมแรกที่มีการกล่าวขวัญถึงจำนวนแฟนบอลที่ล้นสนาม จนเกิดเป็นอาฟเตอร์ช๊อกให้ทีมต่างๆ โดยเฉพาะชลบุรี เกิดพฤติกรรมเลียนแบบ จนเป็นเรื่องปกติธรรมดาในปัจจุบัน ที่แฟนบอลเข้ามาชมเกมทะลักความจุของสนาม

เพียงแค่ฤดูกาลแรกที่เล่นระบบลีก พวกเขาก็แสดงให้เห็นถึงศักยภาพทีมในระดับนี้ ด้วยการคว้าอันดับ 5 ไปครองอย่างน่าประหลาดใจ รวมทั้งในรายการกีฬาแห่งชาติ ที่จ.สุพรรณบุรี พวกเขาก็ได้สร้างชื่อให้กับจังหวัดเล็กๆอีกครั้ง เมื่อเป็นฝ่ายหักปากกาเซียน เข้าชิงเป็นครั้งแรกกับทีมกาญจนบุรี ก่อนจะคว้าเหรียญเงินประวัติศาสตร์มาครองได้ แบบพลิกความคาดหมาย โดยโค้ชคู่บารมี อ.นริศ สุทธิกลัด และ อ.วิเชียร ภู่พงไพบูลย์ จาก รร.นราธิวาส และ อ.นิมิตร จากนราสิกขาลัย ต่อมาในปี 2007 เมื่อลีกอาชีพถูกรวมเข้าด้วยกันระหว่าง ลีกภูธรของ กกท.และกทม.ลีกของสมาคมฯ นราธิวาส เอฟซี ด้วยความที่ยังใหม่ในระบบลีกอาชีพ และพรรษาน้อย จึงส่งผลทำให้ต้องร่วงตกชั้น จากดิวิชั่น 1 ไปสู่ ลีกรองลงมา อย่างน่าเจ็บใจ ทั้งๆที่มีโอกาสจะอยู่รอดแบบเฉียดฉิว

นราธิวาสในปัจจุบัน

แก้

ปีต่อมา 2008 ในระดับดิวิชั่น 2 พวกเขาก็แสดงให้เห็นถึงความพร้อมที่อยากจะขึ้นไปเล่นในลีกที่สูงกว่า เพียงแต่โชคไม่เป็นใจ ทำให้พลาดไปในนัดสุดท้าย แต่ก็ได้รับรางวัลทีมที่พัฒนายอดเยี่ยมประจำปีนั้นไปครองแบบไร้คู่แข่ง ก่อนที่ฤดูกาลต่อมา 2009 เกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง เมื่อลีกดิวิชั่น 2 ได้เปลี่ยนสถานะเป็น ลีกภูมิภาค ทำให้ นราธิวาส มีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งเมื่อผู้บริหารชุดเก่า สส.วัชระ ยาวอฮะซัน และอ.นิมิตร ลิ่วตระกูล วางมือจากการทำชุดใหญ่ หันไปสร้างทีมชุดเยาวชนสู่กีฬาแห่งชาติที่ตรังเกมส์ จนนำไปสู่การคว้าเหรียญทองประติศาสตร์เป็นครั้งแรกของจังหวัด ด้วยการปราบทีมราชบุรี ในปีนี้เอง

ทำให้ผู้บริหารหน้าใหม่ นำโดย มูฮัมหมัดซอและฮ์ หะยีดาโอ๊ะ พร้อมด้วย 6 นักธุรกิจหนุ่มจาก อ.เมือง จึงเข้ามารับช่วงต่อ ด้วยการทำงานที่เป็นระบบมืออาชีพ ได้เข้าร่วมแข่งขันในระดับดิวิชั่น 2 ลีกภูมิภาค โซนภาคใต้ และจบลงด้วยการเป็นแชมป์ภาค ก่อนเข้าร่วมการแข่งขันในรอบมินิลีก โดยได้อันดับที่ 3 ได้สิทธิ์เลื่อนชั้นขึ้นไปเล่นใน ไทยลีกดิวิชั่น 1 ในที่สุด

ผลงาน

แก้

อ้างอิง

แก้

แหล่งข้อมูลอื่น

แก้